วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 287 พูดจาเหลวไหล

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 287 พูดจาเหลวไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 287 พูดจาเหลวไหล

เฟิงยี่จึงก้าวเท้าช้าลง และฉวยโอกาสตอนไฟมืด ตอนที่คนรอบข้างไม่ค่อยสังเกตวิ่งไปหา

"พี่สอง พี่สะใภ้สอง พวกคุณมาได้ยังไงครับ?"

"นายยังมาได้เลย ทำไมพวกเราถึงจะมาไม่ได้ล่ะ?"

จิ่งหนิงรู้สึกขำเล็กน้อย เลยพูดหยอกเล่นขึ้น

เฟิงยี่ไม่ถือสา และพูดขึ้นว่า : "พูดความจริงกับพวกคุณก็ได้ว่า งานประมูลคืนนี้ตระกูลของผมเป็นเจ้าภาพ หากเดียวพวกคุณถูกใจของชิ้นไหนบอกผมก่อนได้เลย ผมจะช่วยพูดให้ และจะไม่มีใครกล้าแย่งกับพวกคุณ"

จิ่งหนิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ลู่จิ่งเซินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง และพูดขึ้นว่า : "ความได้เปรียบนี้ของนาย ทำไมไม่พูดว่ามอบให้กับพวกเราอย่างตรงไปตรงมาเลยล่ะ?"

เฟิงยี่นิ่งอึ้งชั่วขณะ

"เออ…พี่สอง พี่ทำผมลำบากใจมากเลย คุณไม่ใช่ไม่รู้ว่า กรรมสิทธิ์สมบัติตระกูลของพวกผมล้วนอยู่ในเอื้อมมือของพ่อผม หากผมมอบให้ พ่อผมคงตีผมขาหักแน่"

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ จิ่งหนิงก็หัวเราะออกมา ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากมุมห้องหนึ่ง

"พี่สอง พี่สะใภ้สอง"

คนที่มาสวมชุดสูทสีเทาเข้มทั้งตัว หน้าตาหล่อเหลาชวนมอง แถมยังมีออร่าความอ่อนโยนและสง่างามแผ่ออกมาในงานด้วย

จิ่งหนิงเคยพบกับเขาครั้งหนึ่ง รู้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของลู่จิ่งเซิน ดูเหมือนจะเป็นคุณหมออัจฉริยะคนหนึ่ง มีชื่อว่าจี้หยุนซู เธอเลยรีบลุกขึ้นยืนทักทายกับเขาทันที

จี้หยุนซูคิดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับพวกเขาที่นี่ เลยซักถามอย่างสงสัยว่า : "พี่สะใภ้สองมีความสนใจเกี่ยวกับไข่มุกด้วยหรอครับ?"

เพราะเขารู้ว่า ลู่จิ่งเซินไม่มีความสนใจเรื่องพวกนี้

จิ่งหนิงหัวเราะเบาๆ "เปล่าหรอกค่ะ แค่มาเยี่ยมชมเฉยๆ"

เมื่อจี้หยุนซูได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าเล็กน้อย และไม่ซักถามมากความแล้ว

เมื่อเฟิงยี่เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็ไม่ไปข้างหน้าแล้ว แต่จัดการเปลี่ยนที่นั่ง พร้อมกับจัดการพาจี้หยุนซูไปนั่งข้างหลังใกล้กับลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิง

"พี่สอง ผมบอกเลยว่า คืนนี้มีของดีหลายชิ้นเลยที่เหมาะสมกับพี่สะใภ้ เดียวตอนของออกมาโชว์ ผมบอกกับพี่ให้ดูอย่างละเอียดอีกที"

จิ่งหนิงรีบห้ามปรามเขา

"นายหยุดเลย หยุดยุยงพี่สองของนายเลย พวกเรามาวันนี้แค่มาดูเฉยๆ ไม่คิดอยากซื้อของเลย"

เฟิงยี่ยิ้มแย้มอย่างเก้อเขินขึ้น

"พี่สะใภ้ อย่าเป็นแบบนี้สิ ใครต่างก็บอกว่าอย่าประหยัดกับภรรยาของตัวเอง ต่อให้เงินเหล่านี้พี่ไม่ได้ใช้ก็มีคนช่วยใช้เงินอยู่ดี อีกอย่างพี่สองของพวกเราเงินเยอะมากด้วย ไม่ต้องกลัว……"

พูดยังไม่ทันจบ ก็รู้สึกเจ็บแสบบนหัวทันที

เฟิงยี่ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา และกุมหัวของตัวเอง พร้อมจ้องมองลู่จิ่งเซินด้วยสีหน้าน้อยใจ

"พี่สอง อยู่ดีๆทำไมมาตีคนด้วย?"

ลู่จิ่งเซินเผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : "นายจะหุบปากไหม? ถ้าไม่หุบปาก เชื่อไหมว่าฉันจะโยนนายออกไป?"

เฟิงยี่รีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบริมฝีปาก เพื่อแสดงบอกว่าตัวเองไม่พูดแล้ว

ลู่จิ่งเซินกุมมือจิ่งหนิง และพูดว่า : "อย่าฟังเขาพูดจาเหลวไหล เงินของผมก็คือเงินของคุณ ผู้หญิงคนอื่นไม่เกี่ยว"

จิ่งหนิงนิ่งเงียบ

เฟิงยี่แอบพร่ำบ่นในใจเงียบๆ โดยไม่กล้าพูดออกมา จากนั้นก็นั่งรองานประมูลเริ่มขึ้น

ไม่นานคนก็มากันครบ งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

จิ่งหนิงยังจำเครื่องประดับสีแดงชิ้นนั้นที่ลู่จิ่งเซินมอบให้กับตัวเองครั้งก่อน อันที่จริงเธอรู้สึกว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นเหมาะสมมอบให้กับคุณหญิงมากกว่า เพราะเธอยังอายุน้อย โอกาสสวมเครื่องประดับชิ้นนั้นน้อยมาก

แต่คุณหญิงไม่เหมือนกัน เธอมีอายุมาก และชอบสิ่งของที่มีสีสันฉูดฉาด

แต่เป็นเพราะเป็นสิ่งของที่ลู่จิ่งเซินมอบให้ ไม่เหมาะสมมอบต่อให้คนอื่น เลยหวังว่าคืนนี้สามารถเห็นเครื่องประดับที่คล้ายกับชิ้นนั้นบ้าง จะถือว่ามาไม่เสียเปล่าแล้ว

ลู่จิ่งเซินอ่านความคิดของเธอออก เลยกระซิบข้างหูของเธอว่า : "อันที่จริงเครื่องประดับชิ้นนั้นมีฝาแฝดอีกชิ้นหนึ่ง เป็นชุดไข่มุกสีเขียว แต่เครื่องประดับชุดนั้นอยู่ที่คุณป้า คุณย่าฉลองวันเกิดเจ็ดสิบปีครั้งนี้ ผมคิดว่าคุณป้าคงมอบให้คุณย่าแน่"

จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ และขมวดคิ้ว

"งั้นพวกเราเปลี่ยนเป็นสิ่งของอย่างอื่นดีไหม? ถ้าทุกคนพากันมอบเครื่องประดับคงไม่ดีมั้ง?"

ลู่จิ่งเซินส่ายหน้าเล็กน้อย

"ผู้ใหญ่ เขาดูที่เจตนาเท่านั้นเอง เพียงแค่มีน้ำใจ อะไรเขาก็ไม่สนหรอก"

จิ่งหนิงพยักหน้าเล็กน้อย

จี้หยุนซูนั่งอยู่ด้านข้าง แน่นอนว่าได้ยินบทสนทนาของพวกเขาชัดเจน

ได้ยินแบบนี้ เขาก็โน้มตัวเข้ามาพูดว่า : "ฉลองวันเกิดคุณหญิงหรอ ผมวาดตัวอักษรมงคลด้วยตัวเองชิ้นหนึ่งแขวนอยู่ที่บ้าน อาจไม่ใช่ของที่มีค่า แต่มีความตั้งใจ หากพี่สองมีเวลาว่างไปช่วยดูให้ผมด้วยนะครับ หากมีตรงไหนไม่เหมาะสมช่วยแจ้งกันด้วย ผมจะได้แก้ไขทันที"

จี้หยุนซูไม่เพียงเป็นคุณหมอที่เก่ง วาดภาพยังเก่งด้วย โดยเฉพาะวาดภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ ได้ยินว่ามีรูปแบบคล้ายกับคุณท่านจี้ในตอนนั้น

ลู่จิ่งเซินพยักหน้าเล็กน้อย

"คุณย่าชอบคุณมาตลอด คุณวาดภาพอะไรท่านก็ชอบ คุณไม่ต้องเป็นกังวลหรอก"

จี้หยุนซูยิ้มจางๆ

แต่เมื่อเฟิงยี่ได้ยินแบบนี้กลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ

"หากให้ผมพูด ผมคิดว่าคุณย่าลำเอียง ทำไมทุกครั้งที่หยุนซูไปเยี่ยม เธอมีท่าทางเบิกบานใจราวกับเป็นหลานชายแท้ๆของตัวเอง แต่กับผมกลับเรียกผมว่าหนังลิง

อีกอย่างฉลองวันเกิดปีที่แล้ว หยุนซูมอบใบชาถ้วยหนึ่งก็สามารถทำให้คุณหญิงอารมณ์ดีทั้งวัน แต่ผมมอบแท่นหมอนหยกที่นำเข้าจากต่างประเทศ และทำอย่างประณีต แต่เธอกลับเมินเฉย ช่างทำร้ายน้ำใจฉันมาก"

จี้หยุนซูพูดขึ้นว่า : "นั้นเป็นเพราะผมใช้ใจทำ แต่แท่นหมอนหยกของคุณ นอกจากดูเล่นไม่มีความหมายเลย"

"แต่มันแพงมาก! ในตอนนั้นผมเสียเงินซื้อตั้งหลายบาท"

"ใบชาของผมก็ใช่ว่าเป็นของราคาถูก"

"ใบชาถ้วยหนึ่งของนายจะแพงกว่าแท่นหมอนหยกของฉันได้ยังไง?"

"ต่อให้แท่นหมอนหยกของนายจะแพงมากแค่ไหน ถึงยังไงก็สู้ความตั้งใจไม่ได้หรอก"

"อืม นี่นายตั้งพูดเรื่องนี้มาเปรียบเทียบฉันหรอ!"

“……”

เมื่อเห็นทั้งสองคนจะทะเลาะกัน จิ่งหนิงก็รีบเข้ามาขัดจังหวะขึ้น

"เดียวก่อน แท่นหมอนหยกที่พวกคุณพูดถึงหมายถึงแท่นหมอนหยกสมัยราชวงศ์ฮั่นที่เพิ่งขุดเจอหรอ?"

เมื่อเฟิงยี่รู้ว่าเธอรู้จักแท่นหมอนหยกชิ้นนั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างดีใจว่า : "ใช่ใช่ใช่ ชิ้นนั่นแหละ พี่สะใภ้ช่างมีความรู้รอบตัวเยอะจริงๆ แค่พูดก็รู้เลย"

จิ่งหนิงยิ้มแย้มอย่างเก้อเขิน

"เปล่าสักหน่อย ในตอนนั้นฉันแค่รู้สึกสงสัยว่า ใครกันที่สิ้นคิดเอาสิ่งของที่คนตายฝั่งด้วยมามอบเป็นของขวัญวันเกิดให้กับผู้ใหญ่ หรือต้องการสาปแช่งก็ไม่รู้?"

เฟิงยี่ : "……."

จี้หยุนซูกับลู่จิ่งเซินกลั้นหัวเราะไม่ได้

เฟิงยี่กัดฟันพูดแก้ต่างว่า "ทำไมถึงกลายเป็นสิ่งของฝังศพคนตายล่ะ? หากพูดแบบนี้ สิ่งของโบราณเหล่านั้นก็กลายเป็นของไม่สำคัญสิ?"

จิ่งหนิงยิ้มแห้งๆขึ้น

"อย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ประเด็นคือสิ่งของนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งของฝังศพคนตายหรอกหรอ ซึ่งฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยมงคลเลย สิ่งของที่ถูกฝังขุดขึ้นมาเป็นของขวัญวันเกิด คุณคิดว่า….."

"พอเถอะ!"

เฟิงยี่รู้สึกโมโหจนอยากร้องไห้แล้ว "ผมมองออกว่า วันนี้พวกคุณสามคนรวมหัวกันมากลั่นแกล้งผม เห่อ! ผมไม่สนใจหรอก พูดไปพวกคุณก็ไม่เข้าใจอยู่ดี!"

พูดจบก็นั่งกอดหน้าอก แล้วหันไปด้านข้างเล็กน้อยด้วยท่าทางไม่พอใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด