ราชาโลกเบื้องหลัง 19

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แก้ว ไคม์ เด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยพละกำลังและภูมิปัญญา เธอคือผู้ที่ได้เป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนอาสการ์ถึงสองปีซ้อน

ถ้าเป็นโรงเรียนปกติก็คงไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจมากนักหรอก แต่เพราะนี่คือโรงเรียนอาสการ์ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าอดีตโรงเรียนอันดับ1ของภูมิภาคอย่างโรงเรียนสตรีเอเดนอีก…

เมื่อตอนที่แก้วยังเป็นเด็ก เธอนั้นเป็นคนที่น่าหลงใหลอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีความคิดหมือนกันหมดว่า ‘น่ารัก’ ตัวตนของเธอนั้นเปรียบเสมือนความบริสุทธิ์ของมวลมนุษย์ 

และด้วยวัยที่ไม่ประสีประสานั้นทำให้เธอถูกเอ็นดูเป็นพิเศษจากคนรอบข้างจนทำให้มีบางคนเอาเธอไปเปรียบเทียบกับผู้นำตระกูลเกรโมรี่ หญิงสาวผู้ที่ได้สมญานามว่า ‘เทพีแห่งความงาม’ เเต่เเน่นอนว่าก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยโดยอ้างว่าตอนนี้แก้วยังเด็กเกินไป

และเมื่อความคิดของคนทั้งสองกลุ่มไม่ลงรอยกันก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆขึ้น แต่ใครจะไปรู้กันล่ะว่าไม่นานหลังจากนั้นมันก็จะลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนบอกได้ว่ามันคือสงครามกลางเมือง มีคนถูกยิงจริง มีคนถูกฟันจริง และมีคนที่ตายจริง

สงครามทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นเพียงเพราะผู้หญิงสองคนเท่านั้น ดังนั้นสงครามกลางเมืองสั้นๆนี้จึงถูกเรียกว่า [สงครามงามล้มเมือง] ไปโดยปริยาย…

 

‘ คุณยายละก็ ทำไมอยู่ๆถึงไม่ให้ออกไปเดินเล่นในเมืองกันนะ? ’ 

 

ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เเก้วก็กำลังอยู่ที่บ้านหรือจะเรียกมันว่าคฤหาสน์ก็ได้ 

เรื่องวุ่นวายด้านนอกทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอ ถึงเหตุผลจะฟังไม่เข้าท่า เเต่นี่ก็ทำให้เธอถูกคุณยายสั่งให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหนจนกว่าเหตุการณ์ด้านนอกจะสงบลง

 

‘ นี่จัสมิน ทำไมคนในทีวีถึงถูกพวกคนชุดสีเขียวกับพวกคนชุดสีน้ำตาลยิงล่ะ? ’

‘ นั่นไม่ใช่สีน้ำตาลค่ะ มันคือสีกากี เเละเหตุผลที่ต้องยิงก็เพื่อรักษาความสงบค่ะ คนพวกนั้นก่อความวุ่นวายจนทำให้ชาวบ้านเดือนร้อนค่ะ… ’

‘ เเล้วทำไมพวกเขาถึงต้องก่อความวุ่นวายด้วยล่ะ? ’

 

แก้วหันหน้าไปถามเด็กผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันข้างๆในขณะที่รับชมภาพจาก [สงครามงามล้มเมือง] ผ่านทีวีรุ่นล่าสุด

ใบหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงแสดงความเรียบเฉยออกมาแม้จะยืนอยู่ข้างๆตัวต้นเหตุของสงครามก็ตาม

 

‘ เรื่องนั้นไม่ทราบค่ะ… ’

 

เป็นเพราะแก้วถูกสั่งไม่ให้ออกไปไหน เธอจึงไม่ได้รับรู้เลยว่าภายในเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอได้แต่เล่นอยู่ภายในเขตที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะฟังดูแคบแต่จริงๆแล้วมันกว้างมากเลยทีเดียว…ก็เป็นคนรวยนี่เนอะ…

กาลเวลาไม่เคยหยุดรอใครแม้วันนั้นจะเป็นวันหยุดก็ตาม เมื่อแก้วเริ่มโตขึ้นความเข้าใจของเธอเองก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นตามไปด้วย 

เธอสามารถเเยกเเยะออกได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นต้นเหตุของเรื่องราวบ้าๆข้างต้น เเต่จะบอกว่าเธอผิดมันก็ไม่ได้เพราะเธอไม่ได้เป็นคนเรียกร้องสงครามสักหน่อยนิ

และนอกจากความเข้าใจที่พัฒนาขึ้นแล้ว ความงดงามของเธอเองก็เบ่งบานออกมาให้โลกเห็นด้วย ผู้คนมากมายต่างพยายามเข้ามาล้อมรอบตัวเธอด้วยจุดประสงค์ต่างๆ พรสวรรค์ ความงาม ปัญญา เเละโชค เธอมีมันหมดทุกอย่างจนเเทบจะพูดได้เต็มปากว่าสมบูรณ์เเบบ

แน่นอนว่ามีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด เเต่เธอก็ไม่ได้ให้ค่ากับคนเหล่านั้นเลยสักนิด เพราะคนเหล่านั้นก็เเค่พวกขี้แพ้ที่รวมตัวกันเห่าหอนใส่เธอทั้งๆที่เธอยังไม่เคยไปทำอะไรให้เลย

 

‘ ช่างคนพวกนั้นสิ ฉันมีแค่จัสมินกับครอบครัวก็พอแล้วล่ะ ’

‘ คุณหนูคะ นับฉันร่วมด้วยไม่ได้หรอกค่ะ เมดส่วนตัวไม่มีสิทธิ์ถึงขั้นนั้น… ’

‘ เอ๋~พวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะ จะไม่ให้ฉันนับเธอเข้าไปร่วมด้วยได้ไงล่ะ…และนอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้มีใครให้เลือกอีกแล้วนิ ’

‘ …… ’

 

และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้มีเด็กผู้ชายท่าทางแปลกประหลาดย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับครอบครัวของเธอด้วย 

เด็กผู้ชายคนนั้นนั่งรถเข็นด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวาตลอดเวลา เค้ามักจะมองดูเธออยู่ห่างๆราวกับว่าไม่อยากให้มาสนใจ และทุกครั้งที่เธอลองชวนอีกฝ่ายไปหาอะไรเล่นด้วยกัน อีกฝ่ายก็มักจะยิ้มฝืดๆพร้อมกับก้มมองไปที่ร่างกายตัวเอง

 

‘ นายป่วยอยู่เลยเดินไม่ได้เหรอ? ’

‘ อืม ก็ประมาณนั้น… ’

‘ ถ้างั้นนายก็ควรไปนอนพักสิ จะออกมาข้างนอกทำไมล่ะ? ’

‘ ก็ถ้านอนพักแล้วมันหายฉันคงเดินได้นานแล้วล่ะนะ… ’

 

หลังจากวันแรกที่เจอกัน เด็กผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเธอ อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน กินข้าวโต๊ะเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เด็กผู้ชายคนนั้นเดินได้แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องดี

เธอยังจำได้ดีเลยถึงช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น…เเต่ความสุขมันก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อเด็กผู้ชายคนนั้นต้องจากเธอไปด้วยปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ผู้ซึ่งเป็นทั้งฮีโร่ เป็นทั้งเเบบอย่าง และยังเป็นรักเเรกของเธออีกด้วย… 

 

กลับมาปัจจุบัน 

 

“ นี่ริน ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม… ”

“ เฮ้อ~ทำหน้าแบบนั้นแล้วจะให้ฉันปฏิเสธได้ยังไงล่ะเนี่ย ”

“ ขอโทษนะ… ”

“ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ แต่มีอะไร? ”

 

ภายในร้านขายเครื่องดื่มของโรงเรียนอาสการ์ มีนักเรียนหญิงสองคนกำลังนั่งดูดชานมไข่มุกพร้อมกับสนทนากันอยู่ คนนึงเเสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่อีกคนเองก็แสดงสีหน้าเหนื่อยใจ

 

“ ….ฉันดูเหมือนสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ? ”

“ ห้ะ? ”

“ ฉันดูเหมือนสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ? ”

“ เอ่อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปฟังอะไรมา แต่ในฐานะอดีตรองประธานนักเรียนเเล้วคงจะต้องตอบว่าใช่นั่นเเหละนะ ฉันไม่ได้กำลังหมายถึงรูปลักษณ์ภายนอก ก็แค่คนเราน่ะมักจะประเมินสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้เอาไว้สูงเเละคิดเองเออเองว่าคนอื่นก็ทำไม่ได้เหมือนกัน และถ้ามีคนที่ทำสิ่งนั้นได้ก็ต้องเก่งเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ยังไงล่ะ เพราะงั้นไอ้สัตว์ประหลาดที่เธอว่านั่นอาจจะเป็นคำชมซะมากกว่า…อาจจะน่ะนะ ”

“ งั้นเหรอ! เป็นคำชมงั้นสินะ! ”

“ ฮืม…เธอนี่ฟื้นคืนชีพเร็วจังเลยนะ ”

 

ตัดฉากมาภายในห้องสภานักเรียน

ขณะที่ฉันกำลังหลับอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ๆลมหายใจก็เกิดติดขัดคล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างอุดรูจมูกไว้ นอกจากนั้นแล้วฉันยังรู้สึกถึงน้ำหนักของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกำลังนั่งทับบนหน้าของฉันอยู่ และดูเหมือนมันนี่เองคือต้นเหตุที่ทำให้ฉันหายใจไม่ออก

 

“ —เฮ้ย!? ตัวไรฟะเนี่ย?! ”

 

ทันทีที่ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เห็นก้นของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเต็มสองตา เมื่อตกใจร่างกายของฉันก็ลุกขึ้นพุ่งพรวดตามสัญชาตญาณ เเละด้วยความกระทันหันนี้จึงทำให้สิ่งมีชีวิตตัวนั้นกระเด็นออกไป

ร่างของมันกระทบเข้ากับกำแพงห้องจังๆก่อนที่จะตกลงพื้น มันพยายามฝืนยืนขึ้นและชูหางแสดงท่าทางข่มขู่มาทางฉัน แต่ด้วยขนาดตัวของมันจึงทำให้น่าเอ็นดูซะมากกว่า

 

“ แฮก…แฮ่ก…แมวงั้นเหรอ? ”

“ ฟ่ออออ…!! ”

“ หยุดขู่ได้แล้วน่า แต่แกเข้ามาได้ไงเนี่ย? ”

 

ฉันพยายามควบคุมลมหายใจก่อนที่จะหันมองรอบๆตัว นอกจากแมวขนสีเงินเบื้องหน้าแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก

และพอฉันตั้งใจมองดีๆแล้วแมวขนสีเงินตัวนี้ก็คือแมวตัวเดียวกันกับตอนที่ฟ้าบาดเจ็บ ฉันยังจำได้ดีถึงขนสีเงินกับดวงตาสีแดงคู่นั้น ถ้าเกิดเปลี่ยนแมวตัวนี้ให้เป็นคนก็คงจะเป็นคนที่ดูดีมากแน่

อึก…แต่ถึงมันจะน่ารักแค่ไหน มันก็เกือบทำให้ฉันต้องตายอย่างน่าอนาจเเล้ว…

 

“ ถึงฉันจะไม่ได้ล็อกประตูไว้ก็เถอะ แต่แมวก็ไม่น่าเปิดเข้ามาเองได้นี่…ห—หรือว่าแกมันคืออัจฉริยะในหมู่แมวงั้นเหรอ?! ”

“ เหมี๊ยว? ”

“ ….นี่ฉัน พยายามคุยกับแมวอยู่เหรอเนี่ย…น่าอายเป็นบ้า/// ”

 

อาจจะเป็นเพราะฉันพึ่งตื่นได้ไม่นาน สติสัมปชัญญะจึงยังฟื้นกลับมาได้ไม่ครบถ้วน เรื่องน่าอายแบบนี้เลยเกิดขึ้น…

ทันใดนั้นแมวขนสีเงินที่แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับฉันก่อนหน้านี้ ก็หยุดชูหางแล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาฉัน มันใช้จังหวะที่ฉันเผลอกระโดดขึ้นมานั่งบนหัวของฉัน แต่ฉันก็จับมันลงมาวางบนโซฟาแทนเพราะเกะกะ และเสมือนแมวตัวนั้นรู้สึกไม่พอใจมันจึงกระโดดขึ้นมานั่งบนหัวของฉันอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ฉันจับมันลงมาอุ้มแทนเพื่อไม่ให้มันทำซ้ำอีก ทีแรกก็คิดว่ามันจะขัดขืนสักหน่อย แต่กลับกันเลย มันดูมีความสุขมากกว่าเดิมซะอีก เล่นเอาเเก้มมาถูกับหน้าอกของฉันไปมาน่าเอ็นดูเลย

 

“ เป็นแมวที่เอาแต่ใจซะจริง… ”

 

ถึงตามกฎของโรงเรียนอาสการ์จะไม่ได้ห้ามนักเรียนนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในโรงเรียน เเต่มันก็มีข้อกำหนดในการดูเเลอยู่ด้วย เเละหนึ่งในนั้นคือต้องเเจ้งอาจารย์หรือสภานักเรียนให้ทราบก่อนจะนำสัตว์เลื้ยงมาที่โรงเรียนได้

และถึงกฎข้อนี้จะฟังดูให้อิสระแก่นักเรียนมากเกินไป แต่ก็มีคนจำนวนน้อยมากที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้

 

( เดี๋ยวค่อยบอกแก้วก็แล้วกัน แต่ชักหิวแล้วแฮะ ไปหาอะไรกินดีกว่า )

 

ในตอนนี้ยังคงเหลือเวลาอีก15นาที ก่อนเริ่มกิจกรรมในยามบ่าย

ณ โรงเรียนเเห่งนี้จะไม่มีคาบเรียนในครึ่งบ่ายเพราะเวลาเหล่านี้จะมุ่งเน้นไปทางกิจกรรมหรือการพักผ่อนของนักเรียนเเละคณะอาจารย์ซะมากกว่า เคยมีข่าวลือว่าข้อเสนอนี้ในตอนเเรกถูกทางกระทรวงศึกษาหัวโบราณปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เเต่เพราะผู้อำนวยการทำอะไรสักอย่างจนท้ายที่สุดข้อเสนอนี้ก็ได้รับการอนุมัติมาจนได้ แต่มันก็แค่ข่าวลือล่ะนะ 

 

( โล่งจังเลยแฮะ… )

 

เมื่อฉันลงมาจากอาคารก็พบว่าคนส่วนใหญ่เริ่มกลับห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมกันเเล้ว จึงทำให้ในตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่

ตอนนนั้นเองที่หางตาของฉันได้เหลือบไปเห็นกิตกับแม็กที่เดินอยู่ด้วยกัน ถึงแม็กมันจะยังก้มหน้าเล่นเกมอยู่ก็เถอะ แต่สีหน้าแบบนั้นแค่ฉันมองแว็บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเล่นเกมแนวไหนอยู่…

 

“ อ่า! เมฆนี่หน่า นายหายไปไหนมาเนี่ย? พวกเราออกตามหากันตั้งนานกะว่าจะชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันสักหน่อย ”

 

เมื่อตอนที่แก้วชวนฉันไปห้องสภานักเรียนนั้น กิตไม่ได้อยู่ในห้องเพราะถูกอาจารย์ขอให้ช่วยยกของตามไปที่ห้องพักครู มันจึงไม่รู้ว่าฉันหายไปไหน 

 

“ พอดีมีหลายอย่างต้องทำนิดหน่อย ช่างเรื่องนั้นเถอะ เเต่นายไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยงกับเเฟนแปลกๆของนายเหรอ…? ” 

“ อย่าเรียกว่าแปลกๆสิ มันอาจทำให้เธอรู้สึกแย่ได้นะ ”

 

ในช่วงวัยประมาณนี้ พอพวกเขามีเเฟนเเล้วมักจะทิ้งเพื่อนฝูงไปอยู่กับเเฟนของตัวเองเสมอ ฉันจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน

 

“ เฮ้อ…ก็ฉันหาเธอไม่เจอน่ะสิ พอฉันละสายตาจากเธอไปเเป๊ปเดียวเธอก็หายไปไหนก็ไม่รู้เเล้ว ตอนนี้ฉันก็กำลังเดินตามหาเธออยู่น่ะ เเม็กเองก็มาช่วยตามหาด้วยเหมือนกัน ”

“ อ้าว ไม่ใช่ว่าตามหาฉันอยู่หรอกเหรอ? ”

“ เอาน่า! อย่าไปสนเรื่องเล็กน้อยเเบบนั้นเลย พวกเราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่าน่า ”

 

ขณะที่พวกเรากำลังจะไปโรงอาหารกัน เเม็กที่ยืนเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้จู่ๆก็พูดออกมาและชี้ตรงไปที่อกของฉัน

 

“ ฮู้ยยยย~ แมวตัวนี้น่ารักดีนี่หน่า~ ”

“ เอ๋ นายเอาแมวมาด้วยเหรอเมฆ? คงจะขออนุญาตแล้วสินะ ”

“ ยังน่ะ ”

“ ทำไมยังล่ะ? เดี๋ยวนายก็โดนพวกกรรมการนักเรียนลากตัวไปเจือนทิ้งหรอก ”

“ ใช่ๆ ฉันเองก็เคยเกือบถูกคนพวกนั้นยึดสมาร์ทโฟนไปแล้วด้วย โชคดีที่ตอนนั้นวิ่งหนีได้ทัน ”

 

ก็เอ็งดันมาเล่นเกมโป๊กลางห้องเลยนี่หว่า ถ้าฉันเป็นคนของกรรมการนักเรียนก็จะยึดเหมือนกันนั่นแหละเฟ้ย!

 

“ แมวตัวนี้ไม่ใช่ของฉันน่ะ พอดีแค่บังเอิญเจอมันเข้าเลยเผลออุ้มติดมือมาด้วยเท่านั้นเอง ”

“ งั้นเหรอ? แต่พอมองแมวตัวนี้แล้วรู้สึกคุ้นๆจังแฮะ? ”

 

กิตได้ยื่นหน้าเข้ามามองแมวขนสีเงินในอ้อมอกของฉันใกล้ๆและขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ทันใดนั้นมันก็รีบก้าวถอยหลังออกไปพร้อมกับใช้มือกุมที่หัว 

มันพยายามฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้พวกฉันเป็นห่วง

 

“ ก็เเค่โลหิตจางนิดหน่อยไม่ต้องห่วง เอาล่ะ ไปกินก๋วยจั๊บกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเอา ”

“ จะไปกินก๋วยเตี๋ยวต่างหากเฟ้ย…นี่ ถ้าไม่สบายก็กลับขึ้นห้องไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปกับเเม็กก็ได้ ”

“ อา…อย่างงั้นเหรอ งั้นฉันกลับขึ้นห้องก่อนนะ ”

 

เมื่อลากันจบ กิตก็หันหลังเดินจากไปในสภาพโงนเงนพร้อมจะล้มได้ตลอดเวลา

ถึงฉันกับกิตจะรู้จักกันมานานหลายปี แต่ฉันไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเป็นโลหิตจางด้วย ที่ผ่านมาก็ดูสุขภาพแข็งแรงดีแท้ๆ 

 

“ นี่เมฆ นายเคยรู้มาก่อนไหมว่ากิตมันเป็นโลหิตจางน่ะ ฉันพึ่งรู้เลยนะเนี่ย ”

“ ฉันเองก็พึ่งจะรู้เหมือนกัน ”

“ ที่ผ่านมามันก็ไม่เคยแสดงอาการออกมาให้เห็นเลยนี่หน่า? ”

“ ….ช่างเถอะ พวกเรารีบไปโรงอาหารกันได้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่10นาทีเอง ”

 

หลังจากที่พวกเรากินก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จแล้วก็พากันรีบวิ่งขึ้นห้องทันที แต่ก่อนหน้านั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าแมวขนสีเงินมันหายไปแล้ว ฉันใช้เวลาออกตามหาสักพักแต่ก็ไม่เจอสักที และในท้ายที่สุดฉันก็เข้าห้องสายจนได้ 

ในตอนที่ฉันตามหาแมวอยู่นั้น แม็กมันก็วิ่งกลับห้องล่วงหน้าไปก่อนแล้ว มันจึงพ้นจากบทลงโทษของอาจารย์อากาเนะที่ฉันได้รับแต่เพียงผู้เดียว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาโลกเบื้องหลัง 19

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แก้ว ไคม์ เด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยพละกำลังและภูมิปัญญา เธอคือผู้ที่ได้เป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนอาสการ์ถึงสองปีซ้อน

ถ้าเป็นโรงเรียนปกติก็คงไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจมากนักหรอก แต่เพราะนี่คือโรงเรียนอาสการ์ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าอดีตโรงเรียนอันดับ1ของภูมิภาคอย่างโรงเรียนสตรีเอเดนอีก…

เมื่อตอนที่แก้วยังเป็นเด็ก เธอนั้นเป็นคนที่น่าหลงใหลอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีความคิดหมือนกันหมดว่า ‘น่ารัก’ ตัวตนของเธอนั้นเปรียบเสมือนความบริสุทธิ์ของมวลมนุษย์ 

และด้วยวัยที่ไม่ประสีประสานั้นทำให้เธอถูกเอ็นดูเป็นพิเศษจากคนรอบข้างจนทำให้มีบางคนเอาเธอไปเปรียบเทียบกับผู้นำตระกูลเกรโมรี่ หญิงสาวผู้ที่ได้สมญานามว่า ‘เทพีแห่งความงาม’ เเต่เเน่นอนว่าก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยโดยอ้างว่าตอนนี้แก้วยังเด็กเกินไป

และเมื่อความคิดของคนทั้งสองกลุ่มไม่ลงรอยกันก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆขึ้น แต่ใครจะไปรู้กันล่ะว่าไม่นานหลังจากนั้นมันก็จะลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนบอกได้ว่ามันคือสงครามกลางเมือง มีคนถูกยิงจริง มีคนถูกฟันจริง และมีคนที่ตายจริง

สงครามทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นเพียงเพราะผู้หญิงสองคนเท่านั้น ดังนั้นสงครามกลางเมืองสั้นๆนี้จึงถูกเรียกว่า [สงครามงามล้มเมือง] ไปโดยปริยาย…

 

‘ คุณยายละก็ ทำไมอยู่ๆถึงไม่ให้ออกไปเดินเล่นในเมืองกันนะ? ’ 

 

ในตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เเก้วก็กำลังอยู่ที่บ้านหรือจะเรียกมันว่าคฤหาสน์ก็ได้ 

เรื่องวุ่นวายด้านนอกทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอ ถึงเหตุผลจะฟังไม่เข้าท่า เเต่นี่ก็ทำให้เธอถูกคุณยายสั่งให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหนจนกว่าเหตุการณ์ด้านนอกจะสงบลง

 

‘ นี่จัสมิน ทำไมคนในทีวีถึงถูกพวกคนชุดสีเขียวกับพวกคนชุดสีน้ำตาลยิงล่ะ? ’

‘ นั่นไม่ใช่สีน้ำตาลค่ะ มันคือสีกากี เเละเหตุผลที่ต้องยิงก็เพื่อรักษาความสงบค่ะ คนพวกนั้นก่อความวุ่นวายจนทำให้ชาวบ้านเดือนร้อนค่ะ… ’

‘ เเล้วทำไมพวกเขาถึงต้องก่อความวุ่นวายด้วยล่ะ? ’

 

แก้วหันหน้าไปถามเด็กผู้หญิงที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันข้างๆในขณะที่รับชมภาพจาก [สงครามงามล้มเมือง] ผ่านทีวีรุ่นล่าสุด

ใบหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงแสดงความเรียบเฉยออกมาแม้จะยืนอยู่ข้างๆตัวต้นเหตุของสงครามก็ตาม

 

‘ เรื่องนั้นไม่ทราบค่ะ… ’

 

เป็นเพราะแก้วถูกสั่งไม่ให้ออกไปไหน เธอจึงไม่ได้รับรู้เลยว่าภายในเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอได้แต่เล่นอยู่ภายในเขตที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะฟังดูแคบแต่จริงๆแล้วมันกว้างมากเลยทีเดียว…ก็เป็นคนรวยนี่เนอะ…

กาลเวลาไม่เคยหยุดรอใครแม้วันนั้นจะเป็นวันหยุดก็ตาม เมื่อแก้วเริ่มโตขึ้นความเข้าใจของเธอเองก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นตามไปด้วย 

เธอสามารถเเยกเเยะออกได้ว่าทำไมเธอถึงเป็นต้นเหตุของเรื่องราวบ้าๆข้างต้น เเต่จะบอกว่าเธอผิดมันก็ไม่ได้เพราะเธอไม่ได้เป็นคนเรียกร้องสงครามสักหน่อยนิ

และนอกจากความเข้าใจที่พัฒนาขึ้นแล้ว ความงดงามของเธอเองก็เบ่งบานออกมาให้โลกเห็นด้วย ผู้คนมากมายต่างพยายามเข้ามาล้อมรอบตัวเธอด้วยจุดประสงค์ต่างๆ พรสวรรค์ ความงาม ปัญญา เเละโชค เธอมีมันหมดทุกอย่างจนเเทบจะพูดได้เต็มปากว่าสมบูรณ์เเบบ

แน่นอนว่ามีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด เเต่เธอก็ไม่ได้ให้ค่ากับคนเหล่านั้นเลยสักนิด เพราะคนเหล่านั้นก็เเค่พวกขี้แพ้ที่รวมตัวกันเห่าหอนใส่เธอทั้งๆที่เธอยังไม่เคยไปทำอะไรให้เลย

 

‘ ช่างคนพวกนั้นสิ ฉันมีแค่จัสมินกับครอบครัวก็พอแล้วล่ะ ’

‘ คุณหนูคะ นับฉันร่วมด้วยไม่ได้หรอกค่ะ เมดส่วนตัวไม่มีสิทธิ์ถึงขั้นนั้น… ’

‘ เอ๋~พวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้วนะ จะไม่ให้ฉันนับเธอเข้าไปร่วมด้วยได้ไงล่ะ…และนอกจากนี้ฉันก็ไม่ได้มีใครให้เลือกอีกแล้วนิ ’

‘ …… ’

 

และแล้วอยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้มีเด็กผู้ชายท่าทางแปลกประหลาดย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับครอบครัวของเธอด้วย 

เด็กผู้ชายคนนั้นนั่งรถเข็นด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวาตลอดเวลา เค้ามักจะมองดูเธออยู่ห่างๆราวกับว่าไม่อยากให้มาสนใจ และทุกครั้งที่เธอลองชวนอีกฝ่ายไปหาอะไรเล่นด้วยกัน อีกฝ่ายก็มักจะยิ้มฝืดๆพร้อมกับก้มมองไปที่ร่างกายตัวเอง

 

‘ นายป่วยอยู่เลยเดินไม่ได้เหรอ? ’

‘ อืม ก็ประมาณนั้น… ’

‘ ถ้างั้นนายก็ควรไปนอนพักสิ จะออกมาข้างนอกทำไมล่ะ? ’

‘ ก็ถ้านอนพักแล้วมันหายฉันคงเดินได้นานแล้วล่ะนะ… ’

 

หลังจากวันแรกที่เจอกัน เด็กผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเธอ อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน กินข้าวโต๊ะเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เด็กผู้ชายคนนั้นเดินได้แล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องดี

เธอยังจำได้ดีเลยถึงช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น…เเต่ความสุขมันก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อเด็กผู้ชายคนนั้นต้องจากเธอไปด้วยปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ผู้ซึ่งเป็นทั้งฮีโร่ เป็นทั้งเเบบอย่าง และยังเป็นรักเเรกของเธออีกด้วย… 

 

กลับมาปัจจุบัน 

 

“ นี่ริน ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม… ”

“ เฮ้อ~ทำหน้าแบบนั้นแล้วจะให้ฉันปฏิเสธได้ยังไงล่ะเนี่ย ”

“ ขอโทษนะ… ”

“ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ แต่มีอะไร? ”

 

ภายในร้านขายเครื่องดื่มของโรงเรียนอาสการ์ มีนักเรียนหญิงสองคนกำลังนั่งดูดชานมไข่มุกพร้อมกับสนทนากันอยู่ คนนึงเเสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่อีกคนเองก็แสดงสีหน้าเหนื่อยใจ

 

“ ….ฉันดูเหมือนสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ? ”

“ ห้ะ? ”

“ ฉันดูเหมือนสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ? ”

“ เอ่อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปฟังอะไรมา แต่ในฐานะอดีตรองประธานนักเรียนเเล้วคงจะต้องตอบว่าใช่นั่นเเหละนะ ฉันไม่ได้กำลังหมายถึงรูปลักษณ์ภายนอก ก็แค่คนเราน่ะมักจะประเมินสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้เอาไว้สูงเเละคิดเองเออเองว่าคนอื่นก็ทำไม่ได้เหมือนกัน และถ้ามีคนที่ทำสิ่งนั้นได้ก็ต้องเก่งเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ยังไงล่ะ เพราะงั้นไอ้สัตว์ประหลาดที่เธอว่านั่นอาจจะเป็นคำชมซะมากกว่า…อาจจะน่ะนะ ”

“ งั้นเหรอ! เป็นคำชมงั้นสินะ! ”

“ ฮืม…เธอนี่ฟื้นคืนชีพเร็วจังเลยนะ ”

 

ตัดฉากมาภายในห้องสภานักเรียน

ขณะที่ฉันกำลังหลับอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ๆลมหายใจก็เกิดติดขัดคล้ายกับมีบางสิ่งบางอย่างอุดรูจมูกไว้ นอกจากนั้นแล้วฉันยังรู้สึกถึงน้ำหนักของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกำลังนั่งทับบนหน้าของฉันอยู่ และดูเหมือนมันนี่เองคือต้นเหตุที่ทำให้ฉันหายใจไม่ออก

 

“ —เฮ้ย!? ตัวไรฟะเนี่ย?! ”

 

ทันทีที่ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็เห็นก้นของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเต็มสองตา เมื่อตกใจร่างกายของฉันก็ลุกขึ้นพุ่งพรวดตามสัญชาตญาณ เเละด้วยความกระทันหันนี้จึงทำให้สิ่งมีชีวิตตัวนั้นกระเด็นออกไป

ร่างของมันกระทบเข้ากับกำแพงห้องจังๆก่อนที่จะตกลงพื้น มันพยายามฝืนยืนขึ้นและชูหางแสดงท่าทางข่มขู่มาทางฉัน แต่ด้วยขนาดตัวของมันจึงทำให้น่าเอ็นดูซะมากกว่า

 

“ แฮก…แฮ่ก…แมวงั้นเหรอ? ”

“ ฟ่ออออ…!! ”

“ หยุดขู่ได้แล้วน่า แต่แกเข้ามาได้ไงเนี่ย? ”

 

ฉันพยายามควบคุมลมหายใจก่อนที่จะหันมองรอบๆตัว นอกจากแมวขนสีเงินเบื้องหน้าแล้วก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก

และพอฉันตั้งใจมองดีๆแล้วแมวขนสีเงินตัวนี้ก็คือแมวตัวเดียวกันกับตอนที่ฟ้าบาดเจ็บ ฉันยังจำได้ดีถึงขนสีเงินกับดวงตาสีแดงคู่นั้น ถ้าเกิดเปลี่ยนแมวตัวนี้ให้เป็นคนก็คงจะเป็นคนที่ดูดีมากแน่

อึก…แต่ถึงมันจะน่ารักแค่ไหน มันก็เกือบทำให้ฉันต้องตายอย่างน่าอนาจเเล้ว…

 

“ ถึงฉันจะไม่ได้ล็อกประตูไว้ก็เถอะ แต่แมวก็ไม่น่าเปิดเข้ามาเองได้นี่…ห—หรือว่าแกมันคืออัจฉริยะในหมู่แมวงั้นเหรอ?! ”

“ เหมี๊ยว? ”

“ ….นี่ฉัน พยายามคุยกับแมวอยู่เหรอเนี่ย…น่าอายเป็นบ้า/// ”

 

อาจจะเป็นเพราะฉันพึ่งตื่นได้ไม่นาน สติสัมปชัญญะจึงยังฟื้นกลับมาได้ไม่ครบถ้วน เรื่องน่าอายแบบนี้เลยเกิดขึ้น…

ทันใดนั้นแมวขนสีเงินที่แสดงท่าทีเป็นศัตรูกับฉันก่อนหน้านี้ ก็หยุดชูหางแล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาฉัน มันใช้จังหวะที่ฉันเผลอกระโดดขึ้นมานั่งบนหัวของฉัน แต่ฉันก็จับมันลงมาวางบนโซฟาแทนเพราะเกะกะ และเสมือนแมวตัวนั้นรู้สึกไม่พอใจมันจึงกระโดดขึ้นมานั่งบนหัวของฉันอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ฉันจับมันลงมาอุ้มแทนเพื่อไม่ให้มันทำซ้ำอีก ทีแรกก็คิดว่ามันจะขัดขืนสักหน่อย แต่กลับกันเลย มันดูมีความสุขมากกว่าเดิมซะอีก เล่นเอาเเก้มมาถูกับหน้าอกของฉันไปมาน่าเอ็นดูเลย

 

“ เป็นแมวที่เอาแต่ใจซะจริง… ”

 

ถึงตามกฎของโรงเรียนอาสการ์จะไม่ได้ห้ามนักเรียนนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในโรงเรียน เเต่มันก็มีข้อกำหนดในการดูเเลอยู่ด้วย เเละหนึ่งในนั้นคือต้องเเจ้งอาจารย์หรือสภานักเรียนให้ทราบก่อนจะนำสัตว์เลื้ยงมาที่โรงเรียนได้

และถึงกฎข้อนี้จะฟังดูให้อิสระแก่นักเรียนมากเกินไป แต่ก็มีคนจำนวนน้อยมากที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้

 

( เดี๋ยวค่อยบอกแก้วก็แล้วกัน แต่ชักหิวแล้วแฮะ ไปหาอะไรกินดีกว่า )

 

ในตอนนี้ยังคงเหลือเวลาอีก15นาที ก่อนเริ่มกิจกรรมในยามบ่าย

ณ โรงเรียนเเห่งนี้จะไม่มีคาบเรียนในครึ่งบ่ายเพราะเวลาเหล่านี้จะมุ่งเน้นไปทางกิจกรรมหรือการพักผ่อนของนักเรียนเเละคณะอาจารย์ซะมากกว่า เคยมีข่าวลือว่าข้อเสนอนี้ในตอนเเรกถูกทางกระทรวงศึกษาหัวโบราณปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เเต่เพราะผู้อำนวยการทำอะไรสักอย่างจนท้ายที่สุดข้อเสนอนี้ก็ได้รับการอนุมัติมาจนได้ แต่มันก็แค่ข่าวลือล่ะนะ 

 

( โล่งจังเลยแฮะ… )

 

เมื่อฉันลงมาจากอาคารก็พบว่าคนส่วนใหญ่เริ่มกลับห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมกันเเล้ว จึงทำให้ในตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเดินผ่านไปผ่านมาอยู่

ตอนนนั้นเองที่หางตาของฉันได้เหลือบไปเห็นกิตกับแม็กที่เดินอยู่ด้วยกัน ถึงแม็กมันจะยังก้มหน้าเล่นเกมอยู่ก็เถอะ แต่สีหน้าแบบนั้นแค่ฉันมองแว็บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเล่นเกมแนวไหนอยู่…

 

“ อ่า! เมฆนี่หน่า นายหายไปไหนมาเนี่ย? พวกเราออกตามหากันตั้งนานกะว่าจะชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันสักหน่อย ”

 

เมื่อตอนที่แก้วชวนฉันไปห้องสภานักเรียนนั้น กิตไม่ได้อยู่ในห้องเพราะถูกอาจารย์ขอให้ช่วยยกของตามไปที่ห้องพักครู มันจึงไม่รู้ว่าฉันหายไปไหน 

 

“ พอดีมีหลายอย่างต้องทำนิดหน่อย ช่างเรื่องนั้นเถอะ เเต่นายไม่ได้ไปกินข้าวเที่ยงกับเเฟนแปลกๆของนายเหรอ…? ” 

“ อย่าเรียกว่าแปลกๆสิ มันอาจทำให้เธอรู้สึกแย่ได้นะ ”

 

ในช่วงวัยประมาณนี้ พอพวกเขามีเเฟนเเล้วมักจะทิ้งเพื่อนฝูงไปอยู่กับเเฟนของตัวเองเสมอ ฉันจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน

 

“ เฮ้อ…ก็ฉันหาเธอไม่เจอน่ะสิ พอฉันละสายตาจากเธอไปเเป๊ปเดียวเธอก็หายไปไหนก็ไม่รู้เเล้ว ตอนนี้ฉันก็กำลังเดินตามหาเธออยู่น่ะ เเม็กเองก็มาช่วยตามหาด้วยเหมือนกัน ”

“ อ้าว ไม่ใช่ว่าตามหาฉันอยู่หรอกเหรอ? ”

“ เอาน่า! อย่าไปสนเรื่องเล็กน้อยเเบบนั้นเลย พวกเราไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่าน่า ”

 

ขณะที่พวกเรากำลังจะไปโรงอาหารกัน เเม็กที่ยืนเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้จู่ๆก็พูดออกมาและชี้ตรงไปที่อกของฉัน

 

“ ฮู้ยยยย~ แมวตัวนี้น่ารักดีนี่หน่า~ ”

“ เอ๋ นายเอาแมวมาด้วยเหรอเมฆ? คงจะขออนุญาตแล้วสินะ ”

“ ยังน่ะ ”

“ ทำไมยังล่ะ? เดี๋ยวนายก็โดนพวกกรรมการนักเรียนลากตัวไปเจือนทิ้งหรอก ”

“ ใช่ๆ ฉันเองก็เคยเกือบถูกคนพวกนั้นยึดสมาร์ทโฟนไปแล้วด้วย โชคดีที่ตอนนั้นวิ่งหนีได้ทัน ”

 

ก็เอ็งดันมาเล่นเกมโป๊กลางห้องเลยนี่หว่า ถ้าฉันเป็นคนของกรรมการนักเรียนก็จะยึดเหมือนกันนั่นแหละเฟ้ย!

 

“ แมวตัวนี้ไม่ใช่ของฉันน่ะ พอดีแค่บังเอิญเจอมันเข้าเลยเผลออุ้มติดมือมาด้วยเท่านั้นเอง ”

“ งั้นเหรอ? แต่พอมองแมวตัวนี้แล้วรู้สึกคุ้นๆจังแฮะ? ”

 

กิตได้ยื่นหน้าเข้ามามองแมวขนสีเงินในอ้อมอกของฉันใกล้ๆและขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ทันใดนั้นมันก็รีบก้าวถอยหลังออกไปพร้อมกับใช้มือกุมที่หัว 

มันพยายามฝืนยิ้มออกมาเพื่อไม่ให้พวกฉันเป็นห่วง

 

“ ก็เเค่โลหิตจางนิดหน่อยไม่ต้องห่วง เอาล่ะ ไปกินก๋วยจั๊บกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลาเอา ”

“ จะไปกินก๋วยเตี๋ยวต่างหากเฟ้ย…นี่ ถ้าไม่สบายก็กลับขึ้นห้องไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปกับเเม็กก็ได้ ”

“ อา…อย่างงั้นเหรอ งั้นฉันกลับขึ้นห้องก่อนนะ ”

 

เมื่อลากันจบ กิตก็หันหลังเดินจากไปในสภาพโงนเงนพร้อมจะล้มได้ตลอดเวลา

ถึงฉันกับกิตจะรู้จักกันมานานหลายปี แต่ฉันไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเป็นโลหิตจางด้วย ที่ผ่านมาก็ดูสุขภาพแข็งแรงดีแท้ๆ 

 

“ นี่เมฆ นายเคยรู้มาก่อนไหมว่ากิตมันเป็นโลหิตจางน่ะ ฉันพึ่งรู้เลยนะเนี่ย ”

“ ฉันเองก็พึ่งจะรู้เหมือนกัน ”

“ ที่ผ่านมามันก็ไม่เคยแสดงอาการออกมาให้เห็นเลยนี่หน่า? ”

“ ….ช่างเถอะ พวกเรารีบไปโรงอาหารกันได้แล้ว เหลือเวลาอีกแค่10นาทีเอง ”

 

หลังจากที่พวกเรากินก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จแล้วก็พากันรีบวิ่งขึ้นห้องทันที แต่ก่อนหน้านั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าแมวขนสีเงินมันหายไปแล้ว ฉันใช้เวลาออกตามหาสักพักแต่ก็ไม่เจอสักที และในท้ายที่สุดฉันก็เข้าห้องสายจนได้ 

ในตอนที่ฉันตามหาแมวอยู่นั้น แม็กมันก็วิ่งกลับห้องล่วงหน้าไปก่อนแล้ว มันจึงพ้นจากบทลงโทษของอาจารย์อากาเนะที่ฉันได้รับแต่เพียงผู้เดียว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+