ลำนำบุปผาพิษ 2296 ราชันย์มาร 10

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2296 ราชันย์มาร 10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง เขยิบเข้าใกล้เธออีก ลมหายใจแทบจะเป่ารดใบหน้าเธอ

“ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว เห็นทีว่าความทรงจำเจ้าคงกลับมาแล้ว ใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วที่ความจำเสื่อมไม่รู้วิชาแพทย์ และเมื่อก่อนวิธีที่นางใช้จับชีพจรให้เขาก็มิได้ช่ำชองปานนี้ เฉกเช่นวิธีจับชีพจรของดินแดนเบื้องบน

กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจคราหนึ่ง ถอยหลังไปนิดๆ เว้นระยะห่างกับเขาเล็กน้อย

“ใช่แล้ว! ฝ่าบาทเนี่ยนโม่!”

ตี้ฝูอีแข็งทื่อไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ

“มิน่าเล่าเจ้าถึงได้ตามหาข้า ที่แท้ความทรงจำก็กลับมาแล้ว จดจำฐานะข้าได้แล้ว…”

กู้ซีจิ่วเงียบไป สีหน้าซีดขาวยิ่งขึ้น เธอตามหาเขาอย่างลำบากลำบนขนาดนี้ ย่อมมิใช่เพราะความทรงจำกลับมาแล้ว…

แต่ตอนนี้เธอยังจำเป็นต้องอธิบายอีกหรือ?

เธอกวาดมองรอบข้างแวบหนึ่ง เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่โตนัก กินพื้นที่แทบจะทั้งห้อง ริมสระมีโต๊ะมีม้านั่ง บนโต๊ะยังมีผลไม้ มีแตงสดใหม่ด้วย

ชีวิตของเขาสุขสำราญยิ่งนักจริงๆ ได้รับความเคารพรักเทิดทูนจากปวงประชามาร ก่อนหน้านี้เขายังพบหน้ากับองค์หญิงย่วนย่วนที่นี่ด้วย…

เขาถนอมเอ็นดูสตรีนางนั้นยิ่งนัก ฉลองวันเกิดให้นางอย่างยิ่งใหญ่ มอบฐานะที่สูงส่งที่สุดให้นาง เห็นนางถูกเอาเปรียบเล็กน้อยก็ออกหน้าระบายแค้นให้นางแล้ว…

ดูเหมือนเขาจะปล่อยวางแล้วจริงๆ…

ที่แท้เขาก็ปล่อยวางได้ง่ายดายถึงเพียงนี้…

ความฝาดเฝื่อนซัดถาโถมอยู่ในทรวงอกกู้ซีจิ่ว ทำให้ลำคอเธอตีบตัน ขอบตาร้อนผ่าว…

สูดหายใจอีกคราหนึ่ง เธอเอ่ยคำถามที่วนเวียนอยู่ใจเธอตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาออกไป

“ข้าจากไปก็ได้ แต่ว่า ข้าอยากถามสักข้อ สรุปแล้วหนึ่งปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“หนึ่งปีก่อนรึ?”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงนิดๆ น้ำเสียงเฉยเมย

“หนึ่งปีก่อนข้าเป็นตะเกียงที่ใกล้จะขาดน้ำมันแล้ว เกือบโดนสัตว์ป่าทึ้งกิน เป็นย่วนย่วนที่สละชีพเพื่อช่วยข้า…”

“สละชีพ?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยทวนเสียงแผ่ว?

“ถูกต้อง! เป็นการสละชีพช่วยเหลือจริงๆ!”

ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำนี้ ไม่ได้พูดมากไปกว่านี้แล้ว

ยามนั้นเขาเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน ถูกสัตว์ป่าที่ดุร้ายชนิดหนึ่งลากตัวไป แม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนก็ไม่มีแล้ว ตัวเขาเองยังสงสัยอยู่เลยว่าคงต้องสิ้นใจภายในปากของสัตว์ร้ายนี้แล้ว…

ขณะที่เจียนจะสลบไป เป็นองค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้ที่ตกลงมาจากฟ้าช่วยเหลือเขาไว้…

เขาสลบไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม รอจนเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในอาณาจักรมารแห่งนี้แล้ว มีเพียงย่วนย่วนที่คอยดูแลเขาในสภาพเปลือยเปล่า…

ย่วนย่วนคงจะรู้ว่าอวิ๋นเยียนหลีต้องการฆ่าเขา ดังนั้นหลังจากช่วยเหลือเขาแล้วก็ตรงเข้าสู่อาณาจักรมารเลย แต่นางบำเพ็ญวิถีเซียน หลังจากเข้าสู่อาณาจักรมารนางทำได้เพียงคอยผลัดเปลี่ยนชุดกันเพลิงอนธนการอยู่บ่อยๆ แต่วัสดุที่ใช้ทำชุดกันเพลิงหายาก แต่เหตุการณ์ฉุกละหุกนางเตรียมมาไม่เพียงพอ หลังจากผลัดเปลี่ยนไปได้สามชุดนางก็ไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว นางขอความช่วยเหลือจากสหายคนหนึ่งในอาณาจักรมาร สหายคนนั้นบอกว่านางสามารถใช้วิชาย้ายร่างได้ ย้ายจากร่างเซียนเข้าสู่ร่างมารก็สามารถอยู่ในอาณาจักรมารได้นานๆ แล้ว

นางเป็นห่วงเขา ใช่วิชาย้ายร่างอย่างไม่ลังเลย วิชาย้ายร่างนี้ทรมานยากเข็ญเป็นที่สุด เทียบได้กับการเผาร่างคนเพื่อหลอมขึ้นใหม่ ยามที่ย่วนย่วนใช้วิชานี้ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว…

ตอนที่ตี้ฝูอีฟื้นขึ้นมา ร่างกายย่วนย่วนยังบาดเจ็บอยู่ เกือบจะเสียโฉมแล้ว ทำได้เพียงใช้หญ้ายืนเยาว์เพื่อรักษารูปโฉมนางให้เป็นปกติ…

ยามนั้นอาณาจักรมารกำลังระส่ำระส่าย ย่วนย่วนที่เป็นสตรีบอบบางนางหนึ่งต้องแบกตี้ฝูอีที่บาดเจ็บสาหัสสลบไสลไม่ได้สติเอาไว้ อาศัยปะปนอยู่ในอาณาจักรมารแห่งนี้อย่างอนาถาน่าเวทนา…

แต่ตี้ฝูอีไม่เคยได้ยินนางบ่นว่าเลยสักประโยค ยิ่งไม่เคยเอาดีเข้าตัวเลยด้วย นางหวังเพียงให้ตี้ฝูอีมีชีวิตรอด…

ความเป็นอยู่ในอาณาจักรมารของเขาและนางตกต่ำจนแทบจะเรี่ยดินแล้ว!

เพื่อหาอาหารดีๆ สักมื้อให้เขาย่วนย่วนต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นอยู่หลายครั้ง ทว่าปกปิดทุกอย่างจากเขา

จนกระทั่งวันหนึ่ง อาการบาดเจ็บของตี้ฝูอีทุเลาขึ้นแล้วจึงค่อยเดินๆ ออกมาจากเพิงจึงมองเห็นว่าเพื่อแลกยาให้เขานางเกือบจะถูกแพทย์มารคนหนึ่งครอบครองร่างแล้ว…

ส่วนตี้ฝูอีถึงอย่างไรก็เป็นราชันย์มาตั้งแต่กำเนิด มีความผยองเด็ดเดี่ยวอันเป็นนิสัยอยู่ในกระดูก ย่อมทนรับการข่มเหงเช่นนี้ไม่ได้!ยิ่งรับไม่ได้ที่คนสนิทของตนจะถูกปฏิบัติด้วยเยี่ยงนี้!

คนของเขาเขาไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนรังแกทั้งนั้น!

เมื่อก่อนมู่เฟิง มู่เหลยถูกคนนอกเคี่ยวกรำเพียงน้อย เขาล้วนจะหาทางเอาคืนให้พวกเขา นับประสาอะไรกับ ย่วนย่วนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาคนนี้เล่า?

เขาย่อมไม่ต้องให้นางถูกดูหมิ่นเช่นนี้!

ประกอบกับเขาประสบเรื่องราวนี้ในที่สุดก็ตระหนักรู้ซึ้งแล้ว ปล่อยวางอดีตทั้งหมดไป เริ่มต้นบุกเบิกอาณาเขตในอาณาจักรมาร สยบพิชิตทั้งอาณาจักร…

เขาเฉลียวฉลาดยิ่ง ครั้งก่อนที่ได้พบอวิ๋นเยียนหลีเขาก็เกิดความสงสัยในตัวเขาเช่นกัน!

หลังจากพอมีเส้นสายอำนาจในอาณาจักรมารบ้างแล้ว เขาจึงส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียดดู พอจะอนุมานแผนการของอวิ๋นเยียนหลีได้แปดเก้าส่วนแล้ว

ทราบว่าตนต้องเป็นหนามตำตาของเขาแน่ ทนรอกำจัดทิ้งจนแทบไม่ไหวแล้ว!

อวิ๋นเยียนหลีคงพยายามตามหาเขาอย่างสุดชีวิตเช่นกัน…

และเห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีเหนือกว่าตอนที่อยู่ดินแดนเบื้องบน บรรลุระดับซ่างเซียนขึ้นไปแล้ว

หากเขาเผชิญหน้ากับอวิ๋นเยียนหลีจริงๆ ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้สักเสี้ยวกระผีก!

ดังนั้นก่อนที่เขาจะมีพลังอำนาจอย่างแท้จริง เขาจะไม่ออกจากอาณาจักรมาร…

เขายังพอรู้จักอวิ๋นเยียนหลีอยู่บ้าง ทราบว่าเขาเป็นวิชาสืบรอยแขนงหนึ่ง สามารถตามหาคนจากกลิ่นอายได้

ดังนั้นในระหว่างที่ตี้ฝูอีฝึกฝนวรยุทธ์ดั้งเดิมของตน ก็ได้ฝึกฝนวิชาพิเศษของอาณาจักรมารที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายดั้งเดิมในร่างได้ อย่างเช่นวิชาหุ่นเชิด…

หนึ่งปีมานี้เขาพยายามยิ่งนัก พึ่งพากำลังและความสามารถ พุ่งทะยานขึ้นมาในอาณาจักรมาร ใช้เวลาหนึ่งปีจนมีทุกอย่างในวันนี้ได้…

หนึ่งปีนี้เขาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางทุกสิ่ง แน่นอนว่าเป็นอย่างที่คิด เขาปล่อยวางกู้ซีจิ่วด้วย…

ถึงแม้หนึ่งปีมานี้เขาไม่มีเจตนาจะสอบถามถึงข่าวคราวของนางเลย แต่ในบางครั้งที่ออกไปด้านนอกก็มักจะจับตำแหน่งของนางตามสัญชาตญาณ

บังเอิญยิ่งนัก ทุกครั้งที่เขาจับสัมผัสถึงนาง ล้วนรับรู้ได้ว่าอวิ๋นเยียนหลีก็อยู่ข้างกายนางตลอด…

ยามที่สายลับของเขาส่งข่าวของอวิ๋นเยียนหลีกลับมา ก็บอกเสมอว่าข้างกายเขามีดรุณีนางหนึ่งอยู่ ทั้งสองพูดคุยยิ้มหัวกัน แทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ดรุณีนางนั้นก็คือกู้ซีจิ่ว…

เขาย่อมไม่คิดว่ากู้ซีจิ่วจะผันใจไปชอบอวิ๋นเยียนหลีแล้ว เนื่องจากเขารู้ว่าคนที่นางรักอย่างลึกล้ำคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถู นางเห็นอวิ๋นเยียนหลีเป็นเพียงสหาย…

ในใจกู้ซีจิ่ว เกรงว่าตำแหน่งของเขากับอวิ๋นเยียนหลีจะไม่ต่างกันนัก เขาอาจจะสู้อวิ๋นเยียนหลีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรอวิ๋นเยียนหลีก็ไม่ได้ใช้วิธีปลอมเป็นคู่หมั้นมาหลอกครอบครองนาง…

กลยุทธ์ที่อวิ๋นเยียนหลีใช้กับนางน่าจะเป็นแบบเดียวกับที่ดินแดนเบื้องบน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่วิธีการอุกอาจอันใด ดังนั้นต่อให้นางอยู่ด้านนอกเพียงลำพังก็น่าจะไม่มีภัยคุกคามอันใดอย่างแท้จริง…

สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นางมาตามหาเขาที่อาณาจักรมาร!

ซ้ำยังมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้…

ท่าทางของนางคล้ายว่าตามหาเขามาเนิ่นนานแล้ว แต่เขายังไม่ทันได้ซาบซึ้งตื้นตัน ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วนางไม่ได้ตามหาเขา แต่นางตามหาหวงถูที่กลับชาติมาเกิดต่างหาก…

เขานึกว่าในที่สุดก็สามารถก้าวเข้าไปในหัวใจนางได้แล้ว ขับไล่คนตายผู้นั้นไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี…

น้ำในสระยังคงมีฟองเดือดปุดผุดพราย นางและเขาต่างแช่อยู่ในน้ำ

ร่างกายใกล้ชิดยิ่ง ทว่าหัวใจกลับห่างไกลนัก…

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ

“เจ้าชอบองค์หญิงย่วนย่วนมากใช่ไหม? วันหน้าจะแต่งกับนางหรือ?”

ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง น้ำเสียงเย็นชา

“นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2296 ราชันย์มาร 10

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2296 ราชันย์มาร 10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง เขยิบเข้าใกล้เธออีก ลมหายใจแทบจะเป่ารดใบหน้าเธอ

“ดูจากท่าทางของเจ้าแล้ว เห็นทีว่าความทรงจำเจ้าคงกลับมาแล้ว ใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วที่ความจำเสื่อมไม่รู้วิชาแพทย์ และเมื่อก่อนวิธีที่นางใช้จับชีพจรให้เขาก็มิได้ช่ำชองปานนี้ เฉกเช่นวิธีจับชีพจรของดินแดนเบื้องบน

กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจคราหนึ่ง ถอยหลังไปนิดๆ เว้นระยะห่างกับเขาเล็กน้อย

“ใช่แล้ว! ฝ่าบาทเนี่ยนโม่!”

ตี้ฝูอีแข็งทื่อไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ

“มิน่าเล่าเจ้าถึงได้ตามหาข้า ที่แท้ความทรงจำก็กลับมาแล้ว จดจำฐานะข้าได้แล้ว…”

กู้ซีจิ่วเงียบไป สีหน้าซีดขาวยิ่งขึ้น เธอตามหาเขาอย่างลำบากลำบนขนาดนี้ ย่อมมิใช่เพราะความทรงจำกลับมาแล้ว…

แต่ตอนนี้เธอยังจำเป็นต้องอธิบายอีกหรือ?

เธอกวาดมองรอบข้างแวบหนึ่ง เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใหญ่โตนัก กินพื้นที่แทบจะทั้งห้อง ริมสระมีโต๊ะมีม้านั่ง บนโต๊ะยังมีผลไม้ มีแตงสดใหม่ด้วย

ชีวิตของเขาสุขสำราญยิ่งนักจริงๆ ได้รับความเคารพรักเทิดทูนจากปวงประชามาร ก่อนหน้านี้เขายังพบหน้ากับองค์หญิงย่วนย่วนที่นี่ด้วย…

เขาถนอมเอ็นดูสตรีนางนั้นยิ่งนัก ฉลองวันเกิดให้นางอย่างยิ่งใหญ่ มอบฐานะที่สูงส่งที่สุดให้นาง เห็นนางถูกเอาเปรียบเล็กน้อยก็ออกหน้าระบายแค้นให้นางแล้ว…

ดูเหมือนเขาจะปล่อยวางแล้วจริงๆ…

ที่แท้เขาก็ปล่อยวางได้ง่ายดายถึงเพียงนี้…

ความฝาดเฝื่อนซัดถาโถมอยู่ในทรวงอกกู้ซีจิ่ว ทำให้ลำคอเธอตีบตัน ขอบตาร้อนผ่าว…

สูดหายใจอีกคราหนึ่ง เธอเอ่ยคำถามที่วนเวียนอยู่ใจเธอตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาออกไป

“ข้าจากไปก็ได้ แต่ว่า ข้าอยากถามสักข้อ สรุปแล้วหนึ่งปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“หนึ่งปีก่อนรึ?”

ตี้ฝูอีหลุบตาลงนิดๆ น้ำเสียงเฉยเมย

“หนึ่งปีก่อนข้าเป็นตะเกียงที่ใกล้จะขาดน้ำมันแล้ว เกือบโดนสัตว์ป่าทึ้งกิน เป็นย่วนย่วนที่สละชีพเพื่อช่วยข้า…”

“สละชีพ?”

กู้ซีจิ่วเอ่ยทวนเสียงแผ่ว?

“ถูกต้อง! เป็นการสละชีพช่วยเหลือจริงๆ!”

ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเพียงไม่กี่คำนี้ ไม่ได้พูดมากไปกว่านี้แล้ว

ยามนั้นเขาเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน ถูกสัตว์ป่าที่ดุร้ายชนิดหนึ่งลากตัวไป แม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนก็ไม่มีแล้ว ตัวเขาเองยังสงสัยอยู่เลยว่าคงต้องสิ้นใจภายในปากของสัตว์ร้ายนี้แล้ว…

ขณะที่เจียนจะสลบไป เป็นองค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้ที่ตกลงมาจากฟ้าช่วยเหลือเขาไว้…

เขาสลบไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม รอจนเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในอาณาจักรมารแห่งนี้แล้ว มีเพียงย่วนย่วนที่คอยดูแลเขาในสภาพเปลือยเปล่า…

ย่วนย่วนคงจะรู้ว่าอวิ๋นเยียนหลีต้องการฆ่าเขา ดังนั้นหลังจากช่วยเหลือเขาแล้วก็ตรงเข้าสู่อาณาจักรมารเลย แต่นางบำเพ็ญวิถีเซียน หลังจากเข้าสู่อาณาจักรมารนางทำได้เพียงคอยผลัดเปลี่ยนชุดกันเพลิงอนธนการอยู่บ่อยๆ แต่วัสดุที่ใช้ทำชุดกันเพลิงหายาก แต่เหตุการณ์ฉุกละหุกนางเตรียมมาไม่เพียงพอ หลังจากผลัดเปลี่ยนไปได้สามชุดนางก็ไม่มีให้เปลี่ยนแล้ว นางขอความช่วยเหลือจากสหายคนหนึ่งในอาณาจักรมาร สหายคนนั้นบอกว่านางสามารถใช้วิชาย้ายร่างได้ ย้ายจากร่างเซียนเข้าสู่ร่างมารก็สามารถอยู่ในอาณาจักรมารได้นานๆ แล้ว

นางเป็นห่วงเขา ใช่วิชาย้ายร่างอย่างไม่ลังเลย วิชาย้ายร่างนี้ทรมานยากเข็ญเป็นที่สุด เทียบได้กับการเผาร่างคนเพื่อหลอมขึ้นใหม่ ยามที่ย่วนย่วนใช้วิชานี้ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว…

ตอนที่ตี้ฝูอีฟื้นขึ้นมา ร่างกายย่วนย่วนยังบาดเจ็บอยู่ เกือบจะเสียโฉมแล้ว ทำได้เพียงใช้หญ้ายืนเยาว์เพื่อรักษารูปโฉมนางให้เป็นปกติ…

ยามนั้นอาณาจักรมารกำลังระส่ำระส่าย ย่วนย่วนที่เป็นสตรีบอบบางนางหนึ่งต้องแบกตี้ฝูอีที่บาดเจ็บสาหัสสลบไสลไม่ได้สติเอาไว้ อาศัยปะปนอยู่ในอาณาจักรมารแห่งนี้อย่างอนาถาน่าเวทนา…

แต่ตี้ฝูอีไม่เคยได้ยินนางบ่นว่าเลยสักประโยค ยิ่งไม่เคยเอาดีเข้าตัวเลยด้วย นางหวังเพียงให้ตี้ฝูอีมีชีวิตรอด…

ความเป็นอยู่ในอาณาจักรมารของเขาและนางตกต่ำจนแทบจะเรี่ยดินแล้ว!

เพื่อหาอาหารดีๆ สักมื้อให้เขาย่วนย่วนต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นอยู่หลายครั้ง ทว่าปกปิดทุกอย่างจากเขา

จนกระทั่งวันหนึ่ง อาการบาดเจ็บของตี้ฝูอีทุเลาขึ้นแล้วจึงค่อยเดินๆ ออกมาจากเพิงจึงมองเห็นว่าเพื่อแลกยาให้เขานางเกือบจะถูกแพทย์มารคนหนึ่งครอบครองร่างแล้ว…

ส่วนตี้ฝูอีถึงอย่างไรก็เป็นราชันย์มาตั้งแต่กำเนิด มีความผยองเด็ดเดี่ยวอันเป็นนิสัยอยู่ในกระดูก ย่อมทนรับการข่มเหงเช่นนี้ไม่ได้!ยิ่งรับไม่ได้ที่คนสนิทของตนจะถูกปฏิบัติด้วยเยี่ยงนี้!

คนของเขาเขาไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนรังแกทั้งนั้น!

เมื่อก่อนมู่เฟิง มู่เหลยถูกคนนอกเคี่ยวกรำเพียงน้อย เขาล้วนจะหาทางเอาคืนให้พวกเขา นับประสาอะไรกับ ย่วนย่วนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเขาคนนี้เล่า?

เขาย่อมไม่ต้องให้นางถูกดูหมิ่นเช่นนี้!

ประกอบกับเขาประสบเรื่องราวนี้ในที่สุดก็ตระหนักรู้ซึ้งแล้ว ปล่อยวางอดีตทั้งหมดไป เริ่มต้นบุกเบิกอาณาเขตในอาณาจักรมาร สยบพิชิตทั้งอาณาจักร…

เขาเฉลียวฉลาดยิ่ง ครั้งก่อนที่ได้พบอวิ๋นเยียนหลีเขาก็เกิดความสงสัยในตัวเขาเช่นกัน!

หลังจากพอมีเส้นสายอำนาจในอาณาจักรมารบ้างแล้ว เขาจึงส่งคนไปตรวจสอบอย่างละเอียดดู พอจะอนุมานแผนการของอวิ๋นเยียนหลีได้แปดเก้าส่วนแล้ว

ทราบว่าตนต้องเป็นหนามตำตาของเขาแน่ ทนรอกำจัดทิ้งจนแทบไม่ไหวแล้ว!

อวิ๋นเยียนหลีคงพยายามตามหาเขาอย่างสุดชีวิตเช่นกัน…

และเห็นได้ชัดว่าวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีเหนือกว่าตอนที่อยู่ดินแดนเบื้องบน บรรลุระดับซ่างเซียนขึ้นไปแล้ว

หากเขาเผชิญหน้ากับอวิ๋นเยียนหลีจริงๆ ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้สักเสี้ยวกระผีก!

ดังนั้นก่อนที่เขาจะมีพลังอำนาจอย่างแท้จริง เขาจะไม่ออกจากอาณาจักรมาร…

เขายังพอรู้จักอวิ๋นเยียนหลีอยู่บ้าง ทราบว่าเขาเป็นวิชาสืบรอยแขนงหนึ่ง สามารถตามหาคนจากกลิ่นอายได้

ดังนั้นในระหว่างที่ตี้ฝูอีฝึกฝนวรยุทธ์ดั้งเดิมของตน ก็ได้ฝึกฝนวิชาพิเศษของอาณาจักรมารที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นอายดั้งเดิมในร่างได้ อย่างเช่นวิชาหุ่นเชิด…

หนึ่งปีมานี้เขาพยายามยิ่งนัก พึ่งพากำลังและความสามารถ พุ่งทะยานขึ้นมาในอาณาจักรมาร ใช้เวลาหนึ่งปีจนมีทุกอย่างในวันนี้ได้…

หนึ่งปีนี้เขาเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางทุกสิ่ง แน่นอนว่าเป็นอย่างที่คิด เขาปล่อยวางกู้ซีจิ่วด้วย…

ถึงแม้หนึ่งปีมานี้เขาไม่มีเจตนาจะสอบถามถึงข่าวคราวของนางเลย แต่ในบางครั้งที่ออกไปด้านนอกก็มักจะจับตำแหน่งของนางตามสัญชาตญาณ

บังเอิญยิ่งนัก ทุกครั้งที่เขาจับสัมผัสถึงนาง ล้วนรับรู้ได้ว่าอวิ๋นเยียนหลีก็อยู่ข้างกายนางตลอด…

ยามที่สายลับของเขาส่งข่าวของอวิ๋นเยียนหลีกลับมา ก็บอกเสมอว่าข้างกายเขามีดรุณีนางหนึ่งอยู่ ทั้งสองพูดคุยยิ้มหัวกัน แทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ดรุณีนางนั้นก็คือกู้ซีจิ่ว…

เขาย่อมไม่คิดว่ากู้ซีจิ่วจะผันใจไปชอบอวิ๋นเยียนหลีแล้ว เนื่องจากเขารู้ว่าคนที่นางรักอย่างลึกล้ำคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายหวงถู นางเห็นอวิ๋นเยียนหลีเป็นเพียงสหาย…

ในใจกู้ซีจิ่ว เกรงว่าตำแหน่งของเขากับอวิ๋นเยียนหลีจะไม่ต่างกันนัก เขาอาจจะสู้อวิ๋นเยียนหลีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ถึงอย่างไรอวิ๋นเยียนหลีก็ไม่ได้ใช้วิธีปลอมเป็นคู่หมั้นมาหลอกครอบครองนาง…

กลยุทธ์ที่อวิ๋นเยียนหลีใช้กับนางน่าจะเป็นแบบเดียวกับที่ดินแดนเบื้องบน ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่วิธีการอุกอาจอันใด ดังนั้นต่อให้นางอยู่ด้านนอกเพียงลำพังก็น่าจะไม่มีภัยคุกคามอันใดอย่างแท้จริง…

สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ นางมาตามหาเขาที่อาณาจักรมาร!

ซ้ำยังมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้…

ท่าทางของนางคล้ายว่าตามหาเขามาเนิ่นนานแล้ว แต่เขายังไม่ทันได้ซาบซึ้งตื้นตัน ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วนางไม่ได้ตามหาเขา แต่นางตามหาหวงถูที่กลับชาติมาเกิดต่างหาก…

เขานึกว่าในที่สุดก็สามารถก้าวเข้าไปในหัวใจนางได้แล้ว ขับไล่คนตายผู้นั้นไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี…

น้ำในสระยังคงมีฟองเดือดปุดผุดพราย นางและเขาต่างแช่อยู่ในน้ำ

ร่างกายใกล้ชิดยิ่ง ทว่าหัวใจกลับห่างไกลนัก…

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ

“เจ้าชอบองค์หญิงย่วนย่วนมากใช่ไหม? วันหน้าจะแต่งกับนางหรือ?”

ตี้ฝูอีนิ่งไปแวบหนึ่ง น้ำเสียงเย็นชา

“นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+