ศพ 270 อาจารย์ต้องห้าม

Now you are reading ศพ Chapter 270 อาจารย์ต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 270 อาจารย์ต้องห้าม

 

เจิงต้าจือเปลี่ยนประเด็น พูดซ้ําๆอึ้งๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดออกมา

 

เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น ผมก็พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาทันที“เป็นอะไร ? ยังไม่อยากพูดออกมาละซิ ? ”

 

หน้าเจิงต้าจือกระตุกสองสามครั้ง หลังจากนั้นถึงได้ค่อยๆเงยหน้ามองผม “ พูด พูดอะไรละ ? ฉัน ฉันไม่รู้อะไรเลยอาจารย์อะไร…”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ พวกเราก็เงียบในทันที

 

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งต้าจือกําลังโกหก ไม่รู้อะไรได้ยังไง?เห็นอยู่ชัดๆว่าเขารู้ดีแก่ใจ

 

แต่เมื่อเห็นท่าทีของเขา เขาเองก็น่าจะกลัว “อาจารย์ ” คนนี้มากทําให้ลืมความกลัวว่าจะโดนเราอัดไป

 

ถึงได้กล้าพูดโกหกอีกครั้ง

 

ผมทําหน้านิ่ง พูดต่อว่า “ แล้วแกไม่กลัวเราจะอัดแกจนตายเหรอ ? ”

 

* กลัว กลัว แต่ แต่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์นั่นจริงๆพวกท่านพวกท่านปล่อยฉันไปเถอะ ! สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว…” เพิ่งต้าจือพูดด้วยความหวาดกลัว

 

แต่ พวกเราไม่มีความเมตตาต่อเขาเลยสักนิด

เสียงดังฮีแล้วถีบเจิงต้าจืออย่างไม่ลังเล เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆก็ทนไม่ไหวนานแล้ว

 

เมื่อเห็นผมลงมือในเวลานี้ และทุกคนยังเข้ามารุมซ้อมเพิ่งต้าจืออย่างรุนแรง

 

เจิงต้าจือก็โดนอัดจนร้องเสียงหลงอีกครั้ง “ โอ๊ยโอ๊ย ” เห็นได้ชัดว่าเขากําลังทรมานมาก

 

แต่พวกเรากลับรู้สึกว่าวิธีลงมือของตัวเองไม่ได้โหดร้ายถึงขนาดนั้นเมื่อคิดถึงพวกผู้หญิงที่โดนเจ้าหมอนี่ทําลาย พวกเราก็ถือว่าลงมือกับเขานุ่มนวลที่สุดแล้ว

 

“ แกจะพูดออกมาไหมฮะ ? ” หยางเฉ่วกระทืบไปถามไป

 

แต่เจ้าหมอนี่กลับยังไม่ยอมพูดออกมา มันยังแกล้ง ทําเป็นไม่รู้พูดอะไรไม่ชัดเจนสักอย่างเราจึงไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดี

 

เมื่อเห็นเจ้าหมอนี่ยังปากแข็งถึงขนาดนี้ จึงทําได้เพียง อัดมันต่อไปทําให้มันทรมานจนยอมพูดออกมา

 

หลังจาดอัดไปประมาณสี่ห้านาที เจ้าหมอนี่ก็ แทบโดนอัดจนวิญญาณจะแตกสลาย แต่มันก็ยังไม่ยอมพูดออกมา

 

นี่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดมาก่อน คิดไม่ออกจริงๆว่า เจ้าผีกลัวตายตนหนึ่งจะมีความรู้สึกกับ “ อาจารย์ ” คนนี้แบบไหนกันแน่เป็นความกลัวหวาดระแวงเคารพ

 

หรือเป็นอย่างอื่น ถึงได้ปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาแม้แต่คําเดียวแบบนี้

 

เมื่อเห็นเจิงต้าจือนอนบนพื้นปางตาย ดวงวิญญาณอ่อนแรงพวกเราก็หยุดมือ

 

หากยังอัดต่อไป วิญญาณของเขาจะต้องแตกสลายจริงๆ แน่

 

“ เหล่าติง ตอนนี้เราจะทํายังไงดี ? ” เหล่าเฟิงพูดเขาเองก็ไม่รู้จะทํายังไง

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ นอกจากเจ้าหมอนี่แล้วตรงนั้นยังมีอีกหนึ่งตัวไม่ใช่เหรอ ? ถามเจ้านี่ไม่ได้งั้นเราก็เปลี่ยนไปถามอีกตัวซิ ! ”

 

เมื่อเหล่าเพิ่งได้ยินแบบนั้น ก็พยักหน้ารับทันที

 

จากนั้นก็หันไปมองสภาพที่ไม่ต่างจากตายแล้วของเจิงต้าจือ “ แล้วจะทํายังไงกับเจ้าหมอนี่ละ ?”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ยังไม่รอให้ผมตอบ หยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆก็ชิงพูดว่า “ สิ่งที่เจ้าสัตว์เดรัจฉานี่ทํามันน่ารังเกียจเกินไปไม่ฆ่ามันคงระบายความแค้นให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อพวกนั้นได้ยาก !”

 

หลังจากพูดจบ หยางเนิ่วก็ดึงดาบไม้ออกมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีจิตสังหารอยู่แล้วตอนนี้กําลังจะลงมือฆ่าเจิงต้าจือแล้ว

 

ผมและเหล่าเฟิงต่างเงียบไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

หยางเฉ่วพูดถูก เจ้าเพิ่งต้าจือทําชั่วช้าและน่ารังเกียจเอาไว้มากเกินไป

 

สําหรับผีลามกแบบนี้ไม่ฆ่ามันคงล้างแค้นให้ผู้หญิงเหล่านั้นได้ยาก

 

เพิ่งต้าจือเห็นหยางเฉ่วจะลงมือฆ่าเขา จึงตกใจจนหน้าซีดตัวสั่นปากสั่นระริก “ อย่า อย่าฆ่าฉัน ฉัน ฉันสํานึกผิดแล้วจริงๆ ”

 

หยางเนิ่วพูดหน้าตายด้าน “ สํานึกผิด ? สํานึกผิดแล้วมันล้างบาปที่แกก่อได้เหรอฮะ ? ไปตายซะเถอะ !”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ดาบของหยางเนิ่วก็ฟันออกไปแล้ว

 

“ อ้า ! ” เพิ่งต้าจือร้องอย่างโหยหวนดาบไม้แทงทะลุร่างเขาทันที

 

วินาทีที่เพิ่งต้าจือโดนแทง พลังวิญญาณทั้งหมดก็แตกสลายอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยเสียง “ ปัง” ดังตามมาติดๆ

 

ผมและเหล่าเพิ่งมองดูทุกอย่างตรงหน้า สีหน้าไร้อารมณ์ผีลามกแบบนี้สมควรตายแล้ว วิญญาณแตกสลายเป็นจุดจบที่มันควรได้รับแล้ว

 

เพียงแต่ตอนที่วิญญาณของเจิงต้าจือแตกสลายหายไปแล้วนั้นดวงตาอันเฉียบคมของหยางเฉวกลับทําท่าประหลาดใจอยู่พักหนึ่งเธอก้มตัวไปมอง “ นี่คืออะไร ? ”

 

ขณะพูด หยางเฉ่วก็เหมือนเก็บอะไรบางอย่างขึ้นมา

 

หยางเฉ่วสังเกตมันอยู่แป๊บหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมา “ พวกนายดูซินี่คืออะไร ? ”

หลังพูดจบหยางเนิ่วก็ยื่นกระดาษแผ่นสีดํามาทางพวก เรา

 

ผมและเหล่าเฟิงก็สงสัยมาก จึงหันมามองทันที

 

ผมพบว่าในมือหยางเฉ่ว คือกระดาษรูปคนหนึ่งแผ่น มันมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือสีดําเหมือนสีหมึก

 

“ เจ้านี่เหมือนจะหล่นลงมาหลังวิญญาณเจิงต้า จือแตกสลายไปแล้ว !” หยางเฉ่วพูด

 

ผมและเหล่าเฟิงขมวดคิ้ว นําของมาถือไว้ในมือแต่พอมองดูดีๆแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่า หลังวิญญาณแตกสลายไปแล้วจะมีของหล่นลงมาด้วย

 

นี่ไม่ใช่แบบที่จะหล่นลงมา หลังจากฆ่ามอนสเตอร์ในเกมได้แล้วสักหน่อย

 

เหล่าเฟิงส่ายหัว “ ต้องเก็บเจ้านี้ให้ดีๆในเมื่อเราไม่เข้าใจงั้นก็รอให้กลับไปแล้วค่อยเอาไปให้อาจารย์ของฉันกับพวกลุงติงดูอีกทีไม่แน่พวกเขาอาจรู้อะไรบ้างก็ได้ !”

 

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราจึงทําได้เพียงเท่านี้

 

ดังนั้นหยางเนิ่วจึงเอากระดาษสีดํานั่นยื่นให้เหล่าเฟิงจากนั้นเหล่าเฟิงก็เก็บมันอย่างระมัดระวัง

 

ต่อไปนั้น ก็เหลือแค่ผีผอมสูงที่โดนผนึกเอาไว้บนพื้นแล้ว

 

ผมจับดาบไม้ค่อยๆเดินเข้าไป เมื่อมาถึงตรงหน้ามันแล้วเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ดึงยันต์ที่ผนึกเจ้าหมอนั้นเอาไว้ตรงๆแต่เป็นประสานมือผนึกแก่นพลังหยินเจ้าหมอนั้นเอาไว้ก่อน แล้วถึงดึงยันต์ของเขาออกเพื่อจะได้คุยกับเจ้าหมอนั้นตรงๆ

 

วินาทีที่ดึงยันต์ออก ผีผู้ชายตนนั้นก็จ้องเราอย่างดุร้าย

 

ใบหน้าโหดเหี้ยม เห็นพวกเราขวางอยู่ข้างหน้าก็คิดจะฝ่าออกไป

 

แต่ไม่รอให้เขาได้ลงมือ ดาบในมือของเราสามคนก็พาดอยู่บนคอของเขาแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน ผีผู้ชายตนนี้ก็รู้ตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันว่าตอนนี้ตัวเองเรียกใช้พลังไม่ได้ ไม่สามารถดึงพลังออกมา ทําอะไรได้เลย

 

สภาพในตอนนี้ของเขาอย่าว่าแต่สู้กับเราเลย แม้แต่เขาจะหนีก็คงไม่มีแรงทําด้วยซ้ํา !

 

“ พวกแก พวกแกผนึกแก่นพลังของข้า ! ” ผีผู้ชายตนนั้นพูดอย่างดุร้าย

 

พวกเราไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา และไม่อยากพูดได้สาระกับผู้ตนนี้จึงพูดอย่างเย็นชากับเขาว่า

 

* บอกเรามา อาจารย์คือใคร ? เขามีชีวิตอยู่ในรูปแบบไหน ? ”

 

เมื่อผีผู้ชายได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ไม่ได้ตอบกลับตั้งแต่วนาทีแรกแต่เป็นหันไปมองรอบๆแทน หลังจากนั้นถึงได้ใช้จ มูกดมพักหนึ่ง

 

จากนั้น ถึงได้ตอบว่า “ พวกแกฆ่าเจ้าโง่เจิงต้าจือแล้วเหรอ ? ”

 

แม้ผีผู้ชายจะไม่ยอมตอบคําถาม แต่ผมก็ตอบเขาว่า “ ใช่ !ถ้าแกไม่ร่วมมือต่อไปก็จะเป็นตาของแก ! ”

 

ผีผู้ชายไม่เหมือนกับเฉิงต้าจือ เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ยัง หัวเราะ “ ฮ่าๆ ”อย่างบ้าคลั่ง “ พวกแกสามคนน่ะเหรอ ? จะฆ่าข้าได้จริงๆ ? ”

 

โอ้โห ! สมองเจ้าผีนี่คงไม่ได้มีปัญหาหรอกมั้ง ? โดนดาบจี้คอขนาดนี้แล้วยังกล้าพูดจาอวดดีอีก

 

“ ฮีๆ ! คุยโวไม่ละอายใจเลยนะ ” หยางเนิ่วพูดอย่างเย้นชา

 

ผีผู้ชายไม่สนใจเลยสักนิด จู่ๆมุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ค่อยหลับตาจากนั้นก็พูดว่า “ดูเหมือน ต้องอุ่นเครื่องสักหน่อยแล้วแฮะ ! ”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ พวกเราก็ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย

 

หรือว่า เจ้าผีนี่ยังมีความสามารถอย่างอื่นอีก แต่เขาตกอ ยู่ในสภาพนี้แล้วจะยังทําอะไรได้อีก

 

ผลลัพธ์เพิ่งคิดถึงตรงนี้ เจ้าผีผู้ชายตนนั้นก็จ้องอย่างดุร้ายตัวสั่นไปหมด

 

ทันใดนั้นเอง แรงระเบิดของพลังหยินอันทรงพลังก็แพร่กระจายออกมาร่างผีตนนั้น มันทรงพลังมาก

 

จนพัดเราสามคนกระเด็นออกไปทันที

 

ไม่รอให้พวกเราได้เข้าไปใกล้อีกครั้ง จู่ๆผีผู้ชาย ก็กรีดร้องออกมาแก่นพลังที่โดนผนึกเอาไว้ก็โดนทํา ลายในทันที

 

พร้อมกันนั้นตรงหน้าผากก็มีรอยแยก ดวงตาสีขาว โพนลูกหนึ่งปรากฏสู่สายตาของทุกคน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 270 อาจารย์ต้องห้าม

Now you are reading ศพ Chapter 270 อาจารย์ต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 270 อาจารย์ต้องห้าม

 

เจิงต้าจือเปลี่ยนประเด็น พูดซ้ําๆอึ้งๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดออกมา

 

เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น ผมก็พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาทันที“เป็นอะไร ? ยังไม่อยากพูดออกมาละซิ ? ”

 

หน้าเจิงต้าจือกระตุกสองสามครั้ง หลังจากนั้นถึงได้ค่อยๆเงยหน้ามองผม “ พูด พูดอะไรละ ? ฉัน ฉันไม่รู้อะไรเลยอาจารย์อะไร…”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ พวกเราก็เงียบในทันที

 

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งต้าจือกําลังโกหก ไม่รู้อะไรได้ยังไง?เห็นอยู่ชัดๆว่าเขารู้ดีแก่ใจ

 

แต่เมื่อเห็นท่าทีของเขา เขาเองก็น่าจะกลัว “อาจารย์ ” คนนี้มากทําให้ลืมความกลัวว่าจะโดนเราอัดไป

 

ถึงได้กล้าพูดโกหกอีกครั้ง

 

ผมทําหน้านิ่ง พูดต่อว่า “ แล้วแกไม่กลัวเราจะอัดแกจนตายเหรอ ? ”

 

* กลัว กลัว แต่ แต่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์นั่นจริงๆพวกท่านพวกท่านปล่อยฉันไปเถอะ ! สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว…” เพิ่งต้าจือพูดด้วยความหวาดกลัว

 

แต่ พวกเราไม่มีความเมตตาต่อเขาเลยสักนิด

เสียงดังฮีแล้วถีบเจิงต้าจืออย่างไม่ลังเล เหล่าเฟิงและหยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆก็ทนไม่ไหวนานแล้ว

 

เมื่อเห็นผมลงมือในเวลานี้ และทุกคนยังเข้ามารุมซ้อมเพิ่งต้าจืออย่างรุนแรง

 

เจิงต้าจือก็โดนอัดจนร้องเสียงหลงอีกครั้ง “ โอ๊ยโอ๊ย ” เห็นได้ชัดว่าเขากําลังทรมานมาก

 

แต่พวกเรากลับรู้สึกว่าวิธีลงมือของตัวเองไม่ได้โหดร้ายถึงขนาดนั้นเมื่อคิดถึงพวกผู้หญิงที่โดนเจ้าหมอนี่ทําลาย พวกเราก็ถือว่าลงมือกับเขานุ่มนวลที่สุดแล้ว

 

“ แกจะพูดออกมาไหมฮะ ? ” หยางเฉ่วกระทืบไปถามไป

 

แต่เจ้าหมอนี่กลับยังไม่ยอมพูดออกมา มันยังแกล้ง ทําเป็นไม่รู้พูดอะไรไม่ชัดเจนสักอย่างเราจึงไม่รู้จะพูดกับมันยังไงดี

 

เมื่อเห็นเจ้าหมอนี่ยังปากแข็งถึงขนาดนี้ จึงทําได้เพียง อัดมันต่อไปทําให้มันทรมานจนยอมพูดออกมา

 

หลังจาดอัดไปประมาณสี่ห้านาที เจ้าหมอนี่ก็ แทบโดนอัดจนวิญญาณจะแตกสลาย แต่มันก็ยังไม่ยอมพูดออกมา

 

นี่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดมาก่อน คิดไม่ออกจริงๆว่า เจ้าผีกลัวตายตนหนึ่งจะมีความรู้สึกกับ “ อาจารย์ ” คนนี้แบบไหนกันแน่เป็นความกลัวหวาดระแวงเคารพ

 

หรือเป็นอย่างอื่น ถึงได้ปากแข็งไม่ยอมพูดออกมาแม้แต่คําเดียวแบบนี้

 

เมื่อเห็นเจิงต้าจือนอนบนพื้นปางตาย ดวงวิญญาณอ่อนแรงพวกเราก็หยุดมือ

 

หากยังอัดต่อไป วิญญาณของเขาจะต้องแตกสลายจริงๆ แน่

 

“ เหล่าติง ตอนนี้เราจะทํายังไงดี ? ” เหล่าเฟิงพูดเขาเองก็ไม่รู้จะทํายังไง

 

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ นอกจากเจ้าหมอนี่แล้วตรงนั้นยังมีอีกหนึ่งตัวไม่ใช่เหรอ ? ถามเจ้านี่ไม่ได้งั้นเราก็เปลี่ยนไปถามอีกตัวซิ ! ”

 

เมื่อเหล่าเพิ่งได้ยินแบบนั้น ก็พยักหน้ารับทันที

 

จากนั้นก็หันไปมองสภาพที่ไม่ต่างจากตายแล้วของเจิงต้าจือ “ แล้วจะทํายังไงกับเจ้าหมอนี่ละ ?”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ยังไม่รอให้ผมตอบ หยางเนิ่วที่อยู่ข้างๆก็ชิงพูดว่า “ สิ่งที่เจ้าสัตว์เดรัจฉานี่ทํามันน่ารังเกียจเกินไปไม่ฆ่ามันคงระบายความแค้นให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อพวกนั้นได้ยาก !”

 

หลังจากพูดจบ หยางเนิ่วก็ดึงดาบไม้ออกมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีจิตสังหารอยู่แล้วตอนนี้กําลังจะลงมือฆ่าเจิงต้าจือแล้ว

 

ผมและเหล่าเฟิงต่างเงียบไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

หยางเฉ่วพูดถูก เจ้าเพิ่งต้าจือทําชั่วช้าและน่ารังเกียจเอาไว้มากเกินไป

 

สําหรับผีลามกแบบนี้ไม่ฆ่ามันคงล้างแค้นให้ผู้หญิงเหล่านั้นได้ยาก

 

เพิ่งต้าจือเห็นหยางเฉ่วจะลงมือฆ่าเขา จึงตกใจจนหน้าซีดตัวสั่นปากสั่นระริก “ อย่า อย่าฆ่าฉัน ฉัน ฉันสํานึกผิดแล้วจริงๆ ”

 

หยางเนิ่วพูดหน้าตายด้าน “ สํานึกผิด ? สํานึกผิดแล้วมันล้างบาปที่แกก่อได้เหรอฮะ ? ไปตายซะเถอะ !”

 

เสียงเพิ่งเงียบลง ดาบของหยางเนิ่วก็ฟันออกไปแล้ว

 

“ อ้า ! ” เพิ่งต้าจือร้องอย่างโหยหวนดาบไม้แทงทะลุร่างเขาทันที

 

วินาทีที่เพิ่งต้าจือโดนแทง พลังวิญญาณทั้งหมดก็แตกสลายอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยเสียง “ ปัง” ดังตามมาติดๆ

 

ผมและเหล่าเพิ่งมองดูทุกอย่างตรงหน้า สีหน้าไร้อารมณ์ผีลามกแบบนี้สมควรตายแล้ว วิญญาณแตกสลายเป็นจุดจบที่มันควรได้รับแล้ว

 

เพียงแต่ตอนที่วิญญาณของเจิงต้าจือแตกสลายหายไปแล้วนั้นดวงตาอันเฉียบคมของหยางเฉวกลับทําท่าประหลาดใจอยู่พักหนึ่งเธอก้มตัวไปมอง “ นี่คืออะไร ? ”

 

ขณะพูด หยางเฉ่วก็เหมือนเก็บอะไรบางอย่างขึ้นมา

 

หยางเฉ่วสังเกตมันอยู่แป๊บหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นมา “ พวกนายดูซินี่คืออะไร ? ”

หลังพูดจบหยางเนิ่วก็ยื่นกระดาษแผ่นสีดํามาทางพวก เรา

 

ผมและเหล่าเฟิงก็สงสัยมาก จึงหันมามองทันที

 

ผมพบว่าในมือหยางเฉ่ว คือกระดาษรูปคนหนึ่งแผ่น มันมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือสีดําเหมือนสีหมึก

 

“ เจ้านี่เหมือนจะหล่นลงมาหลังวิญญาณเจิงต้า จือแตกสลายไปแล้ว !” หยางเฉ่วพูด

 

ผมและเหล่าเฟิงขมวดคิ้ว นําของมาถือไว้ในมือแต่พอมองดูดีๆแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่า หลังวิญญาณแตกสลายไปแล้วจะมีของหล่นลงมาด้วย

 

นี่ไม่ใช่แบบที่จะหล่นลงมา หลังจากฆ่ามอนสเตอร์ในเกมได้แล้วสักหน่อย

 

เหล่าเฟิงส่ายหัว “ ต้องเก็บเจ้านี้ให้ดีๆในเมื่อเราไม่เข้าใจงั้นก็รอให้กลับไปแล้วค่อยเอาไปให้อาจารย์ของฉันกับพวกลุงติงดูอีกทีไม่แน่พวกเขาอาจรู้อะไรบ้างก็ได้ !”

 

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เราจึงทําได้เพียงเท่านี้

 

ดังนั้นหยางเนิ่วจึงเอากระดาษสีดํานั่นยื่นให้เหล่าเฟิงจากนั้นเหล่าเฟิงก็เก็บมันอย่างระมัดระวัง

 

ต่อไปนั้น ก็เหลือแค่ผีผอมสูงที่โดนผนึกเอาไว้บนพื้นแล้ว

 

ผมจับดาบไม้ค่อยๆเดินเข้าไป เมื่อมาถึงตรงหน้ามันแล้วเหล่าเฟิงก็ไม่ได้ดึงยันต์ที่ผนึกเจ้าหมอนั้นเอาไว้ตรงๆแต่เป็นประสานมือผนึกแก่นพลังหยินเจ้าหมอนั้นเอาไว้ก่อน แล้วถึงดึงยันต์ของเขาออกเพื่อจะได้คุยกับเจ้าหมอนั้นตรงๆ

 

วินาทีที่ดึงยันต์ออก ผีผู้ชายตนนั้นก็จ้องเราอย่างดุร้าย

 

ใบหน้าโหดเหี้ยม เห็นพวกเราขวางอยู่ข้างหน้าก็คิดจะฝ่าออกไป

 

แต่ไม่รอให้เขาได้ลงมือ ดาบในมือของเราสามคนก็พาดอยู่บนคอของเขาแล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน ผีผู้ชายตนนี้ก็รู้ตัวขึ้นมาอย่างกระทันหันว่าตอนนี้ตัวเองเรียกใช้พลังไม่ได้ ไม่สามารถดึงพลังออกมา ทําอะไรได้เลย

 

สภาพในตอนนี้ของเขาอย่าว่าแต่สู้กับเราเลย แม้แต่เขาจะหนีก็คงไม่มีแรงทําด้วยซ้ํา !

 

“ พวกแก พวกแกผนึกแก่นพลังของข้า ! ” ผีผู้ชายตนนั้นพูดอย่างดุร้าย

 

พวกเราไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา และไม่อยากพูดได้สาระกับผู้ตนนี้จึงพูดอย่างเย็นชากับเขาว่า

 

* บอกเรามา อาจารย์คือใคร ? เขามีชีวิตอยู่ในรูปแบบไหน ? ”

 

เมื่อผีผู้ชายได้ยินผมพูดแบบนั้น ก็ไม่ได้ตอบกลับตั้งแต่วนาทีแรกแต่เป็นหันไปมองรอบๆแทน หลังจากนั้นถึงได้ใช้จ มูกดมพักหนึ่ง

 

จากนั้น ถึงได้ตอบว่า “ พวกแกฆ่าเจ้าโง่เจิงต้าจือแล้วเหรอ ? ”

 

แม้ผีผู้ชายจะไม่ยอมตอบคําถาม แต่ผมก็ตอบเขาว่า “ ใช่ !ถ้าแกไม่ร่วมมือต่อไปก็จะเป็นตาของแก ! ”

 

ผีผู้ชายไม่เหมือนกับเฉิงต้าจือ เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ยัง หัวเราะ “ ฮ่าๆ ”อย่างบ้าคลั่ง “ พวกแกสามคนน่ะเหรอ ? จะฆ่าข้าได้จริงๆ ? ”

 

โอ้โห ! สมองเจ้าผีนี่คงไม่ได้มีปัญหาหรอกมั้ง ? โดนดาบจี้คอขนาดนี้แล้วยังกล้าพูดจาอวดดีอีก

 

“ ฮีๆ ! คุยโวไม่ละอายใจเลยนะ ” หยางเนิ่วพูดอย่างเย้นชา

 

ผีผู้ชายไม่สนใจเลยสักนิด จู่ๆมุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ค่อยหลับตาจากนั้นก็พูดว่า “ดูเหมือน ต้องอุ่นเครื่องสักหน่อยแล้วแฮะ ! ”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ พวกเราก็ค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อย

 

หรือว่า เจ้าผีนี่ยังมีความสามารถอย่างอื่นอีก แต่เขาตกอ ยู่ในสภาพนี้แล้วจะยังทําอะไรได้อีก

 

ผลลัพธ์เพิ่งคิดถึงตรงนี้ เจ้าผีผู้ชายตนนั้นก็จ้องอย่างดุร้ายตัวสั่นไปหมด

 

ทันใดนั้นเอง แรงระเบิดของพลังหยินอันทรงพลังก็แพร่กระจายออกมาร่างผีตนนั้น มันทรงพลังมาก

 

จนพัดเราสามคนกระเด็นออกไปทันที

 

ไม่รอให้พวกเราได้เข้าไปใกล้อีกครั้ง จู่ๆผีผู้ชาย ก็กรีดร้องออกมาแก่นพลังที่โดนผนึกเอาไว้ก็โดนทํา ลายในทันที

 

พร้อมกันนั้นตรงหน้าผากก็มีรอยแยก ดวงตาสีขาว โพนลูกหนึ่งปรากฏสู่สายตาของทุกคน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+