ศพ 370 เป็นใคร

Now you are reading ศพ Chapter 370 เป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 370 เป็นใคร

ผู้จัดการเพิ่งพูดจบ รปภ.สี่คนนั้นก็ถือกระบองไฟฟ้าเดินเข้ามาหน้าตาดุดัน

ผมและเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ตกใจกับท่าทางของพวกเขา พวกเราเดินเองได้ แต่ยังไงก็ไม่มีทางโดนพวกเขาใช้กระบองไฟฟ้าขู่หรือโดนเตะออกไปเด็ดขาด

ถึงจะต้องออกไป พวกเราก็ต้องออกไปแบบมีหน้ามีตา

พอเห็นอีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องใกล้ขึ้นเรื่อยๆผมและเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ถอยหนีเลยสักนิดเราเตรียมปะทะกับอีกฝ่ายทันที

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงใครบางคนก็ดังขึ้น“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

เสียงดังมาก จากนั้นเราก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเรา
พอลองสังเกตดู ผมก็พบว่าพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นหนึ่งในนั้นก็คือฟางฉางเจียงผู้ช่วยของเสี่ยวม่าน

ตอนนี้ฟางฉางเจียงพาคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาทางนี้พอผู้จัดการคนนั้นเห็นฟางฉางเจียงท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที“คุณคุณฟางขอโทษด้วยครับ ที่นี่มีสถุนสองคนมาก่อเรื่องรบกวนคุณแล้วเดี๋ยวผมจะให้พวกเขาเตะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ……”

หลังจากพูดจบ ผู้จัดการคนนั้นก็พูดกับรปภ.อีกครั้ง“ยังยืนบี้ออยู่ทําไมฮะ ? รีบลากพวกมันออกไปซะ !”

“ใครกล้าฮะ ?” จู่ๆฟางฉางเจียงก็ตะโกนออกมาทําให้โชว์รูมกลับมาเงียบอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็เห็นฟางฉางเจียงเดินเข้ามาหาผมกับเหล่าเฟิง

เมื่อเห็นฟางฉางเจียงเดินเข้ามา มุมปากของผมก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ฟางฉางเจียงกลับยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างรวดเร็ว“น้องติงน้องเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอพวกนายที่นี่ !”

หลังจากพูดจบ ฟางฉางเจียงก็จับมือผมและเหล่าเฟิงอย่างสุภาพ เห็นได้ชัดว่าเขาดูเคารพพวกเราเป็นพิเศษ

ผู้จัดการหรูและเซลล์สามคนที่ทะเลาะกับพวกเราเมื่อกี้ทําหน้าเหวอทันที

“ผู้ช่วยฟาง ไม่ได้เจอกันมาสักพักจริงๆ ! ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ? แล้วที่ดินผืนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ ?”

ผมพูดแบบสบายๆ

“ขอบคุณน้องติงที่ห่วงกัน ผมสบายดีหลังจากวันนั้นเราก็เริ่มทํางานทุกอย่าง บวกกับนโยบายผลักดันของท่านรองผู้จัดการทําให้เราทํายอดขาย ก่อนกําหนดเปิดตัวได้ไม่เลวเลยครับทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพวกน้องทั้งสองมากจริงๆ !” ฟางฉางเจียงสุภาพมากเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อกี้เลย

และเพิ่งพูดจบ เขาก็มีใจเป็นห่วงเหล่าเฟิงอีกด้วย “ น้องเฟิงอาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?

เมื่อหลายวันก่อนท่านรองผู้จัดการยังพูดถึง เรื่องนี้อยู่เลยแต่เพราะงานยุ่ง เราก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมนายสักที”

เฟิงเฉิวหานเป็นคุณชายเย็นชาเวลานี้เขาแค่ขยับเปลือกตาและตอบกลับอย่างไม่ใยดี “หายแล้ว !”

ฟางฉางเจียงก็ไม่ได้คิดมาก เขายังยิ้มเหมือนเดิม

แต่ฉากนี้ กลับทําให้เซลล์ทั้งโชว์รูม และพวกพนักงานจากบริษัทที่อยู่ข้างหลังฟางฉางเจียงก็อ้าปากตาค้างทันที

คุณฟางของพวกเขาเป็นใครกัน เขาเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงในบริษัทแม่ที่เป็นผู้นําด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของเมือง

อย่าว่าแต่เขาให้เกียรติคนอื่นเลยคนทั่วไปอยากเจอเขายังไม่ได้เจอเลย

แต่ตอนนี้ กลับกําลังสุภาพกับวัยรุ่นสองคนท่าทางสนิทสนมกันอีกต่างหาก

เด็กสองคนนี้เป็นใคร มีที่มาที่ไปยังไงหรือเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ไหนเหรอ

ลูกน้องของฟางฉางเจียงทําหน้าสงสัยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนผู้จัดการโชว์รูม ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อกี้ยังกล้าทําตัวหยิ่งยโสใส่พวกเรา มั่นใจว่าผมและเหล่าเฟิงไม่มีใครหนุนหลังเป็นแค่คนจนธรรมดาคนหนึ่ง

แต่เวลานี้กลับเห็นพวกเราและคุณฟางรู้จักกันเลยรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ต้องรู้ว่าคุณฟางเป็นลูกค้าระดับสูงพวกเขาเลยไม่อาจทําให้เขาไม่พอใจได้เด็ดขาด

ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดการหรูเลยหันไปพูดเสียงสั่นกับผู้จัดการใหญ่ “ผู้ ผู้จัดการใหญ่เด็ก เด็กสองคนนี้เป็นใครกัน ?”

ผู้จัดการโชว์รูมก็ไม่รู้ เขาเลยส่ายหัวเบาๆ

ในเวลาเดียวกันก็พูดกับนายเฉิงที่อยู่ข้างๆ “คุณเฉิงทําไมคุณฟางถึงสุภาพกับเด็กสองคนนี้ขนาดนั้นละ ?”

นายเฉิงคนนี้ก็ไม่รู้เรื่องเขาเองก็ไม่รู้จักผมสองคน

แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้จักมันก็จะทําให้ตัวเองดูเสียหน้าไปหน่อยเขาเลยหาข้ออ้างแบบลวกๆ“ยังต้องถามอีกเหรอเห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นคุณชายมีชาติตระกูล ไม่อย่างนั้นคุณฟางของพวกเราจะลดตัวไปอย่างงั้นเหรอ ?”

พอผู้จัดการใหญ่ช่ายได้ยินแบบนั้น ก็ทําหน้าเข้าใจสถานการณ์ทันที

แต่ผู้จัดการหรูและเซลล์อีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเริ่มใจไม่ดีแล้ว พวกเขาแต่ละคนต่างสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วแอบพูดว่าจบเห่กัน

เมื่อกี้ยังดูถูกผมสองคน แต่ตอนนี้ได้ยินแล้วว่าเป็นคุณชายมีชาติตระกูลก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองไปทําให้คนสูงศักดิ์ไม่พอใจเข้าแล้ว

ในเวลานี้ ฟางฉางเจียงเริ่มพูดกับผมและเหล่าเฟิงอีกครั้ง “น้องชายทั้งสอง วันนี้โชคดีจริงๆคิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่คืนนี้ฉันเลี้ยงเองไปกินข้าวกัน”

ผมยิ้ม “ไม่ดีกว่าครับ ผมได้ยินว่าวันนี้คุณมาซื้อรถนิ !”

ฟางฉางเจียงพยักหน้า “อ๋อ ! เป็นแบบนั้นจริงๆเพราะตอนสิ้นปีท่านรองผู้จัดการบอกว่าปีนี้จะให้รางวัลพนักงานเป็นรถในเวลาเดียวกันบริษัทก็ต้องการซื้อรถไปใช้ติดต่อทําธุรกิจด้วยครับ ดังนั้นผมก็เลยมาดูเอาไว้สักหน่อย !”

แต่เสียงเขาเพิ่งเงียบลง ฟางฉางเจียงก็เริ่มกวาดสายตามองรปภ.ที่ยังถือกระบองไฟฟ้าอยู่และผู้จัดการหรูที่เป็นคนออกคําสั่งให้ลงมือกับพวกเขาเมื่อกี้

จากนั้นก็พูดขึ้นมาเสียงดังลั่น “แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนที่จะซื้อในศูนย์นี้ คงไม่มีอีกแล้วละ

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการรวมถึงพนักงานทุกคนในโชว์รูม ก็ตัวแข็งที่อในทันที

เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น โบนัสสิ้นปีของพวกเขาก็ไม่เหลือแล้ว

ผู้จัดการใหญ่ช่ายนั่งไม่ติดอีกต่อไปพวกเขาคือศูนย์ใหญ่ค้าขายได้โดยตรง

ถ้าเขาได้ลูกค้าคนนี้ หรือการค้านี้ไปครองตําแหน่งผู้จัดการประจําภาคที่ว่างอยู่ ก็ต้องเป็นของ เขาอย่างแน่นอน

แต่เป็ดในมือกําลังจะบินจากไปแล้วแล้วเขาจะมัวยืนนิ่งอยู่ได้ยังไง

เขารีบพุ่งเข้ามาข้างหน้าทันที “คุณฟางเราคุยเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอครับ ? สิทธิพิเศษและส่วนลดที่พวกเราให้ต้องดีที่สุดในเมืองนี้แน่นอน

เสียงเพิ่งเงียบลง นายเฉิงคนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วพูดตรงหน้าฟางฉางเจียง
“ใช่ครับคุณฟางมันทําให้บริษัทเราประหยัดเงินไปเยอะเลยนะครับ !”

ผลลัพธ์ฟางฉางเจียงกลับพูดอย่างเย็นชา “ฮี ! บริษัทเราขาดเงินหรือไง ? ถ้าท่านรองผู้จัดการรู้ว่าผู้จัดการศูนย์นี้ให้รปภ.มาทําร้ายน้องชายทั้งสอง แล้วฉันยังซื้อรถจากที่นี่อีกพวกเราก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย ! นายกับฉันไม่มีวันได้ทํางานบริษัทต่อแน่”

รองผู้จัดการที่ฟางฉางเจียงพูดถึงก็คือคุณหนูใหญ่ของบริษัทพวกเขา เสี่ยวม่านนั่นเอง

พอนายเฉิงได้ยินแบบนั้น ในใจก็มีเสียงดัง “ก็” จากนั้นก็หันมามองผมและเหล่าเฟิงทันที

คิดไม่ถึงว่าผมและเหล่าเฟิงจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ของพวกเรา และจากคําพูดของฟางฉางเจียงท่าทางจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย

แล้วเขาจะกล้าพูดต่อได้ยังไง ต้องรู้ว่าคุณหนูใหญ่ก็แค่มาทํางานที่บริษัทลูกนี้ชั่วคราวและสร้างผลงานลวกๆให้คนในบริษัทเห็นเท่านั้น

หากคิดจะทํางานให้บริษัทนี้ประเภทนี้ต่อไปนอกจากมีผลงานแล้วยังต้องมีเส้นสายและคนคอยสนับสนุนด้วย

แล้วเขาจะกล้าไปผิดใจกับคุณหนูใหญ่และฟางฉางเจียงคนโปรดของคุณหนูใหญ่ตรงหน้าได้ยังไง

สมองของนายเฉินหมุนเร็วมาก เขาเงียบไปคู่หนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ต่อมาเขาก็หมุนตัวไปพูดกับผู้จัดการใหญ่ช่ายว่า “ผู้จัดการใหญ่ช่ายผมเชื่อใจคุณขนาดนี้พาคุณฟางมาดูแต่คุณดูพวกพนักงานของคุณซิใช้อํานาจรังแกคนอ่อนแอลูกค้าประเภทนี้ผมละอับอายจริงๆ แผนการซื้อก็ถือเป็นอันยกเลิก !”

ผู้จัดการใหญ่ช่ายหน้าเปลี่ยนสีอีกรอบตัวเขาเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม

ผู้จัดการหรูคนนั้น หน้าซีดและรู้สึกผิดทันที

เขาจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเราจะมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าระดับสูงครั้งนี้

ส่วนพนักงานขายสามคนนั้น ยืนตัวสั่นไม่รู้ว่าควรทําอะไรดี

แต่ผมกลับไม่ได้สนใจท่าทีของคนพวกนี้ผมแค่หันไปมองแวบนึงจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองด้านข้างมองเสี่ยวฟางที่กําลังเสียใจเพราะตกงานอยู่

ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้วผมเลยตัดสินใจจะช่วยเสี่ยวฟางสักครั้ง

ดังนั้นผมเลยพูดกับฟางฉางเจียงว่า “ผู้ช่วยฟางคุณช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหม ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 370 เป็นใคร

Now you are reading ศพ Chapter 370 เป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 370 เป็นใคร

ผู้จัดการเพิ่งพูดจบ รปภ.สี่คนนั้นก็ถือกระบองไฟฟ้าเดินเข้ามาหน้าตาดุดัน

ผมและเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ตกใจกับท่าทางของพวกเขา พวกเราเดินเองได้ แต่ยังไงก็ไม่มีทางโดนพวกเขาใช้กระบองไฟฟ้าขู่หรือโดนเตะออกไปเด็ดขาด

ถึงจะต้องออกไป พวกเราก็ต้องออกไปแบบมีหน้ามีตา

พอเห็นอีกฝ่ายเข้ามาหาเรื่องใกล้ขึ้นเรื่อยๆผมและเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ถอยหนีเลยสักนิดเราเตรียมปะทะกับอีกฝ่ายทันที

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงใครบางคนก็ดังขึ้น“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

เสียงดังมาก จากนั้นเราก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเรา
พอลองสังเกตดู ผมก็พบว่าพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นหนึ่งในนั้นก็คือฟางฉางเจียงผู้ช่วยของเสี่ยวม่าน

ตอนนี้ฟางฉางเจียงพาคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาทางนี้พอผู้จัดการคนนั้นเห็นฟางฉางเจียงท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที“คุณคุณฟางขอโทษด้วยครับ ที่นี่มีสถุนสองคนมาก่อเรื่องรบกวนคุณแล้วเดี๋ยวผมจะให้พวกเขาเตะออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ……”

หลังจากพูดจบ ผู้จัดการคนนั้นก็พูดกับรปภ.อีกครั้ง“ยังยืนบี้ออยู่ทําไมฮะ ? รีบลากพวกมันออกไปซะ !”

“ใครกล้าฮะ ?” จู่ๆฟางฉางเจียงก็ตะโกนออกมาทําให้โชว์รูมกลับมาเงียบอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็เห็นฟางฉางเจียงเดินเข้ามาหาผมกับเหล่าเฟิง

เมื่อเห็นฟางฉางเจียงเดินเข้ามา มุมปากของผมก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ฟางฉางเจียงกลับยื่นมือทั้งสองข้างออกมาอย่างรวดเร็ว“น้องติงน้องเฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอพวกนายที่นี่ !”

หลังจากพูดจบ ฟางฉางเจียงก็จับมือผมและเหล่าเฟิงอย่างสุภาพ เห็นได้ชัดว่าเขาดูเคารพพวกเราเป็นพิเศษ

ผู้จัดการหรูและเซลล์สามคนที่ทะเลาะกับพวกเราเมื่อกี้ทําหน้าเหวอทันที

“ผู้ช่วยฟาง ไม่ได้เจอกันมาสักพักจริงๆ ! ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ? แล้วที่ดินผืนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ ?”

ผมพูดแบบสบายๆ

“ขอบคุณน้องติงที่ห่วงกัน ผมสบายดีหลังจากวันนั้นเราก็เริ่มทํางานทุกอย่าง บวกกับนโยบายผลักดันของท่านรองผู้จัดการทําให้เราทํายอดขาย ก่อนกําหนดเปิดตัวได้ไม่เลวเลยครับทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพวกน้องทั้งสองมากจริงๆ !” ฟางฉางเจียงสุภาพมากเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อกี้เลย

และเพิ่งพูดจบ เขาก็มีใจเป็นห่วงเหล่าเฟิงอีกด้วย “ น้องเฟิงอาการบาดเจ็บของนายดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?

เมื่อหลายวันก่อนท่านรองผู้จัดการยังพูดถึง เรื่องนี้อยู่เลยแต่เพราะงานยุ่ง เราก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมนายสักที”

เฟิงเฉิวหานเป็นคุณชายเย็นชาเวลานี้เขาแค่ขยับเปลือกตาและตอบกลับอย่างไม่ใยดี “หายแล้ว !”

ฟางฉางเจียงก็ไม่ได้คิดมาก เขายังยิ้มเหมือนเดิม

แต่ฉากนี้ กลับทําให้เซลล์ทั้งโชว์รูม และพวกพนักงานจากบริษัทที่อยู่ข้างหลังฟางฉางเจียงก็อ้าปากตาค้างทันที

คุณฟางของพวกเขาเป็นใครกัน เขาเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงในบริษัทแม่ที่เป็นผู้นําด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของเมือง

อย่าว่าแต่เขาให้เกียรติคนอื่นเลยคนทั่วไปอยากเจอเขายังไม่ได้เจอเลย

แต่ตอนนี้ กลับกําลังสุภาพกับวัยรุ่นสองคนท่าทางสนิทสนมกันอีกต่างหาก

เด็กสองคนนี้เป็นใคร มีที่มาที่ไปยังไงหรือเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ไหนเหรอ

ลูกน้องของฟางฉางเจียงทําหน้าสงสัยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนผู้จัดการโชว์รูม ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เมื่อกี้ยังกล้าทําตัวหยิ่งยโสใส่พวกเรา มั่นใจว่าผมและเหล่าเฟิงไม่มีใครหนุนหลังเป็นแค่คนจนธรรมดาคนหนึ่ง

แต่เวลานี้กลับเห็นพวกเราและคุณฟางรู้จักกันเลยรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตา ต้องรู้ว่าคุณฟางเป็นลูกค้าระดับสูงพวกเขาเลยไม่อาจทําให้เขาไม่พอใจได้เด็ดขาด

ด้วยเหตุนี้ ผู้จัดการหรูเลยหันไปพูดเสียงสั่นกับผู้จัดการใหญ่ “ผู้ ผู้จัดการใหญ่เด็ก เด็กสองคนนี้เป็นใครกัน ?”

ผู้จัดการโชว์รูมก็ไม่รู้ เขาเลยส่ายหัวเบาๆ

ในเวลาเดียวกันก็พูดกับนายเฉิงที่อยู่ข้างๆ “คุณเฉิงทําไมคุณฟางถึงสุภาพกับเด็กสองคนนี้ขนาดนั้นละ ?”

นายเฉิงคนนี้ก็ไม่รู้เรื่องเขาเองก็ไม่รู้จักผมสองคน

แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้จักมันก็จะทําให้ตัวเองดูเสียหน้าไปหน่อยเขาเลยหาข้ออ้างแบบลวกๆ“ยังต้องถามอีกเหรอเห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นคุณชายมีชาติตระกูล ไม่อย่างนั้นคุณฟางของพวกเราจะลดตัวไปอย่างงั้นเหรอ ?”

พอผู้จัดการใหญ่ช่ายได้ยินแบบนั้น ก็ทําหน้าเข้าใจสถานการณ์ทันที

แต่ผู้จัดการหรูและเซลล์อีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเริ่มใจไม่ดีแล้ว พวกเขาแต่ละคนต่างสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วแอบพูดว่าจบเห่กัน

เมื่อกี้ยังดูถูกผมสองคน แต่ตอนนี้ได้ยินแล้วว่าเป็นคุณชายมีชาติตระกูลก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองไปทําให้คนสูงศักดิ์ไม่พอใจเข้าแล้ว

ในเวลานี้ ฟางฉางเจียงเริ่มพูดกับผมและเหล่าเฟิงอีกครั้ง “น้องชายทั้งสอง วันนี้โชคดีจริงๆคิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่คืนนี้ฉันเลี้ยงเองไปกินข้าวกัน”

ผมยิ้ม “ไม่ดีกว่าครับ ผมได้ยินว่าวันนี้คุณมาซื้อรถนิ !”

ฟางฉางเจียงพยักหน้า “อ๋อ ! เป็นแบบนั้นจริงๆเพราะตอนสิ้นปีท่านรองผู้จัดการบอกว่าปีนี้จะให้รางวัลพนักงานเป็นรถในเวลาเดียวกันบริษัทก็ต้องการซื้อรถไปใช้ติดต่อทําธุรกิจด้วยครับ ดังนั้นผมก็เลยมาดูเอาไว้สักหน่อย !”

แต่เสียงเขาเพิ่งเงียบลง ฟางฉางเจียงก็เริ่มกวาดสายตามองรปภ.ที่ยังถือกระบองไฟฟ้าอยู่และผู้จัดการหรูที่เป็นคนออกคําสั่งให้ลงมือกับพวกเขาเมื่อกี้

จากนั้นก็พูดขึ้นมาเสียงดังลั่น “แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนที่จะซื้อในศูนย์นี้ คงไม่มีอีกแล้วละ

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการรวมถึงพนักงานทุกคนในโชว์รูม ก็ตัวแข็งที่อในทันที

เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น โบนัสสิ้นปีของพวกเขาก็ไม่เหลือแล้ว

ผู้จัดการใหญ่ช่ายนั่งไม่ติดอีกต่อไปพวกเขาคือศูนย์ใหญ่ค้าขายได้โดยตรง

ถ้าเขาได้ลูกค้าคนนี้ หรือการค้านี้ไปครองตําแหน่งผู้จัดการประจําภาคที่ว่างอยู่ ก็ต้องเป็นของ เขาอย่างแน่นอน

แต่เป็ดในมือกําลังจะบินจากไปแล้วแล้วเขาจะมัวยืนนิ่งอยู่ได้ยังไง

เขารีบพุ่งเข้ามาข้างหน้าทันที “คุณฟางเราคุยเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอครับ ? สิทธิพิเศษและส่วนลดที่พวกเราให้ต้องดีที่สุดในเมืองนี้แน่นอน

เสียงเพิ่งเงียบลง นายเฉิงคนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วพูดตรงหน้าฟางฉางเจียง
“ใช่ครับคุณฟางมันทําให้บริษัทเราประหยัดเงินไปเยอะเลยนะครับ !”

ผลลัพธ์ฟางฉางเจียงกลับพูดอย่างเย็นชา “ฮี ! บริษัทเราขาดเงินหรือไง ? ถ้าท่านรองผู้จัดการรู้ว่าผู้จัดการศูนย์นี้ให้รปภ.มาทําร้ายน้องชายทั้งสอง แล้วฉันยังซื้อรถจากที่นี่อีกพวกเราก็รอรับผลที่จะตามมาได้เลย ! นายกับฉันไม่มีวันได้ทํางานบริษัทต่อแน่”

รองผู้จัดการที่ฟางฉางเจียงพูดถึงก็คือคุณหนูใหญ่ของบริษัทพวกเขา เสี่ยวม่านนั่นเอง

พอนายเฉิงได้ยินแบบนั้น ในใจก็มีเสียงดัง “ก็” จากนั้นก็หันมามองผมและเหล่าเฟิงทันที

คิดไม่ถึงว่าผมและเหล่าเฟิงจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณหนูใหญ่ของพวกเรา และจากคําพูดของฟางฉางเจียงท่าทางจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย

แล้วเขาจะกล้าพูดต่อได้ยังไง ต้องรู้ว่าคุณหนูใหญ่ก็แค่มาทํางานที่บริษัทลูกนี้ชั่วคราวและสร้างผลงานลวกๆให้คนในบริษัทเห็นเท่านั้น

หากคิดจะทํางานให้บริษัทนี้ประเภทนี้ต่อไปนอกจากมีผลงานแล้วยังต้องมีเส้นสายและคนคอยสนับสนุนด้วย

แล้วเขาจะกล้าไปผิดใจกับคุณหนูใหญ่และฟางฉางเจียงคนโปรดของคุณหนูใหญ่ตรงหน้าได้ยังไง

สมองของนายเฉินหมุนเร็วมาก เขาเงียบไปคู่หนึ่งสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ต่อมาเขาก็หมุนตัวไปพูดกับผู้จัดการใหญ่ช่ายว่า “ผู้จัดการใหญ่ช่ายผมเชื่อใจคุณขนาดนี้พาคุณฟางมาดูแต่คุณดูพวกพนักงานของคุณซิใช้อํานาจรังแกคนอ่อนแอลูกค้าประเภทนี้ผมละอับอายจริงๆ แผนการซื้อก็ถือเป็นอันยกเลิก !”

ผู้จัดการใหญ่ช่ายหน้าเปลี่ยนสีอีกรอบตัวเขาเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม

ผู้จัดการหรูคนนั้น หน้าซีดและรู้สึกผิดทันที

เขาจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเราจะมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าระดับสูงครั้งนี้

ส่วนพนักงานขายสามคนนั้น ยืนตัวสั่นไม่รู้ว่าควรทําอะไรดี

แต่ผมกลับไม่ได้สนใจท่าทีของคนพวกนี้ผมแค่หันไปมองแวบนึงจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองด้านข้างมองเสี่ยวฟางที่กําลังเสียใจเพราะตกงานอยู่

ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้วผมเลยตัดสินใจจะช่วยเสี่ยวฟางสักครั้ง

ดังนั้นผมเลยพูดกับฟางฉางเจียงว่า “ผู้ช่วยฟางคุณช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหม ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+