ลำนำบุปผาพิษ 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2650 วางแผน 2

เนื่องจากกู้ซีจิ่วบอกไว้แล้วว่า หิวโหยมาเนิ่นนานไม่อาจกินอิ่มมากเกินไปได้ มิเช่นนั้นกระเพาะจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ดังนั้นต่อให้อยากกินจนอิ่มหนำก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ทุกคนยังคงเชื่อฟังนัก แถมยังพอใจยิ่ง!

เสบียงอาหารที่กู้ซีจิ่วนำกลับมาครานี้มากมายพรั่งพร้อม พอให้พวกเขากินจนกระเพาะปริไปได้ถึงหนึ่งเดือน!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว พวกเขาก็มีผู้นำแล้ว เริ่มปรึกษาหารือหัวข้อการตอบโต้กลับแล้ว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีพลังวิญญาณเลย มีเพียงวรยุทธ์หมัดมวยที่ร้ายกาจอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคืออาวุธกับอาภรณ์ของพวกเขา! เสื้อผ้าของพวกเขาอาวุธเช่นใดก็ไม่อาจทำลายได้ อาวุธในมือพวกเขาก็วิปริตเหลือเกิน”

“มิผิด มิผิด! บางอันพ่นไฟออกมาได้ทันที แผดเผาทั้งตรอกได้ภายในชั่วพริบตา”

“บางอันก็พ่นลำแสงออกมาได้ แต่เมื่อลำแสงนั้นยิงไปถูกที่ใด ที่นั่นก็จะสลายกลายเป็นจุณ หลบไม่พ้นเลย”

“ใช่ ยังมีอาวุธที่พอเปิดใช้แล้ว จะทำให้อากาศโดยรอบหายไปได้ ทำให้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตในรัศมีหลายลี้หายใจไม่ได้ตายกันหมด หายใจไม่ออกเลย”

“เรือใหญ่ของพวกเขายังส่งเสียงชนิดหนึ่งออกมาด้วย เสียงนั้นฟังแล้วไม่ระคายหูเลยชัดๆ แต่คนที่ได้ยินกลับมีเลือดออกจากเจ็ดทวารสิ้นชีพไป…”

“ทันทีที่เรือใหญ่เหล่านั้นของพวกเขาเข้ามาได้ พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย…”

คนเหล่านี้ต่อกรกับชาวดาวจิ้งจอกครามอยู่เกือบปี ยังคงเข้าใจตื้นลึกหนาบางของพวกเขาอยู่บ้าง ยามนี้เลยพากันเล่าออกมา

กู้ซีจิ่วคอยฟังอยู่เงียบๆ อาวุธพวกนั้นเธอย่อมรู้จักดี ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญของทวีปซิงเยวี่ยจะรับมือได้ ไม่แปลกเลยที่จะพ่ายแพ้

“พวกเจ้าบอกว่าพวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่มีพลังวิญญาณ แสดงว่ามีคนส่วนน้อยที่มีพลังวิญญาณอยู่หรือ?”

มู่เฟิงพยักหน้า

“ขอรับ มีคนส่วนหนึ่งที่มีพลังวิญญาณ วรยุทธ์ประมาณขั้นหกถึงขั้นเจ็ด ข้าน้อยเคยพบเข้าคนหนึ่ง ยามนั้นบังเอิญทำลายอาวุธของเขาได้ ผลก็คือตอนที่เขาหลบหนีไม่น่าเชื่อว่าจะใช้พลังวิญญาณต้านรับ…เพียงแต่พลังวิญญาณของพวกเขาไม่คล้ายแบบที่พวกเราพบเห็นกันทั่วไป ค่อนข้างคล้าย…”

เขามองหลานไว่หูที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยต่อไปอีก

เนื่องจากศัตรูร้ายกาจเกินไป พอมาถึงก็ใช้วิธีบดขยี้ทันที ทำให้ชาวทวีปซิงเยวี่ยไม่มีทางตั้งรับได้ ถูกบีบต้อนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตลอดมา สายสืบที่ส่งออกไปไม่เคยได้กลับมาอีกเลย…

ดังนั้นจวบจนยามนี้พวกเขาก็ยังไม่กระจ่างเลยว่าคนเหล่านี้โผล่มาจากไหนกันแน่

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ เธอมองจิ้งจอกน้อยแวบหนึ่ง เอ่ยถามนางไปเรื่อย

“จิ้งจอกน้อย เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคนพวกนั้น?”

ถึงแม้วรยุทธ์ของหลานไว่หูจะไม่ต้อยต่ำ แต่ด้วยนิสัยของนางแล้ว ไม่มีใจฝักใฝ่เรื่องรบทัพจับศึกเสมอมา ดังนั้นยามที่ฝูงชนปรึกษาหารือกัน จึงไม่เคยถามความเห็นของนางเลย

เดิมทีนางนั่งเฝ้าเยี่ยนเฉินอยู่รอบนอก คล้ายคาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะขานนามนาง ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ ทำตาปริบๆ

“ขะ…ข้าไม่รู้จักพวกเขา”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วอ่อนโยน

“หนึ่งเดือนก่อนเจ้าเคยแอบหนีออกไปมิใช่หรือ? ยามนั้นตอนที่พบกันเข้าพวกเขาได้ไล่ล่าสังหารเจ้าไหม?”

หลานไว่หูผงะไปแวบหนึ่ง มองดูเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินจึงกล่าวขึ้นว่า

“ตอนนั้นมีคนกำลังไล่ล่านางอยู่สองคนจริงๆ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย สองคนนั้นคงอยากจับเป็นนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือสังหารนาง…”

กู้ซีจิ่วถามต่ออีก

“จิ้งจอกน้อย สองคนนั้นเคยพูดอะไรกับเจ้าไหม?”

จิ้งจอกน้อยส่ายหน้า

“พวกเขา…พวกเขาพูดจาหยาบโลนเล็กน้อย ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลย”

กู้ซีจิ่วมองไปที่เยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินขมวดคิ้ว

“ตอนที่ข้าตามไปทัน ช่วยเหลือนางได้พอดี สองคนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงหันหลังหลบหนีไปเลย”

————————————————————————————-

บทที่ 2651 วางแผน 2

“ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้อยู่ในยานนะ เยี่ยนเฉินเจ้าไม่ได้ถือโอกาสไล่ตามพวกเขาไปหรือ?”

เยี่ยนเฉินส่ายหน้า

“ตอนนั้นจิ้งจอกน้อยบาดเจ็บ ซ้ำยังเสียขวัญมาก สองคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณ หันหลังเหินทะยานหนีไปอย่างว่องไว ซ้ำในมือของพวกเขายังมีอาวุธที่ร้ายแรงยิ่งอยู่ด้วย ข้าจึงไม่ได้ตามไป”

คำถามกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของกู้ซีจิ่วแล้ว

หลานไว่หูเป็นราชครูหญิงแห่งเผ่าจิ้งจอกคราม หลายปีมานี้ไปมาหาสู่สนิทสนมกับเผ่าจิ้งจอกคราม คนของเผ่าจิ้งจอกครามเคารพนับถือนางมาก

เท่าที่กู้ซีจิ่วรู้มา ชาวดาวจิ้งจอกครามไม่มีพลังวิญญาณ กลับเป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามที่ดำเนินชีวิตอยู่ในทวีปซิงเยวี่ยมาหลายหมื่นปีแล้วที่บ่มเพาะพลังวิญญาณออกมาได้ หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ สองคนนั้นที่ไล่ตามนางน่าจะเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักหลานไว่หู พวกเขาต้องการจับเป็นหลานไว่หูดูสมเหตุสมผลอยู่ แต่การใช้วาจาหยาบโลนแทะโลมกลับค่อนข้างผิดปกติอยู่บ้าง…

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลานไว่หูเคยบอกเธอไว้ นางมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่จับสัมผัสถึงคนของเผ่าตนได้ แค่สัมผัสคลุกคลีเล็กน้อยนางก็จะมองออกแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้ว พอสองคนนั้นทำร้ายนาง แถมยังพูดจาหยาบคายมากขนาดนั้น คลุกคลีกันนานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จิ้งจอกน้อยจะมองพวกเขาไม่ออก

เช่นนั้นนางในตอนนี้คงมิใช่ว่า…

เกรงว่าถ้าตนบอกความลับของเผ่าจิ้งจอกครามออกมาแล้วตนจะโดนหางเลขไปด้วยหรือ?

เหตุผลข้อนี้ถึงแม้จะพอฟังขึ้น แต่นิสัยของหลานไว่หูเปิดเผยซื่อตรงเสมอมา นางไม่ใช่คนเช่นนี้…

หรือว่า…

“จิ้งจอกน้อย เจ้าได้ติดต่อกับคนในเผ่าของเจ้าบ้างไหม?”

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามหลานไว่หูอีกประโยคหนึ่ง

หลานไว่หูชะงักไปอีกครั้ง สายหน้านิดๆ

“ไม่เลย…กว่าหนึ่งปีมานี้ข้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง…”

เยี่ยนเฉินพยักหน้า

“กว่าหนึ่งปีมานี้พวกเราไม่ได้ไปที่ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกครามเลยจริงๆ เดิมทีคิดจะไปแล้ว ผลก็คือยังไม่ทันสำเร็จ ก็พบผู้รุกรานเหล่านี้เข้า”

กู้ซีจิ่วกวาดตามองไปรอบข้างเล็กน้อย

“ที่นี่มีชาวเผ่าจิ้งจอกครามอยู่หรือไม่?”

ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูเต็มไปด้วยความสลดหดหู่

“มีเพียงตัวข้า…”

กู่ฉานโม่ถอนหายใจพลางเอ่ย

“เผ่าจิ้งจอกครามแยกตนเป็นเอกเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกง่ายๆ หลานเยวี่ยก็ไม่ได้ออกมานานแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่อาจติดต่อกับเขาได้เลย เพียงแต่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็มีเขตแดนของตน ซ้ำหลานเยวี่ยยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะไม่ยังไม่เสียเมืองกระมัง…”

“ไม่ เสียแล้ว”

กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าหลานไว่หู

ฝูงชนตกตะลึง

ใบหน้าพริ้มเพราของหลานไว่หูซีดเผือดเล็กน้อย สายตากู้ซีจิ่วดุจมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ในยามนี้เอง หลานไว่หูรู้สึกหลอนราวกับถูกอีกฝ่ายมองทะลุได้อย่างปรุโปร่ง

นางเบิกตากว้าง เสียงสั่นเครือ

“เทพศักดิ์สิทธิ์ ท่าน…ท่านไปดูที่เผ่าจิ้งจอกครามมาแล้วหรือ? พวกเขา…พวกเขาคงใช่ว่า…”

“ตอนนี้แดนเผ่าจิ้งจอกครามคือฐานทัพหลักของผู้รุกรานเหล่านั้น”

ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!

ฝูงชนต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า

กู้ซีจิ่วกลับจ้องมองหลานไว่หูอยู่ตลอดเวลา หลานไว่หูกุมมือของเยี่ยนเฉินที่อยู่ข้างกายเอาไว้ กำจนเล็บซีดขาวแล้ว

“เช่นนั้น…เช่นนั้นชาวเผ่าของข้า…”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

หลานไว่หูร้อนรนกว่าเดิม น้ำตาคลอเบ้าแล้ว

“จิ้งจอกน้อย หากว่าเจ้าไม่สบายใจจริงๆ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม”

กู้ซีจิ่วให้คำมั่น

“ข้าจะไปด้วย”

เยี่ยนเฉินขันอาสา เขาเป็นห่วงภรรยา แต่ชาวเผ่าของภรรยาประสบทุกข์ภัย เขาไม่อาจห้ามไม่ให้นางไปได้

หลานไว่หู่กลับชะงักไปแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากนิดๆ

“ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นอันตรายถึงเพียงนี้ ซ้ำเผ่าจิ้งจอกครามยังอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลนัก ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องปกป้องเด็กและผู้ชราของที่นี่อยู่ ไว่หูจะรบกวนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเสี่ยงภัยเพื่อประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร?”

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2650 วางแผน 2

เนื่องจากกู้ซีจิ่วบอกไว้แล้วว่า หิวโหยมาเนิ่นนานไม่อาจกินอิ่มมากเกินไปได้ มิเช่นนั้นกระเพาะจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ดังนั้นต่อให้อยากกินจนอิ่มหนำก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ทุกคนยังคงเชื่อฟังนัก แถมยังพอใจยิ่ง!

เสบียงอาหารที่กู้ซีจิ่วนำกลับมาครานี้มากมายพรั่งพร้อม พอให้พวกเขากินจนกระเพาะปริไปได้ถึงหนึ่งเดือน!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว พวกเขาก็มีผู้นำแล้ว เริ่มปรึกษาหารือหัวข้อการตอบโต้กลับแล้ว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีพลังวิญญาณเลย มีเพียงวรยุทธ์หมัดมวยที่ร้ายกาจอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคืออาวุธกับอาภรณ์ของพวกเขา! เสื้อผ้าของพวกเขาอาวุธเช่นใดก็ไม่อาจทำลายได้ อาวุธในมือพวกเขาก็วิปริตเหลือเกิน”

“มิผิด มิผิด! บางอันพ่นไฟออกมาได้ทันที แผดเผาทั้งตรอกได้ภายในชั่วพริบตา”

“บางอันก็พ่นลำแสงออกมาได้ แต่เมื่อลำแสงนั้นยิงไปถูกที่ใด ที่นั่นก็จะสลายกลายเป็นจุณ หลบไม่พ้นเลย”

“ใช่ ยังมีอาวุธที่พอเปิดใช้แล้ว จะทำให้อากาศโดยรอบหายไปได้ ทำให้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตในรัศมีหลายลี้หายใจไม่ได้ตายกันหมด หายใจไม่ออกเลย”

“เรือใหญ่ของพวกเขายังส่งเสียงชนิดหนึ่งออกมาด้วย เสียงนั้นฟังแล้วไม่ระคายหูเลยชัดๆ แต่คนที่ได้ยินกลับมีเลือดออกจากเจ็ดทวารสิ้นชีพไป…”

“ทันทีที่เรือใหญ่เหล่านั้นของพวกเขาเข้ามาได้ พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย…”

คนเหล่านี้ต่อกรกับชาวดาวจิ้งจอกครามอยู่เกือบปี ยังคงเข้าใจตื้นลึกหนาบางของพวกเขาอยู่บ้าง ยามนี้เลยพากันเล่าออกมา

กู้ซีจิ่วคอยฟังอยู่เงียบๆ อาวุธพวกนั้นเธอย่อมรู้จักดี ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญของทวีปซิงเยวี่ยจะรับมือได้ ไม่แปลกเลยที่จะพ่ายแพ้

“พวกเจ้าบอกว่าพวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่มีพลังวิญญาณ แสดงว่ามีคนส่วนน้อยที่มีพลังวิญญาณอยู่หรือ?”

มู่เฟิงพยักหน้า

“ขอรับ มีคนส่วนหนึ่งที่มีพลังวิญญาณ วรยุทธ์ประมาณขั้นหกถึงขั้นเจ็ด ข้าน้อยเคยพบเข้าคนหนึ่ง ยามนั้นบังเอิญทำลายอาวุธของเขาได้ ผลก็คือตอนที่เขาหลบหนีไม่น่าเชื่อว่าจะใช้พลังวิญญาณต้านรับ…เพียงแต่พลังวิญญาณของพวกเขาไม่คล้ายแบบที่พวกเราพบเห็นกันทั่วไป ค่อนข้างคล้าย…”

เขามองหลานไว่หูที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยต่อไปอีก

เนื่องจากศัตรูร้ายกาจเกินไป พอมาถึงก็ใช้วิธีบดขยี้ทันที ทำให้ชาวทวีปซิงเยวี่ยไม่มีทางตั้งรับได้ ถูกบีบต้อนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตลอดมา สายสืบที่ส่งออกไปไม่เคยได้กลับมาอีกเลย…

ดังนั้นจวบจนยามนี้พวกเขาก็ยังไม่กระจ่างเลยว่าคนเหล่านี้โผล่มาจากไหนกันแน่

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ เธอมองจิ้งจอกน้อยแวบหนึ่ง เอ่ยถามนางไปเรื่อย

“จิ้งจอกน้อย เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคนพวกนั้น?”

ถึงแม้วรยุทธ์ของหลานไว่หูจะไม่ต้อยต่ำ แต่ด้วยนิสัยของนางแล้ว ไม่มีใจฝักใฝ่เรื่องรบทัพจับศึกเสมอมา ดังนั้นยามที่ฝูงชนปรึกษาหารือกัน จึงไม่เคยถามความเห็นของนางเลย

เดิมทีนางนั่งเฝ้าเยี่ยนเฉินอยู่รอบนอก คล้ายคาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะขานนามนาง ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ ทำตาปริบๆ

“ขะ…ข้าไม่รู้จักพวกเขา”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วอ่อนโยน

“หนึ่งเดือนก่อนเจ้าเคยแอบหนีออกไปมิใช่หรือ? ยามนั้นตอนที่พบกันเข้าพวกเขาได้ไล่ล่าสังหารเจ้าไหม?”

หลานไว่หูผงะไปแวบหนึ่ง มองดูเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินจึงกล่าวขึ้นว่า

“ตอนนั้นมีคนกำลังไล่ล่านางอยู่สองคนจริงๆ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย สองคนนั้นคงอยากจับเป็นนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือสังหารนาง…”

กู้ซีจิ่วถามต่ออีก

“จิ้งจอกน้อย สองคนนั้นเคยพูดอะไรกับเจ้าไหม?”

จิ้งจอกน้อยส่ายหน้า

“พวกเขา…พวกเขาพูดจาหยาบโลนเล็กน้อย ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลย”

กู้ซีจิ่วมองไปที่เยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินขมวดคิ้ว

“ตอนที่ข้าตามไปทัน ช่วยเหลือนางได้พอดี สองคนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงหันหลังหลบหนีไปเลย”

————————————————————————————-

บทที่ 2651 วางแผน 2

“ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้อยู่ในยานนะ เยี่ยนเฉินเจ้าไม่ได้ถือโอกาสไล่ตามพวกเขาไปหรือ?”

เยี่ยนเฉินส่ายหน้า

“ตอนนั้นจิ้งจอกน้อยบาดเจ็บ ซ้ำยังเสียขวัญมาก สองคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณ หันหลังเหินทะยานหนีไปอย่างว่องไว ซ้ำในมือของพวกเขายังมีอาวุธที่ร้ายแรงยิ่งอยู่ด้วย ข้าจึงไม่ได้ตามไป”

คำถามกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของกู้ซีจิ่วแล้ว

หลานไว่หูเป็นราชครูหญิงแห่งเผ่าจิ้งจอกคราม หลายปีมานี้ไปมาหาสู่สนิทสนมกับเผ่าจิ้งจอกคราม คนของเผ่าจิ้งจอกครามเคารพนับถือนางมาก

เท่าที่กู้ซีจิ่วรู้มา ชาวดาวจิ้งจอกครามไม่มีพลังวิญญาณ กลับเป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามที่ดำเนินชีวิตอยู่ในทวีปซิงเยวี่ยมาหลายหมื่นปีแล้วที่บ่มเพาะพลังวิญญาณออกมาได้ หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ สองคนนั้นที่ไล่ตามนางน่าจะเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักหลานไว่หู พวกเขาต้องการจับเป็นหลานไว่หูดูสมเหตุสมผลอยู่ แต่การใช้วาจาหยาบโลนแทะโลมกลับค่อนข้างผิดปกติอยู่บ้าง…

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลานไว่หูเคยบอกเธอไว้ นางมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่จับสัมผัสถึงคนของเผ่าตนได้ แค่สัมผัสคลุกคลีเล็กน้อยนางก็จะมองออกแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้ว พอสองคนนั้นทำร้ายนาง แถมยังพูดจาหยาบคายมากขนาดนั้น คลุกคลีกันนานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จิ้งจอกน้อยจะมองพวกเขาไม่ออก

เช่นนั้นนางในตอนนี้คงมิใช่ว่า…

เกรงว่าถ้าตนบอกความลับของเผ่าจิ้งจอกครามออกมาแล้วตนจะโดนหางเลขไปด้วยหรือ?

เหตุผลข้อนี้ถึงแม้จะพอฟังขึ้น แต่นิสัยของหลานไว่หูเปิดเผยซื่อตรงเสมอมา นางไม่ใช่คนเช่นนี้…

หรือว่า…

“จิ้งจอกน้อย เจ้าได้ติดต่อกับคนในเผ่าของเจ้าบ้างไหม?”

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามหลานไว่หูอีกประโยคหนึ่ง

หลานไว่หูชะงักไปอีกครั้ง สายหน้านิดๆ

“ไม่เลย…กว่าหนึ่งปีมานี้ข้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง…”

เยี่ยนเฉินพยักหน้า

“กว่าหนึ่งปีมานี้พวกเราไม่ได้ไปที่ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกครามเลยจริงๆ เดิมทีคิดจะไปแล้ว ผลก็คือยังไม่ทันสำเร็จ ก็พบผู้รุกรานเหล่านี้เข้า”

กู้ซีจิ่วกวาดตามองไปรอบข้างเล็กน้อย

“ที่นี่มีชาวเผ่าจิ้งจอกครามอยู่หรือไม่?”

ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูเต็มไปด้วยความสลดหดหู่

“มีเพียงตัวข้า…”

กู่ฉานโม่ถอนหายใจพลางเอ่ย

“เผ่าจิ้งจอกครามแยกตนเป็นเอกเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกง่ายๆ หลานเยวี่ยก็ไม่ได้ออกมานานแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่อาจติดต่อกับเขาได้เลย เพียงแต่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็มีเขตแดนของตน ซ้ำหลานเยวี่ยยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะไม่ยังไม่เสียเมืองกระมัง…”

“ไม่ เสียแล้ว”

กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าหลานไว่หู

ฝูงชนตกตะลึง

ใบหน้าพริ้มเพราของหลานไว่หูซีดเผือดเล็กน้อย สายตากู้ซีจิ่วดุจมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ในยามนี้เอง หลานไว่หูรู้สึกหลอนราวกับถูกอีกฝ่ายมองทะลุได้อย่างปรุโปร่ง

นางเบิกตากว้าง เสียงสั่นเครือ

“เทพศักดิ์สิทธิ์ ท่าน…ท่านไปดูที่เผ่าจิ้งจอกครามมาแล้วหรือ? พวกเขา…พวกเขาคงใช่ว่า…”

“ตอนนี้แดนเผ่าจิ้งจอกครามคือฐานทัพหลักของผู้รุกรานเหล่านั้น”

ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!

ฝูงชนต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า

กู้ซีจิ่วกลับจ้องมองหลานไว่หูอยู่ตลอดเวลา หลานไว่หูกุมมือของเยี่ยนเฉินที่อยู่ข้างกายเอาไว้ กำจนเล็บซีดขาวแล้ว

“เช่นนั้น…เช่นนั้นชาวเผ่าของข้า…”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

หลานไว่หูร้อนรนกว่าเดิม น้ำตาคลอเบ้าแล้ว

“จิ้งจอกน้อย หากว่าเจ้าไม่สบายใจจริงๆ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม”

กู้ซีจิ่วให้คำมั่น

“ข้าจะไปด้วย”

เยี่ยนเฉินขันอาสา เขาเป็นห่วงภรรยา แต่ชาวเผ่าของภรรยาประสบทุกข์ภัย เขาไม่อาจห้ามไม่ให้นางไปได้

หลานไว่หู่กลับชะงักไปแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากนิดๆ

“ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นอันตรายถึงเพียงนี้ ซ้ำเผ่าจิ้งจอกครามยังอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลนัก ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องปกป้องเด็กและผู้ชราของที่นี่อยู่ ไว่หูจะรบกวนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเสี่ยงภัยเพื่อประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร?”

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2650 วางแผน 2 / บทที่ 2651 วางแผน 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2650 วางแผน 2

เนื่องจากกู้ซีจิ่วบอกไว้แล้วว่า หิวโหยมาเนิ่นนานไม่อาจกินอิ่มมากเกินไปได้ มิเช่นนั้นกระเพาะจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ดังนั้นต่อให้อยากกินจนอิ่มหนำก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

ทุกคนยังคงเชื่อฟังนัก แถมยังพอใจยิ่ง!

เสบียงอาหารที่กู้ซีจิ่วนำกลับมาครานี้มากมายพรั่งพร้อม พอให้พวกเขากินจนกระเพาะปริไปได้ถึงหนึ่งเดือน!

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว พวกเขาก็มีผู้นำแล้ว เริ่มปรึกษาหารือหัวข้อการตอบโต้กลับแล้ว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คนส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีพลังวิญญาณเลย มีเพียงวรยุทธ์หมัดมวยที่ร้ายกาจอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคืออาวุธกับอาภรณ์ของพวกเขา! เสื้อผ้าของพวกเขาอาวุธเช่นใดก็ไม่อาจทำลายได้ อาวุธในมือพวกเขาก็วิปริตเหลือเกิน”

“มิผิด มิผิด! บางอันพ่นไฟออกมาได้ทันที แผดเผาทั้งตรอกได้ภายในชั่วพริบตา”

“บางอันก็พ่นลำแสงออกมาได้ แต่เมื่อลำแสงนั้นยิงไปถูกที่ใด ที่นั่นก็จะสลายกลายเป็นจุณ หลบไม่พ้นเลย”

“ใช่ ยังมีอาวุธที่พอเปิดใช้แล้ว จะทำให้อากาศโดยรอบหายไปได้ ทำให้มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตในรัศมีหลายลี้หายใจไม่ได้ตายกันหมด หายใจไม่ออกเลย”

“เรือใหญ่ของพวกเขายังส่งเสียงชนิดหนึ่งออกมาด้วย เสียงนั้นฟังแล้วไม่ระคายหูเลยชัดๆ แต่คนที่ได้ยินกลับมีเลือดออกจากเจ็ดทวารสิ้นชีพไป…”

“ทันทีที่เรือใหญ่เหล่านั้นของพวกเขาเข้ามาได้ พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย…”

คนเหล่านี้ต่อกรกับชาวดาวจิ้งจอกครามอยู่เกือบปี ยังคงเข้าใจตื้นลึกหนาบางของพวกเขาอยู่บ้าง ยามนี้เลยพากันเล่าออกมา

กู้ซีจิ่วคอยฟังอยู่เงียบๆ อาวุธพวกนั้นเธอย่อมรู้จักดี ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญของทวีปซิงเยวี่ยจะรับมือได้ ไม่แปลกเลยที่จะพ่ายแพ้

“พวกเจ้าบอกว่าพวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่มีพลังวิญญาณ แสดงว่ามีคนส่วนน้อยที่มีพลังวิญญาณอยู่หรือ?”

มู่เฟิงพยักหน้า

“ขอรับ มีคนส่วนหนึ่งที่มีพลังวิญญาณ วรยุทธ์ประมาณขั้นหกถึงขั้นเจ็ด ข้าน้อยเคยพบเข้าคนหนึ่ง ยามนั้นบังเอิญทำลายอาวุธของเขาได้ ผลก็คือตอนที่เขาหลบหนีไม่น่าเชื่อว่าจะใช้พลังวิญญาณต้านรับ…เพียงแต่พลังวิญญาณของพวกเขาไม่คล้ายแบบที่พวกเราพบเห็นกันทั่วไป ค่อนข้างคล้าย…”

เขามองหลานไว่หูที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยต่อไปอีก

เนื่องจากศัตรูร้ายกาจเกินไป พอมาถึงก็ใช้วิธีบดขยี้ทันที ทำให้ชาวทวีปซิงเยวี่ยไม่มีทางตั้งรับได้ ถูกบีบต้อนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนตลอดมา สายสืบที่ส่งออกไปไม่เคยได้กลับมาอีกเลย…

ดังนั้นจวบจนยามนี้พวกเขาก็ยังไม่กระจ่างเลยว่าคนเหล่านี้โผล่มาจากไหนกันแน่

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ เธอมองจิ้งจอกน้อยแวบหนึ่ง เอ่ยถามนางไปเรื่อย

“จิ้งจอกน้อย เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคนพวกนั้น?”

ถึงแม้วรยุทธ์ของหลานไว่หูจะไม่ต้อยต่ำ แต่ด้วยนิสัยของนางแล้ว ไม่มีใจฝักใฝ่เรื่องรบทัพจับศึกเสมอมา ดังนั้นยามที่ฝูงชนปรึกษาหารือกัน จึงไม่เคยถามความเห็นของนางเลย

เดิมทีนางนั่งเฝ้าเยี่ยนเฉินอยู่รอบนอก คล้ายคาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะขานนามนาง ค่อนข้างทึ่มทื่อไปชั่วขณะ ทำตาปริบๆ

“ขะ…ข้าไม่รู้จักพวกเขา”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วอ่อนโยน

“หนึ่งเดือนก่อนเจ้าเคยแอบหนีออกไปมิใช่หรือ? ยามนั้นตอนที่พบกันเข้าพวกเขาได้ไล่ล่าสังหารเจ้าไหม?”

หลานไว่หูผงะไปแวบหนึ่ง มองดูเยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินจึงกล่าวขึ้นว่า

“ตอนนั้นมีคนกำลังไล่ล่านางอยู่สองคนจริงๆ นางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วย สองคนนั้นคงอยากจับเป็นนาง ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือสังหารนาง…”

กู้ซีจิ่วถามต่ออีก

“จิ้งจอกน้อย สองคนนั้นเคยพูดอะไรกับเจ้าไหม?”

จิ้งจอกน้อยส่ายหน้า

“พวกเขา…พวกเขาพูดจาหยาบโลนเล็กน้อย ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลย”

กู้ซีจิ่วมองไปที่เยี่ยนเฉิน เยี่ยนเฉินขมวดคิ้ว

“ตอนที่ข้าตามไปทัน ช่วยเหลือนางได้พอดี สองคนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงหันหลังหลบหนีไปเลย”

————————————————————————————-

บทที่ 2651 วางแผน 2

“ดูเหมือนสองคนนั้นจะไม่ได้อยู่ในยานนะ เยี่ยนเฉินเจ้าไม่ได้ถือโอกาสไล่ตามพวกเขาไปหรือ?”

เยี่ยนเฉินส่ายหน้า

“ตอนนั้นจิ้งจอกน้อยบาดเจ็บ ซ้ำยังเสียขวัญมาก สองคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณ หันหลังเหินทะยานหนีไปอย่างว่องไว ซ้ำในมือของพวกเขายังมีอาวุธที่ร้ายแรงยิ่งอยู่ด้วย ข้าจึงไม่ได้ตามไป”

คำถามกลุ่มหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของกู้ซีจิ่วแล้ว

หลานไว่หูเป็นราชครูหญิงแห่งเผ่าจิ้งจอกคราม หลายปีมานี้ไปมาหาสู่สนิทสนมกับเผ่าจิ้งจอกคราม คนของเผ่าจิ้งจอกครามเคารพนับถือนางมาก

เท่าที่กู้ซีจิ่วรู้มา ชาวดาวจิ้งจอกครามไม่มีพลังวิญญาณ กลับเป็นชาวเผ่าจิ้งจอกครามที่ดำเนินชีวิตอยู่ในทวีปซิงเยวี่ยมาหลายหมื่นปีแล้วที่บ่มเพาะพลังวิญญาณออกมาได้ หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ สองคนนั้นที่ไล่ตามนางน่าจะเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักหลานไว่หู พวกเขาต้องการจับเป็นหลานไว่หูดูสมเหตุสมผลอยู่ แต่การใช้วาจาหยาบโลนแทะโลมกลับค่อนข้างผิดปกติอยู่บ้าง…

ยิ่งไปกว่านั้นคือหลานไว่หูเคยบอกเธอไว้ นางมีสัญชาตญาณอย่างหนึ่งที่จับสัมผัสถึงคนของเผ่าตนได้ แค่สัมผัสคลุกคลีเล็กน้อยนางก็จะมองออกแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้ว พอสองคนนั้นทำร้ายนาง แถมยังพูดจาหยาบคายมากขนาดนั้น คลุกคลีกันนานขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จิ้งจอกน้อยจะมองพวกเขาไม่ออก

เช่นนั้นนางในตอนนี้คงมิใช่ว่า…

เกรงว่าถ้าตนบอกความลับของเผ่าจิ้งจอกครามออกมาแล้วตนจะโดนหางเลขไปด้วยหรือ?

เหตุผลข้อนี้ถึงแม้จะพอฟังขึ้น แต่นิสัยของหลานไว่หูเปิดเผยซื่อตรงเสมอมา นางไม่ใช่คนเช่นนี้…

หรือว่า…

“จิ้งจอกน้อย เจ้าได้ติดต่อกับคนในเผ่าของเจ้าบ้างไหม?”

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามหลานไว่หูอีกประโยคหนึ่ง

หลานไว่หูชะงักไปอีกครั้ง สายหน้านิดๆ

“ไม่เลย…กว่าหนึ่งปีมานี้ข้าไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง…”

เยี่ยนเฉินพยักหน้า

“กว่าหนึ่งปีมานี้พวกเราไม่ได้ไปที่ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกครามเลยจริงๆ เดิมทีคิดจะไปแล้ว ผลก็คือยังไม่ทันสำเร็จ ก็พบผู้รุกรานเหล่านี้เข้า”

กู้ซีจิ่วกวาดตามองไปรอบข้างเล็กน้อย

“ที่นี่มีชาวเผ่าจิ้งจอกครามอยู่หรือไม่?”

ดวงหน้าน้อยๆ ของหลานไว่หูเต็มไปด้วยความสลดหดหู่

“มีเพียงตัวข้า…”

กู่ฉานโม่ถอนหายใจพลางเอ่ย

“เผ่าจิ้งจอกครามแยกตนเป็นเอกเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกง่ายๆ หลานเยวี่ยก็ไม่ได้ออกมานานแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่อาจติดต่อกับเขาได้เลย เพียงแต่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็มีเขตแดนของตน ซ้ำหลานเยวี่ยยังมีวรยุทธ์ล้ำเลิศ เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะไม่ยังไม่เสียเมืองกระมัง…”

“ไม่ เสียแล้ว”

กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้น สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าหลานไว่หู

ฝูงชนตกตะลึง

ใบหน้าพริ้มเพราของหลานไว่หูซีดเผือดเล็กน้อย สายตากู้ซีจิ่วดุจมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ในยามนี้เอง หลานไว่หูรู้สึกหลอนราวกับถูกอีกฝ่ายมองทะลุได้อย่างปรุโปร่ง

นางเบิกตากว้าง เสียงสั่นเครือ

“เทพศักดิ์สิทธิ์ ท่าน…ท่านไปดูที่เผ่าจิ้งจอกครามมาแล้วหรือ? พวกเขา…พวกเขาคงใช่ว่า…”

“ตอนนี้แดนเผ่าจิ้งจอกครามคือฐานทัพหลักของผู้รุกรานเหล่านั้น”

ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่ง!

ฝูงชนต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า

กู้ซีจิ่วกลับจ้องมองหลานไว่หูอยู่ตลอดเวลา หลานไว่หูกุมมือของเยี่ยนเฉินที่อยู่ข้างกายเอาไว้ กำจนเล็บซีดขาวแล้ว

“เช่นนั้น…เช่นนั้นชาวเผ่าของข้า…”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

หลานไว่หูร้อนรนกว่าเดิม น้ำตาคลอเบ้าแล้ว

“จิ้งจอกน้อย หากว่าเจ้าไม่สบายใจจริงๆ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม”

กู้ซีจิ่วให้คำมั่น

“ข้าจะไปด้วย”

เยี่ยนเฉินขันอาสา เขาเป็นห่วงภรรยา แต่ชาวเผ่าของภรรยาประสบทุกข์ภัย เขาไม่อาจห้ามไม่ให้นางไปได้

หลานไว่หู่กลับชะงักไปแวบหนึ่ง กัดริมฝีปากนิดๆ

“ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นอันตรายถึงเพียงนี้ ซ้ำเผ่าจิ้งจอกครามยังอยู่ห่างจากที่นี่ไปไกลนัก ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องปกป้องเด็กและผู้ชราของที่นี่อยู่ ไว่หูจะรบกวนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ไปเสี่ยงภัยเพื่อประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร?”

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+