ราชาโลกเบื้องหลัง 28

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 28 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ เเค่ข้าปล่อยให้พวกยอร์มุงกันเดอร์เข้ามาเหยียบในอาณาเขตก็รู้สึกเเย่มากพอเเล้ว เเละยิ่งเป็นยัยเเมวขโมยอย่างเจ้าเเล้วข้ายิ่งรู้สึกเเย่เข้าไปอีก ช่วยไปให้พ้นๆสักทีจะได้ไหม ”

“ อย่าพูดเหมือนฉันเป็นสิ่งน่ารังเกียจสิเมี๊ยว!? แมวเองก็มีจิตใจเหมือนกันนะ! ”

“ มีจิตใจ…แต่ไม่มีจิตสำนึกงั้นเหรอ? ”

 

ยัยแก่พยายามสรรหาคำพูดต่างๆนาๆเพื่อไล่ไอ้เจ้าแมวออกไป แต่ก็ถูกยอกย้อนกลับทุกคำ มันเถียงกลับมาโดยแสดงท่าทีคล้ายไม่พอใจกับคำดูถูก แต่ในส่วนลึกของแววตากลับกำลังยิ้มเยาะอยู่

ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ออร่าที่แผ่ออกมาเริ่มแสดงความไม่เป็นมิตรแล้ว

แม้คำพูดก่อนหน้านี้จะฟังดูโหดร้ายและดูยังไงก็ไม่ได้อยากคุยกับอีกฝ่ายสุดๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเธอแค่ปากร้ายก็เท่านั้นเอง เจตนาก็แค่อยากให้ไอ้เจ้าแมวรีบกลับไปเร็วๆ ทว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเคืองขึ้นมาจริงๆแล้ว

 

“ อาหารมาแล้วค่ะ ”

“ ….อืม เอาจานที่เหลือไปวางตรงโต๊ะที่ยังว่างอยู่เลย ”

“ เข้าใจแล้วค่ะ ”

 

เมดจำนวนหนึ่งได้เดินเข้ามาพร้อมกับจานอาหารที่ถูกนำมาวางเรียงรายกันบนโต๊ะ

ยัยแก่หันความสนใจไปที่พวกเมดชั่วครู่นึงก่อนจะกลับมาตีกับไอ้เจ้าแมวต่อ

สีของเนื้อย่างที่ถูกราดด้วยซอสสีแดงและกลิ่นหอมของเครื่องเทศจากซุปข้างๆกระตุ้นต่อมความอยากอาหารของฉันสุดๆ ปกติฉันก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากกับของกินหรอก แต่ถ้าได้มีโอกาสกินของดีๆทั้งทีก็ต้องมีความสุขอยู่แล้ว

 

“ ขออนุญาตนะคะ ”

“ อ๊ะ เชิญเลยครับ ”

 

หนึ่งในเมดเดินมาอยู่ข้างๆฉันก่อนจะขออนุญาตรินไวน์ให้ แล้วหลังจากนั้นก็หันไปรินให้พี่ทรายต่อ

แน่นอนว่ามันผิดกฎหมาย อายุของฉันยังไม่ถึง20เลย…แต่ทำไมฉันต้องแคร์เรื่องแบบนั้นด้วยล่ะ? ในเมื่อฉันกำลังอยู่กับพวกเหนือกฎหมายนะ แม้จะอยู่ต่อหน้าตำรวจ แต่แค่มีพลังและอำนาจนิดหน่อย การทำผิดกฎหมายเล็กๆก็จะถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายดา—

 

“ —อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะเมฆ ”

“ คร้าบๆ~ เข้าใจแล้วคร้าบ~ มันเป็นของมึนเมาและจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะงั้นดื่มไม่ได้สินะคร้าบ~ ”

“ อื้ม รู้อยู่แล้วก็ดี ถึงยังไงฉันก็ยังเป็นตำรวจนะ ”

 

พี่ทรายโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะกล่าวตักเตือนด้วยสีหน้าขึงขัง

ที่จริงฉันก็ไม่ได้คิดจะดื่มมันตั้งแต่แรกแล้ว สำหรับฉัน ไวน์กับน้ำเปล่าแทบไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันเลย และยิ่งเป็นความต่างระหว่างปีของไวน์แล้วละก็ ความรู้เรื่องนี้คือ0 อาจจะเป็นเพราะฉันเข้าไม่ถึงเลยไม่ได้คิดว่ามันอร่อยมั้ง?

พี่ทรายเรียกเมดคนเดิมกลับมาอีกครั้งและขอให้เปลี่ยนแก้วของฉันเป็นน้ำส้มแทน ส่วนของเธอเองก็เปลี่ยนเป็นน้ำชา เมดถอยหลังออก1ก้าวแล้วโค้งตัวรับรีบกลับไปเตรียมให้

 

( อา…ยังไม่หยุดกัดกันอีกเหรอเนี่ย? )

 

ถึงตอนนี้ฉันกับพี่ทรายจะคุยกันเหมือนอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่เสียงทะเลาะกันของยัยแก่กับไอ้เจ้าแมวก็ยังดังรบกวนประสาทไม่หยุด ทำลายบรรยากาศดีๆหมด

ฉันกวาดมองสีหน้าของผู้อาวุโสแต่ละคนและระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในใจนึกได้แต่รู้สึกสงสารพวกเขา แม้พวกเขาจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลและยังเป็นถึงจอมเวทระดับ6 แต่อำนาจที่ครอบครองอยู่แทบไม่มีเลย

บทบาทของพวกเขาก็แค่คนแก่ที่มารวมหัวกันช่วยออกความคิดเห็นในงานประชุมบางครั้ง หรือไม่ก็ไปจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยัยแก่โยนมาให้ ถ้าหากไม่ได้ถูกเรียกตัวมา พวกเขาก็ไม่มีกระทั่งสิทธิ์เข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ด้วยซ้ำ…

 

—ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ!

 

ทันทีที่เสียงโทรเข้าดังขึ้นข้างๆฉัน พี่ทรายก็พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ 

 

“ ขออนุญาตไปรับสายก่อนนะคะคุณยาย ”

“ อา หลานไปเถอะ ”

 

ยัยแก่หันมาตอบรับแล้วก็กลับไปโต้เถียงกับไอ้เจ้าแมวต่อดังเดิม พี่ทรายรีบเดินออกไปรับสายโดยทิ้งฉันไว้ในสถานการณ์สุดบ้าบอนี่

 

“ เเล้วสรุปคือเจ้ามาที่นี่เพราะมาตามหา ไม่สิ…เจ้ามาเพื่อขโมย「บันทึกโลกไร้ราชา」ที่ข้ามีอยู่ใช่ไหม? ”

“ เธออย่าเรียกมันว่าขโมยสิเมี๊ยว ให้เรียกมันว่าการเเลกเปลี่ยนที่ฉันไม่เสียอะไรเลยจะดีกว่านะ แล้วก็ เธอควรหยุดดูละครย้อนยุคไปสักพักนะเมี๊ยว เอาแต่พูด ‘ข้าๆเจ้าๆ’ อยู่นั่นแหละ จะอินเกินไปแล้วเมี๊ยว~ ”

“ เจ้าเองก็เอาแต่ลงท้ายด้วย ‘เมี๊ยวๆ’ น่ารำคาญเหมือนกันนิ ”

“ ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่าเมี๊ยว~ มันฟังดูน่ารักเข้ากับฉันจะตาย~ ”

 

สีหน้าของยัยแก่เย็นชาขึ้นกว่าเดิม แม้เธอจะไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรเลย แต่เนื้อสเต็กที่ฉันกำลังจิ้มเข้าปากอยู่นั้นกลับรสชาติจืดลงอย่างน่าแปลก แถมยังกลืนยากขึ้นจนฉันต้องรีบกระดกน้ำส้มตามไปด้วย

 

“ หยุดเล่นลิ้นเเล้วตอบมาตรงๆซะเเอนนา… ”

“ ….อืม~ ในตอนเเรกมันก็ใช่แหละเมี๊ยว เเต่ตอนนี้คงไม่เเล้วล่ะ ”

“ หือ? ”

 

ยัยแก่เอียงคอด้วยความสงสัยพลางมองไอ้เจ้าแมวที่แสยะยิ้มกว้างทำราวกับเป็นตัวร้ายจอมบงการ ความรู้สึกหวาดระแวงผุดขึ้นในใจของผู้ฟังทุกคน

 

“ ก็ฉันเปลี่ยนใจกะจะเก็บเล่มที่เธอมีมันอยู่เป็นเล่มสุดท้ายยังไงล่ะเมี๊ยว แค่นี้พวกเราก็ยังไม่ใช่ศัตรูกันแล้วนะ~ ”

 

‘ยังไม่ใช่ศัตรู’ แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘ไม่ใช่ศัตรู’

 

“ ….อาหารมื้อนี้อร่อยจริงๆ สงสัยคงต้องเพิ่มเงินเดือนให้เเม่ครัวซะเเล้วสิ ”

“ อย่างเพิ่งเมินกันสิเมี๊ยว!! ”

“ ขออนุญาตนะคะคุณยาย ”

“ อืม…หลานมีอะไรรึเปล่า? ”

 

ทีแรกฉันก็คิดว่าการทะเลาะกันนี้จะไม่มีวันจบ แต่แล้วเมื่อพี่ทรายกลับเข้ามา เธอแสดงสีหน้ารู้สึกผิดจนไปดึงดูดความสนใจของยัยแก่เข้า

เห็นเธอปากร้ายและดูจะไม่สนใจคนอื่นแบบนี้ แต่เธอก็ใส่ใจคนใกล้ชิดอยู่พอตัว ถ้าเป็นเรื่องที่เธอทำได้ เธอก็อยากช่วย ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว…

 

“ ขอโทษด้วยนะคะคุณยาย…ทางฝั่งนู้นเเจ้งมาว่าเกิดปัญหานิดหน่อย เลยทำให้กว่าจะมาถึงก็พรุ่งนี้ประมาณเที่ยงตรงน่ะค่ะ ”

“ ….ไม่ต้องขอโทษก็ได้ ยังไงก็เถอะ ถ้างั้นทุกคนก็เเยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อน เเล้วพรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยกลับมาเจอกันห้องนี้ ”

“ “ ค่ะ/ครับ ” ”

 

ผู้อาวุโสทุกคนตอบรับอย่างเชื่อฟัง 

 

“ …… ”

 

ขณะทุกคนกำลังจะลุกออกจากโต๊ะ แก้วที่นั่งเงียบไม่มีบทพูดมาตลอดก็พลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงน่าสงสาร

ถ้าเกิดจิตใจไม่แข็งพอ ด้วยน้ำเสียงนี้อาจทำให้น้ำตาผู้ฟังไหลออกมาโดยไม่รู้สึกตัวเลย 

 

“ ….คุณยายคะ ช่วยพิจารณาเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้อีกทีเถอะค่ะ หนูขอร้องนะคะ… ”

 

แก้วเอื้อมมือที่สั่นเทาข้างนึงไปดึงชายกระโปงของยัยแก่ไว้ แต่แล้วเมื่อเธอเห็นสายตาเย็นชาที่เหลือบมามองนั่น เธอก็ปล่อยมือออกและก้มหน้าลง

ฉันแสดงสีหน้าประหลาดใจ ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้ว ดูเหมือนทั้งคู่จะกำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วดูท่าพวกผู้อาวุโสจะพึ่งพาหรือไกล่เกลี่ยอะไรไม่ได้ด้วยเลยเอาแต่หลบหน้าแก้วกันหมด 

 

( อา นี่สินะ สถานการณ์ชดใช้บุญคุณ… )

 

ฉันพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว บางทีเหตุผลที่ฉันถูกเรียกมาที่นี่อาจจะเพราะต้องการให้ฉันช่วยทำให้ยัยแก่ใจเย็นลงก็ได้

ด้วยลักษณะนิสัยของเธอแล้ว เวลาตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนั้น อธิบายง่ายๆก็พวกหัวแข็งดีๆเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอไม่ได้เลวร้ายนัก เอาจริงๆก็สนิทกันในระดับนึงนั่นแหละ ถ้าฉันลองเอ่ยปากพูดเอง เธอน่าจะรับฟังกันบ้าง…น่าจะนะ?

 

“ ยัยเเก่ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีปัญหาอะไร เเต่ลองหันมานั่งจับเข่าคุยกันอีกทีได้ไหม บางทีเธออาจจะตัดสินใจอะไรๆได้ดีขึ้นมาก็ได้นะ ”

“ เจ้าเป็นคนนอก ไม่จำเป็นต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องของครอบครัวพวกข้าหรอกนะ…และถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าก็คงทำแบบเดียวกันอยู่ดี… ”

“ ….คนนอกเหรอ ”

 

เมื่อเห็นฉันที่เริ่มหดหู่ อารมณ์ฉุนเฉียวที่พุ่งพล่านอยู่อกเธอก็ค่อยๆสงบลง แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง หลังจากที่เธอยืนต่อสู้กับตัวเองในใจสักพัก เธอก็เอ่ยปากขอโทษฉันแล้วเดินหนีไป

ฉันที่พึ่งได้สติกลับมาก็กะจะลุกเดินตามไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่เมื่อมองเห็นแววตาของเธอแล้ว เท้าของฉันก็หยุดอยู่กับที่ 

 

( เฮ้อ…ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำตั้งแต่แรกสิฟะ… )

 

ฉันคิดขึ้นมาในใจแล้วหันไปมองแก้วที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ สองมือที่วางบนขากำลังบีบชายกระโปงแน่น แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยจนรู้สึกอยากเข้าไปปลอบ แต่ถ้าเข้าไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี 

 

“ เธอไหวไหม…? ”

“ ….อื้ม ฉันขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ ”

“ อ—โอเค? ”

 

แก้วพยายามดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ด้วยเรี่ยวแรงที่เหมือนจะหายไปเยอะ ขณะที่เธอเดินไปถึงบรรได พี่ทรายที่ทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปช่วยพาขึ้นห้อง…

 

“ ที่นี่วุ่นวายน่าสนุกดีเนอะเมี๊ยว~ ”

“ อยากโดนจับถอนขนจริงๆใช่ไหม…? ”

“ ขอโทษเมี๊ยว ”

 

หลังจากลากับพวกผู้อาวุโสแล้ว ฉันกับไอ้เจ้าแมวก็มายืนอยู่กลางห้องโถงคฤหาสน์ แน่นอนว่าไม่ได้มายืนเพราะอยากยืน แต่มายืนเพราะไม่รู้จะต้องไปไหนต่อ

นี่มันก็ตั้งหลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ ความทรงจำเรื่องเส้นทางมันเจือจางไปหมดแล้ว ถ้าเกิดตอนนี้มีอะไรดลใจให้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา คงได้เป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ

ถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันก็มีห้องส่วนตัวในคฤหาสน์นี้อยู่นะ แต่ปัจจุบันมันคงถูกปล่อยให้ฝุ่นเกาะแล้วล่ะ หรือไม่ก็บางทีมันอาจถูกเปลี่ยนเป็นห้องเก็บของแทนแล้วมั้ง 

และจะให้กลับไปที่โรงแรมอิกดราซิลอีกก็ไม่ได้เพราะฉันเช็คเอาท์แล้ว…

 

“ ไอ๊หยา~ พวกเรากลายเป็นคนไร้บ้านสมบูรณ์แบบแล้วนะเมี๊ยว~ ”

“ หนวกหูน่าไอ้แมวเฒ่า ”

“ อย่าเรียกกันแบบนั้นสิเมี๊ยว!? ฉันไม่ได้อายุเยอะขนาดนั้นสักหน่อยนะ! ”

 

ฉันแสดงสีหน้าไม่เชื่อก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ อาใช่ ฉันขอยืมสมุดโน็ตก่อนหน้านี้ได้ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปคืนให้ ”

 

ที่ฉันหมายถึงก็คือสมุดโน๊ตประหลาดๆที่ไอ้เจ้าแมวหยิบมาโชว์ให้ดูตอนอยู่โรงแรม

 

“ หือ นายคิดจะขอยืมกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอเมี๊ยว? ”

“ แล้วมันมีอะไรล่ะ…? ”

“ นายอาจจะยังไม่รู้นะเมี๊ยว เเต่กว่าฉันจะสามารถครอบครองแต่ละเล่มได้ต้องสูญเสียไปเยอะสักเท่าไร ราคาของเล่มนึงก็มากพอจะทำให้บางประเทศเกิดภาวะเงินเฟ้อเลยนะ ”

 

ถ้าเกิดที่ไอ้เจ้าแมวเคยบอกว่า สมุดโน็ตเก่าๆนี้มีมูลค่ามากกว่าอาวุโบราณระดับสูงจริง ก็ไม่แปลกเลยที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ เพราะมาซาโกะที่เป็นอาวุธโบราณระดับสูงเองก็มีมูลค่าหลักร้อยล้านดอลล่าร์แล้ว…

 

“ ถ้างั้นแกต้องการอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ? ”

“ ฮื้มมมมม~ ”

 

พริบตาที่ฉันพูดจบ ดวงตาสีแดงของไอ้เจ้าแมวก็เปล่งประกายวิ้งวับ รอยยิ้มถูกฉีกกว้างจนน่ากลัว 

 

( คิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่พูดออกไปแบบนั้น? )

 

จู่ๆในใจฉันก็เกิดลังเลขึ้นมา แต่ถ้าถอนคำพูดเอาตอนนี้ มันคงทำตัวน่ารำคาญกว่าเดิมแน่

ไอ้เจ้าแมวยังไม่พูดอะไร มันชูขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นและสมุดโน็ตเก่าๆก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าเหมือนตอนที่อยู่ในโรงแรม มันโยนมาให้ฉันเหมือนไม่ใช่ของสำคัญก่อนที่ฉันจะสังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป

 

“ สำเนา? ”

“ อื้อ ไม่พอใจงั้นเหรอเมี๊ยว ”

“ ป่าว แค่เหมือนแกรู้อยู่แล้วว่าฉันจะขอยืมน่ะ ”

“ จะเป็นไปได้ไงเมี๊ยว~ ”

 

「บันทึกโลกไร้ราชา#7สำเนา」มันคือเล่มสำเนาที่ไอ้เจ้าเเมวน่าจะเตรียมเอาไว้เรียบร้อยเเล้ว ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนักหรอกเพียงเพราะเเค่มันเป็นเล่มสำเนา เเละก็ไม่ได้ติดใจเรื่องตัวเลขที่เปลี่ยนไปด้วย

 

“ สิ่งที่ฉันต้องการมันง่ายกว่างานเก่าของนายหลายเท่าเลยนะเมี๊ยว เเถมค่าตอบเเทนเองก็ดีกว่าด้วยเเน่นอน ฉันรับประกันด้วยอุ้มเท้านี้เลยเมี๊ยว! ”

 

มันกระโดดขึ้นมานั่งบนราวบรรไดแล้วชูเท้ามาทางฉันด้วยท่าทางน่าตลก

 

“ ….นี่เเกเเอบสืบเรื่องของฉันมาเหรอ…อยากตายสินะ? ”

 

แต่ฉันไม่ได้ตลกด้วยน่ะสิ…เท้าหน้าที่ชูมานั้นถูกฉันจับดึงขึ้นจนตัวลอยจากราวบรรได เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดบนหน้าของมัน สัมผัสอันตรายกำลังร้องเตือนบอกให้มันรีบหนีโดยด่วน

 

“ จ—ใจเย็นก่อนสิเมี๊ยว!? อย่าพึ่งทำท่าทางน่ากลัวเเบบนั้นสิ นายไม่รู้เลยเหรอว่า«ร่างทรง»ส่วนใหญ่เค้ารู้เรื่องของนายกันหมดเเล้ว ”

“ ….ไม่ ”

“ ก็วีรกรรมของนายมันเด่นสะดุดตาซะขนาดนั้นน่ะเมี๊ยว คงมีแต่พวกไม่เอาไหนเท่านั้นแหละถึงไม่รู้ ”

“ …… ”

 

แม้ใบหน้าของฉันจะยังนิ่งสงบ แต่หัวใจตอนนี้กำลังเต้นรัวไปด้วยความตื่นตัว

ทำไมถึงรู้? ใครปล่อยออกไป? ปล่อยแล้วได้อะไร? ปล่อยไปถึงไหน? ใครรู้แล้วบ้าง? เกิดอะไรขึ้น? แล้วจะเป็นไงต่อ? ครอบครัวของฉันล่ะ? คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเป็นดอกเห็ด

ฉันอยากจะบีบคอเค้นถามไอ้เจ้าแมวเอาซะตอนนี้ แต่ก็ตัดใจทันที…

 

“ พวกนั้นสืบเรื่องของนายไว้มันก็เพราะว่าพวกนั้นกลัวนายกันมากต่างหากเมี๊ยว ”

“ กลัว? ทำไมล่ะ?? ”

“ ก็นายเล่นสังหารพวกยอร์มุงกันเดอร์ไปเป็นสิบนิเมี๊ยว แล้วจะไม่ให้«ร่างทรง»คนอื่นๆกลัวได้ยังไงกันล่ะ แถมยิ่งเป็น ‘เมล็ดพันธุ์’ แล้วยิ่งหนักเข้าไปใหญ่อีกนะเมี๊ยว! ”

“ อ—อ้อเหรอ? ”

 

ดูท่าแล้วจะยังรู้ไม่เยอะสักเท่าไรแฮะ…ก็นะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าฉันต้องแลกเปลี่ยนอะไรเพื่อใช้พลังคงไม่กลัวกันแน่

 

“ เเต่เเกเองก็เป็นยอร์มุงกันเดอร์นิ ไม่กลัวฉันบ้างเหรอ…? ”

“ ห๊ะ? เเล้วใครบอกกันล่ะว่าฉันเป็นยอรฺมุงกันเดอร์เมี๊ยว? ฉันเป็นเฮลต่างหาก เพราะอย่างนั้นฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องของนายหรอกนะเมี๊ยว~ ”

“ ……?? ”

 

จากที่ฉันเคยเรียนรู้มาจากพี่ทรายกับยัยแก่ «ร่างทรง»เองก็มีหลายประเภท ประเภทแรกจะถูกเรียกว่า ‘เฟ็นรีร์’ กลุ่มคนที่เป็น«ร่างทรง»รักสงบ ชอบทำตัวเข้ากับสังคมไม่ก็รักษาความปลอดภัยให้กับสังคม มักจะให้ความร่วมมือกันเพื่อช่วยปกป้องโลก

และประเภทต่อมาจะถูกเรียกว่า ‘ยอร์มุงกันเดอร์’ กลุ่มคนเพื้ยนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย และทำลายความสงบสุข ตรงข้ามกับพวกเฟ็นรีร์

เพราะเหตุนี้เวลายอร์มุงกันเดอร์ออกสร้างความวุ่นวาย เฟ็นรีร์ก็จะกระโดดเข้ามาขัดขวางเหมือนฮีโร่ที่ต่อสู้กับเหล่าร้าย เเต่…

 

“ เฮล…??? ”

“ หือ? มีอะไรเหรอเมี๊ยว? ”

 

ฉันไม่เคยรู้จักประเภทที่ถูกเรียกว่า ‘เฮล’ เลยสักนิด แม้กระทั่งยัยแก่กับพี่ทรายก็ไม่เคยบอกด้วยซ้ำว่ามีอยู่

 

“ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จัก ‘เฮล’ น่ะเมี๊ยว!!?? …ไม่จริงน่า นายอยู่ในโลกฝั่งนี้เเล้วนะ จะไม่รู้จักได้ไงเนี่ย…? สมองนายมีปัญหาอะไรรึเปล่าเมี๊ยว? ”

“ หยุดย้ำได้แล้วน่า… ”

 

ก็ในเมื่อมีฮีโร่ที่คอยช่วยเหลือผู้คนและเหล่าร้ายที่คอยทำลายทุกสิ่งเเล้วจะมีอะไรได้อีกล่ะ…คนที่ยืนดูงั้นเหรอ?

 

“ อืม~ พวกฉันก็น่าจะคล้ายๆกับคนดูที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือคิดที่จะสร้างปัญหายังไงล่ะเมี๊ยว พอเข้าใจไหม? ”

“ เอาจริงดิ?! ”

“ เมี๊ยว~? ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาโลกเบื้องหลัง 28

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 28 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ เเค่ข้าปล่อยให้พวกยอร์มุงกันเดอร์เข้ามาเหยียบในอาณาเขตก็รู้สึกเเย่มากพอเเล้ว เเละยิ่งเป็นยัยเเมวขโมยอย่างเจ้าเเล้วข้ายิ่งรู้สึกเเย่เข้าไปอีก ช่วยไปให้พ้นๆสักทีจะได้ไหม ”

“ อย่าพูดเหมือนฉันเป็นสิ่งน่ารังเกียจสิเมี๊ยว!? แมวเองก็มีจิตใจเหมือนกันนะ! ”

“ มีจิตใจ…แต่ไม่มีจิตสำนึกงั้นเหรอ? ”

 

ยัยแก่พยายามสรรหาคำพูดต่างๆนาๆเพื่อไล่ไอ้เจ้าแมวออกไป แต่ก็ถูกยอกย้อนกลับทุกคำ มันเถียงกลับมาโดยแสดงท่าทีคล้ายไม่พอใจกับคำดูถูก แต่ในส่วนลึกของแววตากลับกำลังยิ้มเยาะอยู่

ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ออร่าที่แผ่ออกมาเริ่มแสดงความไม่เป็นมิตรแล้ว

แม้คำพูดก่อนหน้านี้จะฟังดูโหดร้ายและดูยังไงก็ไม่ได้อยากคุยกับอีกฝ่ายสุดๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเธอแค่ปากร้ายก็เท่านั้นเอง เจตนาก็แค่อยากให้ไอ้เจ้าแมวรีบกลับไปเร็วๆ ทว่าตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเคืองขึ้นมาจริงๆแล้ว

 

“ อาหารมาแล้วค่ะ ”

“ ….อืม เอาจานที่เหลือไปวางตรงโต๊ะที่ยังว่างอยู่เลย ”

“ เข้าใจแล้วค่ะ ”

 

เมดจำนวนหนึ่งได้เดินเข้ามาพร้อมกับจานอาหารที่ถูกนำมาวางเรียงรายกันบนโต๊ะ

ยัยแก่หันความสนใจไปที่พวกเมดชั่วครู่นึงก่อนจะกลับมาตีกับไอ้เจ้าแมวต่อ

สีของเนื้อย่างที่ถูกราดด้วยซอสสีแดงและกลิ่นหอมของเครื่องเทศจากซุปข้างๆกระตุ้นต่อมความอยากอาหารของฉันสุดๆ ปกติฉันก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากกับของกินหรอก แต่ถ้าได้มีโอกาสกินของดีๆทั้งทีก็ต้องมีความสุขอยู่แล้ว

 

“ ขออนุญาตนะคะ ”

“ อ๊ะ เชิญเลยครับ ”

 

หนึ่งในเมดเดินมาอยู่ข้างๆฉันก่อนจะขออนุญาตรินไวน์ให้ แล้วหลังจากนั้นก็หันไปรินให้พี่ทรายต่อ

แน่นอนว่ามันผิดกฎหมาย อายุของฉันยังไม่ถึง20เลย…แต่ทำไมฉันต้องแคร์เรื่องแบบนั้นด้วยล่ะ? ในเมื่อฉันกำลังอยู่กับพวกเหนือกฎหมายนะ แม้จะอยู่ต่อหน้าตำรวจ แต่แค่มีพลังและอำนาจนิดหน่อย การทำผิดกฎหมายเล็กๆก็จะถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายดา—

 

“ —อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะเมฆ ”

“ คร้าบๆ~ เข้าใจแล้วคร้าบ~ มันเป็นของมึนเมาและจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะงั้นดื่มไม่ได้สินะคร้าบ~ ”

“ อื้ม รู้อยู่แล้วก็ดี ถึงยังไงฉันก็ยังเป็นตำรวจนะ ”

 

พี่ทรายโน้มตัวเข้ามาใกล้ก่อนจะกล่าวตักเตือนด้วยสีหน้าขึงขัง

ที่จริงฉันก็ไม่ได้คิดจะดื่มมันตั้งแต่แรกแล้ว สำหรับฉัน ไวน์กับน้ำเปล่าแทบไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันเลย และยิ่งเป็นความต่างระหว่างปีของไวน์แล้วละก็ ความรู้เรื่องนี้คือ0 อาจจะเป็นเพราะฉันเข้าไม่ถึงเลยไม่ได้คิดว่ามันอร่อยมั้ง?

พี่ทรายเรียกเมดคนเดิมกลับมาอีกครั้งและขอให้เปลี่ยนแก้วของฉันเป็นน้ำส้มแทน ส่วนของเธอเองก็เปลี่ยนเป็นน้ำชา เมดถอยหลังออก1ก้าวแล้วโค้งตัวรับรีบกลับไปเตรียมให้

 

( อา…ยังไม่หยุดกัดกันอีกเหรอเนี่ย? )

 

ถึงตอนนี้ฉันกับพี่ทรายจะคุยกันเหมือนอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่เสียงทะเลาะกันของยัยแก่กับไอ้เจ้าแมวก็ยังดังรบกวนประสาทไม่หยุด ทำลายบรรยากาศดีๆหมด

ฉันกวาดมองสีหน้าของผู้อาวุโสแต่ละคนและระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในใจนึกได้แต่รู้สึกสงสารพวกเขา แม้พวกเขาจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลและยังเป็นถึงจอมเวทระดับ6 แต่อำนาจที่ครอบครองอยู่แทบไม่มีเลย

บทบาทของพวกเขาก็แค่คนแก่ที่มารวมหัวกันช่วยออกความคิดเห็นในงานประชุมบางครั้ง หรือไม่ก็ไปจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยัยแก่โยนมาให้ ถ้าหากไม่ได้ถูกเรียกตัวมา พวกเขาก็ไม่มีกระทั่งสิทธิ์เข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ด้วยซ้ำ…

 

—ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ! ตุ๊ดๆ!

 

ทันทีที่เสียงโทรเข้าดังขึ้นข้างๆฉัน พี่ทรายก็พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ 

 

“ ขออนุญาตไปรับสายก่อนนะคะคุณยาย ”

“ อา หลานไปเถอะ ”

 

ยัยแก่หันมาตอบรับแล้วก็กลับไปโต้เถียงกับไอ้เจ้าแมวต่อดังเดิม พี่ทรายรีบเดินออกไปรับสายโดยทิ้งฉันไว้ในสถานการณ์สุดบ้าบอนี่

 

“ เเล้วสรุปคือเจ้ามาที่นี่เพราะมาตามหา ไม่สิ…เจ้ามาเพื่อขโมย「บันทึกโลกไร้ราชา」ที่ข้ามีอยู่ใช่ไหม? ”

“ เธออย่าเรียกมันว่าขโมยสิเมี๊ยว ให้เรียกมันว่าการเเลกเปลี่ยนที่ฉันไม่เสียอะไรเลยจะดีกว่านะ แล้วก็ เธอควรหยุดดูละครย้อนยุคไปสักพักนะเมี๊ยว เอาแต่พูด ‘ข้าๆเจ้าๆ’ อยู่นั่นแหละ จะอินเกินไปแล้วเมี๊ยว~ ”

“ เจ้าเองก็เอาแต่ลงท้ายด้วย ‘เมี๊ยวๆ’ น่ารำคาญเหมือนกันนิ ”

“ ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่าเมี๊ยว~ มันฟังดูน่ารักเข้ากับฉันจะตาย~ ”

 

สีหน้าของยัยแก่เย็นชาขึ้นกว่าเดิม แม้เธอจะไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรเลย แต่เนื้อสเต็กที่ฉันกำลังจิ้มเข้าปากอยู่นั้นกลับรสชาติจืดลงอย่างน่าแปลก แถมยังกลืนยากขึ้นจนฉันต้องรีบกระดกน้ำส้มตามไปด้วย

 

“ หยุดเล่นลิ้นเเล้วตอบมาตรงๆซะเเอนนา… ”

“ ….อืม~ ในตอนเเรกมันก็ใช่แหละเมี๊ยว เเต่ตอนนี้คงไม่เเล้วล่ะ ”

“ หือ? ”

 

ยัยแก่เอียงคอด้วยความสงสัยพลางมองไอ้เจ้าแมวที่แสยะยิ้มกว้างทำราวกับเป็นตัวร้ายจอมบงการ ความรู้สึกหวาดระแวงผุดขึ้นในใจของผู้ฟังทุกคน

 

“ ก็ฉันเปลี่ยนใจกะจะเก็บเล่มที่เธอมีมันอยู่เป็นเล่มสุดท้ายยังไงล่ะเมี๊ยว แค่นี้พวกเราก็ยังไม่ใช่ศัตรูกันแล้วนะ~ ”

 

‘ยังไม่ใช่ศัตรู’ แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘ไม่ใช่ศัตรู’

 

“ ….อาหารมื้อนี้อร่อยจริงๆ สงสัยคงต้องเพิ่มเงินเดือนให้เเม่ครัวซะเเล้วสิ ”

“ อย่างเพิ่งเมินกันสิเมี๊ยว!! ”

“ ขออนุญาตนะคะคุณยาย ”

“ อืม…หลานมีอะไรรึเปล่า? ”

 

ทีแรกฉันก็คิดว่าการทะเลาะกันนี้จะไม่มีวันจบ แต่แล้วเมื่อพี่ทรายกลับเข้ามา เธอแสดงสีหน้ารู้สึกผิดจนไปดึงดูดความสนใจของยัยแก่เข้า

เห็นเธอปากร้ายและดูจะไม่สนใจคนอื่นแบบนี้ แต่เธอก็ใส่ใจคนใกล้ชิดอยู่พอตัว ถ้าเป็นเรื่องที่เธอทำได้ เธอก็อยากช่วย ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว…

 

“ ขอโทษด้วยนะคะคุณยาย…ทางฝั่งนู้นเเจ้งมาว่าเกิดปัญหานิดหน่อย เลยทำให้กว่าจะมาถึงก็พรุ่งนี้ประมาณเที่ยงตรงน่ะค่ะ ”

“ ….ไม่ต้องขอโทษก็ได้ ยังไงก็เถอะ ถ้างั้นทุกคนก็เเยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อน เเล้วพรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยกลับมาเจอกันห้องนี้ ”

“ “ ค่ะ/ครับ ” ”

 

ผู้อาวุโสทุกคนตอบรับอย่างเชื่อฟัง 

 

“ …… ”

 

ขณะทุกคนกำลังจะลุกออกจากโต๊ะ แก้วที่นั่งเงียบไม่มีบทพูดมาตลอดก็พลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงน่าสงสาร

ถ้าเกิดจิตใจไม่แข็งพอ ด้วยน้ำเสียงนี้อาจทำให้น้ำตาผู้ฟังไหลออกมาโดยไม่รู้สึกตัวเลย 

 

“ ….คุณยายคะ ช่วยพิจารณาเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้อีกทีเถอะค่ะ หนูขอร้องนะคะ… ”

 

แก้วเอื้อมมือที่สั่นเทาข้างนึงไปดึงชายกระโปงของยัยแก่ไว้ แต่แล้วเมื่อเธอเห็นสายตาเย็นชาที่เหลือบมามองนั่น เธอก็ปล่อยมือออกและก้มหน้าลง

ฉันแสดงสีหน้าประหลาดใจ ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้ว ดูเหมือนทั้งคู่จะกำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วดูท่าพวกผู้อาวุโสจะพึ่งพาหรือไกล่เกลี่ยอะไรไม่ได้ด้วยเลยเอาแต่หลบหน้าแก้วกันหมด 

 

( อา นี่สินะ สถานการณ์ชดใช้บุญคุณ… )

 

ฉันพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว บางทีเหตุผลที่ฉันถูกเรียกมาที่นี่อาจจะเพราะต้องการให้ฉันช่วยทำให้ยัยแก่ใจเย็นลงก็ได้

ด้วยลักษณะนิสัยของเธอแล้ว เวลาตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนั้น อธิบายง่ายๆก็พวกหัวแข็งดีๆเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอไม่ได้เลวร้ายนัก เอาจริงๆก็สนิทกันในระดับนึงนั่นแหละ ถ้าฉันลองเอ่ยปากพูดเอง เธอน่าจะรับฟังกันบ้าง…น่าจะนะ?

 

“ ยัยเเก่ ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีปัญหาอะไร เเต่ลองหันมานั่งจับเข่าคุยกันอีกทีได้ไหม บางทีเธออาจจะตัดสินใจอะไรๆได้ดีขึ้นมาก็ได้นะ ”

“ เจ้าเป็นคนนอก ไม่จำเป็นต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องของครอบครัวพวกข้าหรอกนะ…และถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าก็คงทำแบบเดียวกันอยู่ดี… ”

“ ….คนนอกเหรอ ”

 

เมื่อเห็นฉันที่เริ่มหดหู่ อารมณ์ฉุนเฉียวที่พุ่งพล่านอยู่อกเธอก็ค่อยๆสงบลง แววตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง หลังจากที่เธอยืนต่อสู้กับตัวเองในใจสักพัก เธอก็เอ่ยปากขอโทษฉันแล้วเดินหนีไป

ฉันที่พึ่งได้สติกลับมาก็กะจะลุกเดินตามไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง แต่เมื่อมองเห็นแววตาของเธอแล้ว เท้าของฉันก็หยุดอยู่กับที่ 

 

( เฮ้อ…ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำตั้งแต่แรกสิฟะ… )

 

ฉันคิดขึ้นมาในใจแล้วหันไปมองแก้วที่ยังนั่งก้มหน้าอยู่ สองมือที่วางบนขากำลังบีบชายกระโปงแน่น แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยจนรู้สึกอยากเข้าไปปลอบ แต่ถ้าเข้าไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี 

 

“ เธอไหวไหม…? ”

“ ….อื้ม ฉันขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ ”

“ อ—โอเค? ”

 

แก้วพยายามดันตัวขึ้นจากเก้าอี้ด้วยเรี่ยวแรงที่เหมือนจะหายไปเยอะ ขณะที่เธอเดินไปถึงบรรได พี่ทรายที่ทนดูไม่ไหวจึงเข้าไปช่วยพาขึ้นห้อง…

 

“ ที่นี่วุ่นวายน่าสนุกดีเนอะเมี๊ยว~ ”

“ อยากโดนจับถอนขนจริงๆใช่ไหม…? ”

“ ขอโทษเมี๊ยว ”

 

หลังจากลากับพวกผู้อาวุโสแล้ว ฉันกับไอ้เจ้าแมวก็มายืนอยู่กลางห้องโถงคฤหาสน์ แน่นอนว่าไม่ได้มายืนเพราะอยากยืน แต่มายืนเพราะไม่รู้จะต้องไปไหนต่อ

นี่มันก็ตั้งหลายปีแล้วที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ ความทรงจำเรื่องเส้นทางมันเจือจางไปหมดแล้ว ถ้าเกิดตอนนี้มีอะไรดลใจให้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา คงได้เป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ

ถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันก็มีห้องส่วนตัวในคฤหาสน์นี้อยู่นะ แต่ปัจจุบันมันคงถูกปล่อยให้ฝุ่นเกาะแล้วล่ะ หรือไม่ก็บางทีมันอาจถูกเปลี่ยนเป็นห้องเก็บของแทนแล้วมั้ง 

และจะให้กลับไปที่โรงแรมอิกดราซิลอีกก็ไม่ได้เพราะฉันเช็คเอาท์แล้ว…

 

“ ไอ๊หยา~ พวกเรากลายเป็นคนไร้บ้านสมบูรณ์แบบแล้วนะเมี๊ยว~ ”

“ หนวกหูน่าไอ้แมวเฒ่า ”

“ อย่าเรียกกันแบบนั้นสิเมี๊ยว!? ฉันไม่ได้อายุเยอะขนาดนั้นสักหน่อยนะ! ”

 

ฉันแสดงสีหน้าไม่เชื่อก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ อาใช่ ฉันขอยืมสมุดโน็ตก่อนหน้านี้ได้ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะเอาไปคืนให้ ”

 

ที่ฉันหมายถึงก็คือสมุดโน๊ตประหลาดๆที่ไอ้เจ้าแมวหยิบมาโชว์ให้ดูตอนอยู่โรงแรม

 

“ หือ นายคิดจะขอยืมกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอเมี๊ยว? ”

“ แล้วมันมีอะไรล่ะ…? ”

“ นายอาจจะยังไม่รู้นะเมี๊ยว เเต่กว่าฉันจะสามารถครอบครองแต่ละเล่มได้ต้องสูญเสียไปเยอะสักเท่าไร ราคาของเล่มนึงก็มากพอจะทำให้บางประเทศเกิดภาวะเงินเฟ้อเลยนะ ”

 

ถ้าเกิดที่ไอ้เจ้าแมวเคยบอกว่า สมุดโน็ตเก่าๆนี้มีมูลค่ามากกว่าอาวุโบราณระดับสูงจริง ก็ไม่แปลกเลยที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ เพราะมาซาโกะที่เป็นอาวุธโบราณระดับสูงเองก็มีมูลค่าหลักร้อยล้านดอลล่าร์แล้ว…

 

“ ถ้างั้นแกต้องการอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะ? ”

“ ฮื้มมมมม~ ”

 

พริบตาที่ฉันพูดจบ ดวงตาสีแดงของไอ้เจ้าแมวก็เปล่งประกายวิ้งวับ รอยยิ้มถูกฉีกกว้างจนน่ากลัว 

 

( คิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่พูดออกไปแบบนั้น? )

 

จู่ๆในใจฉันก็เกิดลังเลขึ้นมา แต่ถ้าถอนคำพูดเอาตอนนี้ มันคงทำตัวน่ารำคาญกว่าเดิมแน่

ไอ้เจ้าแมวยังไม่พูดอะไร มันชูขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นและสมุดโน็ตเก่าๆก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าเหมือนตอนที่อยู่ในโรงแรม มันโยนมาให้ฉันเหมือนไม่ใช่ของสำคัญก่อนที่ฉันจะสังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป

 

“ สำเนา? ”

“ อื้อ ไม่พอใจงั้นเหรอเมี๊ยว ”

“ ป่าว แค่เหมือนแกรู้อยู่แล้วว่าฉันจะขอยืมน่ะ ”

“ จะเป็นไปได้ไงเมี๊ยว~ ”

 

「บันทึกโลกไร้ราชา#7สำเนา」มันคือเล่มสำเนาที่ไอ้เจ้าเเมวน่าจะเตรียมเอาไว้เรียบร้อยเเล้ว ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนักหรอกเพียงเพราะเเค่มันเป็นเล่มสำเนา เเละก็ไม่ได้ติดใจเรื่องตัวเลขที่เปลี่ยนไปด้วย

 

“ สิ่งที่ฉันต้องการมันง่ายกว่างานเก่าของนายหลายเท่าเลยนะเมี๊ยว เเถมค่าตอบเเทนเองก็ดีกว่าด้วยเเน่นอน ฉันรับประกันด้วยอุ้มเท้านี้เลยเมี๊ยว! ”

 

มันกระโดดขึ้นมานั่งบนราวบรรไดแล้วชูเท้ามาทางฉันด้วยท่าทางน่าตลก

 

“ ….นี่เเกเเอบสืบเรื่องของฉันมาเหรอ…อยากตายสินะ? ”

 

แต่ฉันไม่ได้ตลกด้วยน่ะสิ…เท้าหน้าที่ชูมานั้นถูกฉันจับดึงขึ้นจนตัวลอยจากราวบรรได เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดบนหน้าของมัน สัมผัสอันตรายกำลังร้องเตือนบอกให้มันรีบหนีโดยด่วน

 

“ จ—ใจเย็นก่อนสิเมี๊ยว!? อย่าพึ่งทำท่าทางน่ากลัวเเบบนั้นสิ นายไม่รู้เลยเหรอว่า«ร่างทรง»ส่วนใหญ่เค้ารู้เรื่องของนายกันหมดเเล้ว ”

“ ….ไม่ ”

“ ก็วีรกรรมของนายมันเด่นสะดุดตาซะขนาดนั้นน่ะเมี๊ยว คงมีแต่พวกไม่เอาไหนเท่านั้นแหละถึงไม่รู้ ”

“ …… ”

 

แม้ใบหน้าของฉันจะยังนิ่งสงบ แต่หัวใจตอนนี้กำลังเต้นรัวไปด้วยความตื่นตัว

ทำไมถึงรู้? ใครปล่อยออกไป? ปล่อยแล้วได้อะไร? ปล่อยไปถึงไหน? ใครรู้แล้วบ้าง? เกิดอะไรขึ้น? แล้วจะเป็นไงต่อ? ครอบครัวของฉันล่ะ? คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเป็นดอกเห็ด

ฉันอยากจะบีบคอเค้นถามไอ้เจ้าแมวเอาซะตอนนี้ แต่ก็ตัดใจทันที…

 

“ พวกนั้นสืบเรื่องของนายไว้มันก็เพราะว่าพวกนั้นกลัวนายกันมากต่างหากเมี๊ยว ”

“ กลัว? ทำไมล่ะ?? ”

“ ก็นายเล่นสังหารพวกยอร์มุงกันเดอร์ไปเป็นสิบนิเมี๊ยว แล้วจะไม่ให้«ร่างทรง»คนอื่นๆกลัวได้ยังไงกันล่ะ แถมยิ่งเป็น ‘เมล็ดพันธุ์’ แล้วยิ่งหนักเข้าไปใหญ่อีกนะเมี๊ยว! ”

“ อ—อ้อเหรอ? ”

 

ดูท่าแล้วจะยังรู้ไม่เยอะสักเท่าไรแฮะ…ก็นะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่าฉันต้องแลกเปลี่ยนอะไรเพื่อใช้พลังคงไม่กลัวกันแน่

 

“ เเต่เเกเองก็เป็นยอร์มุงกันเดอร์นิ ไม่กลัวฉันบ้างเหรอ…? ”

“ ห๊ะ? เเล้วใครบอกกันล่ะว่าฉันเป็นยอรฺมุงกันเดอร์เมี๊ยว? ฉันเป็นเฮลต่างหาก เพราะอย่างนั้นฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องของนายหรอกนะเมี๊ยว~ ”

“ ……?? ”

 

จากที่ฉันเคยเรียนรู้มาจากพี่ทรายกับยัยแก่ «ร่างทรง»เองก็มีหลายประเภท ประเภทแรกจะถูกเรียกว่า ‘เฟ็นรีร์’ กลุ่มคนที่เป็น«ร่างทรง»รักสงบ ชอบทำตัวเข้ากับสังคมไม่ก็รักษาความปลอดภัยให้กับสังคม มักจะให้ความร่วมมือกันเพื่อช่วยปกป้องโลก

และประเภทต่อมาจะถูกเรียกว่า ‘ยอร์มุงกันเดอร์’ กลุ่มคนเพื้ยนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย และทำลายความสงบสุข ตรงข้ามกับพวกเฟ็นรีร์

เพราะเหตุนี้เวลายอร์มุงกันเดอร์ออกสร้างความวุ่นวาย เฟ็นรีร์ก็จะกระโดดเข้ามาขัดขวางเหมือนฮีโร่ที่ต่อสู้กับเหล่าร้าย เเต่…

 

“ เฮล…??? ”

“ หือ? มีอะไรเหรอเมี๊ยว? ”

 

ฉันไม่เคยรู้จักประเภทที่ถูกเรียกว่า ‘เฮล’ เลยสักนิด แม้กระทั่งยัยแก่กับพี่ทรายก็ไม่เคยบอกด้วยซ้ำว่ามีอยู่

 

“ อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จัก ‘เฮล’ น่ะเมี๊ยว!!?? …ไม่จริงน่า นายอยู่ในโลกฝั่งนี้เเล้วนะ จะไม่รู้จักได้ไงเนี่ย…? สมองนายมีปัญหาอะไรรึเปล่าเมี๊ยว? ”

“ หยุดย้ำได้แล้วน่า… ”

 

ก็ในเมื่อมีฮีโร่ที่คอยช่วยเหลือผู้คนและเหล่าร้ายที่คอยทำลายทุกสิ่งเเล้วจะมีอะไรได้อีกล่ะ…คนที่ยืนดูงั้นเหรอ?

 

“ อืม~ พวกฉันก็น่าจะคล้ายๆกับคนดูที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือคิดที่จะสร้างปัญหายังไงล่ะเมี๊ยว พอเข้าใจไหม? ”

“ เอาจริงดิ?! ”

“ เมี๊ยว~? ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+