ราชาโลกเบื้องหลัง 22

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 22 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ ฝนตกอีกแล้วเหรอ? ”

 

ขณะที่ฉันนอนอ่านนิยายอยู่นั้น จู่ๆสายลมนอกหน้าต่างก็เริ่มพัดแรงขึ้น ต้นไม้และใบหญ้าต่างก็เอียงโค้งไปตามกระแสลม หลังจากนั้นไม่นานหยดน้ำฝนก็กระหน่ำลงมา

ฉันวางหนังสือนิยายลงข้างๆตัวและออกแรงดันตัวเองขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปปิดหน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้ปิดสนิท มีแอบแง้มเอาไว้นิดหน่อยให้ลมเย็นๆพัดเข้ามา

 

“ หอมกลิ่นไอดินจังแฮะ~ อา วันหยุดนี่ดีจริงๆเล๊ย~ ”

 

หลังจากที่ไปดูหนังกับแก้วครั้งนั้นก็ผ่านมาแล้ว3อาทิตย์ และเหตุผลที่ฉันนอนเล่นอยู่บ้านในวันจันทร์แบบนี้ได้ก็เป็นเพราะวันนี้คือวันครบรอบการก่อตั้งโรงเรียนอาสการ์ขึ้น ฉันเลยได้วันหยุดมาฟรีๆ1อาทิตย์ให้นอนเล่นจนหนำใจ

และในช่วงที่ผ่านมานี้ ข่าวการเสียชีวิตของคุณลุงก็ได้ออกทีวีด้วย แต่ที่น่าแปลกคือในข่าวกลับบอกว่าบ้านของคุณลุงเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเลยทำให้คุณลุงที่หนีออกมาไม่ทันเสียชีวิตคากองเพลิง ซึ่งมันขัดแย้งกับความจริงที่ฉันเป็นคนลงมือเอง แต่ฉันก็ไม่ได้เผาบ้านด้วยซะหน่อย

ตอนที่คุณพ่อได้เห็นข่าวนี้เข้าก็ดูจะตกใจสุดๆ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายตายแล้ว อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่จัดงานศพเล็กๆให้…

 

( น่าจะชื่อหวูใช่ไหมนะ…? )

 

เรื่องที่คุณลุงพูดในตอนนั้นฉันยังรู้สึกคาใจอยู่ ไอ้เจ้าคนที่ชื่อ หวู นั่นเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้มีอำนาจปล่อยตัวนักโทษได้ตามอำเภอใจ แล้วก็ทำไมถึงได้เลือกคุณลุงให้มาเป็นเด็กส่งของด้วย…บังเอิญงั้นเหรอ?

 

( ถ้าเกิดมีอำนาจมากขนาดนั้นก็น่าจะทำเองได้นี่หน่า ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คนอื่นเลย หรือเพราะเป็นนักโทษเลยเลือกใช้? ไม่สิ ที่ต้องรู้ก่อนเลยคือยาแปลกๆนั่นมันมาจากไหนต่างหาก… )

 

เมื่อมองไปทางหน้าต่างฉันก็เห็นว่าฝนมันเริ่มตกหนักขึ้น ดูแล้วไม่มีท่าทีจะหยุดเร็วๆนี้เลย และทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดกระพริบเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างจ้า ฉันรู้ได้ทันทีว่าฟ้ากำลังร้อง 

ในขณะที่ฉันกำลังจะใช้นิ้วอุดหู ประตูห้องก็ถูกเปิดอย่างกระทันหัน ฟ้าที่ใช้มือปิดหูอยู่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรนราน เธอหลับตาปี๋ไม่ได้มองทางเลยวิ่งชนกับฉันเข้าจังๆ แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลามาใส่ใจ เธอใส่แรงเพิ่มขึ้นดันสิ่งตรงหน้าให้ล้มลงบนเตียงไปพร้อมกันก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง

 

ครึนนนน!!!

 

และไม่ผิดจากที่คาดไว้ ท้องฟ้าได้ส่งเสียงคำรามดังสะเตือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน หมาแมวที่ถูกเลี้ยงไว้ในหลายบ้านต่างก็พากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

 

“ โอ๊ย! เจ็บๆๆ นี่ฟ้าร้องหรือแผ่นดินไหวกันแน่เนี่ย?! ”

 

หลังได้สติ ฉันก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับใช้มือลูบหลังศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ในจังหวะฉันถูกดันให้ล้มลงบนเตียงนั้น ทั้งร่างของฉันได้ล้มลงบนเบาะของเตียงยกเว้นส่วนหัว เป็นเพราะตอนที่ฉันล้มเตียงมันวางเป็นแนวนอน ด้วยความกว้างของเตียงเดี่ยวแล้ว พอล้มลงหัวของฉันจึงกระแทกเข้ากับกำแพงห้องเต็มๆ

และดูท่าแล้วฉันจะสลบไปด้วยเมื่อกี้ ถึงจะแค่ไม่กี่วินาทีก็เถอะ…

 

“ ….ฟ้าเหรอ? ”

“ อ—อื้อ… ”

 

ครึนนนน!!!

ท้องฟ้าได้ร้องอีกครั้ง และคราวนี้มันดันส่งเสียงดังกว่าเดิม ทำให้ฟ้าที่กำลังจะออกมาจากใต้ผ้าห่ม รีบมุดกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง

ฉันถอนหายใจออกมาและเดินไปปิดหน้าต่างที่แอบแง้มไว้ให้สนิทดี ถึงจะยังอยากได้กลิ่นไอดินต่ออีกนิดหน่อยก็เถอะ แต่ในเมื่อฟ้าเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ…

 

“ ออกมาได้แล้วล่ะฟ้า พี่ไปปิดหน้าต่างให้แล้ว ”

“ ….จ—จริงเหรอคะ? ”

 

ฟ้าค่อยๆโผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม เธอเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อถามหาความแน่ใจ ภาพนี้พอมองดูแล้วเหมือนกำลังมองดูลูกเต่าเลย

หลังจากเธอหันไปมองหน้าต่างเพื่อยืนยันแล้ว เธอก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก และถึงเธอจะยืนยันได้แล้วว่าหน้าต่างถูกปิด แต่เธอก็ยังกุมผ้าห่มของฉันไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะมุดกลับเข้าไปได้ทันท่วงที

 

“ แล้วฟ้ามีอะไรรึเปล่าถึงได้รีบวิ่งเข้ามา คงจะไม่ใช่เพราะแค่กลัวฟ้าร้องอย่างเดียวหรอกนะ? ”

“ อื้ม หนูแค่จะแวะมาบอกพี่ว่าพี่ภพมาหาน่ะค่ะ กำลังรออยู่ชั้นล่างเลย จะลงไปหาด้วยกันไหมคะ? ”

“ อา งั้นเดี๋ยวพี่ตามลงไปทีหลัง ฟ้าลงไปก่อน— ”

 

ครึนนนน!!!

 

“ ……??!! ”

 

ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ ท้องฟ้าก็ร้องดังลั่นอีกครั้ง และไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ พอรู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มุดเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้ว

 

( ขอพูดให้จบบ้างไม่ได้เลยรึไงเนี่ย… )

 

พี่ภพ หรือ ภพ ไคม์ เขาคือพี่ชายของแก้วนั่นเอง และแถมเขายังเป็นถึงพันตรีของกองทัพด้วย 

ก็อย่างที่เคยถูกอธิบายไว้ว่าฉันถูกนำไปแลกเปลี่ยนกับตระกูลไคม์ตามธรรมเนียมสลับบุตรหลานบ้าบออะไรนั่น และคนที่ถูกสลับเปลี่ยนกับฉันก็คือพี่ภพนี่แหละ เขากับฉันมีชะตากรรมที่เหมือนกัน ไม่สิ อาจจะต่างกันนิดหน่อยตรงที่เขาไม่ได้ถูกตัดขาดจากตระกูลของตัวเอง…

 

( พี่ภพงั้นเหรอ ไม่ได้เจอกันนานซะด้วยสิ จะต้องทำหน้ายังไงดีเนี่ย…? )

 

ในมุมมองของฉัน พี่ภพเองก็เป็นคนดีนะ เเถมยังเป็นคนดีมากๆด้วย เเต่ฉันไม่ค่อยถูกกับพวกทหารสักเท่าไรเลยทำให้พวกเราไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนัก…

ฉันจัดเสื้อผ้าที่ยับให้ดูเรียบร้อยและเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อลงไปถึงฉันก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ของฉันในห้องนั่งเล่น

และเมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันหน้ามาเห็นฉันก็โบกมือทักทายด้วยความเป็นมิตร ฉันผงกหัวตอบกลับอีกฝ่าย อาจจะดูไร้มารยาทแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจ 

 

“ ไงเมฆ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะ ”

“ อา…ครับ ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ ”

“ อืม~หลังย้ายมานี่ ดูเหมือนนายจะเริ่มออกกำลังกายเเล้วสินะ ตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย ”

“ ก็แค่บางวันที่ไม่ขี้เกียจน่ะครับ ”

 

ดูจากชุดที่แห้งแล้ว พี่ภพน่าจะพึ่งมาถึงก่อนฝนตกได้ไม่นาน 

 

“ ถึงจะแค่บางวัน แต่ก็ดีแล้วล่ะนะ นายจะได้ไม่กลับไปป่วยแบบเมื่อก่อนอีกแล้วไง ” 

 

เมื่อคุณแม่ได้ยินประโยคหลังของพี่ภพ รอยยิ้มที่อบอุ่นก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆหายไป คุณพ่อที่พึ่งตระหนักได้ก็รีบเอามือมาปิดหูของคุณแม่ไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดได้ไหลผ่านแก้มของคุณแม่ไป

ความรู้สึกของมนุษย์นั้นละเอียดอ่อน เรื่องเล็กๆสำหรับใครบางคนก็อาจจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆสำหรับใครบางคนเช่นกัน

คุณแม่น่ะมีความรู้สึกนึงที่ยังตราตรึงในใจอยู่เสมอมา ไม่ว่ามันจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม นั่นก็คือ ‘ความรู้สึกผิด’ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาเเข็งเเรงได้ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูเเลลูกได้ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้

ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะ[ร่างไร้พร]ที่ฉันได้รับมาตั้งแต่เกิด ร่างกายที่อ่อนแอจนเหมือนจะหยุดหายใจได้ตลอดเวลาทำให้ยากต่อการใข้ชีวิตมาก เรียกว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงเลยก็ไม่ผิด และเพราะเหตุนี้คุณแม่จึงรู้สึกผิดมาตลอด ทั้งฉันและคุณพ่อต่างก็เห็นชอบร่วมกันว่าห้ามพูดถึงฉันสมัยก่อนต่อหน้าคุณแม่เด็ดขาดไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม็ตาม…

 

( อ่า…แย่แล้วไง เจ้าตัวดันไม่ได้สังเกตเห็นด้วยสิ )

 

พี่ภพยังคงมองมาที่ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตรนั่น โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าคุณแม่กำลังร้องไห้อยู่ เอาตามจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ภพหรอกนะ ก็ไม่มีใครเคยบอกเขาสักหน่อยเรื่องประโยคที่ห้ามพูดต่อหน้าคุณแม่น่ะ

ฉันถอนหายใจออกมาครั้งที่เท่าไรไม่รู้แล้วของวัน ก่อนจะหันไปสบตากับคุณพ่อ และดูเหมือนคุณพ่อจะเข้าใจจึงได้พยักหน้าตอบกลับมา

 

“ ดูเหมือนวันนี้ภรรยาของฉันจะตาชื้นไปหน่อย อาจเป็นเพราะฝนตกก็ได้ ฉันขอพาภรรยาไปนอนพักก่อนนะภพ ถ้ามีอะไรก็ถามเมฆได้เลย ”

“ อ๊ะ ครับ? ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวผมก็จะไปเเล้วล่ะ พอดีมีธุระกับเมฆนิดหน่อย ”

“ อ๋อ งั้นเองสินะ ”

 

คุณพ่อใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดน้ำตาให้คุณแม่และพาขึ้นห้องไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ฉันกับพี่ภพสองคนเท่านั้นแล้ว

 

“ ….เฮ้อ นี่พี่ภพครับ คราวหน้าช่วยอย่าพูดถึงร่างกายของผมสมัยก่อนต่อหน้าแม่ได้ไหมครับ พอดีมันจะมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ”

“ เอ๋? นี่ฉันเผลอสร้างปัญหาให้งั้นเหรอ?! เมื่อกี้แม่ของนายร้องไห้ใช่ไหม?! ฉันเป็นคนทำใช่ไหม?! ขอโทษจริงๆนะ!! ”

“ ผมเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน ”

“ ไม่ๆ! ฉันผิดเต็มๆเลย ก็พอรู้อยู่หรอกว่าตัวเองไม่ค่อยสังเกตคนรอบข้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบกับแม่ของนายด้วย ขอโทษจริงๆนะ ”

 

พี่ภพชูไม้ชูมือโบกไปมาด้วยความรู้สึกรนราน ฉันทำได้แต่ค่อยๆบอกให้เขาใจเย็นลง สุดท้ายเขาก็ได้นั่งอยู่เงียบๆ 

 

“ ช่างเรื่องก่อนหน้านี้เถอะครับ แล้วพี่ภพมีธุระอะไรกับผมเหรอ? ”

“ เอ๊ะ อ้า ใช่! ฉันเกือบลืมไปเลย พอดีพี่ทรายเค้าฝากฉันมารับนายไปส่งที่โรงแรมอิกดราซิลน่ะสิ ”

“ มารับผมเหรอ? ”

“ ใช่ ถ้าจำไม่ผิดพี่เค้าก็ฝากคำพูดมาบอกนายด้วยนะ แต่ขอฉันนึกแป๊ปนึง…เอ่อ?…อืม?…ใช่รึเปล่าน้า…? ”

 

ลางสังหรณ์ของฉันมันกำลังบอกกับฉันว่าสิ่งที่จะได้ยินต่อไปนี้จะทำให้วันหยุดที่แสนล้ำค่าของฉันต้องหายไป…

 

“ อ้า! นึกออกเเล้ว ‘ถึงเวลาชดใช้บุญคุณเเล้วนะเมฆ’ พี่ทรายฝากฉันมาบอกประโยคนี้กับนายน่ะ ”

“ นั่นไง! ว่าเเล้วเชียว!! ”

“ หมายความว่าไงเหรอ??? ”

“ ม—ไม่มีอะไรหรอกครับ เเล้วจะเริ่มออกเดินทางตอนไหนครับ? ”

“ อา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเริ่มออกเดินทางวันนี้เลยน่ะ ”

 

หลังจากที่คุยกับพี่ภพต่ออีกหน่อย ฉันก็กลับขึ้นห้องมาเปลี่ยนชุด แน่นอนว่าฟ้าออกจากห้องไปแล้ว 

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วฉันถึงกับต้องคิดหนัก ฉันเจอชุดสูทสีดำตัวนึงในสภาพดี เเต่ฉันไม่สามารถใส่มันได้เนื่องจากชุดนี้ถูกตัดมาตั้งเเต่หลายปีก่อนเเล้ว ทำให้ไซส์ไม่พอดีตัว ฉันจึงคิดจะใส่ชุดสูทอีกตัวข้างๆแทน เเต่ก็พึ่งนึกได้ว่าตัวนี้เองก็ตัดมาตัวใหญ่เกินไปเพราะคุณเเม่สั่งไว้เผื่อโต ถ้าฉันใส่ตัวนี้ไปก็คงจะถูกยัยพวกนั้นแซวเล่นเเน่นอน

ฉันไม่ใช่พวกเรื่องมากกับชุดที่ใส่ก็จริง แต่ที่ที่ฉันกำลังจะไปคือโรงแรมหรูของพวกคนมีเงินเลยนะ อย่างน้อยก็ต้องหาชุดที่ดูเป็นทางการใส่ไปสิ

 

“ เฮ้อ รู้งี้ไปสั่งตัดใหม่มาดีกว่า นี่ฉันต้องใส่ไอ้ตัวนี้จริงๆเหรอเนี่ย… ”

 

ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองสักพักก่อนที่จะกัดฟันตัดสินใจหยิบชุดสูทฝั่งขวาสุดมาใส่เเทน

 

“ เอ่อ…ใครเหรอคะ? ”

 

เมื่อฉันก้าวเท้าออกมาจากห้อง ฟ้าที่บังเอิญเดินผ่านมาก็กล่าวถามด้วยความสงสัย แววตาของเธอเหมือนกำลังมองคนแปลกที่จู่ๆก็ปรากฏตัวในบ้านตัวเอง

ก็ไม่เเปลกหรอกที่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ขนาดฉันเองก็ยังเเทบจำตัวเองไม่ได้เลย…

 

“ อา…ข้าพเจ้าเองขอรับนายหญิงฟ้า เพียงแค่ไม่กี่เพ-ลาก็ลืมกันได้ลงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกท้อใจยิ่งนัก ”

“ หืม? ท่านพี่เองหรอกรึ?! ”

“ ใช่แล้วล่ะขอรับ ข้าพเจ้าคนดีคนเดิมเอง ”

“ ….นี่เล่นอะไรอยู่เหรอคะ? ”

“ อืม พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเราก็เข้ากันได้ดีเนอะ ”

 

หลังจากเลิกเล่นนนอกเรื่องเสร็จ ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะอธิบายเหตุผลปลอมๆให้ฟ้าเข้าใจ เเละถึงฟ้าจะเข้าใจเเล้วเเต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ดี

 

“ เเล้วทำไมพี่ไม่พาหนูไปเที่ยวด้วยล่ะคะ! พี่ไม่รักหนูเเล้วเหรอ!! ”

“ รักสิ! ใครกันจะไม่รักน้องสาวตัวเองเล่า! รักมาก รักจนอยากเเต่งงานด้วยเลยล่ะ!! เเต่ทว่า! ตั๋วที่ได้มามันมีอยู่เเค่สองใบเท่านั้นเองน่ะสิฟ้า! พี่พยายามสุดความสามารถแล้ว… ”

 

ฉันคุกเข่าข้างนึงพร้อมกับกำหมัดแน่น พยายามแสดงสีหน้ายากจะยอมรับโชคชะตา…ถ้าเกิดไม่เล่นให้เวอร์ขนาดนี้ฉันก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วล่ะ

 

“ ต—แต่งงาน!!?? ….เอ่อ ก็ได้ค่ะ เเต่พี่ต้องรีบกลับมานะ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาโลกเบื้องหลัง 22

Now you are reading ราชาโลกเบื้องหลัง Chapter 22 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ ฝนตกอีกแล้วเหรอ? ”

 

ขณะที่ฉันนอนอ่านนิยายอยู่นั้น จู่ๆสายลมนอกหน้าต่างก็เริ่มพัดแรงขึ้น ต้นไม้และใบหญ้าต่างก็เอียงโค้งไปตามกระแสลม หลังจากนั้นไม่นานหยดน้ำฝนก็กระหน่ำลงมา

ฉันวางหนังสือนิยายลงข้างๆตัวและออกแรงดันตัวเองขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปปิดหน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้ปิดสนิท มีแอบแง้มเอาไว้นิดหน่อยให้ลมเย็นๆพัดเข้ามา

 

“ หอมกลิ่นไอดินจังแฮะ~ อา วันหยุดนี่ดีจริงๆเล๊ย~ ”

 

หลังจากที่ไปดูหนังกับแก้วครั้งนั้นก็ผ่านมาแล้ว3อาทิตย์ และเหตุผลที่ฉันนอนเล่นอยู่บ้านในวันจันทร์แบบนี้ได้ก็เป็นเพราะวันนี้คือวันครบรอบการก่อตั้งโรงเรียนอาสการ์ขึ้น ฉันเลยได้วันหยุดมาฟรีๆ1อาทิตย์ให้นอนเล่นจนหนำใจ

และในช่วงที่ผ่านมานี้ ข่าวการเสียชีวิตของคุณลุงก็ได้ออกทีวีด้วย แต่ที่น่าแปลกคือในข่าวกลับบอกว่าบ้านของคุณลุงเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเลยทำให้คุณลุงที่หนีออกมาไม่ทันเสียชีวิตคากองเพลิง ซึ่งมันขัดแย้งกับความจริงที่ฉันเป็นคนลงมือเอง แต่ฉันก็ไม่ได้เผาบ้านด้วยซะหน่อย

ตอนที่คุณพ่อได้เห็นข่าวนี้เข้าก็ดูจะตกใจสุดๆ แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายตายแล้ว อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่จัดงานศพเล็กๆให้…

 

( น่าจะชื่อหวูใช่ไหมนะ…? )

 

เรื่องที่คุณลุงพูดในตอนนั้นฉันยังรู้สึกคาใจอยู่ ไอ้เจ้าคนที่ชื่อ หวู นั่นเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้มีอำนาจปล่อยตัวนักโทษได้ตามอำเภอใจ แล้วก็ทำไมถึงได้เลือกคุณลุงให้มาเป็นเด็กส่งของด้วย…บังเอิญงั้นเหรอ?

 

( ถ้าเกิดมีอำนาจมากขนาดนั้นก็น่าจะทำเองได้นี่หน่า ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คนอื่นเลย หรือเพราะเป็นนักโทษเลยเลือกใช้? ไม่สิ ที่ต้องรู้ก่อนเลยคือยาแปลกๆนั่นมันมาจากไหนต่างหาก… )

 

เมื่อมองไปทางหน้าต่างฉันก็เห็นว่าฝนมันเริ่มตกหนักขึ้น ดูแล้วไม่มีท่าทีจะหยุดเร็วๆนี้เลย และทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดกระพริบเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างจ้า ฉันรู้ได้ทันทีว่าฟ้ากำลังร้อง 

ในขณะที่ฉันกำลังจะใช้นิ้วอุดหู ประตูห้องก็ถูกเปิดอย่างกระทันหัน ฟ้าที่ใช้มือปิดหูอยู่รีบวิ่งเข้ามาอย่างรนราน เธอหลับตาปี๋ไม่ได้มองทางเลยวิ่งชนกับฉันเข้าจังๆ แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลามาใส่ใจ เธอใส่แรงเพิ่มขึ้นดันสิ่งตรงหน้าให้ล้มลงบนเตียงไปพร้อมกันก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง

 

ครึนนนน!!!

 

และไม่ผิดจากที่คาดไว้ ท้องฟ้าได้ส่งเสียงคำรามดังสะเตือนไปทั่วทั้งแผ่นดิน หมาแมวที่ถูกเลี้ยงไว้ในหลายบ้านต่างก็พากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

 

“ โอ๊ย! เจ็บๆๆ นี่ฟ้าร้องหรือแผ่นดินไหวกันแน่เนี่ย?! ”

 

หลังได้สติ ฉันก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับใช้มือลูบหลังศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ในจังหวะฉันถูกดันให้ล้มลงบนเตียงนั้น ทั้งร่างของฉันได้ล้มลงบนเบาะของเตียงยกเว้นส่วนหัว เป็นเพราะตอนที่ฉันล้มเตียงมันวางเป็นแนวนอน ด้วยความกว้างของเตียงเดี่ยวแล้ว พอล้มลงหัวของฉันจึงกระแทกเข้ากับกำแพงห้องเต็มๆ

และดูท่าแล้วฉันจะสลบไปด้วยเมื่อกี้ ถึงจะแค่ไม่กี่วินาทีก็เถอะ…

 

“ ….ฟ้าเหรอ? ”

“ อ—อื้อ… ”

 

ครึนนนน!!!

ท้องฟ้าได้ร้องอีกครั้ง และคราวนี้มันดันส่งเสียงดังกว่าเดิม ทำให้ฟ้าที่กำลังจะออกมาจากใต้ผ้าห่ม รีบมุดกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง

ฉันถอนหายใจออกมาและเดินไปปิดหน้าต่างที่แอบแง้มไว้ให้สนิทดี ถึงจะยังอยากได้กลิ่นไอดินต่ออีกนิดหน่อยก็เถอะ แต่ในเมื่อฟ้าเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ…

 

“ ออกมาได้แล้วล่ะฟ้า พี่ไปปิดหน้าต่างให้แล้ว ”

“ ….จ—จริงเหรอคะ? ”

 

ฟ้าค่อยๆโผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม เธอเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อถามหาความแน่ใจ ภาพนี้พอมองดูแล้วเหมือนกำลังมองดูลูกเต่าเลย

หลังจากเธอหันไปมองหน้าต่างเพื่อยืนยันแล้ว เธอก็พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก และถึงเธอจะยืนยันได้แล้วว่าหน้าต่างถูกปิด แต่เธอก็ยังกุมผ้าห่มของฉันไว้แน่น เตรียมพร้อมที่จะมุดกลับเข้าไปได้ทันท่วงที

 

“ แล้วฟ้ามีอะไรรึเปล่าถึงได้รีบวิ่งเข้ามา คงจะไม่ใช่เพราะแค่กลัวฟ้าร้องอย่างเดียวหรอกนะ? ”

“ อื้ม หนูแค่จะแวะมาบอกพี่ว่าพี่ภพมาหาน่ะค่ะ กำลังรออยู่ชั้นล่างเลย จะลงไปหาด้วยกันไหมคะ? ”

“ อา งั้นเดี๋ยวพี่ตามลงไปทีหลัง ฟ้าลงไปก่อน— ”

 

ครึนนนน!!!

 

“ ……??!! ”

 

ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ ท้องฟ้าก็ร้องดังลั่นอีกครั้ง และไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้ พอรู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มุดเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้ว

 

( ขอพูดให้จบบ้างไม่ได้เลยรึไงเนี่ย… )

 

พี่ภพ หรือ ภพ ไคม์ เขาคือพี่ชายของแก้วนั่นเอง และแถมเขายังเป็นถึงพันตรีของกองทัพด้วย 

ก็อย่างที่เคยถูกอธิบายไว้ว่าฉันถูกนำไปแลกเปลี่ยนกับตระกูลไคม์ตามธรรมเนียมสลับบุตรหลานบ้าบออะไรนั่น และคนที่ถูกสลับเปลี่ยนกับฉันก็คือพี่ภพนี่แหละ เขากับฉันมีชะตากรรมที่เหมือนกัน ไม่สิ อาจจะต่างกันนิดหน่อยตรงที่เขาไม่ได้ถูกตัดขาดจากตระกูลของตัวเอง…

 

( พี่ภพงั้นเหรอ ไม่ได้เจอกันนานซะด้วยสิ จะต้องทำหน้ายังไงดีเนี่ย…? )

 

ในมุมมองของฉัน พี่ภพเองก็เป็นคนดีนะ เเถมยังเป็นคนดีมากๆด้วย เเต่ฉันไม่ค่อยถูกกับพวกทหารสักเท่าไรเลยทำให้พวกเราไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนัก…

ฉันจัดเสื้อผ้าที่ยับให้ดูเรียบร้อยและเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อลงไปถึงฉันก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ของฉันในห้องนั่งเล่น

และเมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันหน้ามาเห็นฉันก็โบกมือทักทายด้วยความเป็นมิตร ฉันผงกหัวตอบกลับอีกฝ่าย อาจจะดูไร้มารยาทแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจ 

 

“ ไงเมฆ ไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะ ”

“ อา…ครับ ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ ”

“ อืม~หลังย้ายมานี่ ดูเหมือนนายจะเริ่มออกกำลังกายเเล้วสินะ ตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย ”

“ ก็แค่บางวันที่ไม่ขี้เกียจน่ะครับ ”

 

ดูจากชุดที่แห้งแล้ว พี่ภพน่าจะพึ่งมาถึงก่อนฝนตกได้ไม่นาน 

 

“ ถึงจะแค่บางวัน แต่ก็ดีแล้วล่ะนะ นายจะได้ไม่กลับไปป่วยแบบเมื่อก่อนอีกแล้วไง ” 

 

เมื่อคุณแม่ได้ยินประโยคหลังของพี่ภพ รอยยิ้มที่อบอุ่นก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆหายไป คุณพ่อที่พึ่งตระหนักได้ก็รีบเอามือมาปิดหูของคุณแม่ไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดได้ไหลผ่านแก้มของคุณแม่ไป

ความรู้สึกของมนุษย์นั้นละเอียดอ่อน เรื่องเล็กๆสำหรับใครบางคนก็อาจจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆสำหรับใครบางคนเช่นกัน

คุณแม่น่ะมีความรู้สึกนึงที่ยังตราตรึงในใจอยู่เสมอมา ไม่ว่ามันจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม นั่นก็คือ ‘ความรู้สึกผิด’ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาเเข็งเเรงได้ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถดูเเลลูกได้ รู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้

ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะ[ร่างไร้พร]ที่ฉันได้รับมาตั้งแต่เกิด ร่างกายที่อ่อนแอจนเหมือนจะหยุดหายใจได้ตลอดเวลาทำให้ยากต่อการใข้ชีวิตมาก เรียกว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงเลยก็ไม่ผิด และเพราะเหตุนี้คุณแม่จึงรู้สึกผิดมาตลอด ทั้งฉันและคุณพ่อต่างก็เห็นชอบร่วมกันว่าห้ามพูดถึงฉันสมัยก่อนต่อหน้าคุณแม่เด็ดขาดไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม็ตาม…

 

( อ่า…แย่แล้วไง เจ้าตัวดันไม่ได้สังเกตเห็นด้วยสิ )

 

พี่ภพยังคงมองมาที่ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตรนั่น โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าคุณแม่กำลังร้องไห้อยู่ เอาตามจริงมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ภพหรอกนะ ก็ไม่มีใครเคยบอกเขาสักหน่อยเรื่องประโยคที่ห้ามพูดต่อหน้าคุณแม่น่ะ

ฉันถอนหายใจออกมาครั้งที่เท่าไรไม่รู้แล้วของวัน ก่อนจะหันไปสบตากับคุณพ่อ และดูเหมือนคุณพ่อจะเข้าใจจึงได้พยักหน้าตอบกลับมา

 

“ ดูเหมือนวันนี้ภรรยาของฉันจะตาชื้นไปหน่อย อาจเป็นเพราะฝนตกก็ได้ ฉันขอพาภรรยาไปนอนพักก่อนนะภพ ถ้ามีอะไรก็ถามเมฆได้เลย ”

“ อ๊ะ ครับ? ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวผมก็จะไปเเล้วล่ะ พอดีมีธุระกับเมฆนิดหน่อย ”

“ อ๋อ งั้นเองสินะ ”

 

คุณพ่อใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดน้ำตาให้คุณแม่และพาขึ้นห้องไป ตอนนี้จึงเหลือแค่ฉันกับพี่ภพสองคนเท่านั้นแล้ว

 

“ ….เฮ้อ นี่พี่ภพครับ คราวหน้าช่วยอย่าพูดถึงร่างกายของผมสมัยก่อนต่อหน้าแม่ได้ไหมครับ พอดีมันจะมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ”

“ เอ๋? นี่ฉันเผลอสร้างปัญหาให้งั้นเหรอ?! เมื่อกี้แม่ของนายร้องไห้ใช่ไหม?! ฉันเป็นคนทำใช่ไหม?! ขอโทษจริงๆนะ!! ”

“ ผมเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้บอกไว้ก่อน ”

“ ไม่ๆ! ฉันผิดเต็มๆเลย ก็พอรู้อยู่หรอกว่าตัวเองไม่ค่อยสังเกตคนรอบข้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบกับแม่ของนายด้วย ขอโทษจริงๆนะ ”

 

พี่ภพชูไม้ชูมือโบกไปมาด้วยความรู้สึกรนราน ฉันทำได้แต่ค่อยๆบอกให้เขาใจเย็นลง สุดท้ายเขาก็ได้นั่งอยู่เงียบๆ 

 

“ ช่างเรื่องก่อนหน้านี้เถอะครับ แล้วพี่ภพมีธุระอะไรกับผมเหรอ? ”

“ เอ๊ะ อ้า ใช่! ฉันเกือบลืมไปเลย พอดีพี่ทรายเค้าฝากฉันมารับนายไปส่งที่โรงแรมอิกดราซิลน่ะสิ ”

“ มารับผมเหรอ? ”

“ ใช่ ถ้าจำไม่ผิดพี่เค้าก็ฝากคำพูดมาบอกนายด้วยนะ แต่ขอฉันนึกแป๊ปนึง…เอ่อ?…อืม?…ใช่รึเปล่าน้า…? ”

 

ลางสังหรณ์ของฉันมันกำลังบอกกับฉันว่าสิ่งที่จะได้ยินต่อไปนี้จะทำให้วันหยุดที่แสนล้ำค่าของฉันต้องหายไป…

 

“ อ้า! นึกออกเเล้ว ‘ถึงเวลาชดใช้บุญคุณเเล้วนะเมฆ’ พี่ทรายฝากฉันมาบอกประโยคนี้กับนายน่ะ ”

“ นั่นไง! ว่าเเล้วเชียว!! ”

“ หมายความว่าไงเหรอ??? ”

“ ม—ไม่มีอะไรหรอกครับ เเล้วจะเริ่มออกเดินทางตอนไหนครับ? ”

“ อา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเริ่มออกเดินทางวันนี้เลยน่ะ ”

 

หลังจากที่คุยกับพี่ภพต่ออีกหน่อย ฉันก็กลับขึ้นห้องมาเปลี่ยนชุด แน่นอนว่าฟ้าออกจากห้องไปแล้ว 

เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วฉันถึงกับต้องคิดหนัก ฉันเจอชุดสูทสีดำตัวนึงในสภาพดี เเต่ฉันไม่สามารถใส่มันได้เนื่องจากชุดนี้ถูกตัดมาตั้งเเต่หลายปีก่อนเเล้ว ทำให้ไซส์ไม่พอดีตัว ฉันจึงคิดจะใส่ชุดสูทอีกตัวข้างๆแทน เเต่ก็พึ่งนึกได้ว่าตัวนี้เองก็ตัดมาตัวใหญ่เกินไปเพราะคุณเเม่สั่งไว้เผื่อโต ถ้าฉันใส่ตัวนี้ไปก็คงจะถูกยัยพวกนั้นแซวเล่นเเน่นอน

ฉันไม่ใช่พวกเรื่องมากกับชุดที่ใส่ก็จริง แต่ที่ที่ฉันกำลังจะไปคือโรงแรมหรูของพวกคนมีเงินเลยนะ อย่างน้อยก็ต้องหาชุดที่ดูเป็นทางการใส่ไปสิ

 

“ เฮ้อ รู้งี้ไปสั่งตัดใหม่มาดีกว่า นี่ฉันต้องใส่ไอ้ตัวนี้จริงๆเหรอเนี่ย… ”

 

ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองสักพักก่อนที่จะกัดฟันตัดสินใจหยิบชุดสูทฝั่งขวาสุดมาใส่เเทน

 

“ เอ่อ…ใครเหรอคะ? ”

 

เมื่อฉันก้าวเท้าออกมาจากห้อง ฟ้าที่บังเอิญเดินผ่านมาก็กล่าวถามด้วยความสงสัย แววตาของเธอเหมือนกำลังมองคนแปลกที่จู่ๆก็ปรากฏตัวในบ้านตัวเอง

ก็ไม่เเปลกหรอกที่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ขนาดฉันเองก็ยังเเทบจำตัวเองไม่ได้เลย…

 

“ อา…ข้าพเจ้าเองขอรับนายหญิงฟ้า เพียงแค่ไม่กี่เพ-ลาก็ลืมกันได้ลงแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกท้อใจยิ่งนัก ”

“ หืม? ท่านพี่เองหรอกรึ?! ”

“ ใช่แล้วล่ะขอรับ ข้าพเจ้าคนดีคนเดิมเอง ”

“ ….นี่เล่นอะไรอยู่เหรอคะ? ”

“ อืม พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเราก็เข้ากันได้ดีเนอะ ”

 

หลังจากเลิกเล่นนนอกเรื่องเสร็จ ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะอธิบายเหตุผลปลอมๆให้ฟ้าเข้าใจ เเละถึงฟ้าจะเข้าใจเเล้วเเต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ดี

 

“ เเล้วทำไมพี่ไม่พาหนูไปเที่ยวด้วยล่ะคะ! พี่ไม่รักหนูเเล้วเหรอ!! ”

“ รักสิ! ใครกันจะไม่รักน้องสาวตัวเองเล่า! รักมาก รักจนอยากเเต่งงานด้วยเลยล่ะ!! เเต่ทว่า! ตั๋วที่ได้มามันมีอยู่เเค่สองใบเท่านั้นเองน่ะสิฟ้า! พี่พยายามสุดความสามารถแล้ว… ”

 

ฉันคุกเข่าข้างนึงพร้อมกับกำหมัดแน่น พยายามแสดงสีหน้ายากจะยอมรับโชคชะตา…ถ้าเกิดไม่เล่นให้เวอร์ขนาดนี้ฉันก็คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วล่ะ

 

“ ต—แต่งงาน!!?? ….เอ่อ ก็ได้ค่ะ เเต่พี่ต้องรีบกลับมานะ! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+