ศพ 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า

Now you are reading ศพ Chapter 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า

 

เหตุการณ์ในเวลานี้ค่อนข้างวุ่นวาย และผู้คนในเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็เดากันไปต่างๆนาๆถึงตัวตนของพวกเรา ถึงขนาดที่เจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ปไม่กล้าสู้ด้วย ประวัติและเบื้องหลังความเป็นมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

แต่ในเวลานี้เหล่าเฟิงก็ปรากฏตัวออกมา

 

หลังจากเขาพูดจบก็บิดคอไปมาจนเสียงดัง “ กร็อบ กร็อบ ”

 

ภายนอกของเหล่าเฟิงนั้นเย็นยะเยือก ตลอดทั้งปีเขาสู้กับภูตผีปีศาจ ทําให้เขานํามาซึ่ง “ รัศมีแห่งความตายและน่ากลัว” โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างที่มีพลังสยบทุกสิ่งทุกอย่าง ทําให้ผู้คนรู้สึกเย็นชาและหวาดกลัว

 

จ้องมองไปที่ไอ้คุณหนูลูกคนรวยด้วยสายตาถมึงทึง ทําให้เขาหวาดกลัวในใจก็สั่นไหว

 

ไม่เพียงแค่นั้น เฟิงเฉ่วหานยังจับเก้าอี้ด้วยมือเดียวและใช้พลังอย่างลับๆ

 

เพียงแค่ได้ยินเสียง “ แควก ” พนักพิงของเก้าอี้ไม้ ตัวนั้นก็ถูกเขาดึงออกไป

 

ไอ้คุณหนูลูกคนรวยที่ทุกๆวันใช้ชีวิตอยู่บนความฟุ่มเฟือยและหรูหรา ร่างกายไม่ได้ใช้งานอะไร

 

ในวันธรรมดาที่ยกกระสอบข้าวยังบ่นว่าเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมือเปล่าที่สามารถฉีกม้านั่งได้

 

ฉากนี้เกือบทําให้พวกเขาร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

 

มือของเจ้าชายแห่งหลงฟายังเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นความรุนแรงของเหล่าเฟิงที่นั่งเก้าอี้ด้วยมือเปล่าข้างเดียว

 

ลูกสมุนที่ติดตามเขาไม่กี่คนนี้จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้เหรอ ? ถ้าหากส่งออกไป เกรงว่าจะถูกตีจนพิการแน่ๆ

 

เขากัดฟันและพูดอย่างดุเดือด “ เรื่องนี้มันยังไม่จบ พวกเราจะจับตาดูพวกแก !ไปส่งฉันไปโรงพยาบาล ! ”

 

ผู้ติดตามสองสามคนที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้า ประคองเจ้าชายแห่งหลงฟาออกไปจากโรงแรม

 

หลังจากเจ้าชายแห่งหลงฟาออกไป โรงแรมก็กลับสู่ความสงบและเพลิดเพลินไปกับการกินดื่ม

 

เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็นเรื่องสนุกครึกครื้น แต่ก็เป็นแค่บทแทรกเล็กๆและไม่ได้ทําให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ

 

ในเวลานี้เสี่ยวม่านก็พูดอย่างตื่นเต้น “ ติงฝาน เฟิงเฉ่วหานทําไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ ?”

 

ผมยิ้มและตอบว่า “ ไม่ใช่แค่ฉันนะ หยางเฉ่วก็มาที่นี่ด้วย พวกเรามาทานข้าวกันหลังจากนั้นก็มีธุระนิดหน่อย สุดท้ายก็เลยมาเจอเข้ากับเธอพอดิบพอดีเลย ! ”

 

เสี่ยวม่านได้ยินผมพูดว่ามากันทั้งสามคน เธอก็ดีใจแล้ว ถามว่าหยางเฉ่วอยู่ไหน ?

 

เหล่าเฟิงพูดว่าเธอลงไปส่งอู่ฮุ่ยฮุ่ยข้างล่าง ถึงยังไงก็ตาม อู่ฮุ่ยฮุ่ยนั้นเป็นบุคคลสาธารณะคงไม่เหมาะกับการปรากฏตัวในเหตุการณ์แบบนี้

 

ท้ายที่สุดเธอก็มองหาหยางเฉวอย่างกระตือรือร้น ถ้าหากว่าเรื่องนี้เกิดการต่อยตีกันขึ้นมา ผลกระทบมันคงเลวร้ายมาก

 

“ ใช่แล้ว เธอมาเจอพวกอันธพาลแบบนี้ได้ยังไง ? ” ผมถามด้วยความสงสัย

 

เสี่ยวม่านถอนหายใจ “ อย่าไปพูดถึงมันเลย ฉันที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ก็เจอเขาแล้วแถมเขายังอวดรวยไม่หยุดต่อหน้าฉัน ไล่ตามให้ฉันไปเป็นแฟนของเขาให้ได้และพูดประโยค ที่น่ารังเกียจจนฉันรําคาญมากๆ

 

เรื่องเมื่อกี้ขอบคุณนายมากเลยนะ !”

 

“ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะสองสามครั้ง “ ไม่เป็นไร ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มากขึ้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็โทรหาฉัน ! ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทํา งั้นฉันไปก่อนนะ ”

 

เสี่ยวม่านที่ได้ยินผมบอกว่าจะไปแล้ว เธอก็รีบเอ่ยปาก “ พวกเราเพิ่งจะเจอกันเอง นายก็จะไปแล้วเหรอ ? ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายสําหรับเรื่องเมื่อกี้เลยนะ !”

 

“ ขอบคุณอะไรกันและฉันก็ไม่เป็นอะไรนี่ ? รอฉันว่างแล้วค่อยนัดเธอก็แล้วกัน ! ” ผมพูดแล้วหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา

 

และเสี่ยวม่านก็เห็นว่าผมมีเรื่องที่ต้องไปจริงๆ เธอจึงไม่รั้งผมเอาไว้

 

ผมบอกเธอว่าจะโทรหาหลังจากที่เสร็จธุระ เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นเธอก็บอกว่าเธอจะเชิญผมไปเที่ยวที่บ้านของเธอ

 

เมื่อผมได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของผมก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกสองที

 

ผมยังจําได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปบ้านของเธอในฐานะแขก ผลสุดท้ายคือผมถูกบังคับให้กระโดดออกจากตึก จนเกือบจะตายแล้ว

 

เมื่อเสี่ยวม่านเห็นใบหน้าที่อับอายของผม เธอก็ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรออก เธอยิ้มแล้วร้อง “ อ๋อ ” ออกมา “ แม่ของฉันไปต่างประเทศ เดือนหน้าถึงจะกลับมา ครั้งนี้ฉันจะทําอาหารให้นายกินเป็นการขอโทษดีไหม ? ”

 

ผมยิ้มอย่างเก้อเขิน และพูดอย่างขอไปที หลังจากนั้นก็ลงไปข้างล่างพร้อมกับเหล่าเฟิง

 

ในขณะที่กําลังอยู่ในลิฟต์ เหล่าเฟิงก็โพล่งคําพูดออกมาอย่างทันทีทันใด “ นายกับเธอเป็นคู่รักกันเหรอ ?

 

ถึงถูกแม่ของเธอโยนออกจากบ้าน ?”

 

ทันทีที่ผมได้ยินคําพูดของเหล่าเฟิง ผมก็มองค้อนใส่เขาทันที คู่รับกับผีน่ะสิ ! ผมไปเป็นแขกของเธอต่างหาก

 

ผมจ้องมองไปที่เฟิงเฉ่วหาน “ พูดอะไรไร้สาระ ฉันแค่ไปเที่ยวบ้านของเธอในฐานะแขก !”

 

“ ไปเป็นแขกยังต้องกลัวแม่ของเธอด้วยเหรอ ? ชายหญิงที่ทั้งคู่โสด หรือว่านายไม่ได้ทําอะไรเลย ?”

 

เหล่าเฟิงพูดอีกครั้ง

 

บ้าเอ๊ย จะเรียกว่าผมพูดไม่ออกเลยก็ได้

 

สําหรับเฟิงเฉ่วหาน หมอนี้ในวันธรรมดาแบบนี้ชอบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าซ่อนอยู่ลึกๆ 

 

ผมขี้เกียจที่จะอธิบายไปมากกว่านี้ “ พวกเราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ อย่าคิดไปเรื่อยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า !”

 

หลังจากพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ผมไม่สนใจเจ้าหมอนั้นและ เดินตรงออกจากลิฟต์ทันที

 

เหล่าเฟิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเดินตามอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเดินไปถึงประตูเรา ก็พบกับหยางเฉ่วและอู่ฮุ่ยฮุ่ย อีกครั้ง

 

ต่อจากนี้ เราจะไปที่บ้านของฉิงหมิงเฉ่ว เพื่อเจอกับผีตนนั้นสักหน่อย

 

ดูว่าเจ้านั้นมันจะมีความอดทนได้สักเท่าไหร่ ถึงยังไงความบ้ากามของมันก็อยากจะลงมือกับคนเป็น

 

เนื่องจากการทํางาน บ้านที่ฉิงหมิงเฉิวเช่าอยู่จึงไม่ไกล จากโรงถ่ายทําภาพยนตร์นัก มันสะดวกสําหรับการพักผ่อนและประหยัดเวลาในการมารับค่าตอบแทนในการแสดง

 

อย่างไรก็ตามโรงถ่ายทําภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นในเขตชานเมือง ออกจากที่นี่ไปตอนนี้ รถก็ติดมาก

 

กว่าจะไปถึงที่นั่นก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว

 

ถึงแม้ว่าบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเมืองเราจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในวันธรรมดาก็มีทีมงานภาพยนตร์จํานวนมากทําฉากหรือถ่ายหนังและเป็นโรง ถ่ายทําภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตของพวกเราแล้ว

 

ทันทีที่มาถึง ก็เห็นนักแสดงงิ้วสวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดอยู่ เหมือนกําลังรอเข้าฉากหรือรอทีมงานปิดถนนกั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม

 

มันช่างมีชีวิตชีวามากและก็รู้สึกแปลกใหม่มาก

 

หลังจากเดินไปตามถนนไม่เท่าไหร่ พวกเราก็เดินมาถึงอาคารเก่าแก่อีกฝั่งหนึ่งของโรงถ่ายทําภาพยนตร์

 

อาคารเก่าแห่งนี้สร้างมา 80 ปีแล้ว กําแพงและผนังเต็มไปด้วยไม้เลื้อย เมื่อก่อนมันเคยเป็นหอพักของโรงงานเก่า แต่ตอนนี้กําลังรอการรื้อถอนและในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้บุคคลภายนอกมาเช่า

 

อาคารมีทั้งหมดสิบเอ็ดชั้น แต่ว่าไม่มีลิฟต์

 

ฉิงหมิงเฉ่วอยู่ชั้นที่สิบเอ็ด เธอเดินขึ้นๆลงๆทุกวันจนไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว

 

เวลากลางวันแทบจะไม่มีคนอยู่ในตึก ตึกจะว่างเปล่าเพราะผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายทําหนัง

 

เมื่อเดินขึ้นไปที่ชั้นสิบเอ็ด ก็ได้ยินฉิงหมิงเฉ่วพูดว่า “ ทางนี้ ห้องที่ฉันเช่าอยู่ตรงนั้น !”

 

หลังจากพูดจบ ฉิงหมิงเฉ่วก็ชี้นิ้วไปทางนั้น ในขณะเดียวกันก็ทําท่าทางหวาดกลัวไปด้วย

 

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ผมก็ยิ้มและปลอบใจเธอ “ อย่าไปกลัว ฉันมาแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร วันนี้ฉันจะต้องจัดการมันให้สิ้นซาก !”

 

ในขณะที่ให้ฉิงหมิงเฉ่วนําทางไป

 

เมื่อเดินมาถึงประตู ฉิงหมิงเฉ่วก็หยิบกุญแจออกมาด้วยท่าทางงกๆเงินๆ แล้วมองกลับมาที่พวกเรา

 

พวกเราทั้งสามคนพยักหน้าเล็กน้อย บอกใบ้เธอว่าอย่าไปกลัว

 

ฉิงหมิงเฉ่วลังเลอีกครั้งและในที่สุดเธอก็เปิดประตู

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังด้านมืดของภูตผีปีศาจ มันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก ทําให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายมากๆ

 

ไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับฉิงหมิงเฉ่ว

 

ทันทีที่ผมเข้าไปในห้อง ประตูก็ปิดดัง “ บัง” มันปิดเองและดังมากๆ

 

อู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่วตกใจจนกระโดดตัวลอย พวกเราทั้งสามคนกลับยิ้มเยาะเย้ยออกมา ดูเหมือนไอ้เจ้านั้นมันจะไม่ดีใจที่พวกเรามา

 

บ้านนี้มีเสียงฮมฮัมดังมากและผ้าม่านก็ถูกปิดจนไม่มีแสงเลย

 

ผมเหลือบมองไปรอบๆ และพบว่านี่เป็นหนึ่งห้องนอนซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็ก

 

และที่มุมห้องมีโต๊ะเครื่องเซ่น บนโต๊ะมีไหสีดํา มีตุ๊กตาเด็ก “ สีทอง” ตั้งอยู่ตรงกลาง และถูกเซ่นไหว้ด้วยตะเกียงไฟและธูป นอกจากนี้ด้านหน้ายังมีจานเซ่นไหว้ที่มี แอปเปิ้ลอยู่สองสามลูก

 

ฉิงหมิงเฉ่วมองไปที่โต๊ะเครื่องเซ่น ดูเหมือนว่าเธอจะประหม่าและหวาดกลัวมาก เธอชี้นิ้วไปที่โต๊ะเครื่องเซ่นนั่น ในขณะเดียวกันก็พูดว่า “ ของที่ฉันอัญเชิญกลับมา ก็คือของสิ่งนั้น !”

 

หลังจากพูดจบ เธอก็จับแขนของอู่ฮียฮุยเอาไว้

 

ผมไม่รีบพูดอะไรแต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและสูดลมหายใจ เข้าไปหนึ่งฟอด หลังจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องเซ่นแล้วพูดว่า “ ฉันจะไม่พูดไร้สาระ วันนี้เสี่ยวเฉ่วเชิญให้เรามา ! เพราะอยากจะให้นายออกไป”

 

ถ้านายยินยอมล่ะก็ ฉันจะทําลายรูปปั้นกุมารสีทองนี่ซะ แล้วจะไปไหนก็ไป ถ้าหากนายไม่ยินยอม !

 

งั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่านายทิ้งไปซะ…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ศพ 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า

Now you are reading ศพ Chapter 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 262 หักม้านั่งด้วยมือเปล่า

 

เหตุการณ์ในเวลานี้ค่อนข้างวุ่นวาย และผู้คนในเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็เดากันไปต่างๆนาๆถึงตัวตนของพวกเรา ถึงขนาดที่เจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ปไม่กล้าสู้ด้วย ประวัติและเบื้องหลังความเป็นมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

แต่ในเวลานี้เหล่าเฟิงก็ปรากฏตัวออกมา

 

หลังจากเขาพูดจบก็บิดคอไปมาจนเสียงดัง “ กร็อบ กร็อบ ”

 

ภายนอกของเหล่าเฟิงนั้นเย็นยะเยือก ตลอดทั้งปีเขาสู้กับภูตผีปีศาจ ทําให้เขานํามาซึ่ง “ รัศมีแห่งความตายและน่ากลัว” โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างที่มีพลังสยบทุกสิ่งทุกอย่าง ทําให้ผู้คนรู้สึกเย็นชาและหวาดกลัว

 

จ้องมองไปที่ไอ้คุณหนูลูกคนรวยด้วยสายตาถมึงทึง ทําให้เขาหวาดกลัวในใจก็สั่นไหว

 

ไม่เพียงแค่นั้น เฟิงเฉ่วหานยังจับเก้าอี้ด้วยมือเดียวและใช้พลังอย่างลับๆ

 

เพียงแค่ได้ยินเสียง “ แควก ” พนักพิงของเก้าอี้ไม้ ตัวนั้นก็ถูกเขาดึงออกไป

 

ไอ้คุณหนูลูกคนรวยที่ทุกๆวันใช้ชีวิตอยู่บนความฟุ่มเฟือยและหรูหรา ร่างกายไม่ได้ใช้งานอะไร

 

ในวันธรรมดาที่ยกกระสอบข้าวยังบ่นว่าเหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมือเปล่าที่สามารถฉีกม้านั่งได้

 

ฉากนี้เกือบทําให้พวกเขาร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

 

มือของเจ้าชายแห่งหลงฟายังเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว เมื่อเห็นความรุนแรงของเหล่าเฟิงที่นั่งเก้าอี้ด้วยมือเปล่าข้างเดียว

 

ลูกสมุนที่ติดตามเขาไม่กี่คนนี้จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ได้เหรอ ? ถ้าหากส่งออกไป เกรงว่าจะถูกตีจนพิการแน่ๆ

 

เขากัดฟันและพูดอย่างดุเดือด “ เรื่องนี้มันยังไม่จบ พวกเราจะจับตาดูพวกแก !ไปส่งฉันไปโรงพยาบาล ! ”

 

ผู้ติดตามสองสามคนที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้า ประคองเจ้าชายแห่งหลงฟาออกไปจากโรงแรม

 

หลังจากเจ้าชายแห่งหลงฟาออกไป โรงแรมก็กลับสู่ความสงบและเพลิดเพลินไปกับการกินดื่ม

 

เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็นเรื่องสนุกครึกครื้น แต่ก็เป็นแค่บทแทรกเล็กๆและไม่ได้ทําให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ

 

ในเวลานี้เสี่ยวม่านก็พูดอย่างตื่นเต้น “ ติงฝาน เฟิงเฉ่วหานทําไมพวกนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ละ ?”

 

ผมยิ้มและตอบว่า “ ไม่ใช่แค่ฉันนะ หยางเฉ่วก็มาที่นี่ด้วย พวกเรามาทานข้าวกันหลังจากนั้นก็มีธุระนิดหน่อย สุดท้ายก็เลยมาเจอเข้ากับเธอพอดิบพอดีเลย ! ”

 

เสี่ยวม่านได้ยินผมพูดว่ามากันทั้งสามคน เธอก็ดีใจแล้ว ถามว่าหยางเฉ่วอยู่ไหน ?

 

เหล่าเฟิงพูดว่าเธอลงไปส่งอู่ฮุ่ยฮุ่ยข้างล่าง ถึงยังไงก็ตาม อู่ฮุ่ยฮุ่ยนั้นเป็นบุคคลสาธารณะคงไม่เหมาะกับการปรากฏตัวในเหตุการณ์แบบนี้

 

ท้ายที่สุดเธอก็มองหาหยางเฉวอย่างกระตือรือร้น ถ้าหากว่าเรื่องนี้เกิดการต่อยตีกันขึ้นมา ผลกระทบมันคงเลวร้ายมาก

 

“ ใช่แล้ว เธอมาเจอพวกอันธพาลแบบนี้ได้ยังไง ? ” ผมถามด้วยความสงสัย

 

เสี่ยวม่านถอนหายใจ “ อย่าไปพูดถึงมันเลย ฉันที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ก็เจอเขาแล้วแถมเขายังอวดรวยไม่หยุดต่อหน้าฉัน ไล่ตามให้ฉันไปเป็นแฟนของเขาให้ได้และพูดประโยค ที่น่ารังเกียจจนฉันรําคาญมากๆ

 

เรื่องเมื่อกี้ขอบคุณนายมากเลยนะ !”

 

“ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะสองสามครั้ง “ ไม่เป็นไร ต่อไปเธอต้องระวังตัวให้มากขึ้น ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็โทรหาฉัน ! ฉันมีเรื่องที่ต้องไปทํา งั้นฉันไปก่อนนะ ”

 

เสี่ยวม่านที่ได้ยินผมบอกว่าจะไปแล้ว เธอก็รีบเอ่ยปาก “ พวกเราเพิ่งจะเจอกันเอง นายก็จะไปแล้วเหรอ ? ฉันยังไม่ได้ขอบคุณนายสําหรับเรื่องเมื่อกี้เลยนะ !”

 

“ ขอบคุณอะไรกันและฉันก็ไม่เป็นอะไรนี่ ? รอฉันว่างแล้วค่อยนัดเธอก็แล้วกัน ! ” ผมพูดแล้วหัวเราะฮ่าฮ่าออกมา

 

และเสี่ยวม่านก็เห็นว่าผมมีเรื่องที่ต้องไปจริงๆ เธอจึงไม่รั้งผมเอาไว้

 

ผมบอกเธอว่าจะโทรหาหลังจากที่เสร็จธุระ เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นเธอก็บอกว่าเธอจะเชิญผมไปเที่ยวที่บ้านของเธอ

 

เมื่อผมได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของผมก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกสองที

 

ผมยังจําได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ไปบ้านของเธอในฐานะแขก ผลสุดท้ายคือผมถูกบังคับให้กระโดดออกจากตึก จนเกือบจะตายแล้ว

 

เมื่อเสี่ยวม่านเห็นใบหน้าที่อับอายของผม เธอก็ดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรออก เธอยิ้มแล้วร้อง “ อ๋อ ” ออกมา “ แม่ของฉันไปต่างประเทศ เดือนหน้าถึงจะกลับมา ครั้งนี้ฉันจะทําอาหารให้นายกินเป็นการขอโทษดีไหม ? ”

 

ผมยิ้มอย่างเก้อเขิน และพูดอย่างขอไปที หลังจากนั้นก็ลงไปข้างล่างพร้อมกับเหล่าเฟิง

 

ในขณะที่กําลังอยู่ในลิฟต์ เหล่าเฟิงก็โพล่งคําพูดออกมาอย่างทันทีทันใด “ นายกับเธอเป็นคู่รักกันเหรอ ?

 

ถึงถูกแม่ของเธอโยนออกจากบ้าน ?”

 

ทันทีที่ผมได้ยินคําพูดของเหล่าเฟิง ผมก็มองค้อนใส่เขาทันที คู่รับกับผีน่ะสิ ! ผมไปเป็นแขกของเธอต่างหาก

 

ผมจ้องมองไปที่เฟิงเฉ่วหาน “ พูดอะไรไร้สาระ ฉันแค่ไปเที่ยวบ้านของเธอในฐานะแขก !”

 

“ ไปเป็นแขกยังต้องกลัวแม่ของเธอด้วยเหรอ ? ชายหญิงที่ทั้งคู่โสด หรือว่านายไม่ได้ทําอะไรเลย ?”

 

เหล่าเฟิงพูดอีกครั้ง

 

บ้าเอ๊ย จะเรียกว่าผมพูดไม่ออกเลยก็ได้

 

สําหรับเฟิงเฉ่วหาน หมอนี้ในวันธรรมดาแบบนี้ชอบคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงแบบสุ่มสี่สุ่มห้าซ่อนอยู่ลึกๆ 

 

ผมขี้เกียจที่จะอธิบายไปมากกว่านี้ “ พวกเราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ อย่าคิดไปเรื่อยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า !”

 

หลังจากพูดจบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ผมไม่สนใจเจ้าหมอนั้นและ เดินตรงออกจากลิฟต์ทันที

 

เหล่าเฟิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเดินตามอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเดินไปถึงประตูเรา ก็พบกับหยางเฉ่วและอู่ฮุ่ยฮุ่ย อีกครั้ง

 

ต่อจากนี้ เราจะไปที่บ้านของฉิงหมิงเฉ่ว เพื่อเจอกับผีตนนั้นสักหน่อย

 

ดูว่าเจ้านั้นมันจะมีความอดทนได้สักเท่าไหร่ ถึงยังไงความบ้ากามของมันก็อยากจะลงมือกับคนเป็น

 

เนื่องจากการทํางาน บ้านที่ฉิงหมิงเฉิวเช่าอยู่จึงไม่ไกล จากโรงถ่ายทําภาพยนตร์นัก มันสะดวกสําหรับการพักผ่อนและประหยัดเวลาในการมารับค่าตอบแทนในการแสดง

 

อย่างไรก็ตามโรงถ่ายทําภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นในเขตชานเมือง ออกจากที่นี่ไปตอนนี้ รถก็ติดมาก

 

กว่าจะไปถึงที่นั่นก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงแล้ว

 

ถึงแม้ว่าบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเมืองเราจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในวันธรรมดาก็มีทีมงานภาพยนตร์จํานวนมากทําฉากหรือถ่ายหนังและเป็นโรง ถ่ายทําภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตของพวกเราแล้ว

 

ทันทีที่มาถึง ก็เห็นนักแสดงงิ้วสวมเสื้อผ้าที่แปลกประหลาดอยู่ เหมือนกําลังรอเข้าฉากหรือรอทีมงานปิดถนนกั้นนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม

 

มันช่างมีชีวิตชีวามากและก็รู้สึกแปลกใหม่มาก

 

หลังจากเดินไปตามถนนไม่เท่าไหร่ พวกเราก็เดินมาถึงอาคารเก่าแก่อีกฝั่งหนึ่งของโรงถ่ายทําภาพยนตร์

 

อาคารเก่าแห่งนี้สร้างมา 80 ปีแล้ว กําแพงและผนังเต็มไปด้วยไม้เลื้อย เมื่อก่อนมันเคยเป็นหอพักของโรงงานเก่า แต่ตอนนี้กําลังรอการรื้อถอนและในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้บุคคลภายนอกมาเช่า

 

อาคารมีทั้งหมดสิบเอ็ดชั้น แต่ว่าไม่มีลิฟต์

 

ฉิงหมิงเฉ่วอยู่ชั้นที่สิบเอ็ด เธอเดินขึ้นๆลงๆทุกวันจนไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว

 

เวลากลางวันแทบจะไม่มีคนอยู่ในตึก ตึกจะว่างเปล่าเพราะผู้คนส่วนใหญ่จะออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายทําหนัง

 

เมื่อเดินขึ้นไปที่ชั้นสิบเอ็ด ก็ได้ยินฉิงหมิงเฉ่วพูดว่า “ ทางนี้ ห้องที่ฉันเช่าอยู่ตรงนั้น !”

 

หลังจากพูดจบ ฉิงหมิงเฉ่วก็ชี้นิ้วไปทางนั้น ในขณะเดียวกันก็ทําท่าทางหวาดกลัวไปด้วย

 

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ผมก็ยิ้มและปลอบใจเธอ “ อย่าไปกลัว ฉันมาแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร วันนี้ฉันจะต้องจัดการมันให้สิ้นซาก !”

 

ในขณะที่ให้ฉิงหมิงเฉ่วนําทางไป

 

เมื่อเดินมาถึงประตู ฉิงหมิงเฉ่วก็หยิบกุญแจออกมาด้วยท่าทางงกๆเงินๆ แล้วมองกลับมาที่พวกเรา

 

พวกเราทั้งสามคนพยักหน้าเล็กน้อย บอกใบ้เธอว่าอย่าไปกลัว

 

ฉิงหมิงเฉ่วลังเลอีกครั้งและในที่สุดเธอก็เปิดประตู

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังด้านมืดของภูตผีปีศาจ มันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก ทําให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายมากๆ

 

ไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับฉิงหมิงเฉ่ว

 

ทันทีที่ผมเข้าไปในห้อง ประตูก็ปิดดัง “ บัง” มันปิดเองและดังมากๆ

 

อู่ฮุ่ยฮุ่ยและฉิงหมิงเฉ่วตกใจจนกระโดดตัวลอย พวกเราทั้งสามคนกลับยิ้มเยาะเย้ยออกมา ดูเหมือนไอ้เจ้านั้นมันจะไม่ดีใจที่พวกเรามา

 

บ้านนี้มีเสียงฮมฮัมดังมากและผ้าม่านก็ถูกปิดจนไม่มีแสงเลย

 

ผมเหลือบมองไปรอบๆ และพบว่านี่เป็นหนึ่งห้องนอนซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็ก

 

และที่มุมห้องมีโต๊ะเครื่องเซ่น บนโต๊ะมีไหสีดํา มีตุ๊กตาเด็ก “ สีทอง” ตั้งอยู่ตรงกลาง และถูกเซ่นไหว้ด้วยตะเกียงไฟและธูป นอกจากนี้ด้านหน้ายังมีจานเซ่นไหว้ที่มี แอปเปิ้ลอยู่สองสามลูก

 

ฉิงหมิงเฉ่วมองไปที่โต๊ะเครื่องเซ่น ดูเหมือนว่าเธอจะประหม่าและหวาดกลัวมาก เธอชี้นิ้วไปที่โต๊ะเครื่องเซ่นนั่น ในขณะเดียวกันก็พูดว่า “ ของที่ฉันอัญเชิญกลับมา ก็คือของสิ่งนั้น !”

 

หลังจากพูดจบ เธอก็จับแขนของอู่ฮียฮุยเอาไว้

 

ผมไม่รีบพูดอะไรแต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและสูดลมหายใจ เข้าไปหนึ่งฟอด หลังจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องเซ่นแล้วพูดว่า “ ฉันจะไม่พูดไร้สาระ วันนี้เสี่ยวเฉ่วเชิญให้เรามา ! เพราะอยากจะให้นายออกไป”

 

ถ้านายยินยอมล่ะก็ ฉันจะทําลายรูปปั้นกุมารสีทองนี่ซะ แล้วจะไปไหนก็ไป ถ้าหากนายไม่ยินยอม !

 

งั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่านายทิ้งไปซะ…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+