วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1045 เลือกซื้อของขวัญ

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1045 เลือกซื้อของขวัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลู่จิ่งเซินกลับถ่อมตน

“ที่ไหนกันครับ ครอบครัวเดียวกันจะมีความดีความชอบอะไรกัน แม่มีความสุข หนิงหนิงถึงจะมีความสุข หนิงหนิงมีความสุขผมก็มีความสุข”

จู่ ๆ ก็อวยกันออกสื่อ

โม่ไฉ่เวยเห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะขำไม่ได้

ในคืนนั้น เซวซู่นอนสับส่ายอยู่บนเตียงและยากที่จะหลับลง

ครอบครัวของเขาประสบปัญหาและออกจากบ้านมาอยู่ในทะเลทรายตั้งแต่อายุสิบขวบ จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามสิบกว่าปี ที่นี่กลายเป็นบ้านของเขา จะให้เขาจากที่นี่ไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ

แต่ลู่จิ่งเซินก็ให้ข้อเสนอที่ดึงดูดใจมาก บวกกับโม่ไฉ่เวย…

เฮ้อ สุดท้ายแล้วเขาไม่ไว้ใจที่โม่ไฉ่เวยจะเดินทางกลับไปประเทศจีนเพียงลำพัง

สุขภาพของเธอยังไม่ดีพร้อม ถึงแม้การพูดคุยกับคนแปลกหน้าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แต่ความจริงแล้วอารมณ์ของเธอก็ยังไม่คงที่

มีหลายครั้งที่พอไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ ก็ยังรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว

ช่วงเวลาแบบนั้น โม่ไฉ่เวยไม่เชื่อใจใครอีกเลยนอกจากเขา

ดังนั้นเซวซู่คิดไปคิดมาและคิดว่ายังไงก็ยังคงไม่วางใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมขอบตาดำคล้ำ พอเห็นลู่จิ่งเซินก็พูดพร้อมสีหน้าเย็นชา: “เรื่องกลับประเทศจีน ผมรับปาก”

ซึ่งลู่จิ่งเซินกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาและอุ้มจิ้งเจ๋อน้อย สอนเขาใช้คอมพิวเตอร์

เมื่อได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองเซวซู่แล้วยิ้มและพูด: “ตัดสินใจแล้วเหรอครับ? ไม่เสียใจนะ?”

เซวซู่ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว มองเขาที่เป็นแบบนี้แล้วยิ่งอารมณ์เสีย

เขาเบิกตาโพลงอย่างไร้อารมณ์ “ผมพูดแล้ว ไม่มีทางเสียใจภายหลัง”

พูดจบก็ไม่แม้แต่จะกินข้าวเช้าและเดินออกไปพร้อมกับความโมโห

โม่ไฉ่เวยออกมาจากห้องอาหารแล้วเห็นเขาถือกุญแจรถเดินออกไปด้านนอกจึงรีบถาม: “เอ๊ะ รีบมากินข้าวสิคะ คุณจะไปไหนน่ะ?”

เซวซู่พูดและไม่ยอมหันกลับมา: “ไปห้องทดลอง”

โม่ไฉ่เวยขมวดคิ้วและกระทืบเท้า: “คนคนนี้ จริง ๆ เลยเชียว! ข้าวเช้าไม่กินก็จะไปห้องทดลองแล้ว”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วเดินเข้าไปจับไหล่ขอเธอ “แม่คะ คุณอาเชวไปห้องทดลองเพื่อจะไปส่งมอบงานที่จะย้าย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”

โม่ไฉ่เวยรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องตอบตกลง แต่พอได้ยินมันเข้าจริง ๆ ใบหน้าของเธอก็อดที่จะแสดงความสุขออกมาไม่ได้

เธอกับจิ่งหนิงต้องพลัดพรากกันกว่าสิบปี ได้เจอกันอีกครั้งย่อมอยากที่จะใช้เวลากับจิ่งหนิง

แต่เธอเองก็ไม่อยากจะต้องอยู่ห่างจากเซวซู่ ท้ายที่สุดเซวซู่เป็นมากกว่าความกรุณาของเธอมานานแล้ว แต่ยังเป็นความรักซึ่งกันและกันในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาปลากับอุ้งตีนหมีได้มาพร้อมกันไม่ได้ เรื่องที่ดีพร้อมทั้งสองด้าน บนโลกนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ดังนั้นเธอจึงเข้าใจดี หากจะให้เซวซู่ต้องจากสถานที่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต และละทิ้งห้องทดลองที่สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจหลายปีมานี้ของเขา เขาก็คงจะทำใจได้ยาก

เรื่องนี้หากเป็นใครก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากจะยอมได้

แต่สุดท้าย เซวซู่ก็ยังรับปากเพื่อเธอ

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่เขาเลือกที่จะให้ตนเองต้องเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อส่วนรวมเพื่อจะเติมเต็มสิ่งที่เธอต้องการ

หากจะบอกว่าโม่ไฉ่เวยไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นเรื่องโกหก

แต่ต่อหน้าเด็ก ๆ อย่างจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน เธอจึงไม่อาจจะแสดงออกมาได้

ได้แต่เช็ดหางตาและฝืนยิ้ม: “แม่รู้ งั้นก็ได้ เราไม่ต้องรอเขาแล้ว พวกเรากินข้าวเถอะ กินเสร็จยังต้องไปซื้อของอีกไม่ใช่เหรอ? อีกเดี๋ยวแม่จะไปเป็นเพื่อน”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ทุกคนจึงเดินไปที่ห้องอาหารเพื่อกินข้าว

เพราะเป็นเที่ยวบินตอนบ่าย ช่วงเช้าจึงยังพอมีเวลาออกไปทำธุระ หลังกินข้าวเสร็จ จิ่งหนิงจึงให้ลู่จิ่งเซินอยู่ดูแลลูก ๆ สองคนอยู่ที่บ้าน ตนเองกับโม่ไฉ่เวยออกไปซื้อของจำเป็น

ลู่จิ่งเซินที่ไม่วางใจจะให้พวกเธอออกไปกันสองคน

แต่เพราะจิ่งหนิงอยากจะซื้อของไปฝากพนักงานในออฟฟิศ การที่เธอเดินทางครั้งนี้ ทุกอย่างในบริษัทต้องมอบหมายให้เสี่ยวเหอและพวกเธอจัดการ

ดังนั้นเธอจึงคิดว่า เมื่อจะกลับไปไม่เพียงแต่คุณอาและท่านปู่ ท่านย่า ก็ควรจะมีของฝากติดมือไปฝากพนักงานบ้างก็เป็นเรื่องดี

ของฝากเหล่านี้เมื่อซื้อเสร็จก็ให้คนส่งกลับไป พวกเขาไม่ต้องแบกกลับไปเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ยากอะไร

แต่การเลือกของฝากกลับไป คงจะต้องให้จิ่งหนิงไปเลือกด้วยตัวเอง

แม้ลู่จิ่งเซินจะมีความคิดละเอียดอ่อนแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

บริษัทซิงฮุยของเธอ พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เธอกลัวว่าลู่จิ่งเซินจะเข้าไม่ถึงความชอบของพวกเธอ

ดังนั้นเรื่องนี้เธอจึงต้องลงมือเอง

และถ้าเด็ก ๆ สองคนตามพวกเธอออกไปด้วย ก็จะดูเอิกเกริก เป็นที่โดดเด่นและยุ่งยากเกินไป

ดังนั้นจิ่งหนิงจึงคิดว่า อย่างไรเสียมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอไปกับโม่ไฉ่เวยก็พอแล้ว

และให้ลู่จิ่งเซินอยู่ดูแลลูก ๆ สองคนที่บ้าน

การเลือกของขวัญ ใช้เวลาอย่างมากก็ชั่วโมงเดียวเท่านั้น ให้คนขับรถพาไปคงไม่มีเกิดเรื่องอะไร

บวกกับ ถึงแม้ว่าปกติแล้วโม่ไฉ่เวยจะไม่ออกไปไหน แต่อย่างไรเสียก็อยู่ที่นี่กว่าสิบปี คนพื้นที่จำนวนไม่น้อยรู้จักเธอ รู้ว่าเธอคือภรรยาของเซวซู่

และจากอิทธิพลของเซวซู่ที่มีผลต่อที่นี่ก็ยากที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ลู่จิ่งเซินเห็นดังนั้นก็ได้แต่ปล่อยตามใจพวกเธอ ให้พวกเธอออกไปกันเอง

จิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยจึงนั่งรถออกไปและมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่

ห้างฯ มีของขายมากมายซึ่งมีเอกลักษณ์และรูปแบบท้องถิ่น

จิ่งหนิงพบร้านบูติกร้านหนึ่งและเลือกของทุกอย่างในนั้นอย่างละสองสามชิ้นและให้คนแพ็คของและให้ที่อยู่ทางไปรษณีย์ก่อนออกจากร้าน

จนออกมาจากห้างฯ จู่ ๆ โม่ไฉ่เวยก็พูดขึ้น: “เอ้ แม่จำได้ว่าอยู่อีกฝั่งของถนนมีร้านอาหารอร่อยและรสชาติดีมาก ยังไงก็จะไปแล้ว สู้ไปซื้อกินสักหน่อยให้ทุกคนได้ชิมเป็นอาหารเที่ยง”

จิ่งหนิงเองก็เข้าใจดีว่าเธออยู่ที่นี่มาสิบปี ถึงจะบอกว่าไม่คุ้นชินแต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกอยู่ไม่มากก็น้อย

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าจะจากไป ดังนั้นจึงอยากจะซื้ออาหารท้องถิ่นรสชาติดีและได้กินเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการบอกลา

จิ่งหนิงจึงพยักหน้า

เพราะในขณะที่กำลังเดินซื้อของตอนนี้ วันนี้หิมะไม่ตก อากาศแจ่มใสและมีแดด บวกกับอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นและไม่ร้อนเหมือนก่อนหน้านี้

มีรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวที่อบอุ่น จึงมีถนนคนเดินเที่ยวมากมาย

ท้ายที่สุดมันก็แค่ไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม จิ่งหนิงพบว่าการขับรถลำบากจึงขอให้คนขับจอดรถที่นี่และรอพวกเขา

หลังจากพวกเธอเข้าไปสั่งอาหารแล้วก็เดินออกมาก็ได้แล้ว

เมื่อคนขับรถเห็นอย่างนั้นจึงไม่ห้ามและรออยู่ในรถด้วยดี

โม่ไฉ่เวยจูงมือของเธอและยิ้มพร้อมกับเดินไปด้วย: “พูดไปลูกคงจะไม่เชื่อ แม่อยู่ที่นี่มาสิบปี ออกมากินข้าวนอกบ้านนับครั้งได้ ร้านอาหารท้องถิ่นร้านนี้ แม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน แต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสมากินเลย ได้แต่คิดว่าครั้งหน้าค่อยมา ๆ แต่ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว ยังจะมีครั้งหน้าไหมนะ?”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “ก็ไม่แน่นะคะ ต่อไปหากแม่คิดถึงที่นี่ พวกเราก็กลับมาเที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนแม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1045 เลือกซื้อของขวัญ

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1045 เลือกซื้อของขวัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ลู่จิ่งเซินกลับถ่อมตน

“ที่ไหนกันครับ ครอบครัวเดียวกันจะมีความดีความชอบอะไรกัน แม่มีความสุข หนิงหนิงถึงจะมีความสุข หนิงหนิงมีความสุขผมก็มีความสุข”

จู่ ๆ ก็อวยกันออกสื่อ

โม่ไฉ่เวยเห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะขำไม่ได้

ในคืนนั้น เซวซู่นอนสับส่ายอยู่บนเตียงและยากที่จะหลับลง

ครอบครัวของเขาประสบปัญหาและออกจากบ้านมาอยู่ในทะเลทรายตั้งแต่อายุสิบขวบ จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามสิบกว่าปี ที่นี่กลายเป็นบ้านของเขา จะให้เขาจากที่นี่ไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ

แต่ลู่จิ่งเซินก็ให้ข้อเสนอที่ดึงดูดใจมาก บวกกับโม่ไฉ่เวย…

เฮ้อ สุดท้ายแล้วเขาไม่ไว้ใจที่โม่ไฉ่เวยจะเดินทางกลับไปประเทศจีนเพียงลำพัง

สุขภาพของเธอยังไม่ดีพร้อม ถึงแม้การพูดคุยกับคนแปลกหน้าจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แต่ความจริงแล้วอารมณ์ของเธอก็ยังไม่คงที่

มีหลายครั้งที่พอไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนเยอะ ๆ ก็ยังรู้สึกประหม่าโดยไม่รู้ตัว

ช่วงเวลาแบบนั้น โม่ไฉ่เวยไม่เชื่อใจใครอีกเลยนอกจากเขา

ดังนั้นเซวซู่คิดไปคิดมาและคิดว่ายังไงก็ยังคงไม่วางใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมขอบตาดำคล้ำ พอเห็นลู่จิ่งเซินก็พูดพร้อมสีหน้าเย็นชา: “เรื่องกลับประเทศจีน ผมรับปาก”

ซึ่งลู่จิ่งเซินกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาและอุ้มจิ้งเจ๋อน้อย สอนเขาใช้คอมพิวเตอร์

เมื่อได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองเซวซู่แล้วยิ้มและพูด: “ตัดสินใจแล้วเหรอครับ? ไม่เสียใจนะ?”

เซวซู่ที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว มองเขาที่เป็นแบบนี้แล้วยิ่งอารมณ์เสีย

เขาเบิกตาโพลงอย่างไร้อารมณ์ “ผมพูดแล้ว ไม่มีทางเสียใจภายหลัง”

พูดจบก็ไม่แม้แต่จะกินข้าวเช้าและเดินออกไปพร้อมกับความโมโห

โม่ไฉ่เวยออกมาจากห้องอาหารแล้วเห็นเขาถือกุญแจรถเดินออกไปด้านนอกจึงรีบถาม: “เอ๊ะ รีบมากินข้าวสิคะ คุณจะไปไหนน่ะ?”

เซวซู่พูดและไม่ยอมหันกลับมา: “ไปห้องทดลอง”

โม่ไฉ่เวยขมวดคิ้วและกระทืบเท้า: “คนคนนี้ จริง ๆ เลยเชียว! ข้าวเช้าไม่กินก็จะไปห้องทดลองแล้ว”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วเดินเข้าไปจับไหล่ขอเธอ “แม่คะ คุณอาเชวไปห้องทดลองเพื่อจะไปส่งมอบงานที่จะย้าย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ”

โม่ไฉ่เวยรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องตอบตกลง แต่พอได้ยินมันเข้าจริง ๆ ใบหน้าของเธอก็อดที่จะแสดงความสุขออกมาไม่ได้

เธอกับจิ่งหนิงต้องพลัดพรากกันกว่าสิบปี ได้เจอกันอีกครั้งย่อมอยากที่จะใช้เวลากับจิ่งหนิง

แต่เธอเองก็ไม่อยากจะต้องอยู่ห่างจากเซวซู่ ท้ายที่สุดเซวซู่เป็นมากกว่าความกรุณาของเธอมานานแล้ว แต่ยังเป็นความรักซึ่งกันและกันในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาปลากับอุ้งตีนหมีได้มาพร้อมกันไม่ได้ เรื่องที่ดีพร้อมทั้งสองด้าน บนโลกนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ดังนั้นเธอจึงเข้าใจดี หากจะให้เซวซู่ต้องจากสถานที่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่เล็กจนโต และละทิ้งห้องทดลองที่สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจหลายปีมานี้ของเขา เขาก็คงจะทำใจได้ยาก

เรื่องนี้หากเป็นใครก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากจะยอมได้

แต่สุดท้าย เซวซู่ก็ยังรับปากเพื่อเธอ

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่เขาเลือกที่จะให้ตนเองต้องเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อส่วนรวมเพื่อจะเติมเต็มสิ่งที่เธอต้องการ

หากจะบอกว่าโม่ไฉ่เวยไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นเรื่องโกหก

แต่ต่อหน้าเด็ก ๆ อย่างจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน เธอจึงไม่อาจจะแสดงออกมาได้

ได้แต่เช็ดหางตาและฝืนยิ้ม: “แม่รู้ งั้นก็ได้ เราไม่ต้องรอเขาแล้ว พวกเรากินข้าวเถอะ กินเสร็จยังต้องไปซื้อของอีกไม่ใช่เหรอ? อีกเดี๋ยวแม่จะไปเป็นเพื่อน”

จิ่งหนิงพยักหน้า

ทุกคนจึงเดินไปที่ห้องอาหารเพื่อกินข้าว

เพราะเป็นเที่ยวบินตอนบ่าย ช่วงเช้าจึงยังพอมีเวลาออกไปทำธุระ หลังกินข้าวเสร็จ จิ่งหนิงจึงให้ลู่จิ่งเซินอยู่ดูแลลูก ๆ สองคนอยู่ที่บ้าน ตนเองกับโม่ไฉ่เวยออกไปซื้อของจำเป็น

ลู่จิ่งเซินที่ไม่วางใจจะให้พวกเธอออกไปกันสองคน

แต่เพราะจิ่งหนิงอยากจะซื้อของไปฝากพนักงานในออฟฟิศ การที่เธอเดินทางครั้งนี้ ทุกอย่างในบริษัทต้องมอบหมายให้เสี่ยวเหอและพวกเธอจัดการ

ดังนั้นเธอจึงคิดว่า เมื่อจะกลับไปไม่เพียงแต่คุณอาและท่านปู่ ท่านย่า ก็ควรจะมีของฝากติดมือไปฝากพนักงานบ้างก็เป็นเรื่องดี

ของฝากเหล่านี้เมื่อซื้อเสร็จก็ให้คนส่งกลับไป พวกเขาไม่ต้องแบกกลับไปเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ยากอะไร

แต่การเลือกของฝากกลับไป คงจะต้องให้จิ่งหนิงไปเลือกด้วยตัวเอง

แม้ลู่จิ่งเซินจะมีความคิดละเอียดอ่อนแค่ไหน สุดท้ายเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

บริษัทซิงฮุยของเธอ พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เธอกลัวว่าลู่จิ่งเซินจะเข้าไม่ถึงความชอบของพวกเธอ

ดังนั้นเรื่องนี้เธอจึงต้องลงมือเอง

และถ้าเด็ก ๆ สองคนตามพวกเธอออกไปด้วย ก็จะดูเอิกเกริก เป็นที่โดดเด่นและยุ่งยากเกินไป

ดังนั้นจิ่งหนิงจึงคิดว่า อย่างไรเสียมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เธอไปกับโม่ไฉ่เวยก็พอแล้ว

และให้ลู่จิ่งเซินอยู่ดูแลลูก ๆ สองคนที่บ้าน

การเลือกของขวัญ ใช้เวลาอย่างมากก็ชั่วโมงเดียวเท่านั้น ให้คนขับรถพาไปคงไม่มีเกิดเรื่องอะไร

บวกกับ ถึงแม้ว่าปกติแล้วโม่ไฉ่เวยจะไม่ออกไปไหน แต่อย่างไรเสียก็อยู่ที่นี่กว่าสิบปี คนพื้นที่จำนวนไม่น้อยรู้จักเธอ รู้ว่าเธอคือภรรยาของเซวซู่

และจากอิทธิพลของเซวซู่ที่มีผลต่อที่นี่ก็ยากที่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ลู่จิ่งเซินเห็นดังนั้นก็ได้แต่ปล่อยตามใจพวกเธอ ให้พวกเธอออกไปกันเอง

จิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยจึงนั่งรถออกไปและมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่

ห้างฯ มีของขายมากมายซึ่งมีเอกลักษณ์และรูปแบบท้องถิ่น

จิ่งหนิงพบร้านบูติกร้านหนึ่งและเลือกของทุกอย่างในนั้นอย่างละสองสามชิ้นและให้คนแพ็คของและให้ที่อยู่ทางไปรษณีย์ก่อนออกจากร้าน

จนออกมาจากห้างฯ จู่ ๆ โม่ไฉ่เวยก็พูดขึ้น: “เอ้ แม่จำได้ว่าอยู่อีกฝั่งของถนนมีร้านอาหารอร่อยและรสชาติดีมาก ยังไงก็จะไปแล้ว สู้ไปซื้อกินสักหน่อยให้ทุกคนได้ชิมเป็นอาหารเที่ยง”

จิ่งหนิงเองก็เข้าใจดีว่าเธออยู่ที่นี่มาสิบปี ถึงจะบอกว่าไม่คุ้นชินแต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกอยู่ไม่มากก็น้อย

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าจะจากไป ดังนั้นจึงอยากจะซื้ออาหารท้องถิ่นรสชาติดีและได้กินเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการบอกลา

จิ่งหนิงจึงพยักหน้า

เพราะในขณะที่กำลังเดินซื้อของตอนนี้ วันนี้หิมะไม่ตก อากาศแจ่มใสและมีแดด บวกกับอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นและไม่ร้อนเหมือนก่อนหน้านี้

มีรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูหนาวที่อบอุ่น จึงมีถนนคนเดินเที่ยวมากมาย

ท้ายที่สุดมันก็แค่ไปที่ถนนฝั่งตรงข้าม จิ่งหนิงพบว่าการขับรถลำบากจึงขอให้คนขับจอดรถที่นี่และรอพวกเขา

หลังจากพวกเธอเข้าไปสั่งอาหารแล้วก็เดินออกมาก็ได้แล้ว

เมื่อคนขับรถเห็นอย่างนั้นจึงไม่ห้ามและรออยู่ในรถด้วยดี

โม่ไฉ่เวยจูงมือของเธอและยิ้มพร้อมกับเดินไปด้วย: “พูดไปลูกคงจะไม่เชื่อ แม่อยู่ที่นี่มาสิบปี ออกมากินข้าวนอกบ้านนับครั้งได้ ร้านอาหารท้องถิ่นร้านนี้ แม่เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อน แต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสมากินเลย ได้แต่คิดว่าครั้งหน้าค่อยมา ๆ แต่ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว ยังจะมีครั้งหน้าไหมนะ?”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “ก็ไม่แน่นะคะ ต่อไปหากแม่คิดถึงที่นี่ พวกเราก็กลับมาเที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนแม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+