วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1047 ถูกคนกักขัง

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1047 ถูกคนกักขัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ได้”

คนขับรถพูดแล้วกลับรถและขับไปอีกทาง

ส่วนอีกด้านในเวลานี้

ภายในคฤกาสน์ ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและเล่นกับลูก ๆ ทั้งสองคน

จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดเข้ามา จากนั้นก็เห็นชายผมทองตาสีฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามา

ตาของเขาสับสนและเลือดยังคงไหลอยู่บนหัวของเขา ทันทีที่เขาเข้าประตูพร้อมกับ “ตุบ” เขาก็ล้มลงต่อหน้าลู่จิ่งเซิน

“คะ…คุณนายกับคุณจิ่ง กะ…เกิดเรื่องแล้ว”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบก็สลบไปในทันที

…..

จิ่งหนิงฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงหรู

ความเจ็บปวดจากด้านหลังคอของเธอทำให้เธอส่งเสียงร้อง “จึ๊” เล็กน้อย

เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ในขณะที่แขนและขาขยับก็มีเสียงโซ่เหล็กดังซวบซาบ

สีหน้าเธอเปลี่ยนไปและหันไปมองจึงพบว่ามือและเท้าของตนถูกคนใช้โซ่ล่ามไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

ปลายโซ่เหล็กด้านหนึ่งพันรอบข้อมือและข้อเท้าของเธอ และปลายอีกข้างหนึ่งเจาะลึกเข้าไปในผนังและพื้นโดยรอบ เช่นเดียวกับโซ่ที่ใช้ในคุกใต้ดินเมื่อนักโทษถูกคุมขังในสมัยโบราณ

ทันใดนั้นใจของเธอก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอย่างแรง

ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เป็นสไตล์ยุโรปสีทองสลับขาว

ม่านเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอก เป็นเวลากลางคืนแล้ว

ในหัวของจิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย

ที่นี่คือที่ไหน?

เกิดอะไรขึ้น?

ภาพสุดท้ายในความทรงจำของเธอยังคงอยู่ในรถ และจู่ ๆ ก็มีใครบางคนโผล่ออกมาจากใต้เบาะหลังและแทงเข็มเข้าที่คอของเธอ

แล้วโม่ไฉ่เวยก็ดูเหมือนจะถูกฉีนยาด้วย

ใช่แล้ว โม่ไฉ่เวยล่ะ?

เธอตื่นตระหนกและมองไปรอบห้อง กลับพบกับห้องที่ว่างเปล่า นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีแม้เงาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย?

โม่ไฉ่เวยหายไปแล้ว!

เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ หัวใจของจิ่งหนิงก็เต้นระรัว ดิ้นรนที่จะลุกขึ้นนั่งและตะโกน: “แม่ แม่ แม่อยู่ไหนคะ?”

“มีใครอยู่ไหม? พวกแกเป็นใครกันแน่? ทำไมจะต้องฉันไว้ที่นี่?”

“มีปัญญาจับฉัน ไม่มีปัญญาโผล่ออกมาให้ฉันเห็นงั้นเหรอ?”

“พวกแกต้องการอะไร? เงินหรือผลประโยชน์? ขอเพียงพวกแกพูดมา ฉันจะทำให้ทุกอย่าง แต่ต้องปล่อยแม่ของฉันก่อน!”

จิ่งหนิงตะโกนอยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ห้องนั้นว่างเปล่าจนดูเหมือนว่าเธออยู่เพียงลำพังจริง ๆ เวลาที่เธอตะโกนร้องเรียก เธอได้ยินเสียงสะท้อนกลับมาอย่างแผ่วเบา

สีหน้าของจิ่งหนิงดูแย่เล็กน้อย

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยละเอียด แต่คร่าว ๆ แล้วก็สามารถเดาได้ว่า ตนเองถูกคนจับมาซ่อน

สุดท้ายอีกฝ่ายจะเป็นใคร? รวมทั้งมีจุดประสงค์อะไร?

ไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายอะไร ก่อนอื่นเธอต้องรู้ก่อนว่าเป็นใคร

และดูจากตอนนี้ อีกฝ่ายแค่มัดเธอไว้กับเตียงแต่ไม่ได้พาเธอไปดูที่อื่น

อีกฝ่ายไม่ได้อยากได้ชีวิตเธอ

ขอเพียงไม่ได้คิดจะฆ่าเธอก็ยังคงมีหวัง

เมื่อคิดแบบนี้ เธอจึงหันความคิดเฉียบแหลมและมองดูมุมต่างๆ ของห้องอย่างเฉียบขาด แน่นอนว่า เธอเห็นจุดสีแดงที่ซ่อนอยู่ในหลายที่ที่ยังคงกะพริบอยู่

เธอเยาะเย้ยมองจุดที่ใกล้ตัวเธอที่สุดแล้วพูดอย่างเย็นชา: “ไม่ออกมาใช่ไหม? ในเมื่อไม่ออกมา งั้นก็อย่าว่าฉันไม่เกรงใจ ฉันเชื่อว่าพวกแกพยายามหาทางเอาฉันมาถึงที่นี่ พวกแกจะต้องมีจุดมุ่งหมายสินะ? หากคุณต้องการได้รับศพ แกก็ทำตัวเป็นเต่าหัวหดต่อไป แล้วดูว่าแกจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือเปล่า”

เธอพูดแล้วคิดจะใช้แรงเพื่อกัดลิ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมาจากนอกประตู “ช้าก่อน”

จากนั้น ก็เห็นร่างผอมเพรียวเดินมาจากข้างนอก

รูม่านตาของจิ่งหนิงหดตัว

หนานกงจิ่น? ทำไมถึงเป็นเขาได้?

มีรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงจิ่น แม้ในเวลานี้เขาไม่เคยแสดงอารมณ์

ยังคงดูอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย: “คุณจิ่ง เราเจอกันอีกแล้ว”

ใบหน้าของจิ่งหนิงมืดมน

“หนานกงจิ่น คุณจับตัวฉันมาไว้ที่นี่ทำไม?”

หนานกงจิ่นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ที่แท้คุณก็รู้ตัวตนของผมแล้ว”

จิ่งหนิงส่งเสียงเยาะเย้ย

วันนี้หนานกงจิ่นสวมชุดสูทสีขาวทั้งตัว ผมของเขาได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน และเขาก็ดูอ่อนโยนและอ่อนโยนมาก

แต่จิ่งหนิงรู้ดีว่าความอ่อนโยนของเขาเป็นเพียงฉากหน้า แต่ในกระดูกของเขา แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์

จิ่งหนิงไม่เคยคิดจะทำหน้าดี ๆ กับคนร้ายเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามของวายร้ายคือเพื่อนที่ดีของเธออย่างกู้ซือเฉียนและเฉียวฉี

ดังนั้นพอเห็นว่าเป็นเขา จิ่งหนิงจึงไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

จึงได้ถามออกไปตรง ๆ: “คุณจิ่งอย่าเพิ่งรีบร้อน ครั้งนี้ผมเชิญคุณมาเป็นแขกโดยเฉพาะ ย่อมจะต้องมีเหตุผล แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ไม่แน่ว่าต่อไปคุณอาจจะต้องขอบคุณผมด้วย”

“ขอบคุณ?”

จิ่งหนิงหัวเราะเยาะและเขย่าโซ่เหล็กที่มือของเธอ

“คุณทำแบบนี้กับฉัน ฉันยังจะต้องขอบคุณคุณอีกเหรอ? หนานกงจิ่น คุณมันโรคจิตวิปริต อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นโรคจิตแบบคุณ”

เธอพูดจากับเขาอย่างไม่เกรงใจ หนานกงจิ่นไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเธอ

คิ้วของเขายังคงเรียวบางและยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด: “ผมรู้ว่าวิธีการนี้นั้นเสียมารยาทไปมาก แต่หากไม่ใช้วิธีนี้ ผมเป็นกังวลว่าคุณจิ่งจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของเรา ดังนั้นจึงต้องทำให้ขุ่นเคืองเป็นการชั่วคราว”

จิ่งหนิงถูกเขาเล่นทีเผลอแบบนี้ มันเหมือนกับการที่เธอใช้กำปั้นต่อยฝ่ายในทันใด และโกรธจนแทบทนไม่ไหว

ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากคำพูดของหนานกงจิ่น จึงทำให้เธอไม่สามารถจะถามสิ่งที่ต้องการได้เลย

สุดท้ายก็ได้แต่เพียงจ้องมองเขาอย่างดุร้าย

“แม่ฉันล่ะ? คุณเอาเธอไปไว้ที่ไหน?”

หนานกงจิ่นยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อคุณนายโม่เป็นแม่ของคุณ ผมย่อมต้องดูแลเธอด้วยมารยาท ตอนนี้เธอพักผ่อนอยู่ข้างล่าง ยังไม่ฟื้น รอเธอฟื้น ผมจะคุณไปเจอเธอ”

หนานกงจิ่นพูดจบก็สั่งการข้างนอก “เข้ามา เอาชามาให้คุณจิ่ง”

คนรับใช้จากข้างนอกตอบกลับ

หนานกงจิ่นจึงหันมาแล้วยิ้มและพูด: “ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังปลดโซ่ให้คุณไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่ดูแลคุณไม่ดี ด้านนอกมีคนรับใช้สองคน คุณต้องการอะไร ก็บอกพวกเขาได้ หากหิวหรือกระหาย ก็บอกพวกเขา ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

เขาพูดจบก็นิ่งไปครู่หนี่ง ไม่นานก็มีคนรับใช้ยกน้ำชาเข้ามา

ถึงแม้ทั้งมือและเท้าของจิ่งหนิงจะถูกโซ่ล่ามไว้ แต่เพราะโซ่นั้นค่อนข้างยาว จึงไม่ได้ส่งผลให้เธอยกมือยกเท้าหรือการกินอะไรของเธอ

คิดดูแล้ว นี่คือสิ่งที่หนานกงจิ่นจงใจทำ ก็เพื่อให้เธอไม่มีข้ออ้างให้เขาปลดโซ่ให้เธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1047 ถูกคนกักขัง

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1047 ถูกคนกักขัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ได้”

คนขับรถพูดแล้วกลับรถและขับไปอีกทาง

ส่วนอีกด้านในเวลานี้

ภายในคฤกาสน์ ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและเล่นกับลูก ๆ ทั้งสองคน

จู่ ๆ ประตูก็ถูกคนเปิดเข้ามา จากนั้นก็เห็นชายผมทองตาสีฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามา

ตาของเขาสับสนและเลือดยังคงไหลอยู่บนหัวของเขา ทันทีที่เขาเข้าประตูพร้อมกับ “ตุบ” เขาก็ล้มลงต่อหน้าลู่จิ่งเซิน

“คะ…คุณนายกับคุณจิ่ง กะ…เกิดเรื่องแล้ว”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบก็สลบไปในทันที

…..

จิ่งหนิงฟื้นขึ้นมาและพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงหรู

ความเจ็บปวดจากด้านหลังคอของเธอทำให้เธอส่งเสียงร้อง “จึ๊” เล็กน้อย

เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ในขณะที่แขนและขาขยับก็มีเสียงโซ่เหล็กดังซวบซาบ

สีหน้าเธอเปลี่ยนไปและหันไปมองจึงพบว่ามือและเท้าของตนถูกคนใช้โซ่ล่ามไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

ปลายโซ่เหล็กด้านหนึ่งพันรอบข้อมือและข้อเท้าของเธอ และปลายอีกข้างหนึ่งเจาะลึกเข้าไปในผนังและพื้นโดยรอบ เช่นเดียวกับโซ่ที่ใช้ในคุกใต้ดินเมื่อนักโทษถูกคุมขังในสมัยโบราณ

ทันใดนั้นใจของเธอก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอย่างแรง

ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เป็นสไตล์ยุโรปสีทองสลับขาว

ม่านเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอก เป็นเวลากลางคืนแล้ว

ในหัวของจิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย

ที่นี่คือที่ไหน?

เกิดอะไรขึ้น?

ภาพสุดท้ายในความทรงจำของเธอยังคงอยู่ในรถ และจู่ ๆ ก็มีใครบางคนโผล่ออกมาจากใต้เบาะหลังและแทงเข็มเข้าที่คอของเธอ

แล้วโม่ไฉ่เวยก็ดูเหมือนจะถูกฉีนยาด้วย

ใช่แล้ว โม่ไฉ่เวยล่ะ?

เธอตื่นตระหนกและมองไปรอบห้อง กลับพบกับห้องที่ว่างเปล่า นอกจากเธอแล้วก็ไม่มีแม้เงาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย?

โม่ไฉ่เวยหายไปแล้ว!

เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ หัวใจของจิ่งหนิงก็เต้นระรัว ดิ้นรนที่จะลุกขึ้นนั่งและตะโกน: “แม่ แม่ แม่อยู่ไหนคะ?”

“มีใครอยู่ไหม? พวกแกเป็นใครกันแน่? ทำไมจะต้องฉันไว้ที่นี่?”

“มีปัญญาจับฉัน ไม่มีปัญญาโผล่ออกมาให้ฉันเห็นงั้นเหรอ?”

“พวกแกต้องการอะไร? เงินหรือผลประโยชน์? ขอเพียงพวกแกพูดมา ฉันจะทำให้ทุกอย่าง แต่ต้องปล่อยแม่ของฉันก่อน!”

จิ่งหนิงตะโกนอยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ห้องนั้นว่างเปล่าจนดูเหมือนว่าเธออยู่เพียงลำพังจริง ๆ เวลาที่เธอตะโกนร้องเรียก เธอได้ยินเสียงสะท้อนกลับมาอย่างแผ่วเบา

สีหน้าของจิ่งหนิงดูแย่เล็กน้อย

ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยละเอียด แต่คร่าว ๆ แล้วก็สามารถเดาได้ว่า ตนเองถูกคนจับมาซ่อน

สุดท้ายอีกฝ่ายจะเป็นใคร? รวมทั้งมีจุดประสงค์อะไร?

ไม่ว่าจะมีจุดมุ่งหมายอะไร ก่อนอื่นเธอต้องรู้ก่อนว่าเป็นใคร

และดูจากตอนนี้ อีกฝ่ายแค่มัดเธอไว้กับเตียงแต่ไม่ได้พาเธอไปดูที่อื่น

อีกฝ่ายไม่ได้อยากได้ชีวิตเธอ

ขอเพียงไม่ได้คิดจะฆ่าเธอก็ยังคงมีหวัง

เมื่อคิดแบบนี้ เธอจึงหันความคิดเฉียบแหลมและมองดูมุมต่างๆ ของห้องอย่างเฉียบขาด แน่นอนว่า เธอเห็นจุดสีแดงที่ซ่อนอยู่ในหลายที่ที่ยังคงกะพริบอยู่

เธอเยาะเย้ยมองจุดที่ใกล้ตัวเธอที่สุดแล้วพูดอย่างเย็นชา: “ไม่ออกมาใช่ไหม? ในเมื่อไม่ออกมา งั้นก็อย่าว่าฉันไม่เกรงใจ ฉันเชื่อว่าพวกแกพยายามหาทางเอาฉันมาถึงที่นี่ พวกแกจะต้องมีจุดมุ่งหมายสินะ? หากคุณต้องการได้รับศพ แกก็ทำตัวเป็นเต่าหัวหดต่อไป แล้วดูว่าแกจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือเปล่า”

เธอพูดแล้วคิดจะใช้แรงเพื่อกัดลิ้น

ทันใดนั้นก็มีเสียงออกมาจากนอกประตู “ช้าก่อน”

จากนั้น ก็เห็นร่างผอมเพรียวเดินมาจากข้างนอก

รูม่านตาของจิ่งหนิงหดตัว

หนานกงจิ่น? ทำไมถึงเป็นเขาได้?

มีรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงจิ่น แม้ในเวลานี้เขาไม่เคยแสดงอารมณ์

ยังคงดูอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย: “คุณจิ่ง เราเจอกันอีกแล้ว”

ใบหน้าของจิ่งหนิงมืดมน

“หนานกงจิ่น คุณจับตัวฉันมาไว้ที่นี่ทำไม?”

หนานกงจิ่นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ที่แท้คุณก็รู้ตัวตนของผมแล้ว”

จิ่งหนิงส่งเสียงเยาะเย้ย

วันนี้หนานกงจิ่นสวมชุดสูทสีขาวทั้งตัว ผมของเขาได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน และเขาก็ดูอ่อนโยนและอ่อนโยนมาก

แต่จิ่งหนิงรู้ดีว่าความอ่อนโยนของเขาเป็นเพียงฉากหน้า แต่ในกระดูกของเขา แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์

จิ่งหนิงไม่เคยคิดจะทำหน้าดี ๆ กับคนร้ายเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายตรงข้ามของวายร้ายคือเพื่อนที่ดีของเธออย่างกู้ซือเฉียนและเฉียวฉี

ดังนั้นพอเห็นว่าเป็นเขา จิ่งหนิงจึงไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

จึงได้ถามออกไปตรง ๆ: “คุณจิ่งอย่าเพิ่งรีบร้อน ครั้งนี้ผมเชิญคุณมาเป็นแขกโดยเฉพาะ ย่อมจะต้องมีเหตุผล แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ไม่แน่ว่าต่อไปคุณอาจจะต้องขอบคุณผมด้วย”

“ขอบคุณ?”

จิ่งหนิงหัวเราะเยาะและเขย่าโซ่เหล็กที่มือของเธอ

“คุณทำแบบนี้กับฉัน ฉันยังจะต้องขอบคุณคุณอีกเหรอ? หนานกงจิ่น คุณมันโรคจิตวิปริต อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นโรคจิตแบบคุณ”

เธอพูดจากับเขาอย่างไม่เกรงใจ หนานกงจิ่นไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเธอ

คิ้วของเขายังคงเรียวบางและยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด: “ผมรู้ว่าวิธีการนี้นั้นเสียมารยาทไปมาก แต่หากไม่ใช้วิธีนี้ ผมเป็นกังวลว่าคุณจิ่งจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและส่งผลกระทบต่อมิตรภาพของเรา ดังนั้นจึงต้องทำให้ขุ่นเคืองเป็นการชั่วคราว”

จิ่งหนิงถูกเขาเล่นทีเผลอแบบนี้ มันเหมือนกับการที่เธอใช้กำปั้นต่อยฝ่ายในทันใด และโกรธจนแทบทนไม่ไหว

ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากคำพูดของหนานกงจิ่น จึงทำให้เธอไม่สามารถจะถามสิ่งที่ต้องการได้เลย

สุดท้ายก็ได้แต่เพียงจ้องมองเขาอย่างดุร้าย

“แม่ฉันล่ะ? คุณเอาเธอไปไว้ที่ไหน?”

หนานกงจิ่นยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ในเมื่อคุณนายโม่เป็นแม่ของคุณ ผมย่อมต้องดูแลเธอด้วยมารยาท ตอนนี้เธอพักผ่อนอยู่ข้างล่าง ยังไม่ฟื้น รอเธอฟื้น ผมจะคุณไปเจอเธอ”

หนานกงจิ่นพูดจบก็สั่งการข้างนอก “เข้ามา เอาชามาให้คุณจิ่ง”

คนรับใช้จากข้างนอกตอบกลับ

หนานกงจิ่นจึงหันมาแล้วยิ้มและพูด: “ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังปลดโซ่ให้คุณไม่ได้ แต่ผมก็จะไม่ดูแลคุณไม่ดี ด้านนอกมีคนรับใช้สองคน คุณต้องการอะไร ก็บอกพวกเขาได้ หากหิวหรือกระหาย ก็บอกพวกเขา ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน”

เขาพูดจบก็นิ่งไปครู่หนี่ง ไม่นานก็มีคนรับใช้ยกน้ำชาเข้ามา

ถึงแม้ทั้งมือและเท้าของจิ่งหนิงจะถูกโซ่ล่ามไว้ แต่เพราะโซ่นั้นค่อนข้างยาว จึงไม่ได้ส่งผลให้เธอยกมือยกเท้าหรือการกินอะไรของเธอ

คิดดูแล้ว นี่คือสิ่งที่หนานกงจิ่นจงใจทำ ก็เพื่อให้เธอไม่มีข้ออ้างให้เขาปลดโซ่ให้เธอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+