วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 979 แม่และลูกสาวระบุความสัมพันธ์อีกครั้ง

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 979 แม่และลูกสาวระบุความสัมพันธ์อีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใครจะรู้ถ้าจิ่งหนิงบังคับให้เธอทำอะไรบางอย่างจริงๆ เธอจะเกิดอาการไม่สบายขึ้นมากะทันหันหรือไม่

จนถึงเวลานั้น ถ้าเขาไม่อยู่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียสัจจะระหว่างเพื่อนไม่น้อย

ดังนั้น ถึงแม้เจ้านายหยูจะรู้สึกพะอืดพะอม แต่ในที่สุดก็อยู่ต่ออย่างรับผิดชอบอย่างเต็มที่

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากจิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยคุยกันได้แล้ว ก็ออกมากับเธอด้วยกันแล้ว

พอเปิดประตูออก จึงสังเกตเห็นผู้ชายสามคนต่างเฝ้าอยู่ข้างนอก

เชวซู่ลุกขึ้นทันที วิ่งมาดึงโม่ไฉ่เวยไปถามอย่างเป็นห่วงและรีบร้อน: “ไฉ่เวย เป็นไงบ้าง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

ขณะนี้ อารมณ์ของโม่ไฉ่เวยมั่นคงเยอะมากแล้ว ยิ้มส่ายหัวหลายที

เธอหันหลังมองจิ่งหนิงและยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า: “จิ่งหนิง พรุ่งนี้คุณว่างไหม ถ้าว่าง ฉันอยากไปชานเมืองของเมืองหลวงเดินเล่นดู ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ฉันยังไม่เคยไปเลยนะเนี่ย”

จิ่งหนิงพยักหน้าทันที “ได้ ฉันว่าง เราไปพรุ่งนี้เลย”

ลู่จิ่งเซินเห็นสถานการณ์แล้วก็ได้ยกคิ้ว เผยรอยยิ้มออกมาตรงหน้า

เชวซู่กลับมีความอึ้งเล็กน้อย เหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมแค่เวลาไม่กี่ประโยค ท่าทีของโม่ไฉ่เวยที่มีต่อจิ่งหนิงก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว

ลู่จิ่งเซินอยู่ๆ ก็เดินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าโม่ไฉ่เวย

“แม่ พรุ่งนี้ฉันกับหนิงหนิงไปเป็นเพื่อนกับท่าน”

โม่ไฉ่เวยตกใจ ถอยหลังหนึ่งก้าวและมองเขาอย่างตื่นตะลึง

จิ่งหนิงรีบขึ้นไปข้างหน้าดึงลู่จิ่งเซินกลับมา ยิ้มให้กับโม่ไฉ่เวยอย่างพะอืดพะอม

“แม่ ฉันแต่งงานแล้ว เขาคือสามีของฉัน เขาชื่อว่าลู่จิ่งเซิน”

ทีนี้โม่ไฉ่เวยถึงรู้สึกตัวได้ ยิ้มอย่างอิดออด ดูออกเลยว่าท่าที่มีต่อลู่จิ่งเซินไม่ได้ธรรมชาติเท่าที่มีต่อจิ่งหนิงเมื่อกี้นี้

แต่อาจจะเป็นเพราะด้วยความสัมพันธ์ของเขากับจิ่งหนิง เธอไม่ได้ถอยหลัง แต่คือแสดงความกล้าหาญพยักหน้า “ได้”

ข้างๆ เจ้านายหยูเห็นแล้วปรบมือและหัวเราะขึ้นมา

“ดี! ดีมากเลย! คุณผู้หญิงลู่กับคุณโม่สามารถระบุความ สัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง นี่คือเรื่องที่ดีมากเลย อย่างนี้ดีกว่า ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจ วันนี้ฉันขอเป็นเจ้าของ แถวนี้มีร้านอาหารที่อร่อยมากร้านหนึ่ง ขอเชิญชวนคุณลู่และคุณผู้หญิงลู่ตอบรับและอย่ารังเกียจเลย”

ลู่จิ่งเซินพูดอย่างเฉยเมย: “ไหนๆ ก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว และยังเป็นแม่ยายของผมอีกด้วย ก็ต้องเป็นผมที่เลี้ยงอยู่แล้ว จะให้เจ้านายหยูเลี้ยงมื้อนี้ได้สักที่ไหน”

พูดจบ ควักมือถือออกมาโทรหาซูมู่ทันที

ซูมู่ยังไม่รู้ว่าจิ่งหนิงได้สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับคุณแม่แล้ว แค่คิดว่าเขาจะปฏิสัมพันธ์ในสังคมเรื่องธุรกิจ ดังนั้น จองร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง

โม่ไฉ่เวยเห็นแล้วรู้สึกมิอาจปฏิเสธได้อีก ดังนั้นจึงไปทานอาหารกับพวกเขาตอนกลางวันแล้ว

อันที่จริงโม่ไฉ่เวยดูเหมือนจะตั้งใจห่างไกลกับจิ่งหนิง แต่ความเป็นจริงเธอไม่ได้คิดไม่ได้คิดร้าย

เธอแค่ข้ามอุปสรรคในใจนั้นไม่ได้ กลัวจะเจอคนที่เคยรู้จักในอดีต จนทำให้เธอจำได้เรื่องที่เธอไม่อยากจะจำ

แต่จิ่งหนิงเคยบอกกับเธอแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตกับเธออีกต่อไป และจะไม่บีบบังคับให้เธอจำอะไรได้

เธอจึงวางภาระในจิตใจลงอย่างอัตโนมัติ พอปล่อยวางแล้ว ทั้งคนก็สบายๆ และผ่อนคลายเยอะมากแล้ว

ดังนั้น เวลาทานข้าวหนึ่งมื้อ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ่งหนิงกลับรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

บางครั้งลู่จิ่งเซินก็จะคอยโจมตีเสริมอยู่ข้างๆ เขากับจิ่งหนิงสองคนเป็นคนฉลาดทันคนที่อยู่ในคนฉลาดทันคน โม่ไฉ่เวยนิสัยใสซื่อ ไม่นามก็ถูกสองคนเล่นตลกจนยิ้มแย้มแจ่มใส

ส่วนเชวซู่ ถึงแม้เขาไม่อยากให้โม่ไฉ่เวยจำเรื่องในอดีตได้ เธอจะได้ไม่ต้องเสียใจ

แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้สังเกตแล้วว่าในชีวิตของโม่ไฉ่เวยไม่ควรมีแค่ตนเองเพียงคนเดียว หัวใจของเธออ่อนแอและละเอียดอ่อนเกินไป และต้องการความรู้สึกปลอดภัยมากๆ

เธอต้องการคนมาให้ความรักเธอมากกว่านี้ มาพิสูจน์คุณค่าของเธอ แบบนี้จิตใจของเธอถึงสามารถค่อยๆ ออกมาจากความเจ็บปวดและหายดีขึ้นมา ค่อยๆ ฟื้นคืนสุขภาพ

พอคิดอยู่แบบนี้ เขาก็ไม่รีบที่จะให้โม่ไฉ่เวยห่างไกลจิ่งหนิงแล้ว

ส่วนเจ้านายหยูก็เป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เขาเห็นครอบครัวนี้อยู่ร่วมกัน คุยอย่างสนุกและดีใจ ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์เป็นญาติกันของพวกเขานี้เป็นเรื่องจริงๆ จังๆ แล้ว

ในใจก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ตัวเองได้คบเพื่อนอย่างเชวซู่คนนี้อีกครั้ง

แต่ละคนคารวะเหล้าระหว่างงานนี้กันและกัน บรรยากาศก็ถือว่าสนุกสนานดี

ทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็ไม่ได้รีบจากกันไป แต่คือให้พนักงานเก็บโต๊ะ เอาน้ำชามากาหนึ่ง ดื่มชาไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย

จิ่งหนิงมองเจ้านายหยูและยิ้มว่า: “เรื่องที่เจ้านายหยูคุยกับป้าฉันก่อนหน้านี้ ฉันได้คิดพิจารณาแล้ว ถ้ามีเหมืองแร่จริง พวกเรายอมลงทุน”

เจ้านายหยูรู้อยู่แล้ว ที่ลู่หลันจือมาเมื่อครั้งก่อนก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ยังเพราะตัวเองทำให้จิ่งหนิงเจอคนในครอบครัวที่ห่างหายกันไปหลายปีโดยบังเอิญอีกด้วย

ถึงแม้เขาไม่มีคุณงามความดีอย่างจริงๆ จังๆ อะไร แต่ครอบครัวอย่างตระกูลลู่แบบนี้ ไม่ว่าทำอะไรก็พิถีพิถันมาก

ถึงแม้เขาจะไม่มีคุณงามความดีอะไร แต่คนอื่นก็ไม่ให้เขาเสียเปรียบอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์นี้ กลายเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ทันทีเลย

เนื่องจากในใจวินิจฉัยก่อนหน้านี้ได้แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้ยินคำพูดของจิ่งหนิงเขาก็ไม่ตกใจ

ยิ้มอย่างนุ่มนวล “เหมืองแร่เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ถ้าคุณผู้หญิงลู่มีเวลาว่าง สามารถไปดูที่เมืองTกับผมได้ พอดีว่าหลังจากงานพนันหยกตรงนี้ของผมจบลง ผมก็จะไปที่นั่น ถึงตอนนั้นก็สามารถไปด้วยกันได้ คุณตรวจสอบในพื้นที่ดู ตรวจสอบเรียบร้อยค่อยลงทุน เป็นยังไงบ้าง”

จิ่งหนิงพยักหน้า “แบบนั้นดีที่สุดแล้ว”

เธอพูดจบ จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หันหน้าไปมองโม่ไฉ่เวยที่อยู่ข้างๆ

“แม่ ท่านยังไม่เคยไปเมืองTใช่ไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึงและส่ายหัว

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ “แล้วท่านจะไปเที่ยวที่เมืองTกับหนูไหม ที่นั่นก็น่าเที่ยวเหมือนกันนะ ทีทะเล มีมะพร้าว และยังมีสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์สมัยโบราณเยอะมากด้วย ท่านชอบเรื่องเหล่านี้ที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ”

โม่ไฉ่เวยลังเลสักพัก หันหน้าไปดูเชวซู่แวบหนึ่ง

เห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธจึงพยักหน้า

“ได้”

จิ่งหนิงยิ้มอย่างพอใจ อยู่ๆ ก็หันหน้าไปดูเจ้านายหยู

“ไม่ทราบว่างานพนันหยกที่นี่ของเจ้านายหยูจะจบลงเมื่อไหร่”

เจ้านายหยูคิดสักพักและพูดว่า: “ของชิ้นใหญ่ส่วนมากขายเกือบหมดแล้ว ที่เหลือเป็นแค่ของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ผมคาดว่าน่าจะอีกสาม สี่วัน ถ้าขายไม่ออกจริงๆ ผมก็ไม่ขายแล้ว เอาไว้ก่อน ยังไงวันหลังยังมีที่ใช้ได้อีกเยอะอยู่”

จิ่งหนิงพยักหน้า “ได้ อย่างนั้นพวกเราก็กำหนดเวลาเป็นหลังจากห้าวันเป็นชั่วคราว รอคุณจัดการของที่นี่เรียบร้อย พักผ่อนหนึ่งวัน หลังจากพักผ่อนเรียบร้อย พวกเราก็ไปเมืองTทันทีเลย”

เจ้านายหยูพูดสรุปเรื่องนี้ “ไม่มีปัญหา งั้นก็เอาตามที่คุยไว้แล้วนะ”

หลังจากคุยเรื่องนี้เรียบร้อย ทุกคนก็พูดคุยกันอีกสักครู่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปแล้ว

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินไม่ไว้ใจให้โม่ไฉ่เวยเขากลับไปเอง ดังนั้นจึงขับรถส่งพวกเขากลับไป

มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ จิ่งหนิงมองดูสิ่งแวดล้อมรอบๆ เห็นว่าสิ่งแวดล้อมที่นี่ก็ดีเหมือนกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่ของตระกูลลู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 979 แม่และลูกสาวระบุความสัมพันธ์อีกครั้ง

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 979 แม่และลูกสาวระบุความสัมพันธ์อีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ใครจะรู้ถ้าจิ่งหนิงบังคับให้เธอทำอะไรบางอย่างจริงๆ เธอจะเกิดอาการไม่สบายขึ้นมากะทันหันหรือไม่

จนถึงเวลานั้น ถ้าเขาไม่อยู่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียสัจจะระหว่างเพื่อนไม่น้อย

ดังนั้น ถึงแม้เจ้านายหยูจะรู้สึกพะอืดพะอม แต่ในที่สุดก็อยู่ต่ออย่างรับผิดชอบอย่างเต็มที่

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากจิ่งหนิงกับโม่ไฉ่เวยคุยกันได้แล้ว ก็ออกมากับเธอด้วยกันแล้ว

พอเปิดประตูออก จึงสังเกตเห็นผู้ชายสามคนต่างเฝ้าอยู่ข้างนอก

เชวซู่ลุกขึ้นทันที วิ่งมาดึงโม่ไฉ่เวยไปถามอย่างเป็นห่วงและรีบร้อน: “ไฉ่เวย เป็นไงบ้าง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

ขณะนี้ อารมณ์ของโม่ไฉ่เวยมั่นคงเยอะมากแล้ว ยิ้มส่ายหัวหลายที

เธอหันหลังมองจิ่งหนิงและยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า: “จิ่งหนิง พรุ่งนี้คุณว่างไหม ถ้าว่าง ฉันอยากไปชานเมืองของเมืองหลวงเดินเล่นดู ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ฉันยังไม่เคยไปเลยนะเนี่ย”

จิ่งหนิงพยักหน้าทันที “ได้ ฉันว่าง เราไปพรุ่งนี้เลย”

ลู่จิ่งเซินเห็นสถานการณ์แล้วก็ได้ยกคิ้ว เผยรอยยิ้มออกมาตรงหน้า

เชวซู่กลับมีความอึ้งเล็กน้อย เหมือนจะไม่เข้าใจว่าทำไมแค่เวลาไม่กี่ประโยค ท่าทีของโม่ไฉ่เวยที่มีต่อจิ่งหนิงก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว

ลู่จิ่งเซินอยู่ๆ ก็เดินขึ้นมาอยู่ตรงหน้าโม่ไฉ่เวย

“แม่ พรุ่งนี้ฉันกับหนิงหนิงไปเป็นเพื่อนกับท่าน”

โม่ไฉ่เวยตกใจ ถอยหลังหนึ่งก้าวและมองเขาอย่างตื่นตะลึง

จิ่งหนิงรีบขึ้นไปข้างหน้าดึงลู่จิ่งเซินกลับมา ยิ้มให้กับโม่ไฉ่เวยอย่างพะอืดพะอม

“แม่ ฉันแต่งงานแล้ว เขาคือสามีของฉัน เขาชื่อว่าลู่จิ่งเซิน”

ทีนี้โม่ไฉ่เวยถึงรู้สึกตัวได้ ยิ้มอย่างอิดออด ดูออกเลยว่าท่าที่มีต่อลู่จิ่งเซินไม่ได้ธรรมชาติเท่าที่มีต่อจิ่งหนิงเมื่อกี้นี้

แต่อาจจะเป็นเพราะด้วยความสัมพันธ์ของเขากับจิ่งหนิง เธอไม่ได้ถอยหลัง แต่คือแสดงความกล้าหาญพยักหน้า “ได้”

ข้างๆ เจ้านายหยูเห็นแล้วปรบมือและหัวเราะขึ้นมา

“ดี! ดีมากเลย! คุณผู้หญิงลู่กับคุณโม่สามารถระบุความ สัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง นี่คือเรื่องที่ดีมากเลย อย่างนี้ดีกว่า ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจ วันนี้ฉันขอเป็นเจ้าของ แถวนี้มีร้านอาหารที่อร่อยมากร้านหนึ่ง ขอเชิญชวนคุณลู่และคุณผู้หญิงลู่ตอบรับและอย่ารังเกียจเลย”

ลู่จิ่งเซินพูดอย่างเฉยเมย: “ไหนๆ ก็มาถึงเมืองหลวงแล้ว และยังเป็นแม่ยายของผมอีกด้วย ก็ต้องเป็นผมที่เลี้ยงอยู่แล้ว จะให้เจ้านายหยูเลี้ยงมื้อนี้ได้สักที่ไหน”

พูดจบ ควักมือถือออกมาโทรหาซูมู่ทันที

ซูมู่ยังไม่รู้ว่าจิ่งหนิงได้สร้างความสัมพันธ์ใหม่กับคุณแม่แล้ว แค่คิดว่าเขาจะปฏิสัมพันธ์ในสังคมเรื่องธุรกิจ ดังนั้น จองร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง

โม่ไฉ่เวยเห็นแล้วรู้สึกมิอาจปฏิเสธได้อีก ดังนั้นจึงไปทานอาหารกับพวกเขาตอนกลางวันแล้ว

อันที่จริงโม่ไฉ่เวยดูเหมือนจะตั้งใจห่างไกลกับจิ่งหนิง แต่ความเป็นจริงเธอไม่ได้คิดไม่ได้คิดร้าย

เธอแค่ข้ามอุปสรรคในใจนั้นไม่ได้ กลัวจะเจอคนที่เคยรู้จักในอดีต จนทำให้เธอจำได้เรื่องที่เธอไม่อยากจะจำ

แต่จิ่งหนิงเคยบอกกับเธอแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องในอดีตกับเธออีกต่อไป และจะไม่บีบบังคับให้เธอจำอะไรได้

เธอจึงวางภาระในจิตใจลงอย่างอัตโนมัติ พอปล่อยวางแล้ว ทั้งคนก็สบายๆ และผ่อนคลายเยอะมากแล้ว

ดังนั้น เวลาทานข้าวหนึ่งมื้อ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ่งหนิงกลับรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

บางครั้งลู่จิ่งเซินก็จะคอยโจมตีเสริมอยู่ข้างๆ เขากับจิ่งหนิงสองคนเป็นคนฉลาดทันคนที่อยู่ในคนฉลาดทันคน โม่ไฉ่เวยนิสัยใสซื่อ ไม่นามก็ถูกสองคนเล่นตลกจนยิ้มแย้มแจ่มใส

ส่วนเชวซู่ ถึงแม้เขาไม่อยากให้โม่ไฉ่เวยจำเรื่องในอดีตได้ เธอจะได้ไม่ต้องเสียใจ

แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ได้สังเกตแล้วว่าในชีวิตของโม่ไฉ่เวยไม่ควรมีแค่ตนเองเพียงคนเดียว หัวใจของเธออ่อนแอและละเอียดอ่อนเกินไป และต้องการความรู้สึกปลอดภัยมากๆ

เธอต้องการคนมาให้ความรักเธอมากกว่านี้ มาพิสูจน์คุณค่าของเธอ แบบนี้จิตใจของเธอถึงสามารถค่อยๆ ออกมาจากความเจ็บปวดและหายดีขึ้นมา ค่อยๆ ฟื้นคืนสุขภาพ

พอคิดอยู่แบบนี้ เขาก็ไม่รีบที่จะให้โม่ไฉ่เวยห่างไกลจิ่งหนิงแล้ว

ส่วนเจ้านายหยูก็เป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง เขาเห็นครอบครัวนี้อยู่ร่วมกัน คุยอย่างสนุกและดีใจ ก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์เป็นญาติกันของพวกเขานี้เป็นเรื่องจริงๆ จังๆ แล้ว

ในใจก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ตัวเองได้คบเพื่อนอย่างเชวซู่คนนี้อีกครั้ง

แต่ละคนคารวะเหล้าระหว่างงานนี้กันและกัน บรรยากาศก็ถือว่าสนุกสนานดี

ทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็ไม่ได้รีบจากกันไป แต่คือให้พนักงานเก็บโต๊ะ เอาน้ำชามากาหนึ่ง ดื่มชาไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย

จิ่งหนิงมองเจ้านายหยูและยิ้มว่า: “เรื่องที่เจ้านายหยูคุยกับป้าฉันก่อนหน้านี้ ฉันได้คิดพิจารณาแล้ว ถ้ามีเหมืองแร่จริง พวกเรายอมลงทุน”

เจ้านายหยูรู้อยู่แล้ว ที่ลู่หลันจือมาเมื่อครั้งก่อนก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ยังเพราะตัวเองทำให้จิ่งหนิงเจอคนในครอบครัวที่ห่างหายกันไปหลายปีโดยบังเอิญอีกด้วย

ถึงแม้เขาไม่มีคุณงามความดีอย่างจริงๆ จังๆ อะไร แต่ครอบครัวอย่างตระกูลลู่แบบนี้ ไม่ว่าทำอะไรก็พิถีพิถันมาก

ถึงแม้เขาจะไม่มีคุณงามความดีอะไร แต่คนอื่นก็ไม่ให้เขาเสียเปรียบอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์นี้ กลายเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ทันทีเลย

เนื่องจากในใจวินิจฉัยก่อนหน้านี้ได้แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้ยินคำพูดของจิ่งหนิงเขาก็ไม่ตกใจ

ยิ้มอย่างนุ่มนวล “เหมืองแร่เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ถ้าคุณผู้หญิงลู่มีเวลาว่าง สามารถไปดูที่เมืองTกับผมได้ พอดีว่าหลังจากงานพนันหยกตรงนี้ของผมจบลง ผมก็จะไปที่นั่น ถึงตอนนั้นก็สามารถไปด้วยกันได้ คุณตรวจสอบในพื้นที่ดู ตรวจสอบเรียบร้อยค่อยลงทุน เป็นยังไงบ้าง”

จิ่งหนิงพยักหน้า “แบบนั้นดีที่สุดแล้ว”

เธอพูดจบ จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หันหน้าไปมองโม่ไฉ่เวยที่อยู่ข้างๆ

“แม่ ท่านยังไม่เคยไปเมืองTใช่ไหม”

โม่ไฉ่เวยตะลึงและส่ายหัว

จิ่งหนิงยิ้มอ่อนๆ “แล้วท่านจะไปเที่ยวที่เมืองTกับหนูไหม ที่นั่นก็น่าเที่ยวเหมือนกันนะ ทีทะเล มีมะพร้าว และยังมีสถาปัตยกรรมประวัติศาสตร์สมัยโบราณเยอะมากด้วย ท่านชอบเรื่องเหล่านี้ที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ”

โม่ไฉ่เวยลังเลสักพัก หันหน้าไปดูเชวซู่แวบหนึ่ง

เห็นเขาไม่ได้ปฏิเสธจึงพยักหน้า

“ได้”

จิ่งหนิงยิ้มอย่างพอใจ อยู่ๆ ก็หันหน้าไปดูเจ้านายหยู

“ไม่ทราบว่างานพนันหยกที่นี่ของเจ้านายหยูจะจบลงเมื่อไหร่”

เจ้านายหยูคิดสักพักและพูดว่า: “ของชิ้นใหญ่ส่วนมากขายเกือบหมดแล้ว ที่เหลือเป็นแค่ของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ผมคาดว่าน่าจะอีกสาม สี่วัน ถ้าขายไม่ออกจริงๆ ผมก็ไม่ขายแล้ว เอาไว้ก่อน ยังไงวันหลังยังมีที่ใช้ได้อีกเยอะอยู่”

จิ่งหนิงพยักหน้า “ได้ อย่างนั้นพวกเราก็กำหนดเวลาเป็นหลังจากห้าวันเป็นชั่วคราว รอคุณจัดการของที่นี่เรียบร้อย พักผ่อนหนึ่งวัน หลังจากพักผ่อนเรียบร้อย พวกเราก็ไปเมืองTทันทีเลย”

เจ้านายหยูพูดสรุปเรื่องนี้ “ไม่มีปัญหา งั้นก็เอาตามที่คุยไว้แล้วนะ”

หลังจากคุยเรื่องนี้เรียบร้อย ทุกคนก็พูดคุยกันอีกสักครู่ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปแล้ว

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินไม่ไว้ใจให้โม่ไฉ่เวยเขากลับไปเอง ดังนั้นจึงขับรถส่งพวกเขากลับไป

มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ จิ่งหนิงมองดูสิ่งแวดล้อมรอบๆ เห็นว่าสิ่งแวดล้อมที่นี่ก็ดีเหมือนกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่ของตระกูลลู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+