ศพ 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว

Now you are reading ศพ Chapter 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว

ในบรรดาสามคนนี้ เหล่าฉินมีพลังน้อยที่สุด

แต่เหล่าฉินกลับเป็นคนอารมณ์ร้อนที่สุด ตอนนี้เขาตะโกนเสียงดังลั่น บวกกับอาจารย์และท่านนักพรตตู่อยู่ขนาบข้าง ทําให้การเข้าแถวนี้ดูทรงพลังไม่น้อย

 

พอผีตานีตนนั้นได้ยินคําพูดนี้ เดิมก็ทําหน้าตกใจอยู่แล้ว ตอนนี้ เธอยังถอยไปอีกสองก้าว

“ นักพรตปราบ ปราบสิ่งชั่วร้าย ”

 

“ ใช่ ถ้าสํานึกผิดก็เข้ามาตายเอง เราจะเลือกรากพิการเอาไว้ให้แกเส้นหนึ่ง แต่ถ้าไม่ยอม งั้นก็ตายไปทั้งเหง้านั่นแหละ !” เหล่าฉินพูดออกมาอีกครั้ง ท่าทางน่าเกรงขามพอดู

 

อาจารย์และท่านนักพรตตู่ ตัวสั่น โคจรพลังของตัวเอง

พวกเขาระเบิดพลังออกมาทันที ขณะเดียวกันมันก็พุ่งไปหาหน้าของอีกฝ่าย

พอผีตานี้ตนนั้นสัมผัสได้ถึงพลังของพวกอาจารย์ เธอก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้

 

ตอนนี้เธอกําลังบาดเจ็บอยู่ เธอยังคิดว่ารอให้ถึงเวลาแล้ว ค่อยไปดูดพลังจากหลงอ่าวเทียนอีกสักรอบ

แบบนี้ เธอก็จะได้ฟื้นฟูบาดแผลของตัวเอง และหาอาหารบํารุงให้ตัวเองด้วย

แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเราจะมาถึงก่อน

 

แต่หลังจากผีตานีตกใจ เธอก็กลับมาใจเย็นอีกครั้ง เธอมองไปที่พวกอาจารย์แล้วพูดว่า

 

“ น้ําบ่อไม่ยุ่งกับน้ําคลอง ทําไมพวกแกต้องทําตัวเป็นศัตรูกับฉันด้วย ไม่กลัวฉันลากพวกแกลงนรกไปด้วยเหรอ ? ”

 

“ ฮี! เราทํางานแทนสวรรค์ มีศัตรูเป็นเรื่องปกติ อย่าพูดมาก เอาชีวิตมา! ” เหล่าฉินพูดออกมาอีกครั้ง

 

คราวนี้เขาตวัดดาบในมือ

ผีตานีเห็นเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไป

เธอทําท่าเยือกเย็น พูดออกมาอย่างดุร้าย “ ใช้กําลังข่มคนอื่น ฉันก็ไม่ได้รังแกง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ !”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ต่อจากนั้นผีตานีตนนั้นก็คํารามออกมา “ อ้า

หลังจากเสียงร้องจบลง ก็มีการเปลี่ยนแปลงสุดแปลกเกิดขึ้นกับผีตานีตนนี้

 

จู่ๆร่างกายของเธอ ก็มีควันสีเขียวพวยพุ่งออกมา

 

ต่อจากนั้น เส้นเลือดสีเขียวก็ผุดขึ้นมาบนผิวของเธอ เปลี่ยนสภาพได้น่าสยองสุดๆ

สิ่งที่น่าขนลุกยิ่งกว่านั้นคือ แขนขาทั้งสองข้างของเธอ ตอนนี้มันบวมขึ้น หรือจะเรียกว่าโตขึ้นก็ได้

เพียงชั่วพริบตาเดียว ใบหน้าของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปจากเดิม มันยาวกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด และใบหน้าที่งดงามเมื่อกี้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวและมีเขี้ยวงอกออกมาแล้ว

ผมเองก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ผิวก็กลายเป็นสีเขียวมันเงา และยังดูแข็งแรงมากอีกด้วย

 

บวกกับเส้นเอ็นสีเขียวที่ปูดออกมา สภาพแบบนั้นดูเหมือนเดอะ ฮัคในหนังอเมริกาไม่มีผิด

 

พวกเราที่อยู่ห่างออกไปมองกันตาค้าง แม้เจ้าผีตานียังมีลูกเล่นนี้ด้วย เธอยังแปลงกายได้อีก

 

ช่วงครึ่งเดือนนี้ หลงอ่าวเทียนนัวเนียกับยัยสัตว์ประหลาด เอ็นปูดนี้มาโดยตลอด

ถ้าเจ้านั้นมาเห็นสภาพแบบนี้ จะต้องอ้วกอาหารที่กินมาทั้งชีวิตออกมาแน่……

 

เหล่าฉินอ้าปากเล็กน้อย เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผีตานีตนนี้จะยังมีรูปร่างแบบนี้

หลังแปลงกายเสร็จผีตานีก็ถลึงตาสีเขียวคู่นั้น แล้วเปิดปากพูดกับเหล่าฉินและพวกอาจารย์

 

“ อยากเอาชีวิตฉัน ? งั้นก็เข้ามาซิ! ”

พอพูดจบ เท้าของผีตานีก็เขย่งขึ้น และพุ่งเข้ามาหาพวกเหล่าฉินทันที

 

“ ลงมือ ! ” ท่านนักพรตตู่ที่มีพลังเยอะที่สุดตอบสนองเป็นคนแรก

 

อาจารย์และเหล่าฉินก็กลืนน้ําลาย ยกดาบไม้ขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปปะทะทันที

ตอนที่พวกเขาเข้าไปใกล้ มือสองข้างของผีตานีตนนั้น ก็เปลี่ยนเป็นต้นกล้วย กวาดเป็นแนวนอนเข้ามาที่ท่านนักพรตตู่และอาจา

 

เมื่อคืนพวกเราก็โดนท่านี้เล่นงาน ถ้าโดนเข้าไปก็ไม่มีทางด้านได้เลย เพราะมันแรงมาก

 

ผมกังวลแทนอาจารย์และท่านนักพรตตู่จนเหงื่อตก แต่ขิงแก่ต้นนี้ยังร้อนแรงอยู่

ทั้งสองคนโค้งหลบกันได้อย่างน่าประหลาด ไม่ได้คิดจะต้านท่านี้ตรงๆ แต่เป็นพุ่งเข้าหาผีตานีตนนั้นแทน

ผีตานีก็ไม่กล้าให้พวกอาจารย์เข้ามาใกล้เกินไป เธอพ่นควันสีเขียวออกมา จากนั้นก็ถอยออกมาในทันที

 

ขณะที่พวกเขากําลังสู้กัน จู่ๆหยางเนิ่วก็พูดขึ้นมาว่า “ เราก็ควรลงมือได้แล้ว! ”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมถึงได้กลับมามีสติอีกครั้ง

เมื่อกี้ผมมองเพลิน จนลืมภารกิจของตัวเองไปเลย

 

ผมและเหล่าเฟิงพยักหน้า ใช้โอกาสที่ผีตานีกําลังสู้เลือดเดือดกับพวกอาจารย์อยู่ เข้าไปหาต้นกล้วยของผีตานีตนนี้อีกครั้ง

พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผีตานี้ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ําว่าพวกเรากําลังเข้าใกล้ที่สถิตร่างของเธอ

หลังจากนั้นประมาณสองนาที พวกเราก็มาหยุดอยู่ตรงต้นกล้วย

ต้นกล้วยต้นนี้เขียวใสผิดปกติ ใหญ่กว่าต้นที่อยู่ข้างๆถึงสองเท่าหัวปลี่สีเลือดด้านบน ก็เด่นสะดุดตาสุดๆ

ส่วนเชือกแดงของพวกเรา ในเวลานี้กําลังผูกติดอยู่กับลําต้น

เราสามคนไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด หลังหันมาสบตากัน พวกเราก็เอาพลั่วที่พกติดตัวออกมา เล็งและแทงเข้าไปที่ลําต้นทันที

 

ได้ยินเพียงเสียงดัง “ ฉีก ” พลั่วตัดแทงเข้าลําต้นตรงๆ ทันใดนั้นเองของเหลวสีแดงก็กระเซ็นออกมา

จากปากแผลของต้นกล้วย พร้อมด้วยกลิ่นเน่าเหม็น

 

ต่อจากนั้นตัวลําต้น ก็เกิดสั่นขึ้นมาสองสามครั้ง

 

ห่างออกไปผีตานีที่กําลังสู้อยู่กับพวกอาจารย์ ก็ร้อง “ อร้าย ” ขึ้นมาทันที เสี้ยววินาทีต่อมา “ อัก ”

เธอก็กระอักเลือดตามมาติดๆ และหันมามองทางพวกเราอย่างรวดเร็ว

 

ทันใดนั้นเองใบตองบนหัวพวกเรา ก็สั่นดัง “ พับพับพับ” ไ

 

หลังลงมือเสร็จ เราก็ไม่ได้ลังเลอะไรมากนัก พอยกพลั่วขึ้นได้เราก็แทงซ้ําทันที

 

เมื่อผีตานีที่อยู่ห่างออกไปเห็นแบบนั้น ก็เผยสีหน้าหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาทันที “ อย่านะ !”

แต่มันสายไปแล้ว พวกเราสามคนร่วมแรงกัน แทงเข้าที่ต้นอีกรอบแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน พวกอาจารย์ก็ใช้ช่องว่างที่ผีตานีกําลังสนใจเรา แยกย้ายกันลงมือ

“ ฉีก ” ดาบไม้ของทั้งสามคนแทงทะลุร่างที่บึกบึนของผีตานี

“ อร้าย !” ผีตานีกรีดร้องอีกครั้ง คราวนี้เธอสูญเสียพลังรบไปแล้ว

ย้อนมองมาทางฝั่งเรา ตอนนี้พวกเราสามคนร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ตัดต้นกล้วยให้ล้มครืนลงไปกับพื้นได้แล้ว

ตําแหน่งที่ขาดออกจากนั้น มีของเหลวสีแดงไหลออกมาไม่หยุด เหมือนกับเลือดสดๆไม่มีผิด เพียงของเหลวชนิดนี้เย็น ไม่อุ่น และยังมีกลิ่นเหม็นเน่า

ตอนลําต้นขาดออกจากกัน ผีตานีที่กําลังโดนแทงอยู่ ก็มีเสียงระเบิดดัง “ตูม ” กลายเป็นหมอกสีเขียว หลังจากนั้นเราก็เห็นแสงสีเขียวลูกหนึ่ง พุ่งเข้ามาหาแล้วสุดท้ายก็ดิ่งลงตรงลําต้นที่เหลือ

พวกอาจารย์รีบวิ่งเข้ามา มองต้นกล้วยที่มีของเหลวสีแดงไหลออกมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงดึง ฮี

ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ จะเก็บยัยปีศาจนี้เอาไว้ไม่ได้ รีบขุดมันออกจากดิน ทําลายเหง้ามันซะ! จะได้จัดการ มันให้สิ้นซาก”

 

“ ครับอาจารย์ ! ” ผมขานรับ

 

หลังจากนั้นเราสามคนก็ยกพลั่วเริ่มขุดกันทันที เตรียมทําลายรากเหง้าของยัยนี้ให้สิ้นซาก

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเย็นชา ดังมาจากส่วนลึกของป่ากล้วย “ ใครกล้ามาแตะน้องของเรา! ”

 

เสียงดังขึ้นอย่างกระทันหัน เหมือนกับเสียงระฆังยักษ์ ที่พุ่งมาทางพวกเราโดยเฉพาะ

 

รอบๆมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น เสียง “ ฮี่ฮี่ฮี่ ” ดังขึ้นไม่หยุด ใบตองที่อยู่รอบๆปลิวไปตามแรงลมดัง

“ พับพับพับ ”

 

ดูเหมือนกับพายุกําลังเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นฉากแบบนี้ ผมก็อดรู้สึกแน่นหน้าอกไม่ได้ ตามหาที่มาของเสียงทันที

วินาทีที่เราหันไป กลับพบว่าในความมืดที่อยู่ห่างออกไป จู่ๆมีคนสองคนกําลังเดินเข้ามา

พอลองมองให้ดีๆ สองคนนั้นเป็นผู้หญิงทั้งคู่ รูปร่างหน้าตางดงามไม่มีใครเปรียบ แต่บนตัวพวกเธอกลับแพร่จิตสังหารออกมาด้วย

 

ผมรู้ดีแก่ใจ พวกเธอไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผีนางตานีอีกสองตัว

 

แม้ภายนอกของพวกเธอจะดูเหมือนคน แต่ดวงตาคู่นั้น กลับเหมือนสัตว์ร้าย ภายใต้ความมืดมันเปล่งแสงสีเขียวเรืองแสง

 

ภายใต้ดวงตาสวรรค์ บนตัวพวกเธอยังปล่อยคลื่นไอปีศาจออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว

Now you are reading ศพ Chapter 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 300 สัตว์ประหลาดตัวเขียว

ในบรรดาสามคนนี้ เหล่าฉินมีพลังน้อยที่สุด

แต่เหล่าฉินกลับเป็นคนอารมณ์ร้อนที่สุด ตอนนี้เขาตะโกนเสียงดังลั่น บวกกับอาจารย์และท่านนักพรตตู่อยู่ขนาบข้าง ทําให้การเข้าแถวนี้ดูทรงพลังไม่น้อย

 

พอผีตานีตนนั้นได้ยินคําพูดนี้ เดิมก็ทําหน้าตกใจอยู่แล้ว ตอนนี้ เธอยังถอยไปอีกสองก้าว

“ นักพรตปราบ ปราบสิ่งชั่วร้าย ”

 

“ ใช่ ถ้าสํานึกผิดก็เข้ามาตายเอง เราจะเลือกรากพิการเอาไว้ให้แกเส้นหนึ่ง แต่ถ้าไม่ยอม งั้นก็ตายไปทั้งเหง้านั่นแหละ !” เหล่าฉินพูดออกมาอีกครั้ง ท่าทางน่าเกรงขามพอดู

 

อาจารย์และท่านนักพรตตู่ ตัวสั่น โคจรพลังของตัวเอง

พวกเขาระเบิดพลังออกมาทันที ขณะเดียวกันมันก็พุ่งไปหาหน้าของอีกฝ่าย

พอผีตานี้ตนนั้นสัมผัสได้ถึงพลังของพวกอาจารย์ เธอก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้

 

ตอนนี้เธอกําลังบาดเจ็บอยู่ เธอยังคิดว่ารอให้ถึงเวลาแล้ว ค่อยไปดูดพลังจากหลงอ่าวเทียนอีกสักรอบ

แบบนี้ เธอก็จะได้ฟื้นฟูบาดแผลของตัวเอง และหาอาหารบํารุงให้ตัวเองด้วย

แต่คิดไม่ถึงว่า พวกเราจะมาถึงก่อน

 

แต่หลังจากผีตานีตกใจ เธอก็กลับมาใจเย็นอีกครั้ง เธอมองไปที่พวกอาจารย์แล้วพูดว่า

 

“ น้ําบ่อไม่ยุ่งกับน้ําคลอง ทําไมพวกแกต้องทําตัวเป็นศัตรูกับฉันด้วย ไม่กลัวฉันลากพวกแกลงนรกไปด้วยเหรอ ? ”

 

“ ฮี! เราทํางานแทนสวรรค์ มีศัตรูเป็นเรื่องปกติ อย่าพูดมาก เอาชีวิตมา! ” เหล่าฉินพูดออกมาอีกครั้ง

 

คราวนี้เขาตวัดดาบในมือ

ผีตานีเห็นเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไป

เธอทําท่าเยือกเย็น พูดออกมาอย่างดุร้าย “ ใช้กําลังข่มคนอื่น ฉันก็ไม่ได้รังแกง่ายๆขนาดนั้นหรอกนะ !”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ต่อจากนั้นผีตานีตนนั้นก็คํารามออกมา “ อ้า

หลังจากเสียงร้องจบลง ก็มีการเปลี่ยนแปลงสุดแปลกเกิดขึ้นกับผีตานีตนนี้

 

จู่ๆร่างกายของเธอ ก็มีควันสีเขียวพวยพุ่งออกมา

 

ต่อจากนั้น เส้นเลือดสีเขียวก็ผุดขึ้นมาบนผิวของเธอ เปลี่ยนสภาพได้น่าสยองสุดๆ

สิ่งที่น่าขนลุกยิ่งกว่านั้นคือ แขนขาทั้งสองข้างของเธอ ตอนนี้มันบวมขึ้น หรือจะเรียกว่าโตขึ้นก็ได้

เพียงชั่วพริบตาเดียว ใบหน้าของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปจากเดิม มันยาวกว่าเมื่อกี้อย่างเห็นได้ชัด และใบหน้าที่งดงามเมื่อกี้ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวและมีเขี้ยวงอกออกมาแล้ว

ผมเองก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ผิวก็กลายเป็นสีเขียวมันเงา และยังดูแข็งแรงมากอีกด้วย

 

บวกกับเส้นเอ็นสีเขียวที่ปูดออกมา สภาพแบบนั้นดูเหมือนเดอะ ฮัคในหนังอเมริกาไม่มีผิด

 

พวกเราที่อยู่ห่างออกไปมองกันตาค้าง แม้เจ้าผีตานียังมีลูกเล่นนี้ด้วย เธอยังแปลงกายได้อีก

 

ช่วงครึ่งเดือนนี้ หลงอ่าวเทียนนัวเนียกับยัยสัตว์ประหลาด เอ็นปูดนี้มาโดยตลอด

ถ้าเจ้านั้นมาเห็นสภาพแบบนี้ จะต้องอ้วกอาหารที่กินมาทั้งชีวิตออกมาแน่……

 

เหล่าฉินอ้าปากเล็กน้อย เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าผีตานีตนนี้จะยังมีรูปร่างแบบนี้

หลังแปลงกายเสร็จผีตานีก็ถลึงตาสีเขียวคู่นั้น แล้วเปิดปากพูดกับเหล่าฉินและพวกอาจารย์

 

“ อยากเอาชีวิตฉัน ? งั้นก็เข้ามาซิ! ”

พอพูดจบ เท้าของผีตานีก็เขย่งขึ้น และพุ่งเข้ามาหาพวกเหล่าฉินทันที

 

“ ลงมือ ! ” ท่านนักพรตตู่ที่มีพลังเยอะที่สุดตอบสนองเป็นคนแรก

 

อาจารย์และเหล่าฉินก็กลืนน้ําลาย ยกดาบไม้ขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปปะทะทันที

ตอนที่พวกเขาเข้าไปใกล้ มือสองข้างของผีตานีตนนั้น ก็เปลี่ยนเป็นต้นกล้วย กวาดเป็นแนวนอนเข้ามาที่ท่านนักพรตตู่และอาจา

 

เมื่อคืนพวกเราก็โดนท่านี้เล่นงาน ถ้าโดนเข้าไปก็ไม่มีทางด้านได้เลย เพราะมันแรงมาก

 

ผมกังวลแทนอาจารย์และท่านนักพรตตู่จนเหงื่อตก แต่ขิงแก่ต้นนี้ยังร้อนแรงอยู่

ทั้งสองคนโค้งหลบกันได้อย่างน่าประหลาด ไม่ได้คิดจะต้านท่านี้ตรงๆ แต่เป็นพุ่งเข้าหาผีตานีตนนั้นแทน

ผีตานีก็ไม่กล้าให้พวกอาจารย์เข้ามาใกล้เกินไป เธอพ่นควันสีเขียวออกมา จากนั้นก็ถอยออกมาในทันที

 

ขณะที่พวกเขากําลังสู้กัน จู่ๆหยางเนิ่วก็พูดขึ้นมาว่า “ เราก็ควรลงมือได้แล้ว! ”

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมถึงได้กลับมามีสติอีกครั้ง

เมื่อกี้ผมมองเพลิน จนลืมภารกิจของตัวเองไปเลย

 

ผมและเหล่าเฟิงพยักหน้า ใช้โอกาสที่ผีตานีกําลังสู้เลือดเดือดกับพวกอาจารย์อยู่ เข้าไปหาต้นกล้วยของผีตานีตนนี้อีกครั้ง

พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผีตานี้ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ําว่าพวกเรากําลังเข้าใกล้ที่สถิตร่างของเธอ

หลังจากนั้นประมาณสองนาที พวกเราก็มาหยุดอยู่ตรงต้นกล้วย

ต้นกล้วยต้นนี้เขียวใสผิดปกติ ใหญ่กว่าต้นที่อยู่ข้างๆถึงสองเท่าหัวปลี่สีเลือดด้านบน ก็เด่นสะดุดตาสุดๆ

ส่วนเชือกแดงของพวกเรา ในเวลานี้กําลังผูกติดอยู่กับลําต้น

เราสามคนไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด หลังหันมาสบตากัน พวกเราก็เอาพลั่วที่พกติดตัวออกมา เล็งและแทงเข้าไปที่ลําต้นทันที

 

ได้ยินเพียงเสียงดัง “ ฉีก ” พลั่วตัดแทงเข้าลําต้นตรงๆ ทันใดนั้นเองของเหลวสีแดงก็กระเซ็นออกมา

จากปากแผลของต้นกล้วย พร้อมด้วยกลิ่นเน่าเหม็น

 

ต่อจากนั้นตัวลําต้น ก็เกิดสั่นขึ้นมาสองสามครั้ง

 

ห่างออกไปผีตานีที่กําลังสู้อยู่กับพวกอาจารย์ ก็ร้อง “ อร้าย ” ขึ้นมาทันที เสี้ยววินาทีต่อมา “ อัก ”

เธอก็กระอักเลือดตามมาติดๆ และหันมามองทางพวกเราอย่างรวดเร็ว

 

ทันใดนั้นเองใบตองบนหัวพวกเรา ก็สั่นดัง “ พับพับพับ” ไ

 

หลังลงมือเสร็จ เราก็ไม่ได้ลังเลอะไรมากนัก พอยกพลั่วขึ้นได้เราก็แทงซ้ําทันที

 

เมื่อผีตานีที่อยู่ห่างออกไปเห็นแบบนั้น ก็เผยสีหน้าหวาดกลัว แล้วตะโกนออกมาทันที “ อย่านะ !”

แต่มันสายไปแล้ว พวกเราสามคนร่วมแรงกัน แทงเข้าที่ต้นอีกรอบแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน พวกอาจารย์ก็ใช้ช่องว่างที่ผีตานีกําลังสนใจเรา แยกย้ายกันลงมือ

“ ฉีก ” ดาบไม้ของทั้งสามคนแทงทะลุร่างที่บึกบึนของผีตานี

“ อร้าย !” ผีตานีกรีดร้องอีกครั้ง คราวนี้เธอสูญเสียพลังรบไปแล้ว

ย้อนมองมาทางฝั่งเรา ตอนนี้พวกเราสามคนร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ตัดต้นกล้วยให้ล้มครืนลงไปกับพื้นได้แล้ว

ตําแหน่งที่ขาดออกจากนั้น มีของเหลวสีแดงไหลออกมาไม่หยุด เหมือนกับเลือดสดๆไม่มีผิด เพียงของเหลวชนิดนี้เย็น ไม่อุ่น และยังมีกลิ่นเหม็นเน่า

ตอนลําต้นขาดออกจากกัน ผีตานีที่กําลังโดนแทงอยู่ ก็มีเสียงระเบิดดัง “ตูม ” กลายเป็นหมอกสีเขียว หลังจากนั้นเราก็เห็นแสงสีเขียวลูกหนึ่ง พุ่งเข้ามาหาแล้วสุดท้ายก็ดิ่งลงตรงลําต้นที่เหลือ

พวกอาจารย์รีบวิ่งเข้ามา มองต้นกล้วยที่มีของเหลวสีแดงไหลออกมา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเค้นเสียงดึง ฮี

ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ จะเก็บยัยปีศาจนี้เอาไว้ไม่ได้ รีบขุดมันออกจากดิน ทําลายเหง้ามันซะ! จะได้จัดการ มันให้สิ้นซาก”

 

“ ครับอาจารย์ ! ” ผมขานรับ

 

หลังจากนั้นเราสามคนก็ยกพลั่วเริ่มขุดกันทันที เตรียมทําลายรากเหง้าของยัยนี้ให้สิ้นซาก

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงเย็นชา ดังมาจากส่วนลึกของป่ากล้วย “ ใครกล้ามาแตะน้องของเรา! ”

 

เสียงดังขึ้นอย่างกระทันหัน เหมือนกับเสียงระฆังยักษ์ ที่พุ่งมาทางพวกเราโดยเฉพาะ

 

รอบๆมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น เสียง “ ฮี่ฮี่ฮี่ ” ดังขึ้นไม่หยุด ใบตองที่อยู่รอบๆปลิวไปตามแรงลมดัง

“ พับพับพับ ”

 

ดูเหมือนกับพายุกําลังเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นฉากแบบนี้ ผมก็อดรู้สึกแน่นหน้าอกไม่ได้ ตามหาที่มาของเสียงทันที

วินาทีที่เราหันไป กลับพบว่าในความมืดที่อยู่ห่างออกไป จู่ๆมีคนสองคนกําลังเดินเข้ามา

พอลองมองให้ดีๆ สองคนนั้นเป็นผู้หญิงทั้งคู่ รูปร่างหน้าตางดงามไม่มีใครเปรียบ แต่บนตัวพวกเธอกลับแพร่จิตสังหารออกมาด้วย

 

ผมรู้ดีแก่ใจ พวกเธอไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผีนางตานีอีกสองตัว

 

แม้ภายนอกของพวกเธอจะดูเหมือนคน แต่ดวงตาคู่นั้น กลับเหมือนสัตว์ร้าย ภายใต้ความมืดมันเปล่งแสงสีเขียวเรืองแสง

 

ภายใต้ดวงตาสวรรค์ บนตัวพวกเธอยังปล่อยคลื่นไอปีศาจออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+