ลำนำบุปผาพิษ 1610+1611

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1610+1611 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1610 ข้าไม่ขโมยข้าวของในจวนเจ้าอีกหรอก

ยามที่ตี้ฝูอีถามเขา เขาหวั่นเกรงว่าตนจะพูดอะไรผิดไป ทุกประโยคที่กล่าวล้วนต้องใคร่ครวญก่อนครู่หนึ่ง

ตี้ฝูอีเคาะด้ามพัดลงบนฝ่ามือเป็นครั้งคราว หลังจากถามคำถามเขาต่อเนื่องกันหลายข้อ จู่ๆ ก็เอ่ยถามเขาอย่างหวังดี “เจ้าเบิกตากว้างถึงเพียงนี้ ไม่เหนื่อยหรือ?”

กุยเฉวียนไม่ตอบ

ตี้ฝูอีเคาะด้ามพัดลงบนศีรษะเขาทีหนึ่ง “ง่วงก็งีบหน่อยเถอะ อย่าฝืนเลย”

ด้วยเหตุนี้กุยเฉวียนจึงหลับไปจริงๆ หลับอยูบนหินภูเขาก้อนหนึ่ง

กุยเฉวียนก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนหลับไปนานแค่ไหน บางทีอาจจะนานมาก หรืออาจจะสั้นมาก เป็นระยะเวลาเพียงชั่วครู่

ยามที่เขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตี้ฝูอียังคงนั่งอยู่ริมทะเลสาบไม่ไกลออกไป กำลังหย่อนเบ็ดตกปลาอยู่ สายลมพัดอาภรณ์สีม่วงเข้มของเขาให้เผยอขึ้น ดั่งผีเสื้อโผบิน

กุยเฉวียนขยี้ตา งุนงงอยู่บ้าง เงยหน้ามองดวงอาทิตย์ตามสัญชาตญาณ รู้สึกว่าไม่นานเท่าไหร่ เขาหลับไปแค่งีบเดียวเท่านั้น

“ตื่นแล้วรึ?” ตี้ฝูอีประหนึ่งมีดวงตางอกอยู่ด้านหลัง “ปลาในจวนหลังนี้ไม่เลวเลย ข้าจะตกกลับไปตุ๋นกินสักสองสามตัว”

กุยเฉวียนพูดไม่ออกเลย

นี่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบเห็ดหลินจือให้ดอกเดียวยังรู้สึกว่าไม่คุ้มทุน คิดจะถอนทุนคืนอีกงั้นหรือ?

กุยเฉวียนมองถังใส่ปลาข้างกายเขา ด้านในมีปลาว่ายอยู่สองตัวแล้ว ช่วงที่พูดคุยอยู่ ตี้ฝูอีก็ตกขึ้นมาได้อีกตัวแล้ว ปลาที่ตกได้ในครานี้คือปลาไนอ้วนพียาวกว่าหนึ่งฉื่อตัวหนึ่ง

ตี้ฝูอีใส่ปลาลงในถัง เก็บคันเบ็ดแล้วลุกขึ้นยืน

กุยเฉวียนค่อนข้างสงสัย “ไม่ตกแล้วหรือขอรับ?”

อันที่จริงเขายังหวังให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตกปลาอยู่ที่นี่ให้มากหน่อย เช่นนี้เขาจะได้ไม่เดินเพ่นพ่านไปทั่ว ตนก็ไม่ต้องคอยตามให้เหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นเวลายังเช้าอยู่ เป็นโอกาสดีที่เขาจะตกปลาได้มากเป็นสองเท่ามิใช่หรือ?

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “พอแล้ว” เขายื่นนิ้วไปแหย่ปลาไนอวบอ้วนตัวนั้นเล่นครู่หนึ่ง ปลาไนตัวนั้นอ้าปากคิดจะงับเขา แต่ถูกเขาดีดมะกอกใส่ทีหนึ่งจนมึนงง กึ่งจมกึ่งลอยอยู่ในน้ำ

กุยเฉวียนอ้าปากนิดๆ มองปลาตัวนั้น ไม่น่าเชื่อว่าปลาตัวนั้นจะมีฟันคมอยู่เต็มปาก คมเหมือนเข็มหมุด นี่ถ้าถูกมันงับเข้าสักที เนื้อคงถูกกระชากออกไปชิ้นหนึ่ง!

นี่ใช่ปลาไนที่ไหนกัน? เป็นปลาสังหารคนชัดๆ!

เหตุใดในทะเลสาบแห่งนี้ถึงมีปลาเช่นนี้ได้?

โดยทั่วไปแล้วปลาที่ตระกูลมั่งคั่งเลี้ยงไว้ ล้วนแต่เลี้ยงปลาทองหรือปลาไนที่มีสีสันงดงามน่ามองอะไรทำนองนั้น ปลาที่เลี้ยงไว้ในทะเลสาบก็เป็นปลาจำพวกนี้เช่นกัน แต่ปลาไนที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หากบังเอิญมีคนลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบแห่งนี้เข้า ต้องถูกกัดแทะจนเกลายเป็นโครงกระดูกแน่!

“นี่…นี่คือปลาอะไรหรือขอรับ? มีปลาชนิดมากหรือไม่?” กุยเฉวียนอดไม่ได้ที่จะถาม

ตี้ฝูอีตอบโดยไม่หันไป “เจ้าสามารถกระโจนลงไปดูได้”

กุยเฉวียนเงียบทันที

ไม่นึกเลยว่าในทะเลสาบจะมีปลาดุร้ายเช่นนี้อยู่ด้วย เขาต้องไปรายงานให้เบื้องบนทราบเสีย ให้มีมาตรการออกมา กันไม่ให้มีคนพลาดพลั้งบาดเจ็บเข้า

กุยเฉวียนมองตี้ฝูอีที่เดินอาภรณ์ปลิวไสวอยู่ด้านหน้า ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ดูเอ้อระเหยลอยชายยิ่งนัก เดินเตร่ในเรือนของผู้อื่นเสมือนเดินเตร่อยู่ในสวนหลังบ้านของเขาเองก็มิปาน ซ้ำยังตกปลาไปอีกสามตัวด้วย แล้วปลาเหล่านี้จะใช่ปลาล้ำค่าที่เจ้านายเลี้ยงดูไว้โดยเฉพาะหรือเปล่า?

หากว่าใช่ เช่นนั้นอาจะถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เอาเปรียบแล้วก็ได้!

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง รีบเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งที่เดินผ่านด้านข้างเข้ามา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็ให้เด็กรับใช้คนนั้นรีบไปรายงานแก่หลัวจั่นอวี่ ดูว่าต้องการทวงปลาเหล่านี้คืนมาหรือไม่…

ส่วนเขาก็ตามตี้ฝูอีต่อไป ตี้ฝูอีมองเขาที่ติดสอยห้อยตามอยู่ข้างกายแวบหนึ่ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องคอยตามเช่นนี้ ข้าไม่ขโมยข้าวของในจวนเจ้าอีกหรอก”

กุยเฉวียนใช้รอยยิ้มเข้าสู้ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล้อเล่นแล้ว บ่าวเป็นคอยนำทางให้ท่านไงขอรับ”

————————————————————————————-

บทที่ 1611 ไม่ขโมยของในจวนข้างั้นหรือ?

กุยเฉวียนใช้รอยยิ้มเข้าสู้ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายล้อเล่นแล้ว บ่าวเป็นคนคอยนำทางให้ท่านไงขอรับ” ทว่าดวงตากลับจ้องถังปลาในมือของตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ร้องเฮอะอยู่ในใจ

ไม่ขโมยของในจวนข้างั้นหรือ? แต่ท่านตกปลาในจวนข้าไปแล้วนี่!

“เนื้อปลาตาเดียวตัวนี้สดอร่อย ตุ๋นเป็นน้ำแกงได้ ปลากะพงหกเหงือกตัวนี้เอาไปนึ่งดีที่สุด…” ตี้ฝูอีอธิบายวิธีการทำปลา

กุยเฉวียนจ้องปลาที่มีฟันแหลมคมเต็มปากตัวนั้น “แล้วตัวนี้ล่ะขอรับ?”

“นี่คือปลาวิญญาณอาฆาต กินเลือดเนื้อเป็นอาหาร ถ้าถูกมันกัดเข้าจะเจ็บปวดมหันต์ คนที่ถูกมันกัดจนตาย จะก่อเป็นวิญญาณอาฆาตได้ง่ายๆ…”

กุยเฉวียนหนาวสะท้าน “ปลาเช่นนี้ก็กินได้หรือ?”

ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย “เจ้าคิดว่าข้าจะจับมันไปปล่อยเอาบุญหรือไงล่ะ?”

กุยเฉวียนถูกตอกจนเงียบไปแล้ว จ้องปลาตัวนั้นอีกหลายแวบ ปลากินเนื้อล้วนมีรสชาติเลิศล้ำยิ่งนักทั้งสิ้น หรือว่าปลาตัวนี้ก็อร่อยมากด้วยเหมือนกัน? บางทีรอให้มีเวลาว่างพวกเขาค่อยไปลองตกมาชิมบ้างสักสองสามตัว

ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสาวใช้สองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ด้านหลังภูเขาจำลอง

“รถหยกขาวคันนั้นงดงามจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าหนนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายขวาจะมือเติบถึงเพียงนี้”

“ใช่แล้ว ข้ายังไม่เคยเห็นรถม้าที่งดงามปานนี้มาก่อนเลย”

“รถม้าคันนั้นไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้น มันยังเป็นรถม้าที่มีกลไกอยู่ทั้งคันด้วยนะ! ด้านในมีกลไกอยู่นับไม่ถ้วน ควบคุมไม่ง่ายเลย ขนาดท่านทูตสวรรค์ของพวกเราปราดเปรื่องถึงเพียงนั้น ยามที่ควบคุมเมื่อครู่ยังถูกบาดข้อมือเอาได้ เลือดไหลออกมามากมาย…”

‘ตุบ!’ ถังปลาในมือตี้ฝูอีตกลงพื้น น้ำสาดกระจาย ทำให้สาวใช้ทั้งสองที่กำลังซุบซิบกันอยู่สะดุ้งโหยง

กุยเฉวียนก็สะดุ้งเช่นกัน ดวงตาสามคู่มองมาทางตี้ฝูอี

“หลุดมือน่ะ” ตี้ฝูอีหลุบตามองปลาที่ดีดดิ้นอยู่บนพื้นไม่หยุดร่วมถึงถังใส่ปลาที่เอียงกะเทเร่ โบกแขนเสื้อเบาๆ คราหนึ่ง ถังใส่ปลาตั้งตรงขึ้นมาอีกครั้ง ในถังมีน้ำอยู่เต็มเปี่ยมด้วยตัวเอง มีปลาสองตัวที่กระโดดกลับเข้าไปในถังด้วยตัวเองเสมือนจดจำบ้านได้ มีเพียงปลาไนอวบอ้วนตัวนั้นที่ไม่ยินยอม หาโอกาสดิ้นรนกระโจนไปทางริมทะเลสาบ

ปลาตัวนี้ไม่ทันระวังถูกศิลาเขียวก้อนหนึ่งขวางทางไว้ มันถอยหลังไป อ้าปากกว้างแล้วงับหินก้อนนั้นทันที…

ไม่น่าเชื่อว่าในชั่วพริบตาเดียวศิลาเขียวก้อนใหญ่จะถูกมันกัดจนแหลกเป็นชิ้นๆ ได้ราวกัดกับเต้าหู้ก็มิปาน ปลาตัวนี้ดีดตัวไปด้านหน้าต่อไป

พวกกุยเฉวียนทั้งสามเริ่มแรกตกตะลึงกับความสามารถที่ดั่งเล่นกลของตี้ฝูอี จากนั้นก็ถูก ‘ดุร้าย’ ของปลาตัวนี้ทำให้ตระหนกตกใจอีกครั้ง

ตี้ฝูอีสั่งการกุยเฉวียน “ฆ่ามันซะ!”

ฆ่าปลาหรือ? เรื่องนี้เขาถนัด! กุยเฉวียนถลกแขนเสื้อก้าวเข้าไปทันที ย่างสามขุมไล่ตามไป ขณะที่กำลังลงมือจับ เสียงของตี้ฝูอีก็แว่วเข้ามา “เกล็ดบนร่างมันดั่งใบมีด สัมผัสแล้วจะถูกบาดเอา”

กุยเฉวียนตกใจรีบชักมือกลับทันที เปลี่ยนไปหยิบกระบี่ตรงเอวมาฟัน!

เกิดเสียงดัง ‘เคร้ง!’ สะเก็ดไฟนับไม่ถ้วนแลบออกมา กระบี่เขาไม่ได้ฟันหัวปลาขาด กลับเป็นกระบี่ในมือที่ถูกดีดสะท้อนจนหัก หวิดจะบาดมือถูกตนแล้ว

กุยเฉวียนตะลึงงัน ตี้ฝูอีกล่าวขึ้นว่า “ต้องสังหารมันด้วยไฟ”

กุยเฉวียนแทบไม่คิดเลย รีบล้วงกลักไฟออกมาจากร่างตนอีกครั้ง หลังจากจุดไฟได้ก็เผาปลาตัวนั้น

ไฟเป็นดาวนำเคราะห์ของปลาตัวนั้นจริงๆ เมื่อปลาตัวนั้นถูกเผาก็กรีดร้องเสียงแหลมเสียดหูทันที ร่างเหยียดตรง ตาถลน แน่นิ่งไปแล้ว

กุยเฉวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ปลาตัวนั้นเดิมทีเป็นสีทองอ่อนๆ เมื่อถูกไฟเผาไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นสีแดงสด

กุยเฉวียนปาดเหงื่อบนหน้าผาก มองไปทางตี้ฝูอี คล้ายกำลังถามว่าจะจัดการซากปลาตัวนี้อย่างไรต่อ

“ปลานี้อุดมสารอาหาร บำรุงเลือดลมได้ ปลาตายแล้วสามารถปรุงอาหารได้ตามปกติ” ตี้ฝูอีกล่าว

ดวงตาของสาวใช้นางหนึ่งพลันเปล่งประกาย “นายหญิงของพวกเราเพิ่งเสียเลือดไป มิสู้นำปลาตัวนี้มาตุ๋นน้ำแกงให้นายหญิงกิน บำรุงให้ดี”

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด