วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 463 เสียใจเมื่อสายไป

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 463 เสียใจเมื่อสายไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 463 เสียใจเมื่อสายไป

“วันนี้เวลาล่วงเลยมามากแล้วพวกเราควรไปแล้ว”

จูเก่อหลิวเฟิงเองก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “วันนี้พวกคุณทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่ ขอเชิญร่วมรับประทานอาหารสักมื้อเป็นอย่างไร?”

จิ่งหนิงปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ”

หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปทันที

ท่าทางของเธอนั้นแสดงออกชัดเจนถึงความรังเกียจ จูเก่อหลิวเฟิงนำมือลูบจมูกของตนเองด้วยความสับสน

ลู่จิ่งเซินมองดูเขาและไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งสองคนไม่ได้เพิ่งรู้จักกันเป็นวันแรก เพียงแค่สายตาก็สามารถเข้าใจความคิดของฝ่ายตรงข้ามได้

จูเก่อหลิวเฟิงจึงได้ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้คงต้องรบกวนคุณช่วยพูดแทนผมหน่อย หนิงหนิงเธอค่อนข้างจะปฏิเสธผม แต่ถ้าเป็นคำพูดจากคุณรับรองว่าเธอจะเชื่อแน่”

ลู่จิ่งเซินถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะพยายาม แต่ผมก็เคารพในการตัดสินใจของเธอ ไม่ว่าท้ายที่สุดเธอจะตัดสินใจอย่างไรผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย”

ประโยคที่เขาพูดออกมานี้ที่จริงแล้วก็เท่ากับว่าเขากำลังปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจาก จูเก่อหลิวเฟิงอย่างอ้อมๆนั่นเอง

จูเก่อหลิวเฟิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เขาทำได้แต่พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับผมเข้าใจดี”

พวกเขาทั้งหลายพากันเดินทางออกไปจากยุทธเสือมังกร

จี้หลินยวนเหลือบตามองดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วพวกคุณกลับไปก็น่าจะไม่มีอะไรทำ สู้ไปนั่งเล่นที่บ้านของเรา และรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเถอะ”

จิ่งหนิงกำลังจะพยักหน้าตอบรับ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขมวดคิ้วแล้วมองดูก่อนจะรับสาย

เป็นสายจากกวนจี้หมิง น้ำเสียงค่อนข้างร้อนรนใจ “หนิงหนิง ตอนนี้ยังอยู่ที่ประเทศF หรือเปล่า?”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามว่า “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะคุณลุง?”

น้ำเสียงของกวนจี้หมิงพูดขึ้นอย่างรีบร้อนว่า “คุณตาไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้พวกคุณก็รีบนั่งเครื่องบินกลับมาในคืนนี้ อาจจะยังทันได้เห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

จิ่งหนิงตกตะลึงมาก เธอแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง

เธอยืนอยู่ที่เดิมสักพักโดยไม่ได้ขยับไปไหน ในหูเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงและบรรยากาศด้านหน้าขาวโปร่ง

ผ่านไปสักพักเธอจึงได้พูดออกมาว่า

“เป็นไปได้ยังไง …… เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันเพิ่งจะโทรหาเขา ในตอนนั้นเขายังดีๆอยู่……”

เสียงของกวนจี้หมิงในโทรศัพท์ดูค่อนข้างต่ำทุ้ม

“นี่เป็นเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้น แต่ว่าร่างกายของคุณตา ไม่ดีมาตั้งหลายเดือนแล้ว เขาพยายามฝืนมาตลอดหลายเดือน แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว สิ่งที่ตอนนี้เขาอยากจะทำที่สุดก็คือ การได้พบกับคุณแบบตัวต่อตัว เราหวังว่าคุณจะกลับมาที่นี่โดยเร็ว เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่เขาต้องการเป็นครั้งสุดท้าย”

จิ่งหนิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอกำโทรศัพท์แน่นเสร็จจนมือสั่น

ผ่านไปสักครู่จึงได้ตอบกลับไปว่า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

หลังวางสายลง เธอจึงได้หันไปมองลู่จิ่งเซินด้วยสายตาแดงก่ำ และเปล่งเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินออกมา แฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้น

“จิ่งเซินคะ คุณลุงบอกว่า…… คุณตาไม่ไหวแล้ว”

อันที่จริงตั้งแต่ที่เธอรับสายโทรศัพท์มือถือ ลู่จิ่งเซินก็ได้ยินเสียงของกวนจี้หมิงพูดตลอด

แววตาของเขามืดมนลงเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงดูนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วหันไปมองจี้หลิงยวน

“จี้หลินยวน หากพวกเราจะเดินทางกลับในคืนนี้ ถ้าจะซื้อตั๋วเครื่องบินในตอนนี้คาดว่าคงไม่ทันแล้ว ผมคงต้องให้คุณช่วยพวกเราหน่อย”

จี้หลินยวนรู้ดีว่าเรื่องนี้สำคัญขนาดไหนเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ พอดีที่บ้านมีเครื่องบินส่วนตัวอยู่ลำหนึ่ง ผมจะรีบกลับไปให้พวกเขาจัดการให้เร็วที่สุด คาดว่าออกเดินทางตอนเย็นคงไม่มีปัญหา”

ลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงจึงได้พยักหน้า หลังจากกล่าวขอบคุณเขาเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับไปเก็บของที่โรงพยาบาล

ทั้งช่วงบ่าย สมองของจิ่งหนิงสับสนไปหมด หากว่าโม่หนานไม่เข้ามาช่วยเธอเก็บของคาดว่าเธอคงเก็บไม่เสร็จ

คนเราบางทีก็เป็นแบบนี้ เมื่อตอนที่เรามีของบางอย่างอยู่ในมืออาจจะไม่รู้ว่าสำคัญขนาดไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องสูญเสียมันไปจึงคิดได้ ยังมีคำพูดมากมายยังไม่ทันได้พูด ยังมีเรื่องราวมากมายยังไม่ทันได้ทำ เมื่อถึงเวลาต่อให้เสียใจก็สายเกินไป เนื่องจากไม่มีเวลาและโอกาสนั้นอีกแล้ว

ลู่จิ่งเซินมองไปทางเธอที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วปลอบเธอว่า “ไม่ต้องคิดมากไปครับ คนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ อีกทั้งคุณลุงเพียงแค่ว่าท่านป่วยหนัก ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเป็นวาระสุดท้าย บางทีพวกราวกับไปถึงคุณตาอาจจะดีขึ้นก็ได้”

จิ่งหนิงพยักหน้า แม้จะรู้ดีว่าเขาเพียงแค่ปลอบเธอแต่ในใจลึกๆเธอก็ดีขึ้นมาก

ที่จริงเธอก็เข้าใจดีว่าการเกิดแก่เจ็บตายนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะยื้อเอาไว้ได้ และจากนิสัยของกวนจี้หมิง หากว่าไม่ถึงขั้นร้ายแรงจริงๆ เขาคงไม่รีบร้อนเหมือนตอนนี้ อีกทั้งพูดประโยคเหล่านั้นกับเธอ เขาคงไม่พยายามให้เธอรีบกลับไปเร็วที่สุด เพื่อที่จะไปพบกับคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย

แต่ว่าชีวิตคน ต่อให้กำลังจะจมน้ำตายก็พยายามคว้าไว้แม้แต่ฟางเพียงเส้นเดียว

แม้เป็นความหวังเศษหนึ่งในล้าน หลายคนก็ยอมที่จะเชื่อว่าบางทีอาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น บางทีเขาอาจจะดีขึ้นก็ได้ใช่ไหม?

เนื่องจากมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เธอเข้มแข็งและก้าวผ่านไปได้

ของทุกอย่างทุกเก็บขึ้นในเวลารวดเร็ว เมื่อตอนที่เธอเดินออกจากประตูจึงนึกขึ้นได้ว่า ร่างกายของลู่จิ่งเซินยังบาดเจ็บอยู่

เธอรีบเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณบาดเจ็บแบบนี้ถ้านั่งเครื่องบินจะไม่เป็นอะไรเหรอคะ?”

ลู่จิ่งเซินส่ายหัวแล้วตอบว่า “ผมไม่เป็นไร เมื่อสักครู่ผมพันแผลเรียบร้อยแล้ว ระยะทางไม่กี่ชั่วโมง เมื่อกลับถึงบ้านแล้วถ้ามีอะไรผมค่อยเรียกแพทย์มาก็ยังทัน”

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นแม้ว่าจะยังคงกังวลใจดังเดิมแต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว

เนื่องจากหากว่าเธอกลับไปลู่จิ่งเซินก็จะต้องกลับไปด้วยดังนั้นเธอจึงทำได้แค่พยักหน้า

จี้หลินยวนโทรหาพวกเขาในเวลาต่อมา และบอกว่าได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วดังนั้นพวกเขาจึงได้มุ่งหน้าไปทางสนามบิน

สถานการณ์ของนายท่านกวนในตอนนี้ ไม่เพียงแค่ลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงรีบกลับไป แม้แต่คุณจิ้นที่รู้ข่าวนี้ ก็ได้ส่งจี้หลินยวนกลับไปด้วย

เนื่องจากทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรกันมาหลายรุ่น หากว่าในครั้งนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จี้หลินยวนก็สามารถเป็นตัวแทนแสดงความเสียใจในนามบ้านตระกูลจิ้นได้

เครื่องบินออกเดินทางในเวลาหนึ่งทุ่มตรง และถึงจุดหมายเวลาตีสาม

เมื่อกวนจี้หมิงรับรู้เวลาเดินทางของพวกเขา ก็ได้จัดการให้คนไปรอรับที่สนามบิน ดังนั้นเมื่อพวกเขาทั้งหลายลงจากสนามบินก็ได้พบกับตระกูลกวนมารอรับ

ทุกคนขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมกัน

ณ โรงพยาบาล

บัดนี้นายท่านกวนเข้าสู่ขั้นโคม่า

สมาชิกตระกูลกวนทุกคน เฝ้ารออยู่ในโรงพยาบาล กลัวว่าหากนายท่าน ไม่สามารถทนต่อไปได้ พวกเขาจะไม่ทันได้อยู่ข้างกาย

แม้แต่กวนจี้หลี่ที่ถูกส่งตัวไปยังต่างประเทศก็ถูกเรียกกลับมาเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเขานับว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ในเวลาแบบนี้เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตไม่ถือว่าสำคัญแล้ว

ตอนนี้กวนจี้หลี่ไม่มีอำนาจใดๆ นอกจากบริษัทเล็กๆที่ต่างประเทศเหล่านั้นเขาก็ไม่มีอะไรอีก จึงไม่ต้องกลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง

เมื่อพวกจิ่งหนิงเดินทางมาถึงโรงพยาบาล กวนจี้หมิงได้รับรายงานของพวกเขาจึงเดินออกมา

เมื่อมองเห็นพวกเขา ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

“หนิงหนิง จิ่งเซินพวกคุณกลับมาแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด