วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 923 ครอบครัวสี่คน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 923 ครอบครัวสี่คน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอไม่รู้แต่ลู่จิ่งเซินกลับเข้าใจดี

ที่สุดแล้วพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย หลังจากประสบสิ่งกระตุ้นครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ ความคิดที่อยู่ในใจไม่ได้ต่างกันมากนัก หากพวกเขาตื่นเช้าสิถึงจะแปลก

เพื่อป้องกันไม่ให้จิ่งหนิงเขาไปปลุกให้พวกเขาตื่น ลู่จิ่งเซินพาเธอตรงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารทันที จากนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

หัวเหยาตื่นตามหลังพวกเขามาและพบว่าพวกเขาเก็บของเสร็จแล้ว จึงบ่นว่าจิ่งหนิงไม่ยอมปลุกเธอและรีบไปเก็บของ

แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็แค่เข้าพักที่นี่แค่วันเดียว นอกจากเมื่อวานที่ออกไปเดินเล่นซื้อของกันแล้ว จึงไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากนัก

หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว กลุ่มเพื่อนก็กล่าวลากับกู้ซือเฉียนและเฉียวฉีแล้วออกเดินทางไปสนามบิน

เที่ยวบินตอนบ่ายโมงครึ่ง กลับถึงประเทศก็หกโมงเย็นพอดี

จิ่งหนิงไม่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยสองคนมากสักระยะแล้ว ดังนั้นขณะที่อยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน หัวใจของเธอก็พุ่งกลับบ้านดั่งลูกธนู และแทบอยากจะบินไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เลย

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูด “เธอติดพวกเขาขนาดนี้ ไม่เห็นติดฉันแบบนี้บ้าง?”

จิ่งหนิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเงยหน้ามองเขา “ใครบอกว่าฉันไม่ติดคุณ? ตอนนี้ก็ติดคุณอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยและลดเสียงลง “ฉันชอบให้เธอติดฉันบนเตียงมากกว่า”

จิ่งหนิง: “…”

สายตาเหลือบมองคนขับที่อยู่แถวหน้า และแอบเอื้อมมือไปบีบเอวของเขา

ลู่จิ่งเซินอดหัวเราะไม่ได้

หลังจากกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนโห่ร้อง

“ดีจัง ๆ คุณอาเฟิงยี่หล่อมากเลย หนูชอบปราสาทนี้!”

กลุ่มคนรับใช้รู้แล้วว่ารถมาถึงแล้วจึงรีบออกมาต้อนรับ

“คุณผู้ชาย คุณนาย กลับมาแล้วเหรอคะ”

อาจจะเพราะได้ยินเสียงของเธอ เสียงด้านในจึงเงียบลง จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็วิ่งกรูออกมา

“หม่ามี๊!”

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้!”

เจ้าซาลาเปาน้อยสองคน ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง วิ่งเข้ามาและกอดจิ่งหนิงแน่น

จิ่งหนิงถูกพวกเขาพุ่งตัวใส่และถอยไปหนึ่งก้าว โชคดีที่ลู่จิ่งเซินยืนกันไว้อยู่ด้านหลังจึงไม่ล้ม

และอดยิ้มไม่ได้: “พวกหนูเกือบจะทำหม่ามี๊ล้มแล้ว ระวังเดี๋ยวเราสามคนจะล้มลงไปนะจ๊ะ”

อานอานยิ้มร้าย “ไม่กลัวแด๊ดดี้ช่วยพยุงอยู่ข้างหลัง!”

ลู่จิ่งเซินเบิกตาโพลงใส่เธอ “หนูแย่ที่สุดเลย”

อานอานแกล้งทำหน้าผี

จิ่งหนิงหัวเราะและวางพวกเขาลง จากนั้นทั้งสามคนก็จูงมือกันและเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ลู่จิ่งเซินและคนงานแบกกระเป๋าเดินตามมา

หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าเฟิงยี่ก็อยู่ด้วยและเพิ่งเดินออกมาจากห้องเล่นเกม

เมื่อเห็นเธอเขาก็ยิ้มและร้องทัก “พี่สะใภ้สวัสดีครับ”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “วันนี้นายถึงว่างแวะมาได้? ลั่วเหยาล่ะ? ไม่มาด้วยกันเหรอ?”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “เธอไม่สบาย อยู่ที่บ้าน ผมมาช่วยอานอานติดตั้งอะไรบางอย่าง”

จิ่งหนิงตกตะลึงและพูดอย่างห่วงใย “ไม่สบาย? ป่วยเป็นอะไร?”

เฟิงยี่เกาหัวอย่างเขินอาย “จะว่าไปก็ไม่ใช่ ก็คือ…มีข่าวดีแล้วครับ”

จิ่งหนิงตกตะลึง

ตอนนี้เอง ลู่จิ่งเซินก็เดินเข้ามาและไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดพอดีและพูดขึ้นทันที: “จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วยังไม่รีบไปฝึกกำลังแขนอีก? ระวังเถอะถึงเวลาจะอุ้มลูกไม่ไหวนะ!”

เฟิงยี่ได้ยินแล้วจึงรีบวิ่งไป “พี่รอง มา ผมช่วยพี่ถือ”

จิ่งหนิงจึงได้ตอบสนองด้วยรอยยิ้มปีติยิ่ง

ถังลั่วเหยาถือได้ว่าอยู่ในกลุ่ม นอกจากหัวเหยาแล้วก็มีเพื่อนสนิทอยู่ไม่มาก และเนื่องจากเธอยืนด้วยลำแข้งตนเอง ดังนั้นจึงมีความรู้สึกรักและหวงแหน

เวลานี้เมื่อเธอได้ยินข่าวดี จึงรู้สึกดีใจกว่าใคร

เธอเรียกเฟิงยี่ให้อยู่แล้วพูด: “ท้องแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องระวังนะ นายจะต้องบอกเธอด้วย”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “รู้แล้วครับ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ไปพักข้างนอกเลย อยู่บ้านตลอด แม่ผมดูแลเธออยู่”

จิ่งหนิงตกใจอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ คุณแม่เฟิงไม่ค่อยจะชอบถังลั่วเหยาเท่าไหร่และยิ่งดูถูกสถานะนักแสดงของเธอด้วย ทำให้เรื่องแต่งงานของเธอกับเฟิงยี่ดูไม่ค่อยจะดีนัก

ตอนนี้กลับยินดีรับตัวเธอกลับไปดูแลที่บ้านเป็นการส่วนตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและยอมรับเธออย่างสมบูรณ์แล้ว

เธออดยินดีในใจไม่ได้และพูดขึ้น: “เอาไว้จะไปเยี่ยมเธอนะ”

เฟิงยี่พยักหน้า “ได้ครับ ผมจะกลับไปบอกเธอ พี่มาได้ตลอดเลยนะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า จากนั้นเฟิงยี่ก็เข้าไปช่วยลู่จิ่งเซินถือกระเป๋าทันที

อานอานลากจิ่งหนิงเข้าไปในห้องเล่นเกม

“หม่ามี๊ดูสิคะ นี่เป็นปราสาทที่อาเฟิงยี่ทำให้หนู”

ในห้องนั้น มีปราสาทเล็ก ๆ ที่สวยงามและวิจิตรบรรจงตั้งตระหง่านที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ปราสาททำจากวัสดุที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สามารถให้เด็กสองคนเข้าและออกได้

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “สวยมากจ้ะ”

จิ้งเจ๋อน้อยตามเข้ามาและวิ่งไปนั่งบนเบาะนุ่ม ๆ หน้าปราสาท และพูดเสียงอ้อแอ้ “หม่ามี๊ เล่นกับพวกเรานะครับ”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่จะเล่นกับพวกหนูสักพัก แล้วเดี๋ยวพวกลูกก็เล่นกันเองนะจ๊ะ”

ทั้งสองต่างพยักหน้า

ระหว่างที่จิ่งหนิงเล่นกับลูกๆ ลู่จิ่งเซินได้เก็บกระเป๋าเดินทางเข้าบ้านทั้งหมดและกำลังคุยกับเฟิงยี่

เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปนาน แม้จะมีคนมารายงานทุกวันแต่ก็ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป

ซึ่งเฟิงยี่จะได้อธิบายให้เขาเข้าใจได้พอดี

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์มือถือของลู่จิ่งเซินก็ดังขึ้น

เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายของท่านย่ากับท่านปู่จึงรีบรับ

คนแก่ทั้งสองรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว และต่างเป็นห่วงสถานการณ์ของทางกู้ซือเฉียน

ที่สุดแล้วถึงแม้ตระกูลลู่และตระกูลกู้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่หากจะต้องโดนโจมตีจากภายนอกเข้าสู่ตลาดจีน เช่นนั้นตระกูลกู้และตระกูลลู่ย่อมยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงได้เป็นกังวลขนาดนี้

ลู่จิ่งเซินได้เล่าสถานการณ์ทางนั้นอย่างละเอียดและได้รู้ว่ากลุ่มชาวจีนถูกจำกัดแล้วจึงได้สบายใจ

เมื่อคุยธุระเสร็จยังได้บอกให้พวกเขาไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านแล้วจึงวางสายไป

เฟิงยี่เห็นเขากำลังยุ่ง เขานั่งอยู่ไม่นานก็จากไป

ลู่จิ่งเซินจึงได้ไปที่ห้องเล่นเกมและได้เห็นจิ่งหนิงกำลังเล่นซ่อนหากับลูกๆ

ที่จริงแล้วห้องเล่นเกมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนักประมาณร้อยกว่าตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยของเล่นประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็กจึงมีที่ให้ซ่อนตัวอย่างจำกัด

บวกกับเด็กๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเก็บเสียงและซ่อนตัว เวลาเดินหรือขยับตัวก็จะมีเสียง

อานอานที่โตแล้วก็ยังดี แต่กับจิ้งเจ๋อน้อยที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีเสียงวิ่งเบาๆ อยู่ตลอดราวกับกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

ดังนั้นเมื่อบอกว่าเล่นซ่อนหา แท้จริงแล้วจิ่งหนิงสามารถหาตัวพวกเขาได้อย่างง่ายดายมาก แต่ก็ยังเล่นกับพวกเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเท่านั้นเอง

เธอปิดตาและยิ้มแล้วพูด: “พวกลูกแอบเสร็จรึยัง? แมวเหมียวจะออกไปจับหนูๆ แล้วนะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 923 ครอบครัวสี่คน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 923 ครอบครัวสี่คน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอไม่รู้แต่ลู่จิ่งเซินกลับเข้าใจดี

ที่สุดแล้วพวกเขาต่างก็เป็นผู้ชาย หลังจากประสบสิ่งกระตุ้นครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ ความคิดที่อยู่ในใจไม่ได้ต่างกันมากนัก หากพวกเขาตื่นเช้าสิถึงจะแปลก

เพื่อป้องกันไม่ให้จิ่งหนิงเขาไปปลุกให้พวกเขาตื่น ลู่จิ่งเซินพาเธอตรงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารทันที จากนั้นก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

หัวเหยาตื่นตามหลังพวกเขามาและพบว่าพวกเขาเก็บของเสร็จแล้ว จึงบ่นว่าจิ่งหนิงไม่ยอมปลุกเธอและรีบไปเก็บของ

แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็แค่เข้าพักที่นี่แค่วันเดียว นอกจากเมื่อวานที่ออกไปเดินเล่นซื้อของกันแล้ว จึงไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากนัก

หลังจากเก็บกระเป๋าแล้ว กลุ่มเพื่อนก็กล่าวลากับกู้ซือเฉียนและเฉียวฉีแล้วออกเดินทางไปสนามบิน

เที่ยวบินตอนบ่ายโมงครึ่ง กลับถึงประเทศก็หกโมงเย็นพอดี

จิ่งหนิงไม่ได้เจอกับเจ้าตัวน้อยสองคนมากสักระยะแล้ว ดังนั้นขณะที่อยู่บนรถระหว่างทางกลับบ้าน หัวใจของเธอก็พุ่งกลับบ้านดั่งลูกธนู และแทบอยากจะบินไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้เลย

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูด “เธอติดพวกเขาขนาดนี้ ไม่เห็นติดฉันแบบนี้บ้าง?”

จิ่งหนิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเงยหน้ามองเขา “ใครบอกว่าฉันไม่ติดคุณ? ตอนนี้ก็ติดคุณอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?”

ชายหนุ่มหรี่ตาเล็กน้อยและลดเสียงลง “ฉันชอบให้เธอติดฉันบนเตียงมากกว่า”

จิ่งหนิง: “…”

สายตาเหลือบมองคนขับที่อยู่แถวหน้า และแอบเอื้อมมือไปบีบเอวของเขา

ลู่จิ่งเซินอดหัวเราะไม่ได้

หลังจากกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เมื่อถึงประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนโห่ร้อง

“ดีจัง ๆ คุณอาเฟิงยี่หล่อมากเลย หนูชอบปราสาทนี้!”

กลุ่มคนรับใช้รู้แล้วว่ารถมาถึงแล้วจึงรีบออกมาต้อนรับ

“คุณผู้ชาย คุณนาย กลับมาแล้วเหรอคะ”

อาจจะเพราะได้ยินเสียงของเธอ เสียงด้านในจึงเงียบลง จากนั้นเด็กทั้งสองคนก็วิ่งกรูออกมา

“หม่ามี๊!”

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้!”

เจ้าซาลาเปาน้อยสองคน ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง วิ่งเข้ามาและกอดจิ่งหนิงแน่น

จิ่งหนิงถูกพวกเขาพุ่งตัวใส่และถอยไปหนึ่งก้าว โชคดีที่ลู่จิ่งเซินยืนกันไว้อยู่ด้านหลังจึงไม่ล้ม

และอดยิ้มไม่ได้: “พวกหนูเกือบจะทำหม่ามี๊ล้มแล้ว ระวังเดี๋ยวเราสามคนจะล้มลงไปนะจ๊ะ”

อานอานยิ้มร้าย “ไม่กลัวแด๊ดดี้ช่วยพยุงอยู่ข้างหลัง!”

ลู่จิ่งเซินเบิกตาโพลงใส่เธอ “หนูแย่ที่สุดเลย”

อานอานแกล้งทำหน้าผี

จิ่งหนิงหัวเราะและวางพวกเขาลง จากนั้นทั้งสามคนก็จูงมือกันและเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่ลู่จิ่งเซินและคนงานแบกกระเป๋าเดินตามมา

หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าเฟิงยี่ก็อยู่ด้วยและเพิ่งเดินออกมาจากห้องเล่นเกม

เมื่อเห็นเธอเขาก็ยิ้มและร้องทัก “พี่สะใภ้สวัสดีครับ”

จิ่งหนิงยิ้มและพูด: “วันนี้นายถึงว่างแวะมาได้? ลั่วเหยาล่ะ? ไม่มาด้วยกันเหรอ?”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “เธอไม่สบาย อยู่ที่บ้าน ผมมาช่วยอานอานติดตั้งอะไรบางอย่าง”

จิ่งหนิงตกตะลึงและพูดอย่างห่วงใย “ไม่สบาย? ป่วยเป็นอะไร?”

เฟิงยี่เกาหัวอย่างเขินอาย “จะว่าไปก็ไม่ใช่ ก็คือ…มีข่าวดีแล้วครับ”

จิ่งหนิงตกตะลึง

ตอนนี้เอง ลู่จิ่งเซินก็เดินเข้ามาและไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดพอดีและพูดขึ้นทันที: “จะเป็นพ่อคนอยู่แล้วยังไม่รีบไปฝึกกำลังแขนอีก? ระวังเถอะถึงเวลาจะอุ้มลูกไม่ไหวนะ!”

เฟิงยี่ได้ยินแล้วจึงรีบวิ่งไป “พี่รอง มา ผมช่วยพี่ถือ”

จิ่งหนิงจึงได้ตอบสนองด้วยรอยยิ้มปีติยิ่ง

ถังลั่วเหยาถือได้ว่าอยู่ในกลุ่ม นอกจากหัวเหยาแล้วก็มีเพื่อนสนิทอยู่ไม่มาก และเนื่องจากเธอยืนด้วยลำแข้งตนเอง ดังนั้นจึงมีความรู้สึกรักและหวงแหน

เวลานี้เมื่อเธอได้ยินข่าวดี จึงรู้สึกดีใจกว่าใคร

เธอเรียกเฟิงยี่ให้อยู่แล้วพูด: “ท้องแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องระวังนะ นายจะต้องบอกเธอด้วย”

เฟิงยี่ยิ้มและพูด: “รู้แล้วครับ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ไปพักข้างนอกเลย อยู่บ้านตลอด แม่ผมดูแลเธออยู่”

จิ่งหนิงตกใจอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ คุณแม่เฟิงไม่ค่อยจะชอบถังลั่วเหยาเท่าไหร่และยิ่งดูถูกสถานะนักแสดงของเธอด้วย ทำให้เรื่องแต่งงานของเธอกับเฟิงยี่ดูไม่ค่อยจะดีนัก

ตอนนี้กลับยินดีรับตัวเธอกลับไปดูแลที่บ้านเป็นการส่วนตัว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและยอมรับเธออย่างสมบูรณ์แล้ว

เธออดยินดีในใจไม่ได้และพูดขึ้น: “เอาไว้จะไปเยี่ยมเธอนะ”

เฟิงยี่พยักหน้า “ได้ครับ ผมจะกลับไปบอกเธอ พี่มาได้ตลอดเลยนะ”

จิ่งหนิงพยักหน้า จากนั้นเฟิงยี่ก็เข้าไปช่วยลู่จิ่งเซินถือกระเป๋าทันที

อานอานลากจิ่งหนิงเข้าไปในห้องเล่นเกม

“หม่ามี๊ดูสิคะ นี่เป็นปราสาทที่อาเฟิงยี่ทำให้หนู”

ในห้องนั้น มีปราสาทเล็ก ๆ ที่สวยงามและวิจิตรบรรจงตั้งตระหง่านที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ปราสาททำจากวัสดุที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สามารถให้เด็กสองคนเข้าและออกได้

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “สวยมากจ้ะ”

จิ้งเจ๋อน้อยตามเข้ามาและวิ่งไปนั่งบนเบาะนุ่ม ๆ หน้าปราสาท และพูดเสียงอ้อแอ้ “หม่ามี๊ เล่นกับพวกเรานะครับ”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูด: “ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่จะเล่นกับพวกหนูสักพัก แล้วเดี๋ยวพวกลูกก็เล่นกันเองนะจ๊ะ”

ทั้งสองต่างพยักหน้า

ระหว่างที่จิ่งหนิงเล่นกับลูกๆ ลู่จิ่งเซินได้เก็บกระเป๋าเดินทางเข้าบ้านทั้งหมดและกำลังคุยกับเฟิงยี่

เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปนาน แม้จะมีคนมารายงานทุกวันแต่ก็ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป

ซึ่งเฟิงยี่จะได้อธิบายให้เขาเข้าใจได้พอดี

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์มือถือของลู่จิ่งเซินก็ดังขึ้น

เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายของท่านย่ากับท่านปู่จึงรีบรับ

คนแก่ทั้งสองรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว และต่างเป็นห่วงสถานการณ์ของทางกู้ซือเฉียน

ที่สุดแล้วถึงแม้ตระกูลลู่และตระกูลกู้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่หากจะต้องโดนโจมตีจากภายนอกเข้าสู่ตลาดจีน เช่นนั้นตระกูลกู้และตระกูลลู่ย่อมยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน

ดังนั้นพวกเขาจึงได้เป็นกังวลขนาดนี้

ลู่จิ่งเซินได้เล่าสถานการณ์ทางนั้นอย่างละเอียดและได้รู้ว่ากลุ่มชาวจีนถูกจำกัดแล้วจึงได้สบายใจ

เมื่อคุยธุระเสร็จยังได้บอกให้พวกเขาไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านแล้วจึงวางสายไป

เฟิงยี่เห็นเขากำลังยุ่ง เขานั่งอยู่ไม่นานก็จากไป

ลู่จิ่งเซินจึงได้ไปที่ห้องเล่นเกมและได้เห็นจิ่งหนิงกำลังเล่นซ่อนหากับลูกๆ

ที่จริงแล้วห้องเล่นเกมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนักประมาณร้อยกว่าตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยของเล่นประเภทต่างๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็กจึงมีที่ให้ซ่อนตัวอย่างจำกัด

บวกกับเด็กๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องการเก็บเสียงและซ่อนตัว เวลาเดินหรือขยับตัวก็จะมีเสียง

อานอานที่โตแล้วก็ยังดี แต่กับจิ้งเจ๋อน้อยที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีเสียงวิ่งเบาๆ อยู่ตลอดราวกับกลัวว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

ดังนั้นเมื่อบอกว่าเล่นซ่อนหา แท้จริงแล้วจิ่งหนิงสามารถหาตัวพวกเขาได้อย่างง่ายดายมาก แต่ก็ยังเล่นกับพวกเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเท่านั้นเอง

เธอปิดตาและยิ้มแล้วพูด: “พวกลูกแอบเสร็จรึยัง? แมวเหมียวจะออกไปจับหนูๆ แล้วนะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+