ศพ 265 หนี

Now you are reading ศพ Chapter 265 หนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 265 หนี

 

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าผีลามกนั่นจะยังมีลูกไม้นี้ซ่อนอยู่ คิดจะใช้ร่างของฉิงหมิงเฉ่ว ฉีกยันต์แล้วหนีไป

 

หลังจากพวกเรากลับมามีสติอีกครั้ง และเตรียมจะไล่ตามอีกฝ่ายไป พวกเราก็พบว่ามันสายไปแล้ว

 

เพราะเจ้าหมอนั้นทนความเจ็บปวดจากยันต์ และใช้ร่างของฉิงหมิงเฉ่ว ฉีกยันต์ทิ้งในที่เดียว

 

ยันต์เพิ่งจะล่วงลง เจ้าผีลามกตัวนั้นก็เปิดประตู แล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่คิดชีวิต

 

“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ !” ผมตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับไล่ตามไปในทันที

 

เฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วก็โมโหจนพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าวินาทีสุดท้าย จะถูกผีลามกสวมเขาให้

 

พวกเขาเองก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว วิ่งลงบันไดไปที่ชั้นล่าง

 

แม้ตอนนี้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ผีลามกตัวนั้นก็ซ่อนอยู่ในร่างของฉิงหมิงเฉ่ว

 

แสงแดดที่เป็นภัยกับเขา จึงลดลงอยู่ในระดับต่ําสุด บวก กับตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว

 

หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้ว สถานการณ์ของฝั่งเราจะต้องเลวร้ายลงอย่างแน่นอน

 

ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ผมยังรู้สึกกังวลหน่อยๆ

 

นั่นก็คือถ้าเจ้าหมอนี่หนีเข้าไปในเมืองภาพยนตร์ หาคนที่มีพลังหยางน้อยเจอ แล้วเข้าสิงใครคนนั้น

 

หากเราคิดจะหาตัวเจ้าหมอนี่อีก ก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว 

 

ดังนั้น ต้องจับตัวหมอนให้ได้ก่อนที่มันจะเข้าไปปะปนกับคนในกองถ่าย

 

ทางเดินบนตึกมีเสียงฝีเท้าที่ฟังดูรีบร้อนและน่าหดหูใจดังขึ้นไม่หยุด “ ตึกตึกตึก ”

 

ตาผีลามกนั่นควบคุมร่างฉิงหมิงเฉ่ววิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด ระยะห่างไม่จัดว่าไกลมากนัก ประมาณห้าเมตรเห็นจะได้

 

ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็ตามมาถึงชั้นล่างแล้ว

 

ผีลามกไม่ลังเลเลยสักนิด เป็นดั่งที่ผมคาดเอาไว้ เจ้าหมอนั้นวิ่งไปทางเมืองภาพยนตร์

 

เราสามคนก็วิ่งไล่ตามไปอย่างสุดกําลัง เห็นได้ชัดๆว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยวิ่งไม่ทันเพื่อน เธอเพิ่งลงมาจากตึกก็หาคนอื่นไม่เจอแล้ว

 

เพราะสถานที่ที่เราอยู่คือย่านเก่าแก่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา มีตรอกซอกซอยอยู่จํานวนมาก

 

หลังจากที่ผีลามกวิ่งมาได้สักพัก มันก็เข้าไปในซอยเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น พวกเราสามคนก็ไม่ลังเล รีบวิ่งตามไปทันที

 

แต่ตอนที่พวกเราวิ่งเข้ามาถึงในซอยเล็กๆแห่งนั้น กลับพบว่าฉิงหมิงเฉ่วนอนสงบอยู่บนพื้นแล้ว

 

และกุมารทองที่เธอถืออยู่ในมือก่อนหน้านี้ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

 

เมื่อมาถึงตรงหน้าฉิงหมิงเฉ่ว ผมก็ตรวจดูเธอพักหนึ่ง ผมพบว่าผีลามกตนนั้นออกจากร่างฉิงหมิงเฉ่วไปแล้ว และพาร่างตุ๊กตาสีทองหนีหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว

 

“ เสี่ยวเฉ่ว เสี่ยวเฉ่ว !” หยางเฉ่วตะโกนเรียกอยู่ข้างๆ ในเวลาเดียวกันเธอก็เขย่าตัวฉิงหมิงเฉ่วไปมา

 

ที่นี่คือสามแยก ทั้งสองด้านว่างเปล่า ใช้วี่แววของผีลามกตนนั้น

 

ผมกวาดสายตามองแวบหนึ่ง แล้วพูดกับเหล่าเฟิงว่า “ เหล่าเฟิง นายไปทางนั้น ฉันจะไปทางนี้ ! ”

 

เฟิงเฉ่วหานไม่มัวพูดไร้สาระ เขาพยักหน้ารับ แล้วแยกย้ายตามที่ผมบอก วิ่งไปตามทางนั้นทันที

 

แต่การที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า จู่ๆก็เดินลุ่มๆตามหาผีในสถานที่แบบนี้ มันก็ได้แต่พูดง่ายแต่ทํายากเท่านั้นแหละ

 

สุดท้ายเดินอยู่ในซอยเก่าๆพวกนี้อยู่นานสองนาน ก็ยังไม่เห็นเงาของผีตัวนั้นสักที

 

ผมรู้ดี 80% จะต้องหาไม่เจออย่างแน่นอน

 

คิดอยากจะหาเจ้าหมอนั้นให้เจอในฝูงคนจํานวนมากแบบนี้ เป็นไปได้ยากจริงๆ

 

“สมควรตาย ! ” ผมด่าออกมาเบาๆ พร้อมเอาเท้าเตะไปที่ต้นไม้ครั้งหนึ่ง

 

คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์แบบนั้น การเดินหมากพลาดแค่ตัวเดียว ก็ทําให้ผีลามกตัวนั้นหนีไปได้แล้ว

 

และเรายังประเมินความสามารถของผีตนนี้ต่ําเกินไป ในระดับหนึ่ง เราเองก็ประมาทศัตรูไปหน่อย

 

ตอนแรกคิดว่าเจ้าผีลามกตัวนี้มีพลังไม่เยอะมาก มันไม่มีทางทําลายยันต์ของเราได้อยู่แล้ว นี่จึงทําให้มันได้คว้าโอกาสสุดท้าย ใช้ร่างคน ทําลายยันต์แล้วหนีไป

 

ในขณะที่ผมกําลังเซ็งสุดๆ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าหยางเฉ่วเป็นคนโทรมา

 

เมื่อเห็นว่าเป็นหยางเนิ้ว ผมก็ตกใจขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่าหยางเฉ่วจะหาเงื่อนงําอะไรเจอ ?

 

ผลลัพธ์เพิ่งกดรับโทรศัพท์ ผมก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดด้วยความร้อนรน “ ติงฝานเกิดเรื่องแล้ว นายรีบมาที่นี่เร็วเข้า !”

 

“ เกิดเรื่อง ? เกิดอะไรขึ้น ?” ในใจผมมีเสียงดัง “ ตึก ”

 

เห็นได้ชัดว่าหยางเฉ่วดูกังวลผิดปกติ หลังจากนั้นเธอก็ตอบกลับมาอีกครั้ง “ มีใครบางคนกําลังพยายามจะเอาวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วไป นายรีบกลับมาเร็ว……”

 

“ อะไรนะ เอาวิญญาณไป ” ผมหน้าเปลี่ยนสีทันที ผีลามกยังจับไม่ได้ ตอนนี้ยังมาเกิดเรื่องกับฉิงหมิงเฉ่วอีก

 

ผมจะกล้าอืดอาดอยู่ได้ยังไง หลังจากร้องเสียงหลงหนึ่งครั้ง ผมก็รีบพูดว่า “ ได้ได้ได้ ฉันจะรีบกลับไปทันที เธอใช้ยันต์ผนึกเอาไว้ก่อนนะ อย่าให้เอาวิญญาณไปได้สําเร็จ เชียว ! ”

 

ขณะพูด ผมก็วิ่งออกไปแล้ว

 

พอผมมาถึงสถานที่เมื่อกี้อีกครั้ง ก็พบว่าฉิงหมิงเฉ่วตาเหลือก กําลังนอนตัวกระตุกอยู่บนพื้น

 

ส่วนหยางเฉ่ว กําลังกดยันต์แผ่นหนึ่งเอาไว้ตรงหน้าอกของฉิงหมิงเฉ่ว ในเวลาเดียวกันก็ประสานมือข้างหนึ่งชี้ไปข้างบน

 

ภายใต้สถานการณ์คลุมเครือ ผมสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วกําลังจะออกจากร่าง แต่เนื่องจากโดนคาถาของหยางเฉ่วสะกดเอาไว้ตลอดเธอเลยไปไหนไม่ได้สักที

 

หยางเฉ่วเห็นผมกลับมาแล้ว จึงรีบว่า “ ติงผ่านนายกลับมาพอดีเลย รีบเอายันต์ออกมากดประตูวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วเอาไว้ จะปล่อยให้เจ้าหมอนั้นทําสําเร็จไม่ได้ !”

 

“ คือ ได้ ได้ ! ” ผมรีบตกปากรับคํา มัวมาถามรายละเอียดไม่ได้แล้ว

 

แต่ตอนออกมาจากบ้าน ผมเอายันต์ติดตัวมาแค่ไม่กี่แผ่นเท่านั้น

 

แล้วตอนนี้จะไปเอายันต์สะกดวิญญาณมาจากที่ไหนละ ? ไม่มีทางเลือก ผมทําได้แค่กัดนิ้ว และเขียนขึ้นมาด้วยเลือดตรงนั้น

 

เวลาเร่งด่วน การเคลื่อนไหวของผมรวดเร็วมาก เมื่อยันต์ถูกวาดเสร็จแล้ว ผมก็เอื้อมมือไปจะเอาไปกดไว้ที่ประตูวิญญาณบนหัวฉิงหมิงเฉิว

 

ขอแค่กดตรงนี้เอาไว้ ก็สามารถรักษาไฟทั้งสามของฉิงหมิงเฉ่วได้แล้ว ตราบใดที่ไฟทั้งสามไม่ดับ

 

สามวิญญาณเจ็ดจิตก็จะไม่ออกจากร่างคน

 

“ ติงฝาน พอฉันนับถึงสามก็แปะยันต์พร้อมกันเลยนะ เราต้องทําให้จิตวิญญาณของเสี่ยวเฉวเสถียรก่อน ! ” หยางเฉ่วขมวดคิ้ว พูดด้วยความร้อนรน

 

“ ได้ ! ฉันจะนับ หนึ่ง สอง สามเองนะ ”

 

หยางเฉ่วไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

 

“หนึ่ง สอง สาม…”

 

เราสองคนประสานมือข้างเดียว ขณะที่มาถึงคําว่า “ สาม ” ปากของผมและหยางเฉ่ว ก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง! ”

 

เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น ก็รู้สึกได้แค่ว่ายันต์ในมือซ้าย เริ่มร้อนขึ้นยันต์สะกดวิญญาณในมือของผมและหยางเฉ่ว เริ่มทํางานแล้ว

 

ตอนนี้คนร่ายคาถาไม่ได้มีพลังสูงมาก หลังจากผมและหยางเฉ่วร่วมมือกัน ฉิงหมิงเฉ่วที่ตาเหลือกอยู่

 

ก็กลับมาสงบอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมและหยางเฉ่วก็อดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้

 

แม้ฉิงหมิงเฉ่วจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ไฟทั้งสามดวงของเธอก็สงบนิ่งและหายใจเป็นปกติแล้ว

 

ตอนนี้ก็แค่สลบไปชั่วคราวเท่านั้น ขอแค่พักสักหน่อยเดี๋ยวเธอก็จะดีขึ้นแล้ว

 

ในเวลานี้เอง เฟิงเฉ่วหานก็วิ่งกลับมา “ เป็นยังไงบ้าง ?”

 

เมื่อได้ยินเสียงของเหล่าเฟิง ผมก็ถอนหายใจยาวๆ “ ดึงกลับมาได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแค่ปล่อยให้ไอ้ผีลามกนั่นหนีไปได้ก็เท่านั้น !”

 

“ ค… !” เหล่าเฟิงอดด่าไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกผิดหวังหน่อยๆ

 

เมื่อก่อนดวงวิญญาณที่พวกเราจัดการ ล้วนเป็นพวกผีร้ายวิญญาณโฉดที่บําเพ็ญจนแข็งแกร่งทั้งนั้น

 

แต่วันนี้ กลับโดนวิญญาณลูกกระจ๊อกตัวนึกหลอกซะได้

 

ผมกัดฟันแล้วกัดฟันอีก “ เราประมาทเจ้าผีลามกนั่นเกินไป ผีตัวนี้จะต้องมีพลังพอตัวอย่างแน่นอน เรื่องดึงวิญญาณเมื่อกี้ ก็ต้องเกี่ยวกับมันแน่ๆ มันคงทําเพื่อจะดึงพวกเรากลับมาที่นี่ ขัดขวางไม่ให้เราไล่ตามมันต่อ ! ถ้าวันนี้มันทําสําเร็จ จะต้องหลุดจากการตามล่ามันแน่ๆ ถ้าอยากจะใช้วิธีนี้ไล่จับมันอีก ก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว ”

 

“ งั้นเราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างงี้เหรอ ? ” เหล่าเฟิงพูดด้วยความโมโห

 

แต่ผมกลับเค้นเสียงดัง ฮึ “ ปล่อยงั้นเหรอ ? จะเป็นไปได้ยังไง ? ถ้าไม่จับเจ้าหมอนั้น แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้..”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 265 หนี

Now you are reading ศพ Chapter 265 หนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตอนที่ 265 หนี

 

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าผีลามกนั่นจะยังมีลูกไม้นี้ซ่อนอยู่ คิดจะใช้ร่างของฉิงหมิงเฉ่ว ฉีกยันต์แล้วหนีไป

 

หลังจากพวกเรากลับมามีสติอีกครั้ง และเตรียมจะไล่ตามอีกฝ่ายไป พวกเราก็พบว่ามันสายไปแล้ว

 

เพราะเจ้าหมอนั้นทนความเจ็บปวดจากยันต์ และใช้ร่างของฉิงหมิงเฉ่ว ฉีกยันต์ทิ้งในที่เดียว

 

ยันต์เพิ่งจะล่วงลง เจ้าผีลามกตัวนั้นก็เปิดประตู แล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่คิดชีวิต

 

“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ !” ผมตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับไล่ตามไปในทันที

 

เฟิงเฉ่วหานและหยางเฉ่วก็โมโหจนพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าวินาทีสุดท้าย จะถูกผีลามกสวมเขาให้

 

พวกเขาเองก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว วิ่งลงบันไดไปที่ชั้นล่าง

 

แม้ตอนนี้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ผีลามกตัวนั้นก็ซ่อนอยู่ในร่างของฉิงหมิงเฉ่ว

 

แสงแดดที่เป็นภัยกับเขา จึงลดลงอยู่ในระดับต่ําสุด บวก กับตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว

 

หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้ว สถานการณ์ของฝั่งเราจะต้องเลวร้ายลงอย่างแน่นอน

 

ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ผมยังรู้สึกกังวลหน่อยๆ

 

นั่นก็คือถ้าเจ้าหมอนี่หนีเข้าไปในเมืองภาพยนตร์ หาคนที่มีพลังหยางน้อยเจอ แล้วเข้าสิงใครคนนั้น

 

หากเราคิดจะหาตัวเจ้าหมอนี่อีก ก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว 

 

ดังนั้น ต้องจับตัวหมอนให้ได้ก่อนที่มันจะเข้าไปปะปนกับคนในกองถ่าย

 

ทางเดินบนตึกมีเสียงฝีเท้าที่ฟังดูรีบร้อนและน่าหดหูใจดังขึ้นไม่หยุด “ ตึกตึกตึก ”

 

ตาผีลามกนั่นควบคุมร่างฉิงหมิงเฉ่ววิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด ระยะห่างไม่จัดว่าไกลมากนัก ประมาณห้าเมตรเห็นจะได้

 

ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็ตามมาถึงชั้นล่างแล้ว

 

ผีลามกไม่ลังเลเลยสักนิด เป็นดั่งที่ผมคาดเอาไว้ เจ้าหมอนั้นวิ่งไปทางเมืองภาพยนตร์

 

เราสามคนก็วิ่งไล่ตามไปอย่างสุดกําลัง เห็นได้ชัดๆว่าอู่ฮุ่ยฮุ่ยวิ่งไม่ทันเพื่อน เธอเพิ่งลงมาจากตึกก็หาคนอื่นไม่เจอแล้ว

 

เพราะสถานที่ที่เราอยู่คือย่านเก่าแก่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา มีตรอกซอกซอยอยู่จํานวนมาก

 

หลังจากที่ผีลามกวิ่งมาได้สักพัก มันก็เข้าไปในซอยเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ

 

เมื่อเห็นแบบนั้น พวกเราสามคนก็ไม่ลังเล รีบวิ่งตามไปทันที

 

แต่ตอนที่พวกเราวิ่งเข้ามาถึงในซอยเล็กๆแห่งนั้น กลับพบว่าฉิงหมิงเฉ่วนอนสงบอยู่บนพื้นแล้ว

 

และกุมารทองที่เธอถืออยู่ในมือก่อนหน้านี้ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

 

เมื่อมาถึงตรงหน้าฉิงหมิงเฉ่ว ผมก็ตรวจดูเธอพักหนึ่ง ผมพบว่าผีลามกตนนั้นออกจากร่างฉิงหมิงเฉ่วไปแล้ว และพาร่างตุ๊กตาสีทองหนีหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว

 

“ เสี่ยวเฉ่ว เสี่ยวเฉ่ว !” หยางเฉ่วตะโกนเรียกอยู่ข้างๆ ในเวลาเดียวกันเธอก็เขย่าตัวฉิงหมิงเฉ่วไปมา

 

ที่นี่คือสามแยก ทั้งสองด้านว่างเปล่า ใช้วี่แววของผีลามกตนนั้น

 

ผมกวาดสายตามองแวบหนึ่ง แล้วพูดกับเหล่าเฟิงว่า “ เหล่าเฟิง นายไปทางนั้น ฉันจะไปทางนี้ ! ”

 

เฟิงเฉ่วหานไม่มัวพูดไร้สาระ เขาพยักหน้ารับ แล้วแยกย้ายตามที่ผมบอก วิ่งไปตามทางนั้นทันที

 

แต่การที่ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า จู่ๆก็เดินลุ่มๆตามหาผีในสถานที่แบบนี้ มันก็ได้แต่พูดง่ายแต่ทํายากเท่านั้นแหละ

 

สุดท้ายเดินอยู่ในซอยเก่าๆพวกนี้อยู่นานสองนาน ก็ยังไม่เห็นเงาของผีตัวนั้นสักที

 

ผมรู้ดี 80% จะต้องหาไม่เจออย่างแน่นอน

 

คิดอยากจะหาเจ้าหมอนั้นให้เจอในฝูงคนจํานวนมากแบบนี้ เป็นไปได้ยากจริงๆ

 

“สมควรตาย ! ” ผมด่าออกมาเบาๆ พร้อมเอาเท้าเตะไปที่ต้นไม้ครั้งหนึ่ง

 

คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์แบบนั้น การเดินหมากพลาดแค่ตัวเดียว ก็ทําให้ผีลามกตัวนั้นหนีไปได้แล้ว

 

และเรายังประเมินความสามารถของผีตนนี้ต่ําเกินไป ในระดับหนึ่ง เราเองก็ประมาทศัตรูไปหน่อย

 

ตอนแรกคิดว่าเจ้าผีลามกตัวนี้มีพลังไม่เยอะมาก มันไม่มีทางทําลายยันต์ของเราได้อยู่แล้ว นี่จึงทําให้มันได้คว้าโอกาสสุดท้าย ใช้ร่างคน ทําลายยันต์แล้วหนีไป

 

ในขณะที่ผมกําลังเซ็งสุดๆ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าหยางเฉ่วเป็นคนโทรมา

 

เมื่อเห็นว่าเป็นหยางเนิ้ว ผมก็ตกใจขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่าหยางเฉ่วจะหาเงื่อนงําอะไรเจอ ?

 

ผลลัพธ์เพิ่งกดรับโทรศัพท์ ผมก็ได้ยินหยางเฉ่วพูดด้วยความร้อนรน “ ติงฝานเกิดเรื่องแล้ว นายรีบมาที่นี่เร็วเข้า !”

 

“ เกิดเรื่อง ? เกิดอะไรขึ้น ?” ในใจผมมีเสียงดัง “ ตึก ”

 

เห็นได้ชัดว่าหยางเฉ่วดูกังวลผิดปกติ หลังจากนั้นเธอก็ตอบกลับมาอีกครั้ง “ มีใครบางคนกําลังพยายามจะเอาวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วไป นายรีบกลับมาเร็ว……”

 

“ อะไรนะ เอาวิญญาณไป ” ผมหน้าเปลี่ยนสีทันที ผีลามกยังจับไม่ได้ ตอนนี้ยังมาเกิดเรื่องกับฉิงหมิงเฉ่วอีก

 

ผมจะกล้าอืดอาดอยู่ได้ยังไง หลังจากร้องเสียงหลงหนึ่งครั้ง ผมก็รีบพูดว่า “ ได้ได้ได้ ฉันจะรีบกลับไปทันที เธอใช้ยันต์ผนึกเอาไว้ก่อนนะ อย่าให้เอาวิญญาณไปได้สําเร็จ เชียว ! ”

 

ขณะพูด ผมก็วิ่งออกไปแล้ว

 

พอผมมาถึงสถานที่เมื่อกี้อีกครั้ง ก็พบว่าฉิงหมิงเฉ่วตาเหลือก กําลังนอนตัวกระตุกอยู่บนพื้น

 

ส่วนหยางเฉ่ว กําลังกดยันต์แผ่นหนึ่งเอาไว้ตรงหน้าอกของฉิงหมิงเฉ่ว ในเวลาเดียวกันก็ประสานมือข้างหนึ่งชี้ไปข้างบน

 

ภายใต้สถานการณ์คลุมเครือ ผมสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วกําลังจะออกจากร่าง แต่เนื่องจากโดนคาถาของหยางเฉ่วสะกดเอาไว้ตลอดเธอเลยไปไหนไม่ได้สักที

 

หยางเฉ่วเห็นผมกลับมาแล้ว จึงรีบว่า “ ติงผ่านนายกลับมาพอดีเลย รีบเอายันต์ออกมากดประตูวิญญาณของฉิงหมิงเฉ่วเอาไว้ จะปล่อยให้เจ้าหมอนั้นทําสําเร็จไม่ได้ !”

 

“ คือ ได้ ได้ ! ” ผมรีบตกปากรับคํา มัวมาถามรายละเอียดไม่ได้แล้ว

 

แต่ตอนออกมาจากบ้าน ผมเอายันต์ติดตัวมาแค่ไม่กี่แผ่นเท่านั้น

 

แล้วตอนนี้จะไปเอายันต์สะกดวิญญาณมาจากที่ไหนละ ? ไม่มีทางเลือก ผมทําได้แค่กัดนิ้ว และเขียนขึ้นมาด้วยเลือดตรงนั้น

 

เวลาเร่งด่วน การเคลื่อนไหวของผมรวดเร็วมาก เมื่อยันต์ถูกวาดเสร็จแล้ว ผมก็เอื้อมมือไปจะเอาไปกดไว้ที่ประตูวิญญาณบนหัวฉิงหมิงเฉิว

 

ขอแค่กดตรงนี้เอาไว้ ก็สามารถรักษาไฟทั้งสามของฉิงหมิงเฉ่วได้แล้ว ตราบใดที่ไฟทั้งสามไม่ดับ

 

สามวิญญาณเจ็ดจิตก็จะไม่ออกจากร่างคน

 

“ ติงฝาน พอฉันนับถึงสามก็แปะยันต์พร้อมกันเลยนะ เราต้องทําให้จิตวิญญาณของเสี่ยวเฉวเสถียรก่อน ! ” หยางเฉ่วขมวดคิ้ว พูดด้วยความร้อนรน

 

“ ได้ ! ฉันจะนับ หนึ่ง สอง สามเองนะ ”

 

หยางเฉ่วไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

 

“หนึ่ง สอง สาม…”

 

เราสองคนประสานมือข้างเดียว ขณะที่มาถึงคําว่า “ สาม ” ปากของผมและหยางเฉ่ว ก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง เพี้ยง! ”

 

เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น ก็รู้สึกได้แค่ว่ายันต์ในมือซ้าย เริ่มร้อนขึ้นยันต์สะกดวิญญาณในมือของผมและหยางเฉ่ว เริ่มทํางานแล้ว

 

ตอนนี้คนร่ายคาถาไม่ได้มีพลังสูงมาก หลังจากผมและหยางเฉ่วร่วมมือกัน ฉิงหมิงเฉ่วที่ตาเหลือกอยู่

 

ก็กลับมาสงบอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมและหยางเฉ่วก็อดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไม่ได้

 

แม้ฉิงหมิงเฉ่วจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ไฟทั้งสามดวงของเธอก็สงบนิ่งและหายใจเป็นปกติแล้ว

 

ตอนนี้ก็แค่สลบไปชั่วคราวเท่านั้น ขอแค่พักสักหน่อยเดี๋ยวเธอก็จะดีขึ้นแล้ว

 

ในเวลานี้เอง เฟิงเฉ่วหานก็วิ่งกลับมา “ เป็นยังไงบ้าง ?”

 

เมื่อได้ยินเสียงของเหล่าเฟิง ผมก็ถอนหายใจยาวๆ “ ดึงกลับมาได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแค่ปล่อยให้ไอ้ผีลามกนั่นหนีไปได้ก็เท่านั้น !”

 

“ ค… !” เหล่าเฟิงอดด่าไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกผิดหวังหน่อยๆ

 

เมื่อก่อนดวงวิญญาณที่พวกเราจัดการ ล้วนเป็นพวกผีร้ายวิญญาณโฉดที่บําเพ็ญจนแข็งแกร่งทั้งนั้น

 

แต่วันนี้ กลับโดนวิญญาณลูกกระจ๊อกตัวนึกหลอกซะได้

 

ผมกัดฟันแล้วกัดฟันอีก “ เราประมาทเจ้าผีลามกนั่นเกินไป ผีตัวนี้จะต้องมีพลังพอตัวอย่างแน่นอน เรื่องดึงวิญญาณเมื่อกี้ ก็ต้องเกี่ยวกับมันแน่ๆ มันคงทําเพื่อจะดึงพวกเรากลับมาที่นี่ ขัดขวางไม่ให้เราไล่ตามมันต่อ ! ถ้าวันนี้มันทําสําเร็จ จะต้องหลุดจากการตามล่ามันแน่ๆ ถ้าอยากจะใช้วิธีนี้ไล่จับมันอีก ก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว ”

 

“ งั้นเราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างงี้เหรอ ? ” เหล่าเฟิงพูดด้วยความโมโห

 

แต่ผมกลับเค้นเสียงดัง ฮึ “ ปล่อยงั้นเหรอ ? จะเป็นไปได้ยังไง ? ถ้าไม่จับเจ้าหมอนั้น แล้วเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้..”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+