ราชาโลกเบื้องหลัง 29

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 29 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ เอ่อ…ปล่อยฉันลงก่อนได้ไหมเมี๊ยว นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะที่ฉันถูกจับยกขึ้นเนี่ย ”

“ อืม… ”

“ ขอบคุณเมี๊ยว~ ”

 

ฉันแบมือปล่อยออกแบบไร้เยื่อใย แต่ร่างของมันก็ร่วงลงถึงพื้นได้อย่างมั่นคง มันสะบัดตัวก่อนจะมองสำรวจความเรียบร้อย 

 

“ เอาเป็นว่า…ฉันคือเฮลเมี๊ยว จิตวิญญาณโบราณที่ฉันทำพันธสัญญาอยู่ด้วยไม่ใช่ประเภทที่ชอบสร้างปัญหา หรือชอบสร้างความวุ่นวาย แล้วก็ไม่ชอบการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตด้วยนะ ”

“ ไม่ ๆ ๆ ๆ แกไม่ใช่เฮลแน่ ๆ ยังไงก็ไม่ใช่ ”

“ หา? ” 

 

ไอ้เจ้าแมวเอียงคองง มันอยากจะเอ่ยถามว่าทำไม แต่แล้วคนตรงหน้าก็พูดต่อทันที 

 

“ ก็ชื่อที่พี่ทรายเรียกแกก่อนหน้านี้ใช่ ‘แมวขโมยจันทร์’ ปะล่ะ แถมยัยแก่ก็ยังบอกกับแกว่า ‘ขโมย’ อีก จะฟังดูยังไงการขโมยมันก็คือการสร้างปัญหาไม่ใช่เหรอฟะ!? แล้วแกจะถูกจัดเป็นเฮลได้ยังไง…? ”

 

ชื่อยอร์มุงกันเดอร์ไม่ได้หมายถึงแค่พวกที่ชอบทำร้ายผู้คนอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพวกขี้ขโมยหรือพวกชอบปุกปั่นสังคมด้วย ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นพวกชอบสร้างปัญหาเหมือนกันอยู่ดี

 

“ อ๊ะ คือ…จะว่าไงดีล่ะ ฮะ ๆ … ”

 

มันหัวเราะแห้งออกมา ย่นคอลงพลางเคลื่อนสายตามองไปทางอื่น และทันทีที่คิดอะไรบางอย่างได้ มันก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว 

 

“ ….อ้า ใช่ ๆ ฉันเป็นคนพิเศษไงเมี๊ยว! ฉันสร้างปัญหาก็จริง แต่ไม่ได้เยอะมาก และก่อนที่ฉันจะเริ่มลงมือขโมย ฉันก็ได้ลองเข้าไปเจรจาขอของชิ้นนั้นก่อนอย่างสันติทุกครั้งด้วยนะเมี๊ยว…ถึงจะถูกปฏิเสธและถูกไล่ยิงทุกครั้งก็เถอะเนอะ…แต่นายลองคิดดูสิว่าจะมีโจรที่ไหนทำแบบฉันบ้าง!! ”

“ อืม…คงจะไม่มีหรอก แกพิเศษจริงด้วยสินะ พิเศษจนเข้ากับกระสุนไรเฟิลที่ทำมาพิเศษเลยล่ะ… ”

“ ย—อย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิเมี๊ยว?! ”

 

ฉันคลี่ยิ้มเย็นชาแล้วชี้นิ้วไปทางหน้าต่างบานข้างหลังส่งสัญญาณเตือนนิด ๆ ให้ไอ้เจ้าแมวระวังตัวไว้ ซึ่งแน่นอนว่าแค่ชี้ไปมั่ว ๆ เพราะอยากแกล้งมันเล่นก็เท่านั้น 

 

“ อ้าาาาา ก็ได้เมี๊ยว! ฉันยอมรับก็ได้ว่าเป็นยอร์มุงกันเดอร์! แต่ฉันไม่เคยทำร้ายใครจริง ๆ นะ! เพราะงั้นขอร้องล่ะ…อย่าฆ่าฉันเลยนะเมี๊ยว!! ”

“ ฮ—เฮ้ย?! ”

 

ไอ้เจ้าแมวใช้จังหวะที่ฉันเผลอ โผตัวเข้ามาเกาะขากางเกงฉันแน่นเหมือนแมลง ฉันพยายามสะบัดขาสุดแรงหวังให้มันหลุดออก ทว่า ตัวมันก็ยังติดหนึบอยู่เหมือนเดิม นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นที่ฉันเคยมองว่ามีเสน่ห์กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แสดงสีหน้าท่าทางน่าสงสาร

แต่ฉันก็ไม่ได้ใจอ่อนเลย กลับกัน ฉันยิ่งสะบัดขาขึ้นแรงกว่าเดิมอีก…สุดท้ายแล้ว ฉันก็หยุดสะบัดขาแล้วเซตัวไปยืนหอบหายใจพิงกับราวบรรได

 

“ แฮก…แฮก… ”

“ แงงงง…อย่าฆ่าฉันเลยน้า ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ยังไม่ได้ทำ ขอร้องล่ะน้า อย่าฆ่าฉันเลย…แงงงงงง~ ”

“ ปล่อยสิเฟ้ย! เป็นบ้าอะไรแกเนี่ย?! ”

“ ….ฮึก ก—ก็จากที่ฉันรู้มาเกี่ยวกับตัวนาย งานเก่าของนายก็คือการล่าพวกยอร์มุงกันเดอร์ใช่ไหมล่ะเมี๊ยว นายจะชอบฆ่าพวกนั้นด้วยวิธีการที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานที่สุด และต่อให้เหลือแค่ซากศพ นายก็จะเอามันไปประมูลขายเพื่อหาเงินอีกเมี๊ยว กระทั่งหยดเลือดที่กระเซ็นอยู่ตามพื้น นายก็จะก้มหน้าลงไปเลียอย่างมูมมามแล้วแสยะยิ้มออกมา ”

“ เฮ้ย ๆ !? ไอ้สัตว์ประหลาดปลอดหลักอนามัยนั่นหมายถึงฉันเหรอฟะ??!! ”

 

ภาพของตัวเองในสภาพโชกไปด้วยเลือดกำลังก้มหน้าก้มตาเลียพื้นเหมือนหมา…แค่ลองคิด ลิ้นก็รู้สึกฝาดแปลก ๆ แล้ว

ไอ้เจ้าแมวเอาหน้าถูกับกางเกงฉันเพื่อเช็ดน้ำมูกออกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองราวกับจะถามว่า ‘ไม่ใช่อย่างงั้นเหรอเหรอ?’

ฉันใช้มือข้างนึงก่ายหน้าผากขึ้น พรูลมหายใจออก พยายามปรับสีหน้าและอารมณ์ให้สงบที่สุด พอเริ่มได้ที่แล้ว ฉันก็ก้มหน้ากลับมาสบตากับไอ้เจ้าแมวตรง ๆ 

 

“ ฉันขอปฏิเสธประโยคสองอันหลัง แกคิดว่าฉันขาดเงินหรือมีรสนิยมแบบนั้นรึไง เลียพื้นเนี่ยนะ? ไอ้คนปล่อยข่าวบ้านี่มันเกลียดฉันขนาดไหนกัน ”

“ ….น—นายปฏิเสธประโยคหลังก็หมายความว่า… ”

 

ไอ้เจ้าแมวเบิกตากว้าง นัยน์ตาสั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัว มันค่อย ๆ คลายแรงที่เกาะอยู่ออก ก้าวถอยหลังโดยพยายามรักษาระยะห่างให้ได้มากที่สุด ฉันยิ้มเยาะและว่าประโยคต่อจากที่ขาดไป 

 

“ ฉันยอมรับแค่ประโยคแรกเท่านั้นแหละน่า ”

“ ท—ทรมาน?! ”

“ ใช่ ๆ นั่นแหละ ชอบฆ่าด้วยวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานที่สุด ทรมานจนคิดว่าตายซะยังดีกว่า…เฮ้อ เลิกเล่นกันได้แล้วล่ะ ฉันเริ่มง่วงแล้ว…หาว~ ”

“ เอ๊ะ? ”

“ ฉันจะนอนในห้องโถงนี่แหละ พอตื่นมาก็ค่อยไปห้องอาหารเลย ส่วนแกจะไปนอนไหนก็ไป ”

 

ฉันพูดพลางดึงเนกไทออก ถอดเสื้อสูทออกแล้วเอาไปพาดราวบรรไดข้าง ๆ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นเตรียมตัวนอน

ไอ้เจ้าแมวยังคงยืนนิ่งคล้ายกับตามสถานการณ์ไม่ทัน กระพริบตาปริบ และเอ่ยถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ 

 

“ เอาจริงดิเมี๊ยว? เมื่อวานยังนอนโรงแรมอยู่เลยนะ แล้วไหงวันนี้ถึงนอนพื้นล่ะ?? นายไม่รู้สึกแปลกเลยรึไงเมี๊ยว??? ”

“ นั่มมันเรื่องของแก ฉันจะนอนแล้วอย่ามากวน ”

“ เดี๋ยวก่อนสิคะคุณชาย!? ”

 

ขณะที่ฉันค่อย ๆ หย่อนหลังลงพื้น เมดคนหนึ่งที่อยู่ด้านบนสุดของบรรไดได้ตะโกนห้ามขึ้นทันที แม้มองจากด้านล่างก็ยังเห็นได้ว่าสีหน้าของเธอตื่นตูมเป็นอย่างมาก เธอดึงกระโปงขึ้นเล็กน้อยรีบสับเท้าลงมาจากบรรไดด้วยท่าทีร้อนรนสุด ๆ

ฉันกลับมานั่งเหยียดหลังตรงอีกครั้ง เงยหน้ามองเมดที่กำลังยืนหอบ 

 

“ เอ่อ… ”

“ แฮก ๆ ห้อง…ห้องของคุณชาย…อยู่ แฮก ๆ อยู่ชั้นสองทางด้านขวา…ห้องในสุด…แฮก ๆ ”

“ อ—อืม ขอบคุณครับ? ”

 

เมดคนนั้นชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็พลิกมือไปมาเพื่อบอกให้ฉันรู้ทาง ถึงจะงง ๆ แต่ฉันก็พอเข้าใจนิดหน่อย ฉันกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายแล้วหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้มาใส่ให้เรียบร้อย และเดินขึ้นบรรไดไป…

 

 

~★★★~

 

 

เมดนั้นไม่ได้ยินคำขอบคุณเลยสักนิด เสียงหัวใจที่เต้นแรงจนจะทะลุออกมาจากหน้าอกดังกลบเสียงอื่น ๆ ไปซะหมด 

เธอคือคนที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลจัดการแขกทางนี้ตามคำสั่งของแพน ไคม์ หรือผู้นำตระกูลไคม์นั่นเอง

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยังทำเธอรู้สึกตกใจไม่หาย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าแขกที่ถูกบอกย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นคนพิเศษจะตัดสินใจนอนบนพื้นในห้องโถงเพียงเพราะไม่รู้จักห้องของตัวเอง

เธอนั้นพอจะทราบจากปากของเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ‘จัสมิน’ ว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นคนที่สำคัญมาก ๆ ของท่านผู้นำตระกูล มีความสัมพันธ์ถึงขั้นเคยหลับนอนด้วยกันมาแล้วหลายร้อยรอบ แต่นอกจากนั้นเธอก็ไม่ได้รู้อะไรอีก…

 

( ถ—ถ้าเมื่อกี้นายหญิงรู้เข้าละก็…ทั้งครอบครัวของฉันคงโดนเด้งยกเซ็ตแน่!? )

 

ทั้งครอบครัวของเธอทำงานที่คฤหาสน์หลังนี้มาหลายรุ่นแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นของเธอ ตอนนี้พ่อของเธอคงกำลังดูแลสวนกับคนงานคนอื่น ๆ อยู่ ส่วนทางฝั่งแม่ก็น่าจะกำลังทำความสะอาดห้องอาหารอยู่ใกล้ ๆ นี้

ฟังทั้งหมดเหมือนเธอโดนบังคับให้มาทำงานตามครอบครัว แต่ในความจริงแล้ว ครอบครัวของเธอไม่ได้บังคับให้เธอมาทำงานนี้เลย ค่อนข้างจะให้อิสระในการเลือกด้วยซ้ำ และเป็นเพราะอย่างงั้น หลังเธอเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เธอก็สมัครเข้ามาทำงานเป็นเมดที่คฤหาสน์หลังนี้ทันที

และถึงเธอจะพอมีพื้นฐานงานจากทั้งพ่อและแม่นิดหน่อยแล้ว แต่เธอก็ยังต้องพยายามเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อีกมากเพื่อไม่ให้เป็นภาระของพ่อแม่ 

 

( ไม่ ๆ ฉันอย่าพึ่งไปคิดมากเรื่องนั้นสิ ใช่แล้ว นายหญิงทั้งใจดีและน่ารักจะตาย ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว )

 

เธอพยักหน้าปลอบใจตัวเองพลางชูกำปั้น ค่าความมั่นใจเริ่มฟื้นฟูกลับมาเต็มแล้ว…

 

“ งั้นฉันไปนอนก่อนละกันนะ ”

“ เมี๊ยว~! ”(ขอตามไปด้วยคนนะเมี๊ยว~)

“ ไม่เด็ดขาดเฟ้ย ”

“ ……? ”

 

เด็กผู้ชายที่เป็นแขกคนนั้นหันหลังกลับมากล่าวด้วยสีหน้างัวเงีย น่าแปลก อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้กำลังพูดกับเธอ แต่เหมือนกำลังพูดกับแมวข้าง ๆ เธอต่างหาก มันส่งเสียงร้องตอบกลับเด็กผู้ชาย เธอได้ยินแค่เสียงร้อง ‘เมี๊ยว’ เท่านั้น

เธอก้มหน้าลงมองที่แมวสีขนประหลาด ก่อนที่มันเองก็จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าผู้นำตระกูลฝากเธอมาพูดอีกเรื่องด้วย แต่เพราะคำสั่งมันฟังดูงง ๆ  เธอเลยเผลอลืมไป 

 

“ เอ่อ…คุณแอนนาคะ นายหญิงสั่งให้มาบอกว่าเตรียมห้องนอนเอาไว้เรียบร้อยเเล้ว เชิญตามมาด้วยค่ะ ”

“ เมี๊ยว? ”(หา?)

 

แมวขนสีประหลาดเอียงคอสงสัยคล้ายอยากถามเธอว่า ‘เธอกำลังพูดกับฉันเหรอ’ แน่นอนว่ากระทั่งตัวเธอเองก็อยากถามแบบนั้นเหมือนกัน เธอถูกสั่งแค่ให้มาพูดต่อหน้าแมวตัวนี้เท่านั้น ไม่มีคำอธิบายอะไรอีกเลย 

 

“ เมี๊ยว!? ”(นี่ยัยนั่นเตรียมการไว้อยู่แล้วงั้นเหรอเนี่ย?! ไม่เอานะ! หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอาเมี๊ยว!)

“ ….นายหญิงสั่งมาว่าให้ยิงคุณทิ้งได้เลยหากไม่ยอมเชื่อฟังค่ะ? ”

“ ….ม—เมี๊ยว ”(….อ—โอเคจ้า)

 

เมดยืนเกาหัวอย่างไม่มั่นใจ แต่เมื่อเห็นแมวตรงหน้าทำคอตกเหมือนเข้าใจสิ่งที่เธอพูด เธอเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว สีหน้าถูกปรับให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็เดินนำขึ้นบรรไดไปแล้วเดินเลี้ยวทางด้านขวาซึ่งตรงข้ามกับทางของเด็กผู้ชายก่อนหน้านี้…

 

 

~★★★~

 

 

“ อา ในที่สุดก็ได้นอนสักที…หาว~ อืม จะว่าไป ตอนอยู่ที่โรงแรมฉันก็แทบไม่นอนเลยนี่หว่า ”

 

ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งและใช้มือบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป ภายในไม่ได้อลังการงานสร้างแต่อย่างใด ค่อนข้างเรียบง่ายสบายตาด้วยซ้ำ มีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นภายในนี้ ที่เด่นสุดก็คงเป็นเตียงนอนที่แค่เปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นทันที

 

“ ฮะ ๆ โคตรซึ้งใจเลยนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะทำความสะอาดให้ด้วย… ”

 

เมื่อฉันลองใช้จมูกดมกลิ่นดูก็พบว่าในห้องไม่มีกลิ่นอับเลย แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย พวกโต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่น่าถูกใช้งานมานานหลายปีแล้วก็ยังดูสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเดิม

ห้องนี้นี่แหละที่เคยเป็นห้องส่วนตัวของฉันมาก่อน และเคยคิดว่ามันถูกเปลี่ยนไปเป็นห้องเก็บของไปแล้ว ฉันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิดดูข้างใน

 

“ กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเตรียมไว้ให้ด้วย สุดยอดเลยแฮะ นี่เธอรู้อยู่แล้วรึไงเนี่ยว่าฉันจะมาหา…? ”

 

ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมด ทำเอาซะจนฉันอดไม่ได้ที่จะระแวงขึ้นมา แต่พอมาคิดดูแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้ให้เรียบร้อย

 

( ช่างเถอะ คิดไปก็มีแต่จะเสียเวลานอน )

 

ฉันเปลี่ยนชุดออกแล้วใส่ชุดที่ถูกเตรียมมาไว้ให้แทน มันเป็นชุดใส่อยู่บ้านสบาย ๆ อย่างเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะรู้ว่าฉันชอบใส่ชุดแบบไหน ก็พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีเลยนี่…

ฉันจำได้ว่าตัวเองต้องออกกำลังกายทุกวันตามสัญญา แต่เพราะวันนี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขี้นที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยพอ ๆ กับการออกกำลังกายเลยคิดจะปล่อยผ่านไปสักวัน แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจวิดพื้นสักเซ็ตก่อนแล้วค่อยนอน

หลังจากที่เพิ่มภาระให้ร่างกายตัวเองเสร็จ ฉันก็ใช้ผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าเช็ดเหงื่อให้เรียบร้อยและนั่งพักนิดหน่อย จากนั้นก็ลุกเดินไปทางเตียงนอนและกระโดดขึ้นไป

 

“ อ้า เตียงเพื่อนรัก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แกนี่ยังนุ่มนิ่มสู้เตียงโรงแรมหรูได้เหมือนเดิม แถมกลิ่นก็ยังหอมขึ้นด้วย วันนี้ช่วยทำให้หลับสบายทีล่ะ ”

 

ฉันบ่นพึมพำคล้ายคุยกับใครบางคน มันค่อนข้างน่าอายถ้าหากมีคนอื่นมาได้ยินสิ่งนี้ แต่เพราะห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงที่ถูกปรับเปลี่ยนตามคำร้องขอของฉัน ดังนั้นฉันเลยพูดอะไรแบบนี้ได้อย่างสบายใจตราบใดที่ไม่ได้เปิดประตูทิ้งไว้

 

“ …… ”

 

พอฉันเริ่มผ่อนคลายจิตใจแล้ว ความเหนื่อยล้าที่ถูกสะสมไว้ก็ประโคมเข้ามาซัดหน้าทันที เปลือกตาของฉันเริ่มรู้สึกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด…

 

 

~★★★~

 

 

‘ ….ที่นี่อีกแล้วเหรอ? ’

[ อืม ก็▅งั้นแหละ แต่พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ ]

‘ …… ’

[ อะไรกัน▅▅▅? นายดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ มี▅▅▅อะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะ ]

 

เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ให้โลกสีขาวที่ไร้ผืนฟ้าและไร้พื้นดิน ไม่มีก้อนเมฆหรือต้นไม้เลยสักต้น มีเพียงแค่ความว่างเปล่าที่ยาวสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น ภาพของโลกดังกล่าวคือสิ่งที่ฉันเคยพบเจอมาแล้วครั้งนึงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

และตัวตนตรงหน้าของฉันที่ยืนพูดเหมือนพวกเราสนิทกัน ฉันก็ยังจำมันได้ดี ก็ครั้งที่แล้วมันเล่นทิ้งปมไว้แล้วชิ่งหนีหายไป ทำเอาฉันฉุนสุด ๆ เลย 

 

‘ แกอีกแล้วเหรอไอ้หน้าขาว… ’

[ หือ ชื่อนั้นฟังดู▅ดีนิ ไม่เลวเลย ฉันรู้สึกชอบชื่อนั้นจัง งั้นเพื่อเป็นของขวัญ▅▅▅▅น้อย ๆ ฉันจะอนุญาตให้นายขยับได้สัก▅▅▅ก็แล้วกันนะ ]

‘ หา? ’

 

ไอ้หน้าขาวยกนิ้วชี้มาทางฉันก่อนที่แขนของฉันจะกลับมาขยับได้ ซึ่งต่างกับก่อนหน้านี้ที่ทั้งร่างของฉันยกเว้นใบหน้าจะขยับไม่ได้เลย

 

‘ เฮ้ย! เอ็งจะเหลือส่วนขาไว้ทำหอกไรฟะ!? ’

 

มันทำให้ฉันขยับแขนได้ตามต้องการแล้วก็จริง แต่ส่วนขาของฉันก็ยังคงขยับไม่ได้ดังเดิม จะบอกว่าเป็นการขยับที่ไม่เหมือนการขยับของมนุษย์ก็ได้ ส่วนล่างกับส่วนบนไม่ไปทิศทางเดียวกันเลย 

 

[ อืม…ฉันสังเกตมาสัก▅เเล้วนะ ทำไมนายถึง▅▅▅▅▅▅▅หยาบคายจังเวลาคุยกับ▅▅เนี่ย? ]

‘ ก็เอ็งมาเล่นมาก่อกวนตรูยันในความฝันเเบบนี้ไง! จะไม่ให้โกรธได้ยังไงกันฟะ! ง่วงก็ง่วง! แต่ก็ยังต้องมายืนต่อปากต่อคำกับเอ็งอีกเนี่ย! ’

[ ….นั่น▅▅▅จริงเเฮะ ]

 

มันใช้มือเกาคางพลางพยักหน้ารับรู้ 

 

‘ อา นี่เอ็งรู้ไหมว่าฉันเหนื่อยมากเเค่ไหนในวันนี้ ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าให้ฉันไปสู้ในสงครามยังสบายมากกว่านี้อีก ’

[ อืม ▅ … ]

‘ เเละฉันมั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จะต้องมีอะไรที่สามารถทำให้ฉันปวดหัวได้มากกว่านี้อีกเเน่ เอ็งเข้าใจไหม… ’

[ ▅▅ ๆ … ]

 

ปากของฉันยังคงพูดออกมาเองเรื่อย ๆ  ขัดแย้งกับดวงตาตอนนี้ที่เบิกกวางตะลึงสุดขีด ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ปากของฉันมันพูดออกมาแบบอัตโนมัติ แถมเเต่ละประโยคมันก็เหมือนกับการระบายความในใจออกมาด้วย

ฉันแสดงสายตาขัดขืน ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ 

 

[ นายไม่ต้องสงสัยหรอก เพราะ▅▅▅ในความฝันนี้นายไม่สามารถปกปิดอะไรได้▅▅▅▅▅ ทุกสิ่งที่นายคิดฉันรับรู้หมดนั่นเเหละ ]

‘ ….งั้นเอ็งก็รู้สินะว่าตอนนี้ฉันต้องการอะไรอยู่ ’

[ ใช่~ ฉันรู้ เเต่ฉันไม่สามารถบอกได้▅▅▅▅นะ ตัวตนของฉันมันควร▅▅▅▅▅▅▅ปิดเป็นความลับสิถึงจะน่าสนุก อ้า เหมือนพวกตัวละครลับในเกมหรือในนิยายไง ]

 

มันส่งเสียงตื่นเต้นและใช้มือปิดหน้าโพสต์ท่าประหลาด

 

‘ ….เเล้วเเต่เอ็งเลยก็เเล้วกัน เเต่ช่วยให้ฉันได้กลับไปนอนเเบบปกติได้ไหม วันนี้ฉันเหนื่อยมามากพอเเล้ว ’

 

ถ้าหากฉันยังเอาแต่พูดคุยยืดเยื้อกับไอ้หน้าขาวต่อไปก็ยิ่งเสียเวลาเปล่า เวลาการนอนของฉันมันไม่ได้เหมือนคนปกติสักหน่อยนี่

 

[ นายไม่ต้องห่วงหรอก เพราะอีกไม่กี่▅▅▅▅นายก็ต้องตื่นอยู่เเล้วล่ะ ฉันเเค่เเทรกเเซงเข้ามา ไม่ใช่ควบคุมความฝัน▅▅สักหน่อย เเละต่อให้▅▅ไม่ได้เข้ามาเเทรกเเซงความฝัน นายก็ไม่มีทางได้ฝันดี▅▅แล้วใช่ไหมล่ะ โซ~ดิน~ ]

‘ …… ’

[ โอ๊ะ!? ดูเหมือนจะหมดเวลา▅▅▅สิ งั้นไว้เจ— ]

 

เพล้ง!

ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ ภาพเบื้องหน้าของฉันทุกอย่างเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ คล้ายวันสิ้นโลกของจริง ทุกอย่างกลายเป็นสีดำอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ พร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่กำลังสุมอยู่ในอก…

 

“ อ—เอ๊ะ!? ตื่นแล้วงั้นเหรอ?! …เอ่อ สวัสดียามเช้านะ… ”

“ ….เฮ้อ ฉันเคยบอกเเล้วไงว่าอย่าเเอบเข้ามาตอนที่คนอื่นหลับน่ะ มันคืออาชญากรรมเลยนะ ”

“ ก็ข้าไม่ได้เจอหน้าเจ้าตั้งหลายปีเลยนะ แค่นิดหน่อยจะเป็นอะไรไป แต่ข้าก็ดีใจมากนะที่เจ้าสวมชุดที่ข้าเคยเลือกให้มาน่ะ ”

“ จ้า ๆ ก่อนจะดีใจ เธอช่วยลุกออกจากตัวฉันก่อนได้ไหม…เธอก็รู้นิว่าฉันหายใจลำบาก… ”

 

ภาพเเรกที่ฉันเห็นหลังลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือ ภาพของเด็กผู้หญิงผมสั้นที่กำลังนอนทับอยู่บนตัวของฉัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาโลกเบื้องหลัง 29

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 29 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ เอ่อ…ปล่อยฉันลงก่อนได้ไหมเมี๊ยว นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะที่ฉันถูกจับยกขึ้นเนี่ย ”

“ อืม… ”

“ ขอบคุณเมี๊ยว~ ”

 

ฉันแบมือปล่อยออกแบบไร้เยื่อใย แต่ร่างของมันก็ร่วงลงถึงพื้นได้อย่างมั่นคง มันสะบัดตัวก่อนจะมองสำรวจความเรียบร้อย 

 

“ เอาเป็นว่า…ฉันคือเฮลเมี๊ยว จิตวิญญาณโบราณที่ฉันทำพันธสัญญาอยู่ด้วยไม่ใช่ประเภทที่ชอบสร้างปัญหา หรือชอบสร้างความวุ่นวาย แล้วก็ไม่ชอบการเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตด้วยนะ ”

“ ไม่ ๆ ๆ ๆ แกไม่ใช่เฮลแน่ ๆ ยังไงก็ไม่ใช่ ”

“ หา? ” 

 

ไอ้เจ้าแมวเอียงคองง มันอยากจะเอ่ยถามว่าทำไม แต่แล้วคนตรงหน้าก็พูดต่อทันที 

 

“ ก็ชื่อที่พี่ทรายเรียกแกก่อนหน้านี้ใช่ ‘แมวขโมยจันทร์’ ปะล่ะ แถมยัยแก่ก็ยังบอกกับแกว่า ‘ขโมย’ อีก จะฟังดูยังไงการขโมยมันก็คือการสร้างปัญหาไม่ใช่เหรอฟะ!? แล้วแกจะถูกจัดเป็นเฮลได้ยังไง…? ”

 

ชื่อยอร์มุงกันเดอร์ไม่ได้หมายถึงแค่พวกที่ชอบทำร้ายผู้คนอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพวกขี้ขโมยหรือพวกชอบปุกปั่นสังคมด้วย ไม่ว่าแบบไหนก็เป็นพวกชอบสร้างปัญหาเหมือนกันอยู่ดี

 

“ อ๊ะ คือ…จะว่าไงดีล่ะ ฮะ ๆ … ”

 

มันหัวเราะแห้งออกมา ย่นคอลงพลางเคลื่อนสายตามองไปทางอื่น และทันทีที่คิดอะไรบางอย่างได้ มันก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว 

 

“ ….อ้า ใช่ ๆ ฉันเป็นคนพิเศษไงเมี๊ยว! ฉันสร้างปัญหาก็จริง แต่ไม่ได้เยอะมาก และก่อนที่ฉันจะเริ่มลงมือขโมย ฉันก็ได้ลองเข้าไปเจรจาขอของชิ้นนั้นก่อนอย่างสันติทุกครั้งด้วยนะเมี๊ยว…ถึงจะถูกปฏิเสธและถูกไล่ยิงทุกครั้งก็เถอะเนอะ…แต่นายลองคิดดูสิว่าจะมีโจรที่ไหนทำแบบฉันบ้าง!! ”

“ อืม…คงจะไม่มีหรอก แกพิเศษจริงด้วยสินะ พิเศษจนเข้ากับกระสุนไรเฟิลที่ทำมาพิเศษเลยล่ะ… ”

“ ย—อย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิเมี๊ยว?! ”

 

ฉันคลี่ยิ้มเย็นชาแล้วชี้นิ้วไปทางหน้าต่างบานข้างหลังส่งสัญญาณเตือนนิด ๆ ให้ไอ้เจ้าแมวระวังตัวไว้ ซึ่งแน่นอนว่าแค่ชี้ไปมั่ว ๆ เพราะอยากแกล้งมันเล่นก็เท่านั้น 

 

“ อ้าาาาา ก็ได้เมี๊ยว! ฉันยอมรับก็ได้ว่าเป็นยอร์มุงกันเดอร์! แต่ฉันไม่เคยทำร้ายใครจริง ๆ นะ! เพราะงั้นขอร้องล่ะ…อย่าฆ่าฉันเลยนะเมี๊ยว!! ”

“ ฮ—เฮ้ย?! ”

 

ไอ้เจ้าแมวใช้จังหวะที่ฉันเผลอ โผตัวเข้ามาเกาะขากางเกงฉันแน่นเหมือนแมลง ฉันพยายามสะบัดขาสุดแรงหวังให้มันหลุดออก ทว่า ตัวมันก็ยังติดหนึบอยู่เหมือนเดิม นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นที่ฉันเคยมองว่ามีเสน่ห์กำลังเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา แสดงสีหน้าท่าทางน่าสงสาร

แต่ฉันก็ไม่ได้ใจอ่อนเลย กลับกัน ฉันยิ่งสะบัดขาขึ้นแรงกว่าเดิมอีก…สุดท้ายแล้ว ฉันก็หยุดสะบัดขาแล้วเซตัวไปยืนหอบหายใจพิงกับราวบรรได

 

“ แฮก…แฮก… ”

“ แงงงง…อย่าฆ่าฉันเลยน้า ยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ยังไม่ได้ทำ ขอร้องล่ะน้า อย่าฆ่าฉันเลย…แงงงงงง~ ”

“ ปล่อยสิเฟ้ย! เป็นบ้าอะไรแกเนี่ย?! ”

“ ….ฮึก ก—ก็จากที่ฉันรู้มาเกี่ยวกับตัวนาย งานเก่าของนายก็คือการล่าพวกยอร์มุงกันเดอร์ใช่ไหมล่ะเมี๊ยว นายจะชอบฆ่าพวกนั้นด้วยวิธีการที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานที่สุด และต่อให้เหลือแค่ซากศพ นายก็จะเอามันไปประมูลขายเพื่อหาเงินอีกเมี๊ยว กระทั่งหยดเลือดที่กระเซ็นอยู่ตามพื้น นายก็จะก้มหน้าลงไปเลียอย่างมูมมามแล้วแสยะยิ้มออกมา ”

“ เฮ้ย ๆ !? ไอ้สัตว์ประหลาดปลอดหลักอนามัยนั่นหมายถึงฉันเหรอฟะ??!! ”

 

ภาพของตัวเองในสภาพโชกไปด้วยเลือดกำลังก้มหน้าก้มตาเลียพื้นเหมือนหมา…แค่ลองคิด ลิ้นก็รู้สึกฝาดแปลก ๆ แล้ว

ไอ้เจ้าแมวเอาหน้าถูกับกางเกงฉันเพื่อเช็ดน้ำมูกออกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองราวกับจะถามว่า ‘ไม่ใช่อย่างงั้นเหรอเหรอ?’

ฉันใช้มือข้างนึงก่ายหน้าผากขึ้น พรูลมหายใจออก พยายามปรับสีหน้าและอารมณ์ให้สงบที่สุด พอเริ่มได้ที่แล้ว ฉันก็ก้มหน้ากลับมาสบตากับไอ้เจ้าแมวตรง ๆ 

 

“ ฉันขอปฏิเสธประโยคสองอันหลัง แกคิดว่าฉันขาดเงินหรือมีรสนิยมแบบนั้นรึไง เลียพื้นเนี่ยนะ? ไอ้คนปล่อยข่าวบ้านี่มันเกลียดฉันขนาดไหนกัน ”

“ ….น—นายปฏิเสธประโยคหลังก็หมายความว่า… ”

 

ไอ้เจ้าแมวเบิกตากว้าง นัยน์ตาสั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัว มันค่อย ๆ คลายแรงที่เกาะอยู่ออก ก้าวถอยหลังโดยพยายามรักษาระยะห่างให้ได้มากที่สุด ฉันยิ้มเยาะและว่าประโยคต่อจากที่ขาดไป 

 

“ ฉันยอมรับแค่ประโยคแรกเท่านั้นแหละน่า ”

“ ท—ทรมาน?! ”

“ ใช่ ๆ นั่นแหละ ชอบฆ่าด้วยวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกทรมานที่สุด ทรมานจนคิดว่าตายซะยังดีกว่า…เฮ้อ เลิกเล่นกันได้แล้วล่ะ ฉันเริ่มง่วงแล้ว…หาว~ ”

“ เอ๊ะ? ”

“ ฉันจะนอนในห้องโถงนี่แหละ พอตื่นมาก็ค่อยไปห้องอาหารเลย ส่วนแกจะไปนอนไหนก็ไป ”

 

ฉันพูดพลางดึงเนกไทออก ถอดเสื้อสูทออกแล้วเอาไปพาดราวบรรไดข้าง ๆ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นเตรียมตัวนอน

ไอ้เจ้าแมวยังคงยืนนิ่งคล้ายกับตามสถานการณ์ไม่ทัน กระพริบตาปริบ และเอ่ยถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ 

 

“ เอาจริงดิเมี๊ยว? เมื่อวานยังนอนโรงแรมอยู่เลยนะ แล้วไหงวันนี้ถึงนอนพื้นล่ะ?? นายไม่รู้สึกแปลกเลยรึไงเมี๊ยว??? ”

“ นั่มมันเรื่องของแก ฉันจะนอนแล้วอย่ามากวน ”

“ เดี๋ยวก่อนสิคะคุณชาย!? ”

 

ขณะที่ฉันค่อย ๆ หย่อนหลังลงพื้น เมดคนหนึ่งที่อยู่ด้านบนสุดของบรรไดได้ตะโกนห้ามขึ้นทันที แม้มองจากด้านล่างก็ยังเห็นได้ว่าสีหน้าของเธอตื่นตูมเป็นอย่างมาก เธอดึงกระโปงขึ้นเล็กน้อยรีบสับเท้าลงมาจากบรรไดด้วยท่าทีร้อนรนสุด ๆ

ฉันกลับมานั่งเหยียดหลังตรงอีกครั้ง เงยหน้ามองเมดที่กำลังยืนหอบ 

 

“ เอ่อ… ”

“ แฮก ๆ ห้อง…ห้องของคุณชาย…อยู่ แฮก ๆ อยู่ชั้นสองทางด้านขวา…ห้องในสุด…แฮก ๆ ”

“ อ—อืม ขอบคุณครับ? ”

 

เมดคนนั้นชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็พลิกมือไปมาเพื่อบอกให้ฉันรู้ทาง ถึงจะงง ๆ แต่ฉันก็พอเข้าใจนิดหน่อย ฉันกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายแล้วหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้มาใส่ให้เรียบร้อย และเดินขึ้นบรรไดไป…

 

 

~★★★~

 

 

เมดนั้นไม่ได้ยินคำขอบคุณเลยสักนิด เสียงหัวใจที่เต้นแรงจนจะทะลุออกมาจากหน้าอกดังกลบเสียงอื่น ๆ ไปซะหมด 

เธอคือคนที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลจัดการแขกทางนี้ตามคำสั่งของแพน ไคม์ หรือผู้นำตระกูลไคม์นั่นเอง

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยังทำเธอรู้สึกตกใจไม่หาย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าแขกที่ถูกบอกย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นคนพิเศษจะตัดสินใจนอนบนพื้นในห้องโถงเพียงเพราะไม่รู้จักห้องของตัวเอง

เธอนั้นพอจะทราบจากปากของเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ‘จัสมิน’ ว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นคนที่สำคัญมาก ๆ ของท่านผู้นำตระกูล มีความสัมพันธ์ถึงขั้นเคยหลับนอนด้วยกันมาแล้วหลายร้อยรอบ แต่นอกจากนั้นเธอก็ไม่ได้รู้อะไรอีก…

 

( ถ—ถ้าเมื่อกี้นายหญิงรู้เข้าละก็…ทั้งครอบครัวของฉันคงโดนเด้งยกเซ็ตแน่!? )

 

ทั้งครอบครัวของเธอทำงานที่คฤหาสน์หลังนี้มาหลายรุ่นแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่ยันรุ่นของเธอ ตอนนี้พ่อของเธอคงกำลังดูแลสวนกับคนงานคนอื่น ๆ อยู่ ส่วนทางฝั่งแม่ก็น่าจะกำลังทำความสะอาดห้องอาหารอยู่ใกล้ ๆ นี้

ฟังทั้งหมดเหมือนเธอโดนบังคับให้มาทำงานตามครอบครัว แต่ในความจริงแล้ว ครอบครัวของเธอไม่ได้บังคับให้เธอมาทำงานนี้เลย ค่อนข้างจะให้อิสระในการเลือกด้วยซ้ำ และเป็นเพราะอย่างงั้น หลังเธอเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เธอก็สมัครเข้ามาทำงานเป็นเมดที่คฤหาสน์หลังนี้ทันที

และถึงเธอจะพอมีพื้นฐานงานจากทั้งพ่อและแม่นิดหน่อยแล้ว แต่เธอก็ยังต้องพยายามเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อีกมากเพื่อไม่ให้เป็นภาระของพ่อแม่ 

 

( ไม่ ๆ ฉันอย่าพึ่งไปคิดมากเรื่องนั้นสิ ใช่แล้ว นายหญิงทั้งใจดีและน่ารักจะตาย ไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว )

 

เธอพยักหน้าปลอบใจตัวเองพลางชูกำปั้น ค่าความมั่นใจเริ่มฟื้นฟูกลับมาเต็มแล้ว…

 

“ งั้นฉันไปนอนก่อนละกันนะ ”

“ เมี๊ยว~! ”(ขอตามไปด้วยคนนะเมี๊ยว~)

“ ไม่เด็ดขาดเฟ้ย ”

“ ……? ”

 

เด็กผู้ชายที่เป็นแขกคนนั้นหันหลังกลับมากล่าวด้วยสีหน้างัวเงีย น่าแปลก อีกฝ่ายเหมือนไม่ได้กำลังพูดกับเธอ แต่เหมือนกำลังพูดกับแมวข้าง ๆ เธอต่างหาก มันส่งเสียงร้องตอบกลับเด็กผู้ชาย เธอได้ยินแค่เสียงร้อง ‘เมี๊ยว’ เท่านั้น

เธอก้มหน้าลงมองที่แมวสีขนประหลาด ก่อนที่มันเองก็จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วย ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าผู้นำตระกูลฝากเธอมาพูดอีกเรื่องด้วย แต่เพราะคำสั่งมันฟังดูงง ๆ  เธอเลยเผลอลืมไป 

 

“ เอ่อ…คุณแอนนาคะ นายหญิงสั่งให้มาบอกว่าเตรียมห้องนอนเอาไว้เรียบร้อยเเล้ว เชิญตามมาด้วยค่ะ ”

“ เมี๊ยว? ”(หา?)

 

แมวขนสีประหลาดเอียงคอสงสัยคล้ายอยากถามเธอว่า ‘เธอกำลังพูดกับฉันเหรอ’ แน่นอนว่ากระทั่งตัวเธอเองก็อยากถามแบบนั้นเหมือนกัน เธอถูกสั่งแค่ให้มาพูดต่อหน้าแมวตัวนี้เท่านั้น ไม่มีคำอธิบายอะไรอีกเลย 

 

“ เมี๊ยว!? ”(นี่ยัยนั่นเตรียมการไว้อยู่แล้วงั้นเหรอเนี่ย?! ไม่เอานะ! หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอาเมี๊ยว!)

“ ….นายหญิงสั่งมาว่าให้ยิงคุณทิ้งได้เลยหากไม่ยอมเชื่อฟังค่ะ? ”

“ ….ม—เมี๊ยว ”(….อ—โอเคจ้า)

 

เมดยืนเกาหัวอย่างไม่มั่นใจ แต่เมื่อเห็นแมวตรงหน้าทำคอตกเหมือนเข้าใจสิ่งที่เธอพูด เธอเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว สีหน้าถูกปรับให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นก็เดินนำขึ้นบรรไดไปแล้วเดินเลี้ยวทางด้านขวาซึ่งตรงข้ามกับทางของเด็กผู้ชายก่อนหน้านี้…

 

 

~★★★~

 

 

“ อา ในที่สุดก็ได้นอนสักที…หาว~ อืม จะว่าไป ตอนอยู่ที่โรงแรมฉันก็แทบไม่นอนเลยนี่หว่า ”

 

ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งและใช้มือบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป ภายในไม่ได้อลังการงานสร้างแต่อย่างใด ค่อนข้างเรียบง่ายสบายตาด้วยซ้ำ มีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นภายในนี้ ที่เด่นสุดก็คงเป็นเตียงนอนที่แค่เปิดประตูเข้ามาก็จะเห็นทันที

 

“ ฮะ ๆ โคตรซึ้งใจเลยนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะทำความสะอาดให้ด้วย… ”

 

เมื่อฉันลองใช้จมูกดมกลิ่นดูก็พบว่าในห้องไม่มีกลิ่นอับเลย แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย พวกโต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่น่าถูกใช้งานมานานหลายปีแล้วก็ยังดูสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนเดิม

ห้องนี้นี่แหละที่เคยเป็นห้องส่วนตัวของฉันมาก่อน และเคยคิดว่ามันถูกเปลี่ยนไปเป็นห้องเก็บของไปแล้ว ฉันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเปิดดูข้างใน

 

“ กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเตรียมไว้ให้ด้วย สุดยอดเลยแฮะ นี่เธอรู้อยู่แล้วรึไงเนี่ยว่าฉันจะมาหา…? ”

 

ทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมหมด ทำเอาซะจนฉันอดไม่ได้ที่จะระแวงขึ้นมา แต่พอมาคิดดูแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้ให้เรียบร้อย

 

( ช่างเถอะ คิดไปก็มีแต่จะเสียเวลานอน )

 

ฉันเปลี่ยนชุดออกแล้วใส่ชุดที่ถูกเตรียมมาไว้ให้แทน มันเป็นชุดใส่อยู่บ้านสบาย ๆ อย่างเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะรู้ว่าฉันชอบใส่ชุดแบบไหน ก็พวกเราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีเลยนี่…

ฉันจำได้ว่าตัวเองต้องออกกำลังกายทุกวันตามสัญญา แต่เพราะวันนี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างเกิดขี้นที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยพอ ๆ กับการออกกำลังกายเลยคิดจะปล่อยผ่านไปสักวัน แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจวิดพื้นสักเซ็ตก่อนแล้วค่อยนอน

หลังจากที่เพิ่มภาระให้ร่างกายตัวเองเสร็จ ฉันก็ใช้ผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าเช็ดเหงื่อให้เรียบร้อยและนั่งพักนิดหน่อย จากนั้นก็ลุกเดินไปทางเตียงนอนและกระโดดขึ้นไป

 

“ อ้า เตียงเพื่อนรัก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แกนี่ยังนุ่มนิ่มสู้เตียงโรงแรมหรูได้เหมือนเดิม แถมกลิ่นก็ยังหอมขึ้นด้วย วันนี้ช่วยทำให้หลับสบายทีล่ะ ”

 

ฉันบ่นพึมพำคล้ายคุยกับใครบางคน มันค่อนข้างน่าอายถ้าหากมีคนอื่นมาได้ยินสิ่งนี้ แต่เพราะห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงที่ถูกปรับเปลี่ยนตามคำร้องขอของฉัน ดังนั้นฉันเลยพูดอะไรแบบนี้ได้อย่างสบายใจตราบใดที่ไม่ได้เปิดประตูทิ้งไว้

 

“ …… ”

 

พอฉันเริ่มผ่อนคลายจิตใจแล้ว ความเหนื่อยล้าที่ถูกสะสมไว้ก็ประโคมเข้ามาซัดหน้าทันที เปลือกตาของฉันเริ่มรู้สึกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด…

 

 

~★★★~

 

 

‘ ….ที่นี่อีกแล้วเหรอ? ’

[ อืม ก็▅งั้นแหละ แต่พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ ]

‘ …… ’

[ อะไรกัน▅▅▅? นายดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ มี▅▅▅อะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะ ]

 

เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ให้โลกสีขาวที่ไร้ผืนฟ้าและไร้พื้นดิน ไม่มีก้อนเมฆหรือต้นไม้เลยสักต้น มีเพียงแค่ความว่างเปล่าที่ยาวสุดลูกหูลูกตาเท่านั้น ภาพของโลกดังกล่าวคือสิ่งที่ฉันเคยพบเจอมาแล้วครั้งนึงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

และตัวตนตรงหน้าของฉันที่ยืนพูดเหมือนพวกเราสนิทกัน ฉันก็ยังจำมันได้ดี ก็ครั้งที่แล้วมันเล่นทิ้งปมไว้แล้วชิ่งหนีหายไป ทำเอาฉันฉุนสุด ๆ เลย 

 

‘ แกอีกแล้วเหรอไอ้หน้าขาว… ’

[ หือ ชื่อนั้นฟังดู▅ดีนิ ไม่เลวเลย ฉันรู้สึกชอบชื่อนั้นจัง งั้นเพื่อเป็นของขวัญ▅▅▅▅น้อย ๆ ฉันจะอนุญาตให้นายขยับได้สัก▅▅▅ก็แล้วกันนะ ]

‘ หา? ’

 

ไอ้หน้าขาวยกนิ้วชี้มาทางฉันก่อนที่แขนของฉันจะกลับมาขยับได้ ซึ่งต่างกับก่อนหน้านี้ที่ทั้งร่างของฉันยกเว้นใบหน้าจะขยับไม่ได้เลย

 

‘ เฮ้ย! เอ็งจะเหลือส่วนขาไว้ทำหอกไรฟะ!? ’

 

มันทำให้ฉันขยับแขนได้ตามต้องการแล้วก็จริง แต่ส่วนขาของฉันก็ยังคงขยับไม่ได้ดังเดิม จะบอกว่าเป็นการขยับที่ไม่เหมือนการขยับของมนุษย์ก็ได้ ส่วนล่างกับส่วนบนไม่ไปทิศทางเดียวกันเลย 

 

[ อืม…ฉันสังเกตมาสัก▅เเล้วนะ ทำไมนายถึง▅▅▅▅▅▅▅หยาบคายจังเวลาคุยกับ▅▅เนี่ย? ]

‘ ก็เอ็งมาเล่นมาก่อกวนตรูยันในความฝันเเบบนี้ไง! จะไม่ให้โกรธได้ยังไงกันฟะ! ง่วงก็ง่วง! แต่ก็ยังต้องมายืนต่อปากต่อคำกับเอ็งอีกเนี่ย! ’

[ ….นั่น▅▅▅จริงเเฮะ ]

 

มันใช้มือเกาคางพลางพยักหน้ารับรู้ 

 

‘ อา นี่เอ็งรู้ไหมว่าฉันเหนื่อยมากเเค่ไหนในวันนี้ ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าให้ฉันไปสู้ในสงครามยังสบายมากกว่านี้อีก ’

[ อืม ▅ … ]

‘ เเละฉันมั่นใจเลยว่าพรุ่งนี้จะต้องมีอะไรที่สามารถทำให้ฉันปวดหัวได้มากกว่านี้อีกเเน่ เอ็งเข้าใจไหม… ’

[ ▅▅ ๆ … ]

 

ปากของฉันยังคงพูดออกมาเองเรื่อย ๆ  ขัดแย้งกับดวงตาตอนนี้ที่เบิกกวางตะลึงสุดขีด ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ปากของฉันมันพูดออกมาแบบอัตโนมัติ แถมเเต่ละประโยคมันก็เหมือนกับการระบายความในใจออกมาด้วย

ฉันแสดงสายตาขัดขืน ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ 

 

[ นายไม่ต้องสงสัยหรอก เพราะ▅▅▅ในความฝันนี้นายไม่สามารถปกปิดอะไรได้▅▅▅▅▅ ทุกสิ่งที่นายคิดฉันรับรู้หมดนั่นเเหละ ]

‘ ….งั้นเอ็งก็รู้สินะว่าตอนนี้ฉันต้องการอะไรอยู่ ’

[ ใช่~ ฉันรู้ เเต่ฉันไม่สามารถบอกได้▅▅▅▅นะ ตัวตนของฉันมันควร▅▅▅▅▅▅▅ปิดเป็นความลับสิถึงจะน่าสนุก อ้า เหมือนพวกตัวละครลับในเกมหรือในนิยายไง ]

 

มันส่งเสียงตื่นเต้นและใช้มือปิดหน้าโพสต์ท่าประหลาด

 

‘ ….เเล้วเเต่เอ็งเลยก็เเล้วกัน เเต่ช่วยให้ฉันได้กลับไปนอนเเบบปกติได้ไหม วันนี้ฉันเหนื่อยมามากพอเเล้ว ’

 

ถ้าหากฉันยังเอาแต่พูดคุยยืดเยื้อกับไอ้หน้าขาวต่อไปก็ยิ่งเสียเวลาเปล่า เวลาการนอนของฉันมันไม่ได้เหมือนคนปกติสักหน่อยนี่

 

[ นายไม่ต้องห่วงหรอก เพราะอีกไม่กี่▅▅▅▅นายก็ต้องตื่นอยู่เเล้วล่ะ ฉันเเค่เเทรกเเซงเข้ามา ไม่ใช่ควบคุมความฝัน▅▅สักหน่อย เเละต่อให้▅▅ไม่ได้เข้ามาเเทรกเเซงความฝัน นายก็ไม่มีทางได้ฝันดี▅▅แล้วใช่ไหมล่ะ โซ~ดิน~ ]

‘ …… ’

[ โอ๊ะ!? ดูเหมือนจะหมดเวลา▅▅▅สิ งั้นไว้เจ— ]

 

เพล้ง!

ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบ ภาพเบื้องหน้าของฉันทุกอย่างเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ คล้ายวันสิ้นโลกของจริง ทุกอย่างกลายเป็นสีดำอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาช้า ๆ พร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่กำลังสุมอยู่ในอก…

 

“ อ—เอ๊ะ!? ตื่นแล้วงั้นเหรอ?! …เอ่อ สวัสดียามเช้านะ… ”

“ ….เฮ้อ ฉันเคยบอกเเล้วไงว่าอย่าเเอบเข้ามาตอนที่คนอื่นหลับน่ะ มันคืออาชญากรรมเลยนะ ”

“ ก็ข้าไม่ได้เจอหน้าเจ้าตั้งหลายปีเลยนะ แค่นิดหน่อยจะเป็นอะไรไป แต่ข้าก็ดีใจมากนะที่เจ้าสวมชุดที่ข้าเคยเลือกให้มาน่ะ ”

“ จ้า ๆ ก่อนจะดีใจ เธอช่วยลุกออกจากตัวฉันก่อนได้ไหม…เธอก็รู้นิว่าฉันหายใจลำบาก… ”

 

ภาพเเรกที่ฉันเห็นหลังลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือ ภาพของเด็กผู้หญิงผมสั้นที่กำลังนอนทับอยู่บนตัวของฉัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+