ลำนำบุปผาพิษ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ

เธอกำผ้าปูที่นอนค่อยๆ ใคร่ครวญดู ตอนที่เธอเข้าสู่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็ไม่รู้สึกถึงคลื่นเสียงอะไรเลย น่าจะเป็นเพราะสมรรถภาพร่างกายในระดับซ่างเสินของเธอ คลื่นเสียงอันใดก็ทำอันตรายเธอไม่ได้ ย่อมถูกเธอละเลยไป

แต่หลานไว่หูตัวปลอมคนนี้กลัวคลื่นเสียง หรือเป็นเพราะนางพลังยุทธ์ต่ำ? หรือร่างกายของนางมีความพิเศษ? นางเป็นร่างโคลนนิ่งหรือว่าเป็นร่างเดิมของหลานไว่หูกันแน่?

ยังมีอีก เจ้านายคนนั้นของนางเป็นใครกันแน่? พรุ่งนี้เขาจะเล่นละครสื่ออันใด?

พรุ่งนี้เหรอ? เหอะๆ

….

ภายในฐานทัพจิ้งจอกคราม

นายพลกวนย่าหนิงโมโหมาก!

เสบียงอาหารพืชผักผลไม้ที่เขากับลูกน้องของเขาเพียรพยายามเสาะหามา ถูกยกเค้าจนเกลี้ยงภายในชั่วข้ามคืน! แม้แต่ผักสักใบก็ไม่เหลือไว้เลย!

ประกอบกับการที่เขาสูญเสียยานรบเหล่านั้นไป ยิ่งเหมือนเอาชีวิตของเขาไปด้วย ทำให้เขาอยากจะกระอักเลือดแล้ว!

เขาก็ฉงนเช่นกัน!

เสบียงอาหารพวกนั้นมากมายขนาดนั้น ยานของเขาต้องขนกลับไปกลับมากว่าสิบเที่ยวถึงจะขนกลับมาได้หมด ทำไมถึงถูกคนขโมยไปได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้เล่า?

เขาตรงไปเค้นถามหลานเยวี่ยด้วยความโมโห หลานเยวี่ยตอบเพียงประโยคเดียว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีช่องมิติ ด้านในกว้างใหญ่ไพศาล”

กวนย่าหนิงพูดไม่ออกเลย

ร่างสะโอดสะองของผู้หญิงคนนั้นผุดขึ้นมาในสมองเขา อ้อนแอ้นบอบบางขนาดนั้น เขาสามารถหนีบเธอได้ด้วยแขนข้างเดียวด้วยซ้ำ เด็กสาวที่ผอมบางขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะขโมยข้าวของหลายสิบตันไปจากเขาได้ในคราวเดียว…

พระเจ้า!

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกยำเกรงพลังวิญญาณของโลกใบนี้ขึ้นมาเล็กน้อย

นี่…นี่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ! เป็นประเภทที่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายให้กระจ่างไม่ได้

กวนย่าหนิงเป็นชาวดาวจิ้งจอกครามผู้มีวิทยาการก้าวหน้าล้ำสมัย ทะนงตนในสิ่งนี้เสมอมา นับตั้งแต่เดินทางไปมาในอวกาศ เคยไปเยือนดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติมามากมายแล้ว ในสายตาของเขา นั่นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้อารยธรรม

เขาสามารถเอารัดเอาเปรียบได้ทุกทาง สามารถบดขยี้ได้เหมือนขยี้เปลือกเกี๊ยว อีกฝ่ายไม่มีอำนาจพอจะโต้กลับได้

กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามาถึงที่นี่แล้วจะเตะโดนแผ่นเหล็กเข้า…

ทำให้เขาเสียท่าอย่างใหญ่หลวง แม้แต่เงาของอีกฝ่ายก็คว้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

ถึงแม้ชาวดาวจิ้งจอกครามจะมีวิทยาการก้าวหน้าพอ พละกำลังก็แกร่งพอ แต่ถึงอย่างไรสมรรถภาพร่างกายของเขาก็เป็นมนุษย์ ต้องการอาหาร

หนึ่งปีมานี้ทวีปซิงเยวี่ยถูกพวกเขาทำลายจนเสียหายมากมายเกินไป ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ชาวบ้านไม่มีกะจิตกะใจจะเพาะปลูกทำการเกษตร ทำให้เสบียงอาหารลดน้อยลงเรื่อยๆ

เสบียงอาหารเหล่านี้ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะรวบรวมมาได้ ผลก็คือถูกคนอื่นกวาดไปจนเกลี้ยง!

กองทัพยาตรา อาหารคือสวรรค์ แต่พวกเขาแม้แต่อาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าไปอยู่ไหนแล้ว!

นายพลกวนย่าหนิงทำได้เพียงเร่งส่งคนออกไปเสาะหาเสบียง จากนั้นก็หารือมาตรการรับมือกับนายพลคนอื่นๆ

ขณะที่เขากำลังหงุดหงิด กลับเห็นท่านจอมพลของเขากลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อหลานไว่หูคนนั้น

กวนย่าหนิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าท่านจอมพลของตนคิดอะไรอยู่ ถึงให้ความสำคัญกับหลานไว่หูขนาดนี้

ต่อให้มีสายเลือดของราชวงศ์จิ้งจอกครามแล้วยังไง? พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ของที่นั่นอีกแล้ว!

หรือว่าท่านจอมพลชอบหลานไว่หูคนนี้? กำลังจีบอยู่?

แต่ว่า ท่านจอมพลเฉยเมยเย็นชามาโดยตลอด ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลยไม่ใช่หรือ? แล้วหนนี้เป็นอะไรไป?

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหนึ่งเดือนมานี้ ท่านจอมพลของบ้านตนเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่บ้าง นิสัยก็กลายเป็นคาดเดาได้ยากขึ้น กระทำการก็ค่อนข้างมีลับลมคมใน ไม่ใกล้ชิดกับเหล่าพี่น้องแบบนั้นแล้วด้วย…

“วันนี้พระจันทร์ไม่เลวเลย ท่านจอมพลออกไปชมจันทร์กับคนงามมาเหรอครับ?”

กวนย่าหนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความริษยาไว้ยิ่งนัก

ตวนมู่เหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเฉยเมย

“แกมีปัญหาอะไร?”

“มิกล้า นี่เป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของท่านจอมพลไงครับ ท่านจอมพล เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเล่นงานพวกเราได้ไม่เบาเลย ไม่เพียงแต่ทำลายยานรบของพวกเราเท่านั้น ยังปล้นเสบียงทั้งหมดของพวกเราไปด้วย ตอนนี้ท่านจอมพลยังมีอารมณ์ไปชมจันทร์กับสาวงาม คาดว่าคงมีวิธีต่อกรกับเธอเพื่อชิงเอาเสบียงกลับมาแล้วใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าท่านจอมพลมีแผนการยังไงบ้าง พูดให้ผู้ใต้บัญชาอย่างผมฟังหน่อยเถอะครับ”

————————————————————————————-

บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

นายพลคนอื่นๆ ก็พากันมองไปที่ตวนมู่เหยี่ยน

ตวนมู่เหยี่ยนมองจิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกาย ตบไหล่นางเบาๆ

“ร่างกายเธออ่อนแอ กลับไปพักฟื้นก่อนเถอะ”

หลานไว่หูไม่เอ่ยวาจา ปัดมือของตวนมู่เหยี่ยนออก หันหลังจากไปเลย

ชัดเจนนัก นางไม่ไว้หน้าตวนมู่เหยี่ยนเลย

กวนย่าหนิงผิวปากทีหนึ่ง

“ท่านจอมพล ผู้หญิงคนนี้ไม่ไว้หน้าท่านเลย ที่แท้ท่านจอมพลก็มีรสนิยมแบบนี้…”

กล่าวยังไม่ทันจบ เขาก็สะดุดล้มโดยไม่ทราบสาเหตุ ร้องโอยคราหนึ่งแล้วล้มก็คะมำเหมือนสุนัขกินอาจม ริมฝีปากแตกแล้ว

เขาเด้งตัวขึ้นมา มองไปที่ตวนมู่เหยี่ยนด้วยความประหลาดใจ

“ท่านจอมพล…”

ตวนมู่เหยี่ยนเป็นผู้มีพลังจิตของดาวจิ้งจอกครามที่มีอยู่น้อยนิดยิ่ง สามารถเคลื่อนย้ายข้าวของต่างๆ ได้ตามนึกคิด และสามารถสังหารคนอื่นได้ตามใจนึก นิสัยเย็นชาไร้อารมณ์ แต่สำหรับลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันอย่างพวกเขายังคงมีไมตรีพี่น้องอยู่มากนัก ปกติแล้วสามารถพูดคุยหยอกเย้ากับพวกเขาเพื่อสร้างบรรยากาศชื่นมื่นได้

ด้วยเหตุนี้ตวนมู่เหยี่ยนถึงได้กล้าหยอกล้อเขาอย่างซึ่งหน้า กลับไม่นึกเลยว่าครั้งนี้…

สีหน้าตวนมู่เหยี่ยนเย็นชา

“พูดไร้สาระจบหรือยัง?”

น้ำเสียงเยียบเย็นปานน้ำแข็ง ออร่าอันไร้รูปลักษณ์บนร่างทำให้ทุกคนในที่นี้หนาวสะท้านอยู่ในใจ!

ในที่สุดกวนย่าหนิงก็ก้มหัวลงแล้ว

“ขอโทษครับ…ท่านจอมพล ผมแค่โมโหที่เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเหิมเกริมแบบนี้…หล่อนน่าจะกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปแล้ว พวกเราต้องเสริมการโจมตีที่นั่นอีกครั้งไหมครับ?”

“แกนำกำลังทหารเข้าปิดล้อมโจมตีมาสามเดือนแล้ว มีประโยชน์ไหมล่ะ?”

“เรื่องนี้…อันที่จริง ‘กระดองเต่า’ ของพวกเขาปริร้าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะถูกพวกเขาซ่อมแซมได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมเชื่อว่าถ้ารุมโจมตีด้วยปืนใหญ่ต่ออีกครั้ง ก็น่าจะถล่มกระดองนั้นให้ราบคาบได้ครับ!”

“ฝันไปเถอะ! เขตแดนนั้นเดิมทีเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นติดตั้งขึ้นมา หากว่าเธอไม่กลับมา โจมตีต่อไปอีกไม่กี่ครั้งอาจจะพังให้ราบได้ แต่เธอกลับมาเสริมกำลังให้เขตแดนนั้นแล้ว! ไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้เลย! อีกอย่างเธอมีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตากับวิชาเร้นกาย แถมยังรู้จักยุทโธปกรณ์ของพวกเราอีก แกคิดว่าถ้าไปโจมตีที่นั่นอีกจะยังได้เปรียบอยู่หรือไง? น่ากลัวว่ายานไม่กี่ลำของแกจะถูกทำลายทิ้งที่นั่นอีกมากกว่า!”

กวนย่าหนิงนิ่งงัน

เขาหมดคำจะพูดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ยอมถอดใจ

“หรือจะเอาแบบนี้ล่ะครับ? พวกเราก็หดหัวอยู่ที่นี่ไปตลอดงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่”

ตวนมู่เหยี่ยนหยักมุมปากยิ้มบางๆ

“พรุ่งนี้เธอจะมาหาพวกเราที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม…”

ดวงตาของนายพลทุกคนส่องประกายแล้ว!

ดวงตาของกวนย่าหนิงส่องประกายยิ่งกว่า กำมือแน่น

ครั้งก่อนเขาถูกกู้ซีจิ่วเล่นงานได้เพราะว่าประมาทเกินไป ครั้งนี้หากว่าพวกเขาเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นกล้าเข้ามาอีกล่ะก็…เขารับประกันได้เลยว่าหล่อนจะมาได้แต่กลับไม่ได้!

“พวกแกไปจัดการให้ดี พรุ่งนี้ต้องรับรองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้ให้ดีๆ หน่อย”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการ

“ครับ!”

ครั้งนี้นายพลทุกคนตอบรับอย่างเสียงดังฟังชัดยิ่ง พวกเขาหันหลังเตรียมจะแยกย้ายกันไป

“พรุ่งนี้ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนกระทำการโดยพลการทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งจากฉัน!”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการอีกครั้ง

นายพลทุกคนย่อมไม่โต้แย้ง ตอบรับอีกครั้งแล้วจากไป

ตรวจตรายุทโธปกรณ์แต่ละสิ่ง กำลังพล ซุ่มโจมตีตามจุดต่างๆ จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ…

การจัดการสิ่งเหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดไม่ใช่ระยะเวลาเพียงชั่วขณะ ดังนั้นนายพลพวกนี้จึงยุ่งง่วนกันแทบทั้งคืน!

เมื่อพวกเขาจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าก็สว่างแล้ว

เหล่านายพลอดนอนมาทั้งคืน ตาแดงก่ำไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก!

นายพลที่ยังไม่เคยเจอกู้ซีจิ่วอยากจะพบดูสักหน่อย ส่วนนายพลที่เคยเสียเปรียบกู้ซีจิ่วอยากจะเล่นงานอีกฝ่ายกลับไปบ้าง…

สรุปคือ ทุกคนต่างคันไม้คันมือเฝ้ารออยากให้อีกฝ่ายมาถึงในตอนนี้เลย!

เนื่องจากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นวิชาเร้นกายและวิชาเคลื่อนย้าย ดังนั้นทุกคนจึงหวั่นวิตกเป็นธรรมดา เส้นประสาทเคร่งขมึงตึงเครียดไปหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ

เธอกำผ้าปูที่นอนค่อยๆ ใคร่ครวญดู ตอนที่เธอเข้าสู่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็ไม่รู้สึกถึงคลื่นเสียงอะไรเลย น่าจะเป็นเพราะสมรรถภาพร่างกายในระดับซ่างเสินของเธอ คลื่นเสียงอันใดก็ทำอันตรายเธอไม่ได้ ย่อมถูกเธอละเลยไป

แต่หลานไว่หูตัวปลอมคนนี้กลัวคลื่นเสียง หรือเป็นเพราะนางพลังยุทธ์ต่ำ? หรือร่างกายของนางมีความพิเศษ? นางเป็นร่างโคลนนิ่งหรือว่าเป็นร่างเดิมของหลานไว่หูกันแน่?

ยังมีอีก เจ้านายคนนั้นของนางเป็นใครกันแน่? พรุ่งนี้เขาจะเล่นละครสื่ออันใด?

พรุ่งนี้เหรอ? เหอะๆ

….

ภายในฐานทัพจิ้งจอกคราม

นายพลกวนย่าหนิงโมโหมาก!

เสบียงอาหารพืชผักผลไม้ที่เขากับลูกน้องของเขาเพียรพยายามเสาะหามา ถูกยกเค้าจนเกลี้ยงภายในชั่วข้ามคืน! แม้แต่ผักสักใบก็ไม่เหลือไว้เลย!

ประกอบกับการที่เขาสูญเสียยานรบเหล่านั้นไป ยิ่งเหมือนเอาชีวิตของเขาไปด้วย ทำให้เขาอยากจะกระอักเลือดแล้ว!

เขาก็ฉงนเช่นกัน!

เสบียงอาหารพวกนั้นมากมายขนาดนั้น ยานของเขาต้องขนกลับไปกลับมากว่าสิบเที่ยวถึงจะขนกลับมาได้หมด ทำไมถึงถูกคนขโมยไปได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้เล่า?

เขาตรงไปเค้นถามหลานเยวี่ยด้วยความโมโห หลานเยวี่ยตอบเพียงประโยคเดียว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีช่องมิติ ด้านในกว้างใหญ่ไพศาล”

กวนย่าหนิงพูดไม่ออกเลย

ร่างสะโอดสะองของผู้หญิงคนนั้นผุดขึ้นมาในสมองเขา อ้อนแอ้นบอบบางขนาดนั้น เขาสามารถหนีบเธอได้ด้วยแขนข้างเดียวด้วยซ้ำ เด็กสาวที่ผอมบางขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะขโมยข้าวของหลายสิบตันไปจากเขาได้ในคราวเดียว…

พระเจ้า!

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกยำเกรงพลังวิญญาณของโลกใบนี้ขึ้นมาเล็กน้อย

นี่…นี่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ! เป็นประเภทที่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายให้กระจ่างไม่ได้

กวนย่าหนิงเป็นชาวดาวจิ้งจอกครามผู้มีวิทยาการก้าวหน้าล้ำสมัย ทะนงตนในสิ่งนี้เสมอมา นับตั้งแต่เดินทางไปมาในอวกาศ เคยไปเยือนดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติมามากมายแล้ว ในสายตาของเขา นั่นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้อารยธรรม

เขาสามารถเอารัดเอาเปรียบได้ทุกทาง สามารถบดขยี้ได้เหมือนขยี้เปลือกเกี๊ยว อีกฝ่ายไม่มีอำนาจพอจะโต้กลับได้

กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามาถึงที่นี่แล้วจะเตะโดนแผ่นเหล็กเข้า…

ทำให้เขาเสียท่าอย่างใหญ่หลวง แม้แต่เงาของอีกฝ่ายก็คว้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

ถึงแม้ชาวดาวจิ้งจอกครามจะมีวิทยาการก้าวหน้าพอ พละกำลังก็แกร่งพอ แต่ถึงอย่างไรสมรรถภาพร่างกายของเขาก็เป็นมนุษย์ ต้องการอาหาร

หนึ่งปีมานี้ทวีปซิงเยวี่ยถูกพวกเขาทำลายจนเสียหายมากมายเกินไป ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ชาวบ้านไม่มีกะจิตกะใจจะเพาะปลูกทำการเกษตร ทำให้เสบียงอาหารลดน้อยลงเรื่อยๆ

เสบียงอาหารเหล่านี้ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะรวบรวมมาได้ ผลก็คือถูกคนอื่นกวาดไปจนเกลี้ยง!

กองทัพยาตรา อาหารคือสวรรค์ แต่พวกเขาแม้แต่อาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าไปอยู่ไหนแล้ว!

นายพลกวนย่าหนิงทำได้เพียงเร่งส่งคนออกไปเสาะหาเสบียง จากนั้นก็หารือมาตรการรับมือกับนายพลคนอื่นๆ

ขณะที่เขากำลังหงุดหงิด กลับเห็นท่านจอมพลของเขากลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อหลานไว่หูคนนั้น

กวนย่าหนิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าท่านจอมพลของตนคิดอะไรอยู่ ถึงให้ความสำคัญกับหลานไว่หูขนาดนี้

ต่อให้มีสายเลือดของราชวงศ์จิ้งจอกครามแล้วยังไง? พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ของที่นั่นอีกแล้ว!

หรือว่าท่านจอมพลชอบหลานไว่หูคนนี้? กำลังจีบอยู่?

แต่ว่า ท่านจอมพลเฉยเมยเย็นชามาโดยตลอด ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลยไม่ใช่หรือ? แล้วหนนี้เป็นอะไรไป?

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหนึ่งเดือนมานี้ ท่านจอมพลของบ้านตนเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่บ้าง นิสัยก็กลายเป็นคาดเดาได้ยากขึ้น กระทำการก็ค่อนข้างมีลับลมคมใน ไม่ใกล้ชิดกับเหล่าพี่น้องแบบนั้นแล้วด้วย…

“วันนี้พระจันทร์ไม่เลวเลย ท่านจอมพลออกไปชมจันทร์กับคนงามมาเหรอครับ?”

กวนย่าหนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความริษยาไว้ยิ่งนัก

ตวนมู่เหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเฉยเมย

“แกมีปัญหาอะไร?”

“มิกล้า นี่เป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของท่านจอมพลไงครับ ท่านจอมพล เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเล่นงานพวกเราได้ไม่เบาเลย ไม่เพียงแต่ทำลายยานรบของพวกเราเท่านั้น ยังปล้นเสบียงทั้งหมดของพวกเราไปด้วย ตอนนี้ท่านจอมพลยังมีอารมณ์ไปชมจันทร์กับสาวงาม คาดว่าคงมีวิธีต่อกรกับเธอเพื่อชิงเอาเสบียงกลับมาแล้วใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าท่านจอมพลมีแผนการยังไงบ้าง พูดให้ผู้ใต้บัญชาอย่างผมฟังหน่อยเถอะครับ”

————————————————————————————-

บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

นายพลคนอื่นๆ ก็พากันมองไปที่ตวนมู่เหยี่ยน

ตวนมู่เหยี่ยนมองจิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกาย ตบไหล่นางเบาๆ

“ร่างกายเธออ่อนแอ กลับไปพักฟื้นก่อนเถอะ”

หลานไว่หูไม่เอ่ยวาจา ปัดมือของตวนมู่เหยี่ยนออก หันหลังจากไปเลย

ชัดเจนนัก นางไม่ไว้หน้าตวนมู่เหยี่ยนเลย

กวนย่าหนิงผิวปากทีหนึ่ง

“ท่านจอมพล ผู้หญิงคนนี้ไม่ไว้หน้าท่านเลย ที่แท้ท่านจอมพลก็มีรสนิยมแบบนี้…”

กล่าวยังไม่ทันจบ เขาก็สะดุดล้มโดยไม่ทราบสาเหตุ ร้องโอยคราหนึ่งแล้วล้มก็คะมำเหมือนสุนัขกินอาจม ริมฝีปากแตกแล้ว

เขาเด้งตัวขึ้นมา มองไปที่ตวนมู่เหยี่ยนด้วยความประหลาดใจ

“ท่านจอมพล…”

ตวนมู่เหยี่ยนเป็นผู้มีพลังจิตของดาวจิ้งจอกครามที่มีอยู่น้อยนิดยิ่ง สามารถเคลื่อนย้ายข้าวของต่างๆ ได้ตามนึกคิด และสามารถสังหารคนอื่นได้ตามใจนึก นิสัยเย็นชาไร้อารมณ์ แต่สำหรับลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันอย่างพวกเขายังคงมีไมตรีพี่น้องอยู่มากนัก ปกติแล้วสามารถพูดคุยหยอกเย้ากับพวกเขาเพื่อสร้างบรรยากาศชื่นมื่นได้

ด้วยเหตุนี้ตวนมู่เหยี่ยนถึงได้กล้าหยอกล้อเขาอย่างซึ่งหน้า กลับไม่นึกเลยว่าครั้งนี้…

สีหน้าตวนมู่เหยี่ยนเย็นชา

“พูดไร้สาระจบหรือยัง?”

น้ำเสียงเยียบเย็นปานน้ำแข็ง ออร่าอันไร้รูปลักษณ์บนร่างทำให้ทุกคนในที่นี้หนาวสะท้านอยู่ในใจ!

ในที่สุดกวนย่าหนิงก็ก้มหัวลงแล้ว

“ขอโทษครับ…ท่านจอมพล ผมแค่โมโหที่เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเหิมเกริมแบบนี้…หล่อนน่าจะกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปแล้ว พวกเราต้องเสริมการโจมตีที่นั่นอีกครั้งไหมครับ?”

“แกนำกำลังทหารเข้าปิดล้อมโจมตีมาสามเดือนแล้ว มีประโยชน์ไหมล่ะ?”

“เรื่องนี้…อันที่จริง ‘กระดองเต่า’ ของพวกเขาปริร้าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะถูกพวกเขาซ่อมแซมได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมเชื่อว่าถ้ารุมโจมตีด้วยปืนใหญ่ต่ออีกครั้ง ก็น่าจะถล่มกระดองนั้นให้ราบคาบได้ครับ!”

“ฝันไปเถอะ! เขตแดนนั้นเดิมทีเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นติดตั้งขึ้นมา หากว่าเธอไม่กลับมา โจมตีต่อไปอีกไม่กี่ครั้งอาจจะพังให้ราบได้ แต่เธอกลับมาเสริมกำลังให้เขตแดนนั้นแล้ว! ไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้เลย! อีกอย่างเธอมีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตากับวิชาเร้นกาย แถมยังรู้จักยุทโธปกรณ์ของพวกเราอีก แกคิดว่าถ้าไปโจมตีที่นั่นอีกจะยังได้เปรียบอยู่หรือไง? น่ากลัวว่ายานไม่กี่ลำของแกจะถูกทำลายทิ้งที่นั่นอีกมากกว่า!”

กวนย่าหนิงนิ่งงัน

เขาหมดคำจะพูดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ยอมถอดใจ

“หรือจะเอาแบบนี้ล่ะครับ? พวกเราก็หดหัวอยู่ที่นี่ไปตลอดงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่”

ตวนมู่เหยี่ยนหยักมุมปากยิ้มบางๆ

“พรุ่งนี้เธอจะมาหาพวกเราที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม…”

ดวงตาของนายพลทุกคนส่องประกายแล้ว!

ดวงตาของกวนย่าหนิงส่องประกายยิ่งกว่า กำมือแน่น

ครั้งก่อนเขาถูกกู้ซีจิ่วเล่นงานได้เพราะว่าประมาทเกินไป ครั้งนี้หากว่าพวกเขาเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นกล้าเข้ามาอีกล่ะก็…เขารับประกันได้เลยว่าหล่อนจะมาได้แต่กลับไม่ได้!

“พวกแกไปจัดการให้ดี พรุ่งนี้ต้องรับรองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้ให้ดีๆ หน่อย”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการ

“ครับ!”

ครั้งนี้นายพลทุกคนตอบรับอย่างเสียงดังฟังชัดยิ่ง พวกเขาหันหลังเตรียมจะแยกย้ายกันไป

“พรุ่งนี้ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนกระทำการโดยพลการทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งจากฉัน!”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการอีกครั้ง

นายพลทุกคนย่อมไม่โต้แย้ง ตอบรับอีกครั้งแล้วจากไป

ตรวจตรายุทโธปกรณ์แต่ละสิ่ง กำลังพล ซุ่มโจมตีตามจุดต่างๆ จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ…

การจัดการสิ่งเหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดไม่ใช่ระยะเวลาเพียงชั่วขณะ ดังนั้นนายพลพวกนี้จึงยุ่งง่วนกันแทบทั้งคืน!

เมื่อพวกเขาจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าก็สว่างแล้ว

เหล่านายพลอดนอนมาทั้งคืน ตาแดงก่ำไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก!

นายพลที่ยังไม่เคยเจอกู้ซีจิ่วอยากจะพบดูสักหน่อย ส่วนนายพลที่เคยเสียเปรียบกู้ซีจิ่วอยากจะเล่นงานอีกฝ่ายกลับไปบ้าง…

สรุปคือ ทุกคนต่างคันไม้คันมือเฝ้ารออยากให้อีกฝ่ายมาถึงในตอนนี้เลย!

เนื่องจากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นวิชาเร้นกายและวิชาเคลื่อนย้าย ดังนั้นทุกคนจึงหวั่นวิตกเป็นธรรมดา เส้นประสาทเคร่งขมึงตึงเครียดไปหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2660 เด็กเลี้ยงแกะ / บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2660 เด็กเลี้ยงแกะ

เธอกำผ้าปูที่นอนค่อยๆ ใคร่ครวญดู ตอนที่เธอเข้าสู่แดนเผ่าจิ้งจอกครามก็ไม่รู้สึกถึงคลื่นเสียงอะไรเลย น่าจะเป็นเพราะสมรรถภาพร่างกายในระดับซ่างเสินของเธอ คลื่นเสียงอันใดก็ทำอันตรายเธอไม่ได้ ย่อมถูกเธอละเลยไป

แต่หลานไว่หูตัวปลอมคนนี้กลัวคลื่นเสียง หรือเป็นเพราะนางพลังยุทธ์ต่ำ? หรือร่างกายของนางมีความพิเศษ? นางเป็นร่างโคลนนิ่งหรือว่าเป็นร่างเดิมของหลานไว่หูกันแน่?

ยังมีอีก เจ้านายคนนั้นของนางเป็นใครกันแน่? พรุ่งนี้เขาจะเล่นละครสื่ออันใด?

พรุ่งนี้เหรอ? เหอะๆ

….

ภายในฐานทัพจิ้งจอกคราม

นายพลกวนย่าหนิงโมโหมาก!

เสบียงอาหารพืชผักผลไม้ที่เขากับลูกน้องของเขาเพียรพยายามเสาะหามา ถูกยกเค้าจนเกลี้ยงภายในชั่วข้ามคืน! แม้แต่ผักสักใบก็ไม่เหลือไว้เลย!

ประกอบกับการที่เขาสูญเสียยานรบเหล่านั้นไป ยิ่งเหมือนเอาชีวิตของเขาไปด้วย ทำให้เขาอยากจะกระอักเลือดแล้ว!

เขาก็ฉงนเช่นกัน!

เสบียงอาหารพวกนั้นมากมายขนาดนั้น ยานของเขาต้องขนกลับไปกลับมากว่าสิบเที่ยวถึงจะขนกลับมาได้หมด ทำไมถึงถูกคนขโมยไปได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้เล่า?

เขาตรงไปเค้นถามหลานเยวี่ยด้วยความโมโห หลานเยวี่ยตอบเพียงประโยคเดียว

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีช่องมิติ ด้านในกว้างใหญ่ไพศาล”

กวนย่าหนิงพูดไม่ออกเลย

ร่างสะโอดสะองของผู้หญิงคนนั้นผุดขึ้นมาในสมองเขา อ้อนแอ้นบอบบางขนาดนั้น เขาสามารถหนีบเธอได้ด้วยแขนข้างเดียวด้วยซ้ำ เด็กสาวที่ผอมบางขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะขโมยข้าวของหลายสิบตันไปจากเขาได้ในคราวเดียว…

พระเจ้า!

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกยำเกรงพลังวิญญาณของโลกใบนี้ขึ้นมาเล็กน้อย

นี่…นี่เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ! เป็นประเภทที่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายให้กระจ่างไม่ได้

กวนย่าหนิงเป็นชาวดาวจิ้งจอกครามผู้มีวิทยาการก้าวหน้าล้ำสมัย ทะนงตนในสิ่งนี้เสมอมา นับตั้งแต่เดินทางไปมาในอวกาศ เคยไปเยือนดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติมามากมายแล้ว ในสายตาของเขา นั่นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้อารยธรรม

เขาสามารถเอารัดเอาเปรียบได้ทุกทาง สามารถบดขยี้ได้เหมือนขยี้เปลือกเกี๊ยว อีกฝ่ายไม่มีอำนาจพอจะโต้กลับได้

กลับคาดไม่ถึงเลยว่ามาถึงที่นี่แล้วจะเตะโดนแผ่นเหล็กเข้า…

ทำให้เขาเสียท่าอย่างใหญ่หลวง แม้แต่เงาของอีกฝ่ายก็คว้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!

ถึงแม้ชาวดาวจิ้งจอกครามจะมีวิทยาการก้าวหน้าพอ พละกำลังก็แกร่งพอ แต่ถึงอย่างไรสมรรถภาพร่างกายของเขาก็เป็นมนุษย์ ต้องการอาหาร

หนึ่งปีมานี้ทวีปซิงเยวี่ยถูกพวกเขาทำลายจนเสียหายมากมายเกินไป ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ชาวบ้านไม่มีกะจิตกะใจจะเพาะปลูกทำการเกษตร ทำให้เสบียงอาหารลดน้อยลงเรื่อยๆ

เสบียงอาหารเหล่านี้ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะรวบรวมมาได้ ผลก็คือถูกคนอื่นกวาดไปจนเกลี้ยง!

กองทัพยาตรา อาหารคือสวรรค์ แต่พวกเขาแม้แต่อาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าไปอยู่ไหนแล้ว!

นายพลกวนย่าหนิงทำได้เพียงเร่งส่งคนออกไปเสาะหาเสบียง จากนั้นก็หารือมาตรการรับมือกับนายพลคนอื่นๆ

ขณะที่เขากำลังหงุดหงิด กลับเห็นท่านจอมพลของเขากลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อหลานไว่หูคนนั้น

กวนย่าหนิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าท่านจอมพลของตนคิดอะไรอยู่ ถึงให้ความสำคัญกับหลานไว่หูขนาดนี้

ต่อให้มีสายเลือดของราชวงศ์จิ้งจอกครามแล้วยังไง? พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ของที่นั่นอีกแล้ว!

หรือว่าท่านจอมพลชอบหลานไว่หูคนนี้? กำลังจีบอยู่?

แต่ว่า ท่านจอมพลเฉยเมยเย็นชามาโดยตลอด ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลยไม่ใช่หรือ? แล้วหนนี้เป็นอะไรไป?

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหนึ่งเดือนมานี้ ท่านจอมพลของบ้านตนเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่บ้าง นิสัยก็กลายเป็นคาดเดาได้ยากขึ้น กระทำการก็ค่อนข้างมีลับลมคมใน ไม่ใกล้ชิดกับเหล่าพี่น้องแบบนั้นแล้วด้วย…

“วันนี้พระจันทร์ไม่เลวเลย ท่านจอมพลออกไปชมจันทร์กับคนงามมาเหรอครับ?”

กวนย่าหนิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความริษยาไว้ยิ่งนัก

ตวนมู่เหยี่ยนมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเฉยเมย

“แกมีปัญหาอะไร?”

“มิกล้า นี่เป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของท่านจอมพลไงครับ ท่านจอมพล เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเล่นงานพวกเราได้ไม่เบาเลย ไม่เพียงแต่ทำลายยานรบของพวกเราเท่านั้น ยังปล้นเสบียงทั้งหมดของพวกเราไปด้วย ตอนนี้ท่านจอมพลยังมีอารมณ์ไปชมจันทร์กับสาวงาม คาดว่าคงมีวิธีต่อกรกับเธอเพื่อชิงเอาเสบียงกลับมาแล้วใช่ไหมครับ? ไม่ทราบว่าท่านจอมพลมีแผนการยังไงบ้าง พูดให้ผู้ใต้บัญชาอย่างผมฟังหน่อยเถอะครับ”

————————————————————————————-

บทที่ 2661 เด็กเลี้ยงแกะ 2

นายพลคนอื่นๆ ก็พากันมองไปที่ตวนมู่เหยี่ยน

ตวนมู่เหยี่ยนมองจิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกาย ตบไหล่นางเบาๆ

“ร่างกายเธออ่อนแอ กลับไปพักฟื้นก่อนเถอะ”

หลานไว่หูไม่เอ่ยวาจา ปัดมือของตวนมู่เหยี่ยนออก หันหลังจากไปเลย

ชัดเจนนัก นางไม่ไว้หน้าตวนมู่เหยี่ยนเลย

กวนย่าหนิงผิวปากทีหนึ่ง

“ท่านจอมพล ผู้หญิงคนนี้ไม่ไว้หน้าท่านเลย ที่แท้ท่านจอมพลก็มีรสนิยมแบบนี้…”

กล่าวยังไม่ทันจบ เขาก็สะดุดล้มโดยไม่ทราบสาเหตุ ร้องโอยคราหนึ่งแล้วล้มก็คะมำเหมือนสุนัขกินอาจม ริมฝีปากแตกแล้ว

เขาเด้งตัวขึ้นมา มองไปที่ตวนมู่เหยี่ยนด้วยความประหลาดใจ

“ท่านจอมพล…”

ตวนมู่เหยี่ยนเป็นผู้มีพลังจิตของดาวจิ้งจอกครามที่มีอยู่น้อยนิดยิ่ง สามารถเคลื่อนย้ายข้าวของต่างๆ ได้ตามนึกคิด และสามารถสังหารคนอื่นได้ตามใจนึก นิสัยเย็นชาไร้อารมณ์ แต่สำหรับลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันอย่างพวกเขายังคงมีไมตรีพี่น้องอยู่มากนัก ปกติแล้วสามารถพูดคุยหยอกเย้ากับพวกเขาเพื่อสร้างบรรยากาศชื่นมื่นได้

ด้วยเหตุนี้ตวนมู่เหยี่ยนถึงได้กล้าหยอกล้อเขาอย่างซึ่งหน้า กลับไม่นึกเลยว่าครั้งนี้…

สีหน้าตวนมู่เหยี่ยนเย็นชา

“พูดไร้สาระจบหรือยัง?”

น้ำเสียงเยียบเย็นปานน้ำแข็ง ออร่าอันไร้รูปลักษณ์บนร่างทำให้ทุกคนในที่นี้หนาวสะท้านอยู่ในใจ!

ในที่สุดกวนย่าหนิงก็ก้มหัวลงแล้ว

“ขอโทษครับ…ท่านจอมพล ผมแค่โมโหที่เทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเหิมเกริมแบบนี้…หล่อนน่าจะกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปแล้ว พวกเราต้องเสริมการโจมตีที่นั่นอีกครั้งไหมครับ?”

“แกนำกำลังทหารเข้าปิดล้อมโจมตีมาสามเดือนแล้ว มีประโยชน์ไหมล่ะ?”

“เรื่องนี้…อันที่จริง ‘กระดองเต่า’ ของพวกเขาปริร้าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะถูกพวกเขาซ่อมแซมได้ แต่ถึงยังไงก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมเชื่อว่าถ้ารุมโจมตีด้วยปืนใหญ่ต่ออีกครั้ง ก็น่าจะถล่มกระดองนั้นให้ราบคาบได้ครับ!”

“ฝันไปเถอะ! เขตแดนนั้นเดิมทีเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์คนนั้นติดตั้งขึ้นมา หากว่าเธอไม่กลับมา โจมตีต่อไปอีกไม่กี่ครั้งอาจจะพังให้ราบได้ แต่เธอกลับมาเสริมกำลังให้เขตแดนนั้นแล้ว! ไม่ต่างไปจากก่อนหน้านี้เลย! อีกอย่างเธอมีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตากับวิชาเร้นกาย แถมยังรู้จักยุทโธปกรณ์ของพวกเราอีก แกคิดว่าถ้าไปโจมตีที่นั่นอีกจะยังได้เปรียบอยู่หรือไง? น่ากลัวว่ายานไม่กี่ลำของแกจะถูกทำลายทิ้งที่นั่นอีกมากกว่า!”

กวนย่าหนิงนิ่งงัน

เขาหมดคำจะพูดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ยอมถอดใจ

“หรือจะเอาแบบนี้ล่ะครับ? พวกเราก็หดหัวอยู่ที่นี่ไปตลอดงั้นเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่”

ตวนมู่เหยี่ยนหยักมุมปากยิ้มบางๆ

“พรุ่งนี้เธอจะมาหาพวกเราที่แดนเผ่าจิ้งจอกคราม…”

ดวงตาของนายพลทุกคนส่องประกายแล้ว!

ดวงตาของกวนย่าหนิงส่องประกายยิ่งกว่า กำมือแน่น

ครั้งก่อนเขาถูกกู้ซีจิ่วเล่นงานได้เพราะว่าประมาทเกินไป ครั้งนี้หากว่าพวกเขาเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นกล้าเข้ามาอีกล่ะก็…เขารับประกันได้เลยว่าหล่อนจะมาได้แต่กลับไม่ได้!

“พวกแกไปจัดการให้ดี พรุ่งนี้ต้องรับรองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คนนี้ให้ดีๆ หน่อย”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการ

“ครับ!”

ครั้งนี้นายพลทุกคนตอบรับอย่างเสียงดังฟังชัดยิ่ง พวกเขาหันหลังเตรียมจะแยกย้ายกันไป

“พรุ่งนี้ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนกระทำการโดยพลการทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องฟังคำสั่งจากฉัน!”

ตวนมู่เหยี่ยนสั่งการอีกครั้ง

นายพลทุกคนย่อมไม่โต้แย้ง ตอบรับอีกครั้งแล้วจากไป

ตรวจตรายุทโธปกรณ์แต่ละสิ่ง กำลังพล ซุ่มโจมตีตามจุดต่างๆ จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ…

การจัดการสิ่งเหล่านี้อยู่ในระดับสูงสุดไม่ใช่ระยะเวลาเพียงชั่วขณะ ดังนั้นนายพลพวกนี้จึงยุ่งง่วนกันแทบทั้งคืน!

เมื่อพวกเขาจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ฟ้าก็สว่างแล้ว

เหล่านายพลอดนอนมาทั้งคืน ตาแดงก่ำไปหมดแล้ว แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นมาก!

นายพลที่ยังไม่เคยเจอกู้ซีจิ่วอยากจะพบดูสักหน่อย ส่วนนายพลที่เคยเสียเปรียบกู้ซีจิ่วอยากจะเล่นงานอีกฝ่ายกลับไปบ้าง…

สรุปคือ ทุกคนต่างคันไม้คันมือเฝ้ารออยากให้อีกฝ่ายมาถึงในตอนนี้เลย!

เนื่องจากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นวิชาเร้นกายและวิชาเคลื่อนย้าย ดังนั้นทุกคนจึงหวั่นวิตกเป็นธรรมดา เส้นประสาทเคร่งขมึงตึงเครียดไปหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+