วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ่งหนิงนึกออกขึ้นมาทันที

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทันใดนั้นหญิงสาวก็ย่อตัวลง สัมผัสกับท้ายทอยของผู้ตายอีกครั้ง ในใจมีแผนการบางอย่างปรากฏขึ้น

ลู่จิ่งเซินกระซิบถามเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิงส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “แจ้งตำรวจ แล้วให้ทางโรงพยาบาลตรวจสอบเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณป้า ต่อให้แจ้งตำรวจไปก็ไม่เป็นไร”

ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็ใจหายขึ้นมาทันที

“หนิงหนิง แจ้งตำรวจไม่ได้นะ ฆ่าคนน่ะมันผิดกฎหมาย ถ้าแจ้งตำรวจไปชีวิตของคุณป้าเธอต้องจบแล้วแน่ ๆ”

ถึงแม้ลู่จิ่งเซินจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ถ้าเธอฆ่าคนจริง ๆ เธอก็ไม่อยากให้ลู่จิ่งเซินหรือท่านปู่ท่านย่าทั้งสองคนต้องมาขึ้นศาล แล้วก็รับกรรมแทนเธอ

จิ่งหนิงเอื้อมมือออกไปตบหลังมือเธอเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง คนคนนี้คุณไม่ได้ฆ่า”

“หา?”

ลู่หลันจือตกใจมาก แต่ลู่จิ่งเซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะเข้าใจความหมายที่จิ่งหนิงพูด

ชายหนุ่มมองไปทางชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่อีกฟาก “ถ้าแจ้งตำรวจพวกคุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

อีกฝ่ายมองหน้ากันไปมา สองคนในนั้นสบตากัน ก่อนจะเห็นแววตาที่ชั่วร้ายของอีกคน

พวกเขาจึงตอบกลับอย่างโกรธ ๆ ว่า “ไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นตรงไหนก็จัดการตรงนั้น จะแจ้งตำรวจทำไม? วันนี้ถ้าพวกคุณไม่จ่ายเงิน พวกคุณก็ต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ ชีวิตแลกด้วยชีวิต ไม่งั้นใครหน้าไหนก็อย่าคิดว่าจะหนีออกไปได้!”

หลังจากที่เขาพูดจบ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

เจ้านายหยูก็กลัวว่าทั้งสองจะสู้กันขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบก้าวเข้าไปแทรกกลางวงทันที

“เฮ้ ทุกท่าน ฟังผมพูดสักประโยคก่อน เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ความผิดของคุณลู่แน่นอน พวกคุณคงยังไม่รู้ใช่ไหม? เมื่อคืนวานเพื่อนของพวกคุณคนนี้เขาไปสู้กับคนอื่นอยู่ที่หัวถนนนู่น สู้ได้โหดมากทีเดียว เมื่อครู่นี้ผมก็เพิ่งสังเกตเห็น ตรงท้ายทอยของเขามีรอยบวมใหญ่เชียว ผมสงสัยว่าอาจจะมีเลือดคลั่งแล้วก็เข้าไปอุดตันในหลอดเลือดรึเปล่า เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย พอวันนี้เกิดเรื่องก็เสียชีวิตทันที เรื่องนี้ไม่มีทางเกี่ยวกับคุณลู่แน่ ๆ อีกอย่างคุณลู่ก็เป็นเพียงหญิงสาวบอบบางคนหนึ่ง แค่ผลักครั้งเดียวจะแรงสักแค่ไหนกัน เพื่อนของพวกคุณเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญหมัดมวยของประเทศ T เลยนะ คงไม่โดนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งผลักล้มหรอกใช่ไหม?”

พอพูดจบ สีหน้าอีกฝ่ายยิ่งไม่น่าดูมากกว่าเดิม

“ทำไม? แบบนี้คือหมายความว่าไม่อยากจ่ายเงินใช่ไหม?”

แม้เจ้านายหยูจะขึ้นเหนือล่องใต้อยู่บ่อย ๆ มีความใจกล้าอยู่ไม่น้อย แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่นักธุรกิจอ่อนแอคนหนึ่ง

พออีกฝ่ายเพิ่มความรุนแรงขึ้น เขาก็เริ่มปอดแหก ถอยหลังกลับไปทันที

ขาก็ถอยไปพลาง สีหน้าก็ยิ้มไปพลาง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่า…..”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว! ยังไงถ้าไม่จ่ายด้วยเงิน ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต งั้นพวกคุณเลือกเลย!”

ในที่สุดตอนนี้ลู่จิ่งเซินก็เข้าใจ

จริง ๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการหาเหตุผลหรือทวงความยุติธรรมให้เพื่อนเลยสักนิด พวกเขาเพียงแค่อยากได้เงินสักก้อนก็เท่านั้น

ในเมื่อต้องการเงิน งั้นเขาไม่รีบร้อนก็แล้วกัน

ลู่จิ่งเซินประคองจิ่งหนิง เข้าไปนั่งบนโซฟาที่ลู่หลันจือเคยนั่ง จากนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงบนิ่ง

“จะเอาเงินก็ได้ เรียกเถ้าแก่ของพวกคุณออกมา ผมจะคุยกับเถ้าแก่ของพวกคุณเอง”

อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ

คาดไม่ถึงเลยว่า เรื่องเลยมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ลู่จิ่งเซินจะยังคุยอะไรได้อีก

พวกเขาสบตากัน มีสีหน้าประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอันนุ่มนวลลอยเข้ามา

“ใครอยากเจอผมเหรอ?”

ฝูงคนที่มุงอยู่ค่อย ๆ แหวกทางออก ปรากฏเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก

กลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำก่อนหน้านี้ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วเรียก “เจ้านาย”

ชายหนุ่มโบกมือไปมา ก่อนจะเหลือบมองไปทางชายหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

“ลู่ ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า หายหน้าไปตั้งหลายปี ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอนายที่นี่ ฉันล่ะดีใจจริง ๆ”

ขณะพูด อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปสวมกอดลู่จิ่งเซินด้วย

คนทั้งหมดพากันตกตะลึง ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

ลู่จิ่งเซินผลักชายหนุ่มออกด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่เหมือนกัน จะว่าไปไม่ใช่ว่านายหนีไปทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์หรอกเหรอ ทำไมถึงได้มาเปิดบาร์อยู่ที่นี่แทน?”

ลู่จิ่งเซินดูมีความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มพร้อมกับตอบว่า “เฮ้อ พูดยากนะ”

ขณะที่พูด เขาก็หันกลับไปมองลูกน้องของตัวเอง แล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

แม้ว่าในหัวของลูกน้องเขาตอนนี้จะสับสนไปหมด แต่พวกเขาก็ยังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟังจนจบ

เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางลู่จิ่งเซิน แล้วก็เบนสายตาไปทางลู่หลันจือ สุดท้ายจึงก้มลงไปมองร่างของผู้ตาย

“ให้นิติเวชมาตรวจดูก่อน ดูสิว่าจริง ๆ แล้วเขาเสียชีวิตได้ยังไง”

สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก

พวกลูกน้องพากันตกใจ จึงรีบปรามเขาไว้ทันที “เถ้าแก่ นี่…….”

“ยังไม่รีบไปอีก!”

ชายหนุ่มตะคอก อีกฝ่ายจึงรีบทำตามคำสั่งทันที “ครับ”

พูดจบ ก็สั่งให้คนยกร่างของชายคนนั้นออกไป

พอคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องของวันนี้ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว พวกเขาจึงพูดคุยและแยกย้ายกันออกไปสนุกสนานต่อ

บาร์ที่มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเมื่อครู่ รอยเลือดสดใหม่ก็ยังคงอยู่ ตอนนี้กลับมีเสียงเต้นและเสียงเพลงกลับคืนขึ้นมาดังเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มก้าวเข้ามา พร้อมกับส่งยิ้มให้ลู่จิ่งเซิน “ตรงนี้สกปรกแล้ว เราเปลี่ยนที่ใหม่กันไหม?”

ขณะพูด ชายหนุ่มก็พาทุกคนเดินขึ้นไปชั้นสองบนห้องรับรองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ

คาดไม่ถึงเลยว่า ในสถานที่สกปรกที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างบาร์ใต้ดิน พอขึ้นมาชั้นบนจะมีห้องรับรองแบบ VIPขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ภายในห้องมีประตูกับกำแพง ส่วนอีกด้านเป็นสวนลอยฟ้าที่ทำจากกระจกทั้งหมด ให้ความรู้สึกราวกับเป็นสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มพาทุกคนเดินเข้าไป พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเพิ่งหัวเราะกันนะ นี่เป็นที่ที่ผมสร้างเอาไว้สำหรับให้ตัวเองพักผ่อนน่ะ ข้างล่างนั่นหนวกหูเกินไป อย่าว่าแต่พวกคุณเลย ผมเองก็ไม่ชอบ ”

หลังจากปิดประตู เสียงทั้งหมดจากด้านนอกก็หายไปทันที ไม่มีเล็ดลอดให้ได้ยินเลยสักนิด

เขายิ้มพร้อมกับแนะนำว่า “เพื่อสร้างที่นี่ ผมต้องเพิ่มผนังกันเสียงกว่าสิบชั้นเลยนะ ตอนนี้รู้สึกเงียบขึ้นรึยัง?”

ทุกคนพากันพยักหน้า

ลู่จิ่งเซินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาทางชายหนุ่ม

“บอกมาสิ! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่? ฉันจำได้ว่าตอนนั้นนายตามพวกอาจารย์ไปเพื่อทำกลุ่มวิจัยนี่ ทำไมถึงหนีมาอยู่ในที่แบบนี้ได้?”

อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกนายนั่งกันก่อน เดี๋ยวฉันชงชาให้”

ขณะที่พูด เขาก็พาลู่จิ่งเซินและคนอื่น ๆ เข้าไปนั่งบนโซฟาในสวน ก่อนจะชงชาให้ทุกคนด้วยตัวเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังชงชาอยู่ ลู่หลันจือก็แอบกระซิบถามด้วยความสงสัยว่า “จิ่งเซิน เขาเป็นใครน่ะ? คุณรู้จักเขามาก่อนเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินตอบกลับเสียงเรียบ “เขาชื่อ โจวจื่อหมิงเรียนโรงเรียนเดียวกับผม พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผมบัญชีส่วนเขาเรียนวิทยาศาสตร์วิจัย ซึ่งเกี่ยวกับการวิจัยการเกิดของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ แต่เราก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”

สีหน้าของลู่หลันจือเปลี่ยนไปทันที “วิทยาศาสตร์วิจัย? งั้นก็เป็นอัจฉริยะน่ะสิ ทำไม…..”

ขนาดลู่หลันจือยังรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะ ส่วนลู่จิ่งเซินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

พอคิดมาถึงจุดนี้ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็ค่อย ๆ ลึกล้ำขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 988 ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ่งหนิงนึกออกขึ้นมาทันที

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทันใดนั้นหญิงสาวก็ย่อตัวลง สัมผัสกับท้ายทอยของผู้ตายอีกครั้ง ในใจมีแผนการบางอย่างปรากฏขึ้น

ลู่จิ่งเซินกระซิบถามเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอ?”

จิ่งหนิงส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “แจ้งตำรวจ แล้วให้ทางโรงพยาบาลตรวจสอบเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณป้า ต่อให้แจ้งตำรวจไปก็ไม่เป็นไร”

ลู่หลันจือได้ยินดังนั้น ก็ใจหายขึ้นมาทันที

“หนิงหนิง แจ้งตำรวจไม่ได้นะ ฆ่าคนน่ะมันผิดกฎหมาย ถ้าแจ้งตำรวจไปชีวิตของคุณป้าเธอต้องจบแล้วแน่ ๆ”

ถึงแม้ลู่จิ่งเซินจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ถ้าเธอฆ่าคนจริง ๆ เธอก็ไม่อยากให้ลู่จิ่งเซินหรือท่านปู่ท่านย่าทั้งสองคนต้องมาขึ้นศาล แล้วก็รับกรรมแทนเธอ

จิ่งหนิงเอื้อมมือออกไปตบหลังมือเธอเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง คนคนนี้คุณไม่ได้ฆ่า”

“หา?”

ลู่หลันจือตกใจมาก แต่ลู่จิ่งเซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหมือนจะเข้าใจความหมายที่จิ่งหนิงพูด

ชายหนุ่มมองไปทางชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่อีกฟาก “ถ้าแจ้งตำรวจพวกคุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

อีกฝ่ายมองหน้ากันไปมา สองคนในนั้นสบตากัน ก่อนจะเห็นแววตาที่ชั่วร้ายของอีกคน

พวกเขาจึงตอบกลับอย่างโกรธ ๆ ว่า “ไม่ได้ เรื่องเกิดขึ้นตรงไหนก็จัดการตรงนั้น จะแจ้งตำรวจทำไม? วันนี้ถ้าพวกคุณไม่จ่ายเงิน พวกคุณก็ต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นไว้ ชีวิตแลกด้วยชีวิต ไม่งั้นใครหน้าไหนก็อย่าคิดว่าจะหนีออกไปได้!”

หลังจากที่เขาพูดจบ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

เจ้านายหยูก็กลัวว่าทั้งสองจะสู้กันขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบก้าวเข้าไปแทรกกลางวงทันที

“เฮ้ ทุกท่าน ฟังผมพูดสักประโยคก่อน เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ความผิดของคุณลู่แน่นอน พวกคุณคงยังไม่รู้ใช่ไหม? เมื่อคืนวานเพื่อนของพวกคุณคนนี้เขาไปสู้กับคนอื่นอยู่ที่หัวถนนนู่น สู้ได้โหดมากทีเดียว เมื่อครู่นี้ผมก็เพิ่งสังเกตเห็น ตรงท้ายทอยของเขามีรอยบวมใหญ่เชียว ผมสงสัยว่าอาจจะมีเลือดคลั่งแล้วก็เข้าไปอุดตันในหลอดเลือดรึเปล่า เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย พอวันนี้เกิดเรื่องก็เสียชีวิตทันที เรื่องนี้ไม่มีทางเกี่ยวกับคุณลู่แน่ ๆ อีกอย่างคุณลู่ก็เป็นเพียงหญิงสาวบอบบางคนหนึ่ง แค่ผลักครั้งเดียวจะแรงสักแค่ไหนกัน เพื่อนของพวกคุณเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญหมัดมวยของประเทศ T เลยนะ คงไม่โดนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งผลักล้มหรอกใช่ไหม?”

พอพูดจบ สีหน้าอีกฝ่ายยิ่งไม่น่าดูมากกว่าเดิม

“ทำไม? แบบนี้คือหมายความว่าไม่อยากจ่ายเงินใช่ไหม?”

แม้เจ้านายหยูจะขึ้นเหนือล่องใต้อยู่บ่อย ๆ มีความใจกล้าอยู่ไม่น้อย แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่นักธุรกิจอ่อนแอคนหนึ่ง

พออีกฝ่ายเพิ่มความรุนแรงขึ้น เขาก็เริ่มปอดแหก ถอยหลังกลับไปทันที

ขาก็ถอยไปพลาง สีหน้าก็ยิ้มไปพลาง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ว่า…..”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว! ยังไงถ้าไม่จ่ายด้วยเงิน ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต งั้นพวกคุณเลือกเลย!”

ในที่สุดตอนนี้ลู่จิ่งเซินก็เข้าใจ

จริง ๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการหาเหตุผลหรือทวงความยุติธรรมให้เพื่อนเลยสักนิด พวกเขาเพียงแค่อยากได้เงินสักก้อนก็เท่านั้น

ในเมื่อต้องการเงิน งั้นเขาไม่รีบร้อนก็แล้วกัน

ลู่จิ่งเซินประคองจิ่งหนิง เข้าไปนั่งบนโซฟาที่ลู่หลันจือเคยนั่ง จากนั้นชายหนุ่มก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความสงบนิ่ง

“จะเอาเงินก็ได้ เรียกเถ้าแก่ของพวกคุณออกมา ผมจะคุยกับเถ้าแก่ของพวกคุณเอง”

อีกฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ

คาดไม่ถึงเลยว่า เรื่องเลยมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ลู่จิ่งเซินจะยังคุยอะไรได้อีก

พวกเขาสบตากัน มีสีหน้าประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอันนุ่มนวลลอยเข้ามา

“ใครอยากเจอผมเหรอ?”

ฝูงคนที่มุงอยู่ค่อย ๆ แหวกทางออก ปรากฏเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอก

กลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำก่อนหน้านี้ทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้าวเข้าไปแล้วเรียก “เจ้านาย”

ชายหนุ่มโบกมือไปมา ก่อนจะเหลือบมองไปทางชายหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟา จากนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

“ลู่ ทำไมถึงเป็นนายล่ะ?”

ลู่จิ่งเซินเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า หายหน้าไปตั้งหลายปี ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอนายที่นี่ ฉันล่ะดีใจจริง ๆ”

ขณะพูด อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปสวมกอดลู่จิ่งเซินด้วย

คนทั้งหมดพากันตกตะลึง ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

ลู่จิ่งเซินผลักชายหนุ่มออกด้วยความรังเกียจเล็กน้อย ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่เหมือนกัน จะว่าไปไม่ใช่ว่านายหนีไปทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์หรอกเหรอ ทำไมถึงได้มาเปิดบาร์อยู่ที่นี่แทน?”

ลู่จิ่งเซินดูมีความคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มพร้อมกับตอบว่า “เฮ้อ พูดยากนะ”

ขณะที่พูด เขาก็หันกลับไปมองลูกน้องของตัวเอง แล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

แม้ว่าในหัวของลูกน้องเขาตอนนี้จะสับสนไปหมด แต่พวกเขาก็ยังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชายหนุ่มฟังจนจบ

เขาขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเหลือบมองไปทางลู่จิ่งเซิน แล้วก็เบนสายตาไปทางลู่หลันจือ สุดท้ายจึงก้มลงไปมองร่างของผู้ตาย

“ให้นิติเวชมาตรวจดูก่อน ดูสิว่าจริง ๆ แล้วเขาเสียชีวิตได้ยังไง”

สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก

พวกลูกน้องพากันตกใจ จึงรีบปรามเขาไว้ทันที “เถ้าแก่ นี่…….”

“ยังไม่รีบไปอีก!”

ชายหนุ่มตะคอก อีกฝ่ายจึงรีบทำตามคำสั่งทันที “ครับ”

พูดจบ ก็สั่งให้คนยกร่างของชายคนนั้นออกไป

พอคนอื่น ๆ เห็นแบบนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องของวันนี้ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว พวกเขาจึงพูดคุยและแยกย้ายกันออกไปสนุกสนานต่อ

บาร์ที่มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นเมื่อครู่ รอยเลือดสดใหม่ก็ยังคงอยู่ ตอนนี้กลับมีเสียงเต้นและเสียงเพลงกลับคืนขึ้นมาดังเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ชายหนุ่มก้าวเข้ามา พร้อมกับส่งยิ้มให้ลู่จิ่งเซิน “ตรงนี้สกปรกแล้ว เราเปลี่ยนที่ใหม่กันไหม?”

ขณะพูด ชายหนุ่มก็พาทุกคนเดินขึ้นไปชั้นสองบนห้องรับรองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ

คาดไม่ถึงเลยว่า ในสถานที่สกปรกที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างบาร์ใต้ดิน พอขึ้นมาชั้นบนจะมีห้องรับรองแบบ VIPขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ภายในห้องมีประตูกับกำแพง ส่วนอีกด้านเป็นสวนลอยฟ้าที่ทำจากกระจกทั้งหมด ให้ความรู้สึกราวกับเป็นสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มพาทุกคนเดินเข้าไป พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเพิ่งหัวเราะกันนะ นี่เป็นที่ที่ผมสร้างเอาไว้สำหรับให้ตัวเองพักผ่อนน่ะ ข้างล่างนั่นหนวกหูเกินไป อย่าว่าแต่พวกคุณเลย ผมเองก็ไม่ชอบ ”

หลังจากปิดประตู เสียงทั้งหมดจากด้านนอกก็หายไปทันที ไม่มีเล็ดลอดให้ได้ยินเลยสักนิด

เขายิ้มพร้อมกับแนะนำว่า “เพื่อสร้างที่นี่ ผมต้องเพิ่มผนังกันเสียงกว่าสิบชั้นเลยนะ ตอนนี้รู้สึกเงียบขึ้นรึยัง?”

ทุกคนพากันพยักหน้า

ลู่จิ่งเซินกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันมาทางชายหนุ่ม

“บอกมาสิ! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่? ฉันจำได้ว่าตอนนั้นนายตามพวกอาจารย์ไปเพื่อทำกลุ่มวิจัยนี่ ทำไมถึงหนีมาอยู่ในที่แบบนี้ได้?”

อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกนายนั่งกันก่อน เดี๋ยวฉันชงชาให้”

ขณะที่พูด เขาก็พาลู่จิ่งเซินและคนอื่น ๆ เข้าไปนั่งบนโซฟาในสวน ก่อนจะชงชาให้ทุกคนด้วยตัวเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังชงชาอยู่ ลู่หลันจือก็แอบกระซิบถามด้วยความสงสัยว่า “จิ่งเซิน เขาเป็นใครน่ะ? คุณรู้จักเขามาก่อนเหรอ?”

ลู่จิ่งเซินตอบกลับเสียงเรียบ “เขาชื่อ โจวจื่อหมิงเรียนโรงเรียนเดียวกับผม พวกเราเป็นเพื่อนกัน ผมบัญชีส่วนเขาเรียนวิทยาศาสตร์วิจัย ซึ่งเกี่ยวกับการวิจัยการเกิดของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ แต่เราก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว”

สีหน้าของลู่หลันจือเปลี่ยนไปทันที “วิทยาศาสตร์วิจัย? งั้นก็เป็นอัจฉริยะน่ะสิ ทำไม…..”

ขนาดลู่หลันจือยังรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอัจฉริยะ ส่วนลู่จิ่งเซินยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

พอคิดมาถึงจุดนี้ นัยน์ตาของลู่จิ่งเซินก็ค่อย ๆ ลึกล้ำขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+