วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 971 ให้เขาช่วยเหลือ

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 971 ให้เขาช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก็ว่าทำไมเล่ากันว่าเรื่องพรหมลิขิตนี่แปลกจริงนะ

เพิ่งพูดถึงว่าไม่รู้จะได้เจอลู่หลันจืออีกเมื่อไหร่ไม่นานมานี้เอง ขณะนี้คนก็มาแล้ว

เขารีบขึ้นไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้นอบอุ่นและเป็นมิตร “คุณลู่มาแล้ว เชิญรีบเข้ามาข้างในนี้เลย”

สิ่งที่นึกไม่ถึงคือสีหน้าของลู่หลันจือในวันนี้ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

เจ้านายหยูไปมาจนทั่วแล้วตั้งหลายปี เป็นคนฉลาดทันคน แป๊บเดียวก็สังเกตได้ว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพียงตัวคนเดียว และก็ไม่ได้พาแฟนหนุ่มหน้าตาดีของเธอคนนั้นด้วยเช่นกัน แต่กลับพาผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งมา

ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสูทลำลองอันดูมีความสามารถในการทำงาน แผนกอวัยวะทั้งห้างดงามและละเอียดอ่อน แต่คิ้วและตากลับดูแหลมคมบีบคั้น ดูออกได้ว่าฝึกฝนออกมาจากการอยู่ตำแหน่งสูงมานานหลายปี

เจ้านายหยูตีหน้าตายขมวดคิ้วทีหนึ่งและยิ้มพูดว่า: “ที่คุณลู่มาในวันนี้ ใช่คิดเรื่องการร่วมมือกันได้แล้วหรือเปล่า”

ลู่หลันจือมองบน

“แน่นอนสิ คุณคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยเหรอ ที่มาหาคุณดื่มชาโดยเฉพาะ”

พูดจบ หยุดชั่วคราว จากนั้นหันหน้าไปแนะนำ “ขอแนะนำให้กับคุณหน่อย คนนี้คือจิ่งหนิงหลานสะใภ้ของฉัน ประธานของอานหนิงกั๋วจี้ คุณน่าจะรู้จัก?”

เจ้านายหยูสะดุ้งอย่างแรง

ถึงแม้เขาไม่รู้จักจิ่งหนิง แต่ก็เคยได้ยินอานหนิงกั๋วจี้อยู่

ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ไม่ใช่อานหนิงกั๋วจี้

แต่เป็นคำเรียกที่ว่าหลานสะใภ้ของลู่หลันจือนี้

หลานของลู่หลันจือเป็นใคร

ลู่จิ่งเซินน่ะสิ! ส่วนหลานสะใภ้ของเธอ ก็เป็น…

เจ้านายหยูเปลี่ยนสีหน้าทันที รีบพูดอย่างเคารพว่า: “เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว คุณผู้หญิงลู่ ยินดีที่ได้พบคุณ”

จิ่งหนิงเม้มปากยิ้ม ยื่นมือออกมาจับมือกับเขาเบาๆ

ตอนที่เข้ามาเมื่อกี้เธอก็ได้กวาดสายตาดูสถานการณ์ทั้งหมดในงานคร่าวๆ แล้ว

รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่พนันหยกมาตรฐาน ดังนั้นก็ได้ประเมินฐานะของบอสคนนี้บ้างแล้ว

อย่าโทษเธอเลยที่ระมัดระวังขนาดนี้ แต่คือก่อนหน้านี้ลู่หลันจือไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว เธอจึงต้องคิดให้เยอะหน่อย แน่ใจฐานะของอีกฝ่าย

จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า: “ใช่เจ้านายหยูหรือเปล่า ที่ฉันมาในวันนี้ อย่างแรกคือเพื่อเรื่องร่วมมือทำการขุดเหมืองหยก เรื่องที่สองคือยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”

เจ้านายหยูอึ้ง รีบพยักหน้าทันที

“ไม่มีปัญหา เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเราไปคุยกันข้างใน”

จิ่งหนิงพยักหน้า ตามเขาเข้าไปห้องรับแขกที่อยู่ข้างใน

ภายในห้องรับแขก เจ้านายหยูให้เลขานุการชงชาเอาขึ้นมา จากนั้นถึงถามอย่างจริงจัง “ไม่ทราบว่าเมื่อกี้คุณนายลู่บอกว่ามีเรื่องอยากให้ผมช่วยคือเรื่องอะไรเหรอ”

เขาเป็นคนฉลาด รู้ว่าถึงแม้เมื่อก่อนลู่หลันจือจะเป็นคนบ้าบอคอแตก แต่ครั้งนี้กลับถึงขั้นเอาจิ่งหนิงออกมา นั่นแสดงว่าพวกเขามีความจริงใจสำหรับเรื่องการร่วมมือกันอย่างยิ่ง

ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้แล้วก็จะไม่รีบอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ก็ถามเรื่องที่อีกฝ่ายอยากให้ตัวเองช่วยให้ชัดเจนดีกว่า

ถ้าตัวเองสามารถทำได้ ก็ยินดีถือโอกาสแสดงน้ำใจ ครอบครัวอย่างตระกูลลู่แบบนี้ไม่เปิดปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่นง่ายๆ หรอก เมื่อพูดออกมาแล้ว แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถจัดการด้วยตนเองได้แน่นอน

เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่มีเหตุผลพิเศษ ก็คือยุ่งยากที่จะแก้ไข

ในเมื่อพวกเขามาหาตัวเองแล้ว ก็แสดงว่าตัวเองสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ถือโอกาสแสดงน้ำใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ แล้วค่อยคุยเรื่องร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ

พอเป็นแบบนี้แล้ว ถึงการร่วมมือกันในทีหลังจะไม่สำเร็จ ก็สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ตัวเองมีบุญคุณต่ออีกฝ่าย วันหลังตัวเองก็จะสามารถดำเนินงานในเมืองหลวงได้อย่างสะดวกมากขึ้น

เวลาไม่กี่นาทีสั้นๆ ในใจของเจ้านายหยูวนเวียนเป็นร้อยครั้งพันครั้งแล้ว

สีหน้าของจิ่งหนิงกลับเหมือนกับปกติ แค่เอาหยกแขวนตัวนั้นออกมา

เมื่อเธอเอาหยกแขวนออกมา ก็ได้สังเกตเห็นอย่างคมคายแล้วว่าสีหน้าของเจ้านายหยูเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ “คราวก่อนป้าของฉันเก็บได้หยกแขวนตัวนี้ในงานของคุณ อยากจะหาเจ้าของให้เจอ แต่ไม่มีโอกาสอะไรเลย ที่ฉันมาในวันนี้ ก็คือตั้งใจอยากมาถามเจ้านายหยูดูว่าเคยเห็นหยกแขวนตัวนี้หรือไม่ รู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของ”

เจ้านายหยูหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา

การหัวเราะนี้ของเขากลับทำให้จิ่งหนิงกับลู่หลันจือรู้สึกงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร

เจ้านายหยูส่ายหัว ยังคงหัวเราะอยู่และอุทานว่า: “อย่างที่ผมบอกเลย บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีเรื่องพรหมลิขิตแบบนี้เนาะ! ผมรู้จักหยกแขวนตัวนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม เมื่อสองวันก่อนที่คุณลู่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่รู้ว่าคุณลู่ยังจำได้อยู่หรือเปล่า ก็คือคนที่ชนโดนคุณโดยที่ไม่ได้ตั้งใจคนนั้น หยกแขวนตัวนี้เป็นของเธอเอง”

เขาพูดไปก็อดหัวเราะไม่ได้: “พูดไปพูดมา ของหายไปตั้งสองวันแล้ว พวกเขาเพิ่งรู้ว่าหยกแขวนหายเมื่อเช้านี้เองก็รีบมาหาผม แต่หาไม่เจอเลย กำลังฝากผมให้ช่วยพวกเขาหาหน่อยอยู่เลย ไม่คิดเลยว่าพวกคุณก็มาส่งคืนให้แล้ว พวกคุณว่ามันบังเอิญหรือไม่”

ลู่หลันจือได้ยินว่าสิ่งนี้เป็นของโม่ไฉ่เวย สีหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ในใจเธอคิดว่า สิ่งนี้เป็นของใครคนไหนไม่ดี แต่กลับเป็นของผู้หญิงคนนั้น

ก่อนหน้านี้เธอเห็นสิ่งนี้งดงามละเอียดอ่อนและกระจุ๋มกระจิ๋มจนเกิดความโลภขึ้นมา เอาสิ่งนี้ไปปลอบอานอาน ไม่นำกลับมาส่งคืนยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ยังไงคนอื่นเขาก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนเก็บได้

พอตอนนี้ส่งกลับมาแล้ว ไม่แน่คนอื่นยังจะคิดว่าเธออยากได้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้ของโม่ไฉ่เวยจริงๆ เลย

ลู่หลันจือเป็นคนโลภ ในเวลาเดียวกันก็เย่อหยิ่งเช่นกัน

เย่อหยิ่งจนไม่ยอมยอมรับความกินเล็กกินน้อยของตัวเอง และไม่ยอมตกต่ำกว่าใครเมื่ออยู่ต่อหน้าคน

แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอก็แค่ใช้ความคิดของตัวเองไปคาดเดาความคิดของคนอื่นเท่านั้นเอง ในใจตนเองมีคนถ่อย ก็รู้สึกว่าทุกๆ คนเป็นคนถ่อย จะใส่ร้ายเธอซ่อนของของคนอื่นเขา

จิ่งหนิงไม่ได้สนใจความคิดของลู่หลันจือ เธอมองเจ้านายหยูและพูดอย่างสงบว่า: “ไม่ทราบว่าเพื่อนคนนี้ของคุณชื่อและนามสกุลคืออะไร สะดวกแนะนำให้หน่อยได้หรือเปล่า”

ตอนแรกเธอนึกว่ายังไงคนนี้ก็เป็นเพื่อนของเจ้านายหยู ฝากเขาแนะนำให้หน่อยคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

แต่นึกไม่ถึงเลย อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างลำบากใจ

ผม “คือ…ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยแนะนำให้คุณ แต่เพื่อนผมคนนี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หลายปีนี้ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายอย่างสันโดษ ครั้งนี้คือเธอกับสามีมาท่องเที่ยวที่ประเทศจีน เธอเป็นคนชอบความสงบ ไม่ชอบเข้าสังคม แต่คุณไว้ใจได้เลย หยกแขวนตัวนี้สำคัญมากสำหรับเธอ แค่ผมอธิบายให้เธอ บอกว่าคือคุณลู่เก็บหยกแขวนตัวนี้ใหเธอได้ เธอต้องออกมาเจอแน่นอน”

เจ้านายหยูพูดจบก็จะโทรหา

จิ่งหนิงกลับอึ้งและขำออกมา

“คุณบอกว่า หยกแขวนตัวนี้สำคัญมากสำหรับเธอ?”

เจ้านายหยูสังเกตเห็นสีหน้าของเธอแปลกๆ หยุดการกระทำโทรออก มีความมึนงงเล็กน้อยว่า: “ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไร” จิ่งหนิงทำใจให้นิ่ง ในใจคิดว่าไม่ว่าหยกแขวนตัวนี้ของอีกฝ่ายจะซื้อมาหรือขโมยมาก็ตาม บนนี้แกะสลักชื่อของคนอื่นไว้ เป็นไปได้ยังไงที่สำคัญต่อเธอมากล่ะ

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของที่มีราคาสูงมาก คนที่สามารถเข้าร่วมในงานแบบนี้ เป็นเพื่อนกับคนอย่างเจ้านายหยูแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนที่ออกมาจากที่ที่แย่มากอะไรอย่างนั้น เห็นได้เลยว่าอีกฝ่ายต้องโกหกแน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 971 ให้เขาช่วยเหลือ

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 971 ให้เขาช่วยเหลือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก็ว่าทำไมเล่ากันว่าเรื่องพรหมลิขิตนี่แปลกจริงนะ

เพิ่งพูดถึงว่าไม่รู้จะได้เจอลู่หลันจืออีกเมื่อไหร่ไม่นานมานี้เอง ขณะนี้คนก็มาแล้ว

เขารีบขึ้นไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้นอบอุ่นและเป็นมิตร “คุณลู่มาแล้ว เชิญรีบเข้ามาข้างในนี้เลย”

สิ่งที่นึกไม่ถึงคือสีหน้าของลู่หลันจือในวันนี้ดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

เจ้านายหยูไปมาจนทั่วแล้วตั้งหลายปี เป็นคนฉลาดทันคน แป๊บเดียวก็สังเกตได้ว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเพียงตัวคนเดียว และก็ไม่ได้พาแฟนหนุ่มหน้าตาดีของเธอคนนั้นด้วยเช่นกัน แต่กลับพาผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งมา

ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสูทลำลองอันดูมีความสามารถในการทำงาน แผนกอวัยวะทั้งห้างดงามและละเอียดอ่อน แต่คิ้วและตากลับดูแหลมคมบีบคั้น ดูออกได้ว่าฝึกฝนออกมาจากการอยู่ตำแหน่งสูงมานานหลายปี

เจ้านายหยูตีหน้าตายขมวดคิ้วทีหนึ่งและยิ้มพูดว่า: “ที่คุณลู่มาในวันนี้ ใช่คิดเรื่องการร่วมมือกันได้แล้วหรือเปล่า”

ลู่หลันจือมองบน

“แน่นอนสิ คุณคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยเหรอ ที่มาหาคุณดื่มชาโดยเฉพาะ”

พูดจบ หยุดชั่วคราว จากนั้นหันหน้าไปแนะนำ “ขอแนะนำให้กับคุณหน่อย คนนี้คือจิ่งหนิงหลานสะใภ้ของฉัน ประธานของอานหนิงกั๋วจี้ คุณน่าจะรู้จัก?”

เจ้านายหยูสะดุ้งอย่างแรง

ถึงแม้เขาไม่รู้จักจิ่งหนิง แต่ก็เคยได้ยินอานหนิงกั๋วจี้อยู่

ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ไม่ใช่อานหนิงกั๋วจี้

แต่เป็นคำเรียกที่ว่าหลานสะใภ้ของลู่หลันจือนี้

หลานของลู่หลันจือเป็นใคร

ลู่จิ่งเซินน่ะสิ! ส่วนหลานสะใภ้ของเธอ ก็เป็น…

เจ้านายหยูเปลี่ยนสีหน้าทันที รีบพูดอย่างเคารพว่า: “เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานมากแล้ว คุณผู้หญิงลู่ ยินดีที่ได้พบคุณ”

จิ่งหนิงเม้มปากยิ้ม ยื่นมือออกมาจับมือกับเขาเบาๆ

ตอนที่เข้ามาเมื่อกี้เธอก็ได้กวาดสายตาดูสถานการณ์ทั้งหมดในงานคร่าวๆ แล้ว

รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่พนันหยกมาตรฐาน ดังนั้นก็ได้ประเมินฐานะของบอสคนนี้บ้างแล้ว

อย่าโทษเธอเลยที่ระมัดระวังขนาดนี้ แต่คือก่อนหน้านี้ลู่หลันจือไม่ได้เรื่องเกินไปแล้ว เธอจึงต้องคิดให้เยอะหน่อย แน่ใจฐานะของอีกฝ่าย

จิ่งหนิงยิ้มพูดว่า: “ใช่เจ้านายหยูหรือเปล่า ที่ฉันมาในวันนี้ อย่างแรกคือเพื่อเรื่องร่วมมือทำการขุดเหมืองหยก เรื่องที่สองคือยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”

เจ้านายหยูอึ้ง รีบพยักหน้าทันที

“ไม่มีปัญหา เอาแบบนี้ดีกว่า พวกเราไปคุยกันข้างใน”

จิ่งหนิงพยักหน้า ตามเขาเข้าไปห้องรับแขกที่อยู่ข้างใน

ภายในห้องรับแขก เจ้านายหยูให้เลขานุการชงชาเอาขึ้นมา จากนั้นถึงถามอย่างจริงจัง “ไม่ทราบว่าเมื่อกี้คุณนายลู่บอกว่ามีเรื่องอยากให้ผมช่วยคือเรื่องอะไรเหรอ”

เขาเป็นคนฉลาด รู้ว่าถึงแม้เมื่อก่อนลู่หลันจือจะเป็นคนบ้าบอคอแตก แต่ครั้งนี้กลับถึงขั้นเอาจิ่งหนิงออกมา นั่นแสดงว่าพวกเขามีความจริงใจสำหรับเรื่องการร่วมมือกันอย่างยิ่ง

ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้แล้วก็จะไม่รีบอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้ก็ถามเรื่องที่อีกฝ่ายอยากให้ตัวเองช่วยให้ชัดเจนดีกว่า

ถ้าตัวเองสามารถทำได้ ก็ยินดีถือโอกาสแสดงน้ำใจ ครอบครัวอย่างตระกูลลู่แบบนี้ไม่เปิดปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่นง่ายๆ หรอก เมื่อพูดออกมาแล้ว แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถจัดการด้วยตนเองได้แน่นอน

เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่มีเหตุผลพิเศษ ก็คือยุ่งยากที่จะแก้ไข

ในเมื่อพวกเขามาหาตัวเองแล้ว ก็แสดงว่าตัวเองสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ถือโอกาสแสดงน้ำใจ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ แล้วค่อยคุยเรื่องร่วมมือกันไม่ดีกว่าเหรอ

พอเป็นแบบนี้แล้ว ถึงการร่วมมือกันในทีหลังจะไม่สำเร็จ ก็สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำให้ตัวเองมีบุญคุณต่ออีกฝ่าย วันหลังตัวเองก็จะสามารถดำเนินงานในเมืองหลวงได้อย่างสะดวกมากขึ้น

เวลาไม่กี่นาทีสั้นๆ ในใจของเจ้านายหยูวนเวียนเป็นร้อยครั้งพันครั้งแล้ว

สีหน้าของจิ่งหนิงกลับเหมือนกับปกติ แค่เอาหยกแขวนตัวนั้นออกมา

เมื่อเธอเอาหยกแขวนออกมา ก็ได้สังเกตเห็นอย่างคมคายแล้วว่าสีหน้าของเจ้านายหยูเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ “คราวก่อนป้าของฉันเก็บได้หยกแขวนตัวนี้ในงานของคุณ อยากจะหาเจ้าของให้เจอ แต่ไม่มีโอกาสอะไรเลย ที่ฉันมาในวันนี้ ก็คือตั้งใจอยากมาถามเจ้านายหยูดูว่าเคยเห็นหยกแขวนตัวนี้หรือไม่ รู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของ”

เจ้านายหยูหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา

การหัวเราะนี้ของเขากลับทำให้จิ่งหนิงกับลู่หลันจือรู้สึกงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร

เจ้านายหยูส่ายหัว ยังคงหัวเราะอยู่และอุทานว่า: “อย่างที่ผมบอกเลย บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีเรื่องพรหมลิขิตแบบนี้เนาะ! ผมรู้จักหยกแขวนตัวนี้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม เมื่อสองวันก่อนที่คุณลู่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่รู้ว่าคุณลู่ยังจำได้อยู่หรือเปล่า ก็คือคนที่ชนโดนคุณโดยที่ไม่ได้ตั้งใจคนนั้น หยกแขวนตัวนี้เป็นของเธอเอง”

เขาพูดไปก็อดหัวเราะไม่ได้: “พูดไปพูดมา ของหายไปตั้งสองวันแล้ว พวกเขาเพิ่งรู้ว่าหยกแขวนหายเมื่อเช้านี้เองก็รีบมาหาผม แต่หาไม่เจอเลย กำลังฝากผมให้ช่วยพวกเขาหาหน่อยอยู่เลย ไม่คิดเลยว่าพวกคุณก็มาส่งคืนให้แล้ว พวกคุณว่ามันบังเอิญหรือไม่”

ลู่หลันจือได้ยินว่าสิ่งนี้เป็นของโม่ไฉ่เวย สีหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ในใจเธอคิดว่า สิ่งนี้เป็นของใครคนไหนไม่ดี แต่กลับเป็นของผู้หญิงคนนั้น

ก่อนหน้านี้เธอเห็นสิ่งนี้งดงามละเอียดอ่อนและกระจุ๋มกระจิ๋มจนเกิดความโลภขึ้นมา เอาสิ่งนี้ไปปลอบอานอาน ไม่นำกลับมาส่งคืนยังไม่ค่อยเท่าไหร่ ยังไงคนอื่นเขาก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนเก็บได้

พอตอนนี้ส่งกลับมาแล้ว ไม่แน่คนอื่นยังจะคิดว่าเธออยากได้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้ของโม่ไฉ่เวยจริงๆ เลย

ลู่หลันจือเป็นคนโลภ ในเวลาเดียวกันก็เย่อหยิ่งเช่นกัน

เย่อหยิ่งจนไม่ยอมยอมรับความกินเล็กกินน้อยของตัวเอง และไม่ยอมตกต่ำกว่าใครเมื่ออยู่ต่อหน้าคน

แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอก็แค่ใช้ความคิดของตัวเองไปคาดเดาความคิดของคนอื่นเท่านั้นเอง ในใจตนเองมีคนถ่อย ก็รู้สึกว่าทุกๆ คนเป็นคนถ่อย จะใส่ร้ายเธอซ่อนของของคนอื่นเขา

จิ่งหนิงไม่ได้สนใจความคิดของลู่หลันจือ เธอมองเจ้านายหยูและพูดอย่างสงบว่า: “ไม่ทราบว่าเพื่อนคนนี้ของคุณชื่อและนามสกุลคืออะไร สะดวกแนะนำให้หน่อยได้หรือเปล่า”

ตอนแรกเธอนึกว่ายังไงคนนี้ก็เป็นเพื่อนของเจ้านายหยู ฝากเขาแนะนำให้หน่อยคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

แต่นึกไม่ถึงเลย อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างลำบากใจ

ผม “คือ…ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วยแนะนำให้คุณ แต่เพื่อนผมคนนี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หลายปีนี้ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายอย่างสันโดษ ครั้งนี้คือเธอกับสามีมาท่องเที่ยวที่ประเทศจีน เธอเป็นคนชอบความสงบ ไม่ชอบเข้าสังคม แต่คุณไว้ใจได้เลย หยกแขวนตัวนี้สำคัญมากสำหรับเธอ แค่ผมอธิบายให้เธอ บอกว่าคือคุณลู่เก็บหยกแขวนตัวนี้ใหเธอได้ เธอต้องออกมาเจอแน่นอน”

เจ้านายหยูพูดจบก็จะโทรหา

จิ่งหนิงกลับอึ้งและขำออกมา

“คุณบอกว่า หยกแขวนตัวนี้สำคัญมากสำหรับเธอ?”

เจ้านายหยูสังเกตเห็นสีหน้าของเธอแปลกๆ หยุดการกระทำโทรออก มีความมึนงงเล็กน้อยว่า: “ใช่สิ ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไร” จิ่งหนิงทำใจให้นิ่ง ในใจคิดว่าไม่ว่าหยกแขวนตัวนี้ของอีกฝ่ายจะซื้อมาหรือขโมยมาก็ตาม บนนี้แกะสลักชื่อของคนอื่นไว้ เป็นไปได้ยังไงที่สำคัญต่อเธอมากล่ะ

ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของที่มีราคาสูงมาก คนที่สามารถเข้าร่วมในงานแบบนี้ เป็นเพื่อนกับคนอย่างเจ้านายหยูแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่คนที่ออกมาจากที่ที่แย่มากอะไรอย่างนั้น เห็นได้เลยว่าอีกฝ่ายต้องโกหกแน่นอน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+