ศพ 211 เซียนถางหยิง

Now you are reading ศพ Chapter 211 เซียนถางหยิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 เซียนถางหยิง

จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ผมจึงตกใจทันที 

 

เธอรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง และยังเรียกให้ผมมาที่นี่ เพื่อเอาเจ้ากล่องนี้ให้ผมโดยเฉพาะ ในนี้มีอะไรอยู่กันแน่

 

ผมทําหน้าสงสัย พร้อมถามเธอกลับทันที “ น้อง น้องศพ เธอ เธอรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง”

 

มู่หลงเหยียนกลอกตา จากนั้นก็พูดกับผมด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ นายไม่ต้องรู้หรอก เอาไปซิ ! ที่มาของจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นไม่ธรรมดา แม้จะเป็นฉันก็ยังไม่กล้าไปกระตุกหมวด

 

เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ

 

เจ้าจิ้งจอกนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่มู่หลงเหยียนก็ยังไม่กล้าสู้กับเขา

 

“เจ้าจิ้งจอกนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ ” ผมห้ามปากเอาไว้ไม่ไหว

 

มู่หลงเหยียนกลับยิ้มให้อย่างขมขื่น “ เรื่องความร้ายกาจ เขาไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น แต่ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคนที่อยู่เบื้องหลังเขา! ”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คิ้วของผมก็ขมวดลงอย่างช่วยไม่ได้

 

ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จิ้งจอกอยู่กันเป็นฝูง ส่วนใหญ่ในถ้ําหนึ่งของจิ้งจอก ก็จะมีจิ้งจอกประมาณ 3-5 ตัว

 

เมื่อก่อนได้ยินคนพูดว่า เมื่อจิ้งจอกแข็งแกร่งแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะมีแค่ 1-2 ตัวเท่านั้น และก็อาจเป็นได้ทั้งฝูง

 

พวกเราไปแหย่จิ้งจอกตัวนี้ เบื้องหลังของมันก็อาจมีจิ้งจอกเฒ่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารออยู่

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆสงบจิตใจตัวเองสักพัก หลังจากนั้นพูดออกมาอีกครั้ง “ ในกล่องนี้มีอะไรอยู่เหรอ”

 

มู่หลงเหยียนไม่ได้ตอบตรงๆ แต่ขู่ผมแทน “ ถามอะไรเยอะแยะ ! ของในนั้นช่วยรักษาชีวิตพวกนายได้อยู่แล้ว จําไว้พกติดตัวก็พอ! ถ้าไม่จําเป็นจริงๆก็ห้ามเปิดมันเด็ดขาด

 

รู้จักมู่หลงเหยียนมานานขนาดนี้ ผมจึงรู้ดีว่านิสัยของมู่หลงเหยียนเป็นยังไง

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่สําหรับผมเธอก็ยังดีด้วยเสมอ

 

ดังนั้น ผมจึงรับกล่องเอาไว้และไม่ถามอะไรมาก

 

มู่หลงเหยียนเห็นผมรับกล่องไปแล้ว เธอจึงพูดกับผมอีกครั้ง “ เก็บกล่องเอาไว้ดีๆละ อย่าให้มันโดนแสงเด็ดขาด! ”

 

มู่หลงเหยียนท่าทางจริงจัง เธอดูเคร่งเครียดมาก

 

ผมพยักหน้ารับพร้อมพูด “ อืมอืม” จากนั้นผมก็เก็บกล่องอย่างระมัดระวัง

 

“ โอเค นายกลับไปได้แล้ว ฉันก็จะกลับแล้ว ” ขณะที่พูด มู่หลงเหยียนก็จะเดินออกไป

 

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนจะเดินออกไป ใจของผมก็รู้สึกไม่อยากให้เธอไปนิดหน่อย

 

“ เอ่อ เอ่อจะกลับแล้วเหรอ! ”

 

“ อือ แล้วจะทําอะไรอีกละ” มู่หลงเหยียนถามกลับ ในเวลาเดียวกันก็มองผมพักหนึ่ง

 

ตอนนั้นผมละอยากพูดออกไปตรงๆว่า อยากให้มู่หลงเหยียนอยู่ต่ออีกหน่อย

 

ถึงมู่หลงเหยียนจะแข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่แปลกคือ ผมกลับไม่เห็นเธอเป็นศัตรู

 

ในเวลานี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะเดินจากไป ผมก็อยากให้อีกฝ่ายอยู่ต่ออีกหน่อย

 

แต่ผมพูดไม่ออก เมื่ออ้าปากผมกลับพูดว่า “ งั้นก็ดี ! ”

 

มู่หลงเหยียนได้ยินผมพูดจบ เธอก็เงียบไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ งั้นฉันไปแล้วนะ !”

 

หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อเธอหมุนตัวเดินตรงไปสองสามก้าว

 

หลังจากเดินไปสองสามก้าว ร่างของมู่หลงเหยียนก็หายไป เธอกลายเป็นสายลม ลอยหายเข้าไปในป่าทันที

 

ผมเห็นมู่หลงเหยียนหายไปแล้ว จึงก้มมองกล่องโบราณที่อยู่ในมือ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันใส่อะไรเอาไว้

 

ผมถอนหายใจยาวๆ จากนั้นก็หมุนตัวและเดินออกไปจากที่นี่

 

ระหว่างทางกลับ ผมคิดมาตลอดว่ามู่หลงเหยียนรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง

 

แม้มู่หลงเหยียนจะร้ายกาจ แต่จะมีพลังหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเลยเหรอ

 

แต่หลังจากผมกลับมาถึงร้านผมถึงนึกได้ว่า ป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียนอยู่ในบ้าน ตอนที่คุยเรื่องนี้พวกเราก็อยู่ในบ้าน

 

หลังจากผมและอาจารย์กลับมา ก็ยังคุยกันเรื่องนี้

 

บางที่มู่หลงเหยียน อาจได้ยินพวกเราคุยกันผ่านป้ายวิญญาณ และในที่สุดเธอถึงให้กล่องที่ใส่อะไรก็ไม่รู้ในตอนกลางดึกแบบนี้

 

แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสําคัญแล้ว สิ่งที่สําคัญคือมู่หลงเหยียนเป็นคนดีจริงๆ ถึงจะปากร้ายไปบ้างก็เถอะ

 

ผมถือกล่องเอาไว้อย่างดี เมื่อกลับมาถึงห้อง ครั้งนี้ผมไม่ได้นอนไม่หลับ เพียงล้มตัวนอนแป็บเดียวผมก็หลับไปทันที

 

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว

 

อาจารย์เตรียมของทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย และบอกผมว่า ตามที่เหล่าฉันบอก อาการของลุงหลิวคงที่แล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรมากแล้ว

 

และยังบอกว่า พวกเราจะออกเดินทางตอน 4 โมงเย็น

 

ตอนนี้ยังเหลือเวลา ผมเองก็ว่างไม่มีอะไรทํา ผมจึงเล่าเรื่องที่มู่หลงเหยียนเรียกผมไปกลางดึก แล้วเอากล่องใบนั้นให้ผมให้อาจารย์ฟัง

 

เมื่ออาจารย์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ตกใจ รีบให้ผมเอากล่องใบนั้นให้เขาดู

 

ผมไม่กล้าชักช้า รีบหยิบกล่องออกมาให้อาจารย์ดูทันที

 

อาจารย์มองรอบๆตัวกล่อง พร้อมกับสูดดมอย่างต่อเนื่อง เขาสังเกตมันอย่างละเอียดโคตรๆ

 

ผมเห็นอาจารย์สังเกตอยู่นาน จึงถามเขาว่า “ อาจารย์ มองออกไหมว่าในนี้มีอะไรอยู่”

 

อาจารย์ได้ยินผมถาม เขาจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าในกล่องมีพลังหยินแรงมาก ด้านนอกมีรอยแกะสลักที่งดงาม แต่มันเป็นลวดลายของคาถา มันสามารถปราบของข้างในได้ ถ้าเปิดแล้ว น่าจะมีอะไรที่มีพลังหยินแรงสุดๆออกมา ส่วนเป็นตัวอะไรนั้น อาจารย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน ! ”

 

ขณะที่อาจารย์กําลังพูด เขาก็ทําสีหน้าเคร่งเครียด

 

ผมฟังแล้วก็ตกใจ คิดว่าคงไม่ได้ขังวิญญาณชั่วร้ายอะไรไว้หรอกนะ

 

แต่ไม่รอให้ผมได้สติ ทันใดนั้นอาจารย์ก็พูดกับผมอีกครั้ง “ นอกจากเจ้านี้แล้ว เมียแกยังพูดอะไรกับแกอีก ” 

 

เมื่อได้ยินอาจารย์ถาม ผมจิตใต้สํานึกของผมก็หันไปมอง ป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับอาจารย์ว่า “ อาจารย์ เธอบอกว่าที่มาของเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั้นไม่ธรรมดา มีคนมีอํานาจอยู่เบื้องหลังไปแตะต้องไม่ได้ง่ายๆ แม้แต่เธอ ก็ยังไม่อยากไปยุ่งด้วย! ”

 

เมื่อาจารย์ได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็พูดพึมพําออกมา “ ฮะ ! เมียแกก็ยังไม่อยากยุ่งด้วย หรือว่า… หรือว่าจะเป็นสัตว์เซียนถางหยิ่ง

 

“ ถางหยิง อาจารย์มันคืออะไร ” ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูด

 

อาจารย์ก็ไม่ได้ปิดบัง หลังจากนั้นก็อธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียด

 

เรื่องมาจากหนานเหมาเป๋ยหม่า( เทพสององค์ที่คอยคุมครองคนจีนจากฝีมาตั้งแต่โบราณ ) พวกเขาเป็นผู้ดูแลเขตชานไฮ่กวน เนื่องจากวัฒนธรรมของหมอผีทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทําให้คําว่า “ ถางหยิง ” เกิดขึ้น

 

มันคล้ายกับสํานัก หรือพวกลัทธิโบราณ หลังจากพวกเซียนสัตว์เกิดขึ้น เขาก็ให้สมญานามกับตัวเอง

 

เพราะพวกเขามีจิตวิญญาณของสัตว์ป่าอยู่ ดังนั้นจึงก่อตั้ง “ บ้านเซียน” ที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้คําว่าถางหยิงกับชื่อชูหม่าของลูกศิษย์คนหนึ่งในการตั้งชื่อ

 

เช่นหลี่…ถาง ซ่ง…ถาง เป็นต้น

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น สีหน้าของผมก็มืดมนลง “ อาจารย์ หมายความว่า จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นคือชูหม่าเซียน เพราะรับลูกศิษย์ชื่อชูหม่าเข้ามา เขาจึงก่อตั้งถางหยินขึ้นมาปกป้องบ้านเซียน”

 

เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดจบ เขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ อาจเป็นไปได้ ถ้าไปทําให้ถางหยินไม่พอใจ งั้นคนในถางหยิงทั้งหมดก็จะบุกมาหาเรื่อง แล้วถ้าเป็นแบบนั้น จิ้งจอกเฒ่าที่พวกเราเจอ ก็คงไม่ใช่เซียนทั่วๆไป เขาน่าจะมีแก๊ง และแก๊งนี้ก็ร้ายกาจมากอีกด้วย”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ”

 

ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็ไปแหย่เล่นไม่ได้ 

 

แต่มีปัญหาเกิดขึ้น หรือจะเป็นเพราะอีกฝายแตะต้องไม่ได้ เรื่องที่อีกฝ่ายทําร้ายลุงหลิว ก็จะจบลงแบบนี้งั้นเหรอ

 

“ อาจารย์ หรือเรื่องที่มันทําร้ายลุงหลิวจะจบแค่นี้เหรอ ” ผมขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจ

 

ผลลัพธ์เสียงของผมเพิ่งจางหาย ทันใดนั้นอาจารย์ก็แค่นเสียงดัง ฮึ “ จบงั้นเหรอ ทําให้หลิวชือฟุเจ็บหนักขนาดนั้น มันจะจบง่ายๆได้ไง ยังไงก็ต้องให้พวกมันรับผิดชอบ ถึงชื่อของเจ้าจิ้งจอกนั้นจะมีคําว่าถางจากถางหยิงอยู่ แต่พวกเราก็จะไม่หยุดแค่นี้ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 211 เซียนถางหยิง

Now you are reading ศพ Chapter 211 เซียนถางหยิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 เซียนถางหยิง

จู่ๆก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ผมจึงตกใจทันที 

 

เธอรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง และยังเรียกให้ผมมาที่นี่ เพื่อเอาเจ้ากล่องนี้ให้ผมโดยเฉพาะ ในนี้มีอะไรอยู่กันแน่

 

ผมทําหน้าสงสัย พร้อมถามเธอกลับทันที “ น้อง น้องศพ เธอ เธอรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง”

 

มู่หลงเหยียนกลอกตา จากนั้นก็พูดกับผมด้วยน้ําเสียงจริงจัง “ นายไม่ต้องรู้หรอก เอาไปซิ ! ที่มาของจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นไม่ธรรมดา แม้จะเป็นฉันก็ยังไม่กล้าไปกระตุกหมวด

 

เมื่อได้ยินมู่หลงเหยียนพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ

 

เจ้าจิ้งจอกนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ แม้แต่มู่หลงเหยียนก็ยังไม่กล้าสู้กับเขา

 

“เจ้าจิ้งจอกนั้นร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ ” ผมห้ามปากเอาไว้ไม่ไหว

 

มู่หลงเหยียนกลับยิ้มให้อย่างขมขื่น “ เรื่องความร้ายกาจ เขาไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น แต่ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคนที่อยู่เบื้องหลังเขา! ”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คิ้วของผมก็ขมวดลงอย่างช่วยไม่ได้

 

ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จิ้งจอกอยู่กันเป็นฝูง ส่วนใหญ่ในถ้ําหนึ่งของจิ้งจอก ก็จะมีจิ้งจอกประมาณ 3-5 ตัว

 

เมื่อก่อนได้ยินคนพูดว่า เมื่อจิ้งจอกแข็งแกร่งแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะมีแค่ 1-2 ตัวเท่านั้น และก็อาจเป็นได้ทั้งฝูง

 

พวกเราไปแหย่จิ้งจอกตัวนี้ เบื้องหลังของมันก็อาจมีจิ้งจอกเฒ่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารออยู่

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆสงบจิตใจตัวเองสักพัก หลังจากนั้นพูดออกมาอีกครั้ง “ ในกล่องนี้มีอะไรอยู่เหรอ”

 

มู่หลงเหยียนไม่ได้ตอบตรงๆ แต่ขู่ผมแทน “ ถามอะไรเยอะแยะ ! ของในนั้นช่วยรักษาชีวิตพวกนายได้อยู่แล้ว จําไว้พกติดตัวก็พอ! ถ้าไม่จําเป็นจริงๆก็ห้ามเปิดมันเด็ดขาด

 

รู้จักมู่หลงเหยียนมานานขนาดนี้ ผมจึงรู้ดีว่านิสัยของมู่หลงเหยียนเป็นยังไง

 

ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่สําหรับผมเธอก็ยังดีด้วยเสมอ

 

ดังนั้น ผมจึงรับกล่องเอาไว้และไม่ถามอะไรมาก

 

มู่หลงเหยียนเห็นผมรับกล่องไปแล้ว เธอจึงพูดกับผมอีกครั้ง “ เก็บกล่องเอาไว้ดีๆละ อย่าให้มันโดนแสงเด็ดขาด! ”

 

มู่หลงเหยียนท่าทางจริงจัง เธอดูเคร่งเครียดมาก

 

ผมพยักหน้ารับพร้อมพูด “ อืมอืม” จากนั้นผมก็เก็บกล่องอย่างระมัดระวัง

 

“ โอเค นายกลับไปได้แล้ว ฉันก็จะกลับแล้ว ” ขณะที่พูด มู่หลงเหยียนก็จะเดินออกไป

 

เมื่อเห็นมู่หลงเหยียนจะเดินออกไป ใจของผมก็รู้สึกไม่อยากให้เธอไปนิดหน่อย

 

“ เอ่อ เอ่อจะกลับแล้วเหรอ! ”

 

“ อือ แล้วจะทําอะไรอีกละ” มู่หลงเหยียนถามกลับ ในเวลาเดียวกันก็มองผมพักหนึ่ง

 

ตอนนั้นผมละอยากพูดออกไปตรงๆว่า อยากให้มู่หลงเหยียนอยู่ต่ออีกหน่อย

 

ถึงมู่หลงเหยียนจะแข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่แปลกคือ ผมกลับไม่เห็นเธอเป็นศัตรู

 

ในเวลานี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายจะเดินจากไป ผมก็อยากให้อีกฝ่ายอยู่ต่ออีกหน่อย

 

แต่ผมพูดไม่ออก เมื่ออ้าปากผมกลับพูดว่า “ งั้นก็ดี ! ”

 

มู่หลงเหยียนได้ยินผมพูดจบ เธอก็เงียบไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ งั้นฉันไปแล้วนะ !”

 

หลังจากพูดจบ มู่หลงเหยียนก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อเธอหมุนตัวเดินตรงไปสองสามก้าว

 

หลังจากเดินไปสองสามก้าว ร่างของมู่หลงเหยียนก็หายไป เธอกลายเป็นสายลม ลอยหายเข้าไปในป่าทันที

 

ผมเห็นมู่หลงเหยียนหายไปแล้ว จึงก้มมองกล่องโบราณที่อยู่ในมือ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันใส่อะไรเอาไว้

 

ผมถอนหายใจยาวๆ จากนั้นก็หมุนตัวและเดินออกไปจากที่นี่

 

ระหว่างทางกลับ ผมคิดมาตลอดว่ามู่หลงเหยียนรู้เรื่องจิ้งจอกเฒ่าได้ยังไง

 

แม้มู่หลงเหยียนจะร้ายกาจ แต่จะมีพลังหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเลยเหรอ

 

แต่หลังจากผมกลับมาถึงร้านผมถึงนึกได้ว่า ป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียนอยู่ในบ้าน ตอนที่คุยเรื่องนี้พวกเราก็อยู่ในบ้าน

 

หลังจากผมและอาจารย์กลับมา ก็ยังคุยกันเรื่องนี้

 

บางที่มู่หลงเหยียน อาจได้ยินพวกเราคุยกันผ่านป้ายวิญญาณ และในที่สุดเธอถึงให้กล่องที่ใส่อะไรก็ไม่รู้ในตอนกลางดึกแบบนี้

 

แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสําคัญแล้ว สิ่งที่สําคัญคือมู่หลงเหยียนเป็นคนดีจริงๆ ถึงจะปากร้ายไปบ้างก็เถอะ

 

ผมถือกล่องเอาไว้อย่างดี เมื่อกลับมาถึงห้อง ครั้งนี้ผมไม่ได้นอนไม่หลับ เพียงล้มตัวนอนแป็บเดียวผมก็หลับไปทันที

 

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว

 

อาจารย์เตรียมของทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย และบอกผมว่า ตามที่เหล่าฉันบอก อาการของลุงหลิวคงที่แล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรมากแล้ว

 

และยังบอกว่า พวกเราจะออกเดินทางตอน 4 โมงเย็น

 

ตอนนี้ยังเหลือเวลา ผมเองก็ว่างไม่มีอะไรทํา ผมจึงเล่าเรื่องที่มู่หลงเหยียนเรียกผมไปกลางดึก แล้วเอากล่องใบนั้นให้ผมให้อาจารย์ฟัง

 

เมื่ออาจารย์ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ตกใจ รีบให้ผมเอากล่องใบนั้นให้เขาดู

 

ผมไม่กล้าชักช้า รีบหยิบกล่องออกมาให้อาจารย์ดูทันที

 

อาจารย์มองรอบๆตัวกล่อง พร้อมกับสูดดมอย่างต่อเนื่อง เขาสังเกตมันอย่างละเอียดโคตรๆ

 

ผมเห็นอาจารย์สังเกตอยู่นาน จึงถามเขาว่า “ อาจารย์ มองออกไหมว่าในนี้มีอะไรอยู่”

 

อาจารย์ได้ยินผมถาม เขาจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าในกล่องมีพลังหยินแรงมาก ด้านนอกมีรอยแกะสลักที่งดงาม แต่มันเป็นลวดลายของคาถา มันสามารถปราบของข้างในได้ ถ้าเปิดแล้ว น่าจะมีอะไรที่มีพลังหยินแรงสุดๆออกมา ส่วนเป็นตัวอะไรนั้น อาจารย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน ! ”

 

ขณะที่อาจารย์กําลังพูด เขาก็ทําสีหน้าเคร่งเครียด

 

ผมฟังแล้วก็ตกใจ คิดว่าคงไม่ได้ขังวิญญาณชั่วร้ายอะไรไว้หรอกนะ

 

แต่ไม่รอให้ผมได้สติ ทันใดนั้นอาจารย์ก็พูดกับผมอีกครั้ง “ นอกจากเจ้านี้แล้ว เมียแกยังพูดอะไรกับแกอีก ” 

 

เมื่อได้ยินอาจารย์ถาม ผมจิตใต้สํานึกของผมก็หันไปมอง ป้ายวิญญาณของมู่หลงเหยียนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดกับอาจารย์ว่า “ อาจารย์ เธอบอกว่าที่มาของเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั้นไม่ธรรมดา มีคนมีอํานาจอยู่เบื้องหลังไปแตะต้องไม่ได้ง่ายๆ แม้แต่เธอ ก็ยังไม่อยากไปยุ่งด้วย! ”

 

เมื่อาจารย์ได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็พูดพึมพําออกมา “ ฮะ ! เมียแกก็ยังไม่อยากยุ่งด้วย หรือว่า… หรือว่าจะเป็นสัตว์เซียนถางหยิ่ง

 

“ ถางหยิง อาจารย์มันคืออะไร ” ผมไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูด

 

อาจารย์ก็ไม่ได้ปิดบัง หลังจากนั้นก็อธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียด

 

เรื่องมาจากหนานเหมาเป๋ยหม่า( เทพสององค์ที่คอยคุมครองคนจีนจากฝีมาตั้งแต่โบราณ ) พวกเขาเป็นผู้ดูแลเขตชานไฮ่กวน เนื่องจากวัฒนธรรมของหมอผีทางตะวันออกเฉียงเหนือ ทําให้คําว่า “ ถางหยิง ” เกิดขึ้น

 

มันคล้ายกับสํานัก หรือพวกลัทธิโบราณ หลังจากพวกเซียนสัตว์เกิดขึ้น เขาก็ให้สมญานามกับตัวเอง

 

เพราะพวกเขามีจิตวิญญาณของสัตว์ป่าอยู่ ดังนั้นจึงก่อตั้ง “ บ้านเซียน” ที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้คําว่าถางหยิงกับชื่อชูหม่าของลูกศิษย์คนหนึ่งในการตั้งชื่อ

 

เช่นหลี่…ถาง ซ่ง…ถาง เป็นต้น

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น สีหน้าของผมก็มืดมนลง “ อาจารย์ หมายความว่า จิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นคือชูหม่าเซียน เพราะรับลูกศิษย์ชื่อชูหม่าเข้ามา เขาจึงก่อตั้งถางหยินขึ้นมาปกป้องบ้านเซียน”

 

เมื่ออาจารย์ได้ยินผมพูดจบ เขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย “ อาจเป็นไปได้ ถ้าไปทําให้ถางหยินไม่พอใจ งั้นคนในถางหยิงทั้งหมดก็จะบุกมาหาเรื่อง แล้วถ้าเป็นแบบนั้น จิ้งจอกเฒ่าที่พวกเราเจอ ก็คงไม่ใช่เซียนทั่วๆไป เขาน่าจะมีแก๊ง และแก๊งนี้ก็ร้ายกาจมากอีกด้วย”

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของผมก็มีเสียงดัง “ กึก ”

 

ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็ไปแหย่เล่นไม่ได้ 

 

แต่มีปัญหาเกิดขึ้น หรือจะเป็นเพราะอีกฝายแตะต้องไม่ได้ เรื่องที่อีกฝ่ายทําร้ายลุงหลิว ก็จะจบลงแบบนี้งั้นเหรอ

 

“ อาจารย์ หรือเรื่องที่มันทําร้ายลุงหลิวจะจบแค่นี้เหรอ ” ผมขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่พอใจ

 

ผลลัพธ์เสียงของผมเพิ่งจางหาย ทันใดนั้นอาจารย์ก็แค่นเสียงดัง ฮึ “ จบงั้นเหรอ ทําให้หลิวชือฟุเจ็บหนักขนาดนั้น มันจะจบง่ายๆได้ไง ยังไงก็ต้องให้พวกมันรับผิดชอบ ถึงชื่อของเจ้าจิ้งจอกนั้นจะมีคําว่าถางจากถางหยิงอยู่ แต่พวกเราก็จะไม่หยุดแค่นี้ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+