เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 267 คลี่คลาย

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 267 คลี่คลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 267 คลี่คลาย

“ซื้อบ้าน!” เย่ฉูฉู่จับประเด็นสำคัญ “พี่สาม พวกพี่จะซื้อบ้านกันแล้ว ซื้อแบบเป็นคอนโดเหรอ? แค่แป๊บเดียวก็ซื้อคอนโดแล้ว?”

เย่หมิงเป่ยกล่าว “ไม่ซื้อไม่ได้หรอก อีกสองปีลูกก็จะเข้าเรียนแล้ว ยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง เวลาเข้าเรียนก็ลำบาก ไหนจะทะเบียนบ้านอีก ตอนนี้พี่สะใภ้สามของเธอก็ยังเรียนอยู่ ยังไม่ได้มีชื่อลงในทะเบียนบ้านเลย ทะเบียนบ้านของฉันก็อยู่ที่บ้านฝั่งนู้น ซื้อบ้านก็เพื่อให้ลูกมีชื่อในทะเบียนบ้านนี่แหละ”

“พี่สาม ทำทะเบียนบ้านให้ลูกยุ่งยากไหมคะ? ถ้าพี่ต้องการใช้เงิน เดี๋ยวฉันเอาเงินไม่กี่หมื่นนั้นส่งไปให้พี่ก็ได้นะ” เย่ฉูฉู่รีบกล่าว

“ไม่ต้อง เงินส่วนนั้นเธอเก็บไว้เถอะ ฟาร์มกระต่ายที่เหวินเทาสร้างขึ้นมาคงต้องใช้เงินจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าพวกเราอีก ส่วนทะเบียนบ้านของลูกค่อยดูอีกที ดูเหมือนว่าจะดูเป็นกรณีไป แต่ก็คงขึ้นทะเบียนไม่ง่ายเหมือนกัน” เย่หมิงเป่ยพูดถึงสถานการณ์ทางฝั่งนั้น

เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็รู้สึกว่าซับซ้อนมาก “สมเป็นเมืองหลวงจริง ๆ ไม่เหมือนกับทางฝั่งนี้ของพวกเราเลย”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่มีกฎเยอะเป็นพิเศษเลย” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“พี่สาม พวกพี่ตัดสินใจว่าจะลงหลักปักฐานที่นั่นเลยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยความรู้สึกหวิว ๆ อยู่ในใจ

“ก็ต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เงื่อนไขของทางนี้ดีกว่าบ้านเราอีก ฉูฉู่ พี่สะใภ้สามของเธอบอกว่ารอผ่านสองสามปีนี้ไปแล้วจะให้พวกเธอมาอยู่ด้วยกัน”

“เรื่องนี้ค่อยว่ากันเถอะค่ะ แล้วแม่ล่ะ แม่ยอมอยู่ที่นั่นไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“แม่ชอบที่นี่มาก บอกว่าคึกคักดี แม่เก่งกว่าพี่อีกนะ ปรับตัวได้เร็วมาก เอาล่ะ ฉูฉู่ นี่ก็คุยนานแล้ว ตอนค่ำหลังจากกลับไปถึงบ้านเดี๋ยวพี่โทรหานะ”

“ได้ค่ะ พี่สาม งั้นพี่ทำงานเถอะ”

หลังจากนั้นสองพี่น้องก็กดวางสายไป

เมื่อวางสาย เย่ฉูฉู่ก็แอบรู้สึกหดหู่ เธอยังอยากโทรศัพท์อยู่ แต่จะโทรหาใครล่ะ เมื่อดูเวลาแล้ว ก็พบว่าเป็นช่วงเที่ยงพอดี พี่สาวใหญ่จ้าวก็น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับมื้อเที่ยง แถมยังอยู่กับแม่สามีด้วย จึงไม่สะดวก ส่วนพี่สาวห้าจ้าวในตอนนี้ก็น่าจะรับประทานอาหารอยู่ในโรงงาน ดังนั้นจึงไม่มีใครคนอื่นที่สามารถโทรคุยได้แล้ว

เมื่อมาคิด ๆ ดูอีกครั้ง ถ้าเย่หมิงเป่ยลงหลักปักฐานที่เมืองหลวง หลังจากนี้อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็ต้องตามไปอยู่ด้วย กว่าจะได้เจอหน้าพ่อแม่ก็คงยากมาก เธอจึงรู้สึกเศร้าอีกครั้ง

แม้จะทราบตั้งแต่แรกว่าโจวหมิ่นไม่มีทางกลับมา ในเมื่อเย่หมิงเป่ยไปเมืองหลวงแล้ว ก็คงไม่กลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปอยู่ที่นั่นเร็วขนาดนี้

“เสี่ยวไป๋หยาง ยายกับลุงสามของลูกไปอยู่เมืองหลวงแล้ว พวกเราจะไปดีไหมนะ?” เย่ฉูฉู่คุยกับเสี่ยวไป๋หยาง

เสี่ยวไป๋หยางทำเพียงส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ ด้วยรอยยิ้ม

ลูกลิงนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ มันกำลังดึงขนของตัวเอง มองดูเย่ฉูฉู่และส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ

เย่ฉูฉู่ยื่นมือไปลูบหัวของมัน “ถ้าไปเมืองหลวงแล้ว แกจะทำยังไง?”

ลูกลิงร้องเจี๊ยก ๆ อีกสองสามครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าดึงขนของตัวเองต่อ

จ้าวเหวินเทากลับมาถึงในช่วงค่ำ เขาใช้น้ำอุ่นล้างหน้าล้างมือ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่ดูไม่มีความสุข จึงเอ่ยถาม “ภรรยา เป็นอะไรเหรอ ใครมาทำให้คุณโกรธ?”

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “ฉันโทรไปหาพี่สามมา พี่สามบอกว่าจะอยู่ที่นั่นเลย แถมยังบอกว่าจะซื้อบ้านด้วย”

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย “คนแบบพี่สะใภ้สามจะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอ? พี่สะใภ้สามไม่กลับมา พี่สามของคุณก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว นี่เป็นแค่เรื่องที่จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วก็เท่านั้นแหละ”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเร็วขนาดนี้ พี่สามยังบอกด้วยนะ ว่าจะรับพ่อของฉันไปอยู่ด้วย”

“แม่ช่วยเลี้ยงหลานอยู่ทางนั้น จะเรียกให้พ่อไปอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องปกติ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างนิ่งสงบมาก

เย่ฉูฉู่โกรธจนแทบแย่แล้ว “คุณเอาแต่บอกว่าปกติ! แต่ฉันจะไม่ได้เจอพ่อกับแม่แล้วนะ!”

จ้าวเหวินเทาจึงเข้าใจว่าทำไมภรรยาของเขาถึงโวยวาย จึงรีบพูดว่า “ภรรยา ไม่ได้เจออะไรกัน เมืองหลวงอยู่ห่างจากพวกเราแค่นี้เอง อยากไปก็แค่นั่งรถไฟก็ไปได้แล้ว คุณอยากอยู่ที่นั่นก็อยู่ได้ตามที่ต้องการเลยนะ!”

“พูดง่ายสิ ถ้าฉันไปแล้ว ใครจะดูแลบ้าน?”

“ก็ยังมีพ่อกับแม่ไม่ใช่เหรอ? ให้พ่อกับแม่มาช่วยดูให้ก็ได้”

“แล้วคุณล่ะ?”

“ผมก็ต้องไปเป็นเพื่อนคุณสิ คุณพาลูกไปไม่สะดวก ผมต้องไปเป็นเพื่อนอยู่แล้ว”

“แล้วคุณไม่ขายของแล้วเหรอ ฟาร์มกระต่ายคุณล่ะ?”

“ค้าขายไม่มีวันจบสิ้นหรอก ฟาร์มกระต่ายรอให้สร้างเสร็จแล้วจ้างคนมาดูแลก็สิ้นเรื่องแล้ว”

เย่ฉูฉู่มองสามีของเธอและพบว่าอีกฝ่ายพูดอย่างจริงจัง จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมา เธอถอนหายใจเบา ๆ “ไปอะไรกันล่ะ ลูกเล็กขนาดนี้ ทรมานหลายพันลี้ เกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”

จ้าวเหวินเทาจริงจังจริง ๆ หากภรรยาของเขาอยากไปก็ไปได้ สำหรับเขาแล้วไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขของภรรยา

“ภรรยา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว ถ้าคุณคิดถึงแม่ รอฤดูร้อนมาถึง พวกเราไปเยี่ยมท่านก็ได้นะ”

เย่ฉูฉู่แอบใจเต้นแรง แต่ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าพูดอย่างมีเหตุผล “ถ้าเสี่ยวไป๋หยางยังเดินยังวิ่งไม่ได้ ที่ไหนก็ไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!”

หากไปตอนนี้ ครอบครัวของเย่หมิงเป่ยก็ยังเช่าบ้านอยู่ ทั้งยังมีคุณแม่จ้าวและคุณป้าที่จ้างมาช่วยดูแล แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะเบียดเสียดขนาดไหน พวกเขาไปก็คงอยู่ได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องกลับไปอีกครั้ง ลูกยังเด็กขนาดนั้น ทรมานทั้งไปและกลับในระยะเวลาสั้น ๆ จะทนไหวได้อย่างไรกัน

จ้าวเหวินเทาได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้า “ภรรยา ที่คุณกังวลก็ถูกนะ ผมวิ่งเข้าเมืองมาปีหนึ่งแล้ว ได้รู้จักกับผู้คนไม่น้อย มีสิบครอบครัวเบียดอยู่ในบ้านหลังเดียว บ้านใหญ่เท่ากับของพวกเรานี่แหละ กินดื่มขับถ่ายร่วมกันหมด สวรรค์เถอะ ผมไม่อยากนึกภาพเลย พี่สามน่าจะดีกว่าหน่อย พวกเขาอยู่ในบ้านชั้นเดียว พื้นที่กว้างขวาง เขาบอกว่าจะซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดไหนเหรอ? แล้วรับพ่อของคุณไปอยู่ด้วยอีก ถ้ามีพื้นที่ไม่ถึง 180 ตารางเมตรคงอยู่ไม่ได้หรอก ถ้ากว้างถึง 180 ตารางเมตรก็น่าจะใช้เงินหลายแสนอยู่ ถึงยังไงนั่นก็เมืองหลวง อีกอย่างนะ ถ้าอยู่ด้วยกันนานวันเข้า จะไม่ทะเลาะกันเหรอ? คุณคิดดูสิ”

จ้าวเหวินเทาพูดแล้วก็หรี่ตา

เย่ฉูฉู่แอบรำพึงในใจ ถูกต้อง คุณแม่เย่ไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนแอ โจวหมิ่นดู ๆ ไปแล้วก็เป็นคนเข้มแข็งมาก อยู่ด้วยกันในบ้านนานวันเข้า จะทำอย่างไร…จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น เธอทั้งรู้สึกเคืองและขบขัน จึงใช้ฝ่ามือตบป้าบใส่สามีไปหนึ่งที “คุณนี่พูดจาเหลวไหลนะ แม่กับพี่สะใภ้ฉันยังดี ๆ กันอยู่เลย!”

จ้าวเหวินเทาโบกมือพลางเอ่ยยานคาง “ควรมีการวางแผนแต่เนิ่น ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีตลอดไป…”

“ไปยกกับข้าวมา!”

“ครับผม!”

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ฉูฉู่ก้นึกเรื่องที่พี่จ้าวสามมาขายเต้าหู้ขึ้นได้ จ้าวเหวินเทาพูดโดยไม่ต้องคิด “ได้ แต่ต้องยึดตามราคาขายส่งนะ ถ้าเขายินดีก็ขายได้”

เย่ฉูฉู่จ้องมองจ้าวเหวินเทา ผ่านไปนานก็เพิ่งจะพูดขึ้นว่า “พี่น้องอย่างพวกคุณนี่เป็นพวกแสดงหาผลกำไรจริง ๆ”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พี่น้องแท้ ๆ ก็ต้องทำบัญชีให้ชัดเจน! ผมคิดไว้แล้วว่าจะให้แม่ไปทำอาหารที่ฟาร์มกระต่ายผม ที่ดินของสองคนพ่อทำคนเดียวได้ แต่ถ้าไม่ไหวค่อยเรียกพี่รองกับคนอื่น ๆ ไปช่วยเหลือนิด ๆ หน่อย ๆ ได้”

“ฟาร์มกระต่ายของคุณจำเป็นต้องมีคนทำอาหารจริง ๆ เหรอ?”

“จำเป็นสิ” จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “ภรรยา คุณคงไม่รู้ ของแบบนี้ถ้ามีขอบข่ายแล้ว จะมาทำแบบขอไปทีไม่ได้แล้ว กระต่ายมากขนาดนั้นต้องใช้หลายคนเพื่อทำความสะอาดรังกระต่าย คนที่ผมจ้างไว้เป็นพวกเด็กหนุ่มทั้งนั้น พวกเขาทำอาหารเป็นซะที่ไหนกันล่ะ? ทำไม่เป็นอยู่แล้ว งานหลังบ้านจะให้คนอื่นทำผมก็ไม่สบายใจ ให้แม่ทำนี่แหละดีที่สุดแล้ว”

“คุณคุยกับแม่หรือยังคะ?”

“คุยแล้ว แม่บอกว่าทำได้” จ้าวเหวินเทาจึงบอกกับภรรยา “ผมสร้างบ้านอย่างดีไว้ให้แม่ ด้านหน้าไว้ทำสวนผัก ด้านหลังปลูกไม้ผลสักหน่อย แล้วก็ทำห้องอาหารขนาดใหญ่ ตอนกินข้าวก็ใช้ห้องอาหาร กินเสร็จก็ไปพักที่ฝั่งรังกระต่าย”

การจ้างคนนอกจากทำความสะอาดรังกระต่ายแล้ว ช่วงค่ำยังต้องเฝ้ากระต่ายด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนขโมยกระต่าย และป้องกันไม่ให้มีสัตว์ร้ายมาขโมยกระต่ายด้วย

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นแบบนี้แล้วเหวินเทาเป็นคนที่มีการวางแผนรัดกุมมากเลยนะคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 267 คลี่คลาย

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 267 คลี่คลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 267 คลี่คลาย

“ซื้อบ้าน!” เย่ฉูฉู่จับประเด็นสำคัญ “พี่สาม พวกพี่จะซื้อบ้านกันแล้ว ซื้อแบบเป็นคอนโดเหรอ? แค่แป๊บเดียวก็ซื้อคอนโดแล้ว?”

เย่หมิงเป่ยกล่าว “ไม่ซื้อไม่ได้หรอก อีกสองปีลูกก็จะเข้าเรียนแล้ว ยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง เวลาเข้าเรียนก็ลำบาก ไหนจะทะเบียนบ้านอีก ตอนนี้พี่สะใภ้สามของเธอก็ยังเรียนอยู่ ยังไม่ได้มีชื่อลงในทะเบียนบ้านเลย ทะเบียนบ้านของฉันก็อยู่ที่บ้านฝั่งนู้น ซื้อบ้านก็เพื่อให้ลูกมีชื่อในทะเบียนบ้านนี่แหละ”

“พี่สาม ทำทะเบียนบ้านให้ลูกยุ่งยากไหมคะ? ถ้าพี่ต้องการใช้เงิน เดี๋ยวฉันเอาเงินไม่กี่หมื่นนั้นส่งไปให้พี่ก็ได้นะ” เย่ฉูฉู่รีบกล่าว

“ไม่ต้อง เงินส่วนนั้นเธอเก็บไว้เถอะ ฟาร์มกระต่ายที่เหวินเทาสร้างขึ้นมาคงต้องใช้เงินจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าพวกเราอีก ส่วนทะเบียนบ้านของลูกค่อยดูอีกที ดูเหมือนว่าจะดูเป็นกรณีไป แต่ก็คงขึ้นทะเบียนไม่ง่ายเหมือนกัน” เย่หมิงเป่ยพูดถึงสถานการณ์ทางฝั่งนั้น

เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็รู้สึกว่าซับซ้อนมาก “สมเป็นเมืองหลวงจริง ๆ ไม่เหมือนกับทางฝั่งนี้ของพวกเราเลย”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่มีกฎเยอะเป็นพิเศษเลย” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“พี่สาม พวกพี่ตัดสินใจว่าจะลงหลักปักฐานที่นั่นเลยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยความรู้สึกหวิว ๆ อยู่ในใจ

“ก็ต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เงื่อนไขของทางนี้ดีกว่าบ้านเราอีก ฉูฉู่ พี่สะใภ้สามของเธอบอกว่ารอผ่านสองสามปีนี้ไปแล้วจะให้พวกเธอมาอยู่ด้วยกัน”

“เรื่องนี้ค่อยว่ากันเถอะค่ะ แล้วแม่ล่ะ แม่ยอมอยู่ที่นั่นไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“แม่ชอบที่นี่มาก บอกว่าคึกคักดี แม่เก่งกว่าพี่อีกนะ ปรับตัวได้เร็วมาก เอาล่ะ ฉูฉู่ นี่ก็คุยนานแล้ว ตอนค่ำหลังจากกลับไปถึงบ้านเดี๋ยวพี่โทรหานะ”

“ได้ค่ะ พี่สาม งั้นพี่ทำงานเถอะ”

หลังจากนั้นสองพี่น้องก็กดวางสายไป

เมื่อวางสาย เย่ฉูฉู่ก็แอบรู้สึกหดหู่ เธอยังอยากโทรศัพท์อยู่ แต่จะโทรหาใครล่ะ เมื่อดูเวลาแล้ว ก็พบว่าเป็นช่วงเที่ยงพอดี พี่สาวใหญ่จ้าวก็น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับมื้อเที่ยง แถมยังอยู่กับแม่สามีด้วย จึงไม่สะดวก ส่วนพี่สาวห้าจ้าวในตอนนี้ก็น่าจะรับประทานอาหารอยู่ในโรงงาน ดังนั้นจึงไม่มีใครคนอื่นที่สามารถโทรคุยได้แล้ว

เมื่อมาคิด ๆ ดูอีกครั้ง ถ้าเย่หมิงเป่ยลงหลักปักฐานที่เมืองหลวง หลังจากนี้อีกไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็ต้องตามไปอยู่ด้วย กว่าจะได้เจอหน้าพ่อแม่ก็คงยากมาก เธอจึงรู้สึกเศร้าอีกครั้ง

แม้จะทราบตั้งแต่แรกว่าโจวหมิ่นไม่มีทางกลับมา ในเมื่อเย่หมิงเป่ยไปเมืองหลวงแล้ว ก็คงไม่กลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปอยู่ที่นั่นเร็วขนาดนี้

“เสี่ยวไป๋หยาง ยายกับลุงสามของลูกไปอยู่เมืองหลวงแล้ว พวกเราจะไปดีไหมนะ?” เย่ฉูฉู่คุยกับเสี่ยวไป๋หยาง

เสี่ยวไป๋หยางทำเพียงส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ ด้วยรอยยิ้ม

ลูกลิงนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ มันกำลังดึงขนของตัวเอง มองดูเย่ฉูฉู่และส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ

เย่ฉูฉู่ยื่นมือไปลูบหัวของมัน “ถ้าไปเมืองหลวงแล้ว แกจะทำยังไง?”

ลูกลิงร้องเจี๊ยก ๆ อีกสองสามครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าดึงขนของตัวเองต่อ

จ้าวเหวินเทากลับมาถึงในช่วงค่ำ เขาใช้น้ำอุ่นล้างหน้าล้างมือ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่ดูไม่มีความสุข จึงเอ่ยถาม “ภรรยา เป็นอะไรเหรอ ใครมาทำให้คุณโกรธ?”

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “ฉันโทรไปหาพี่สามมา พี่สามบอกว่าจะอยู่ที่นั่นเลย แถมยังบอกว่าจะซื้อบ้านด้วย”

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้ประหลาดใจแม้แต่น้อย “คนแบบพี่สะใภ้สามจะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอ? พี่สะใภ้สามไม่กลับมา พี่สามของคุณก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว นี่เป็นแค่เรื่องที่จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วก็เท่านั้นแหละ”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเร็วขนาดนี้ พี่สามยังบอกด้วยนะ ว่าจะรับพ่อของฉันไปอยู่ด้วย”

“แม่ช่วยเลี้ยงหลานอยู่ทางนั้น จะเรียกให้พ่อไปอยู่ด้วยก็เป็นเรื่องปกติ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างนิ่งสงบมาก

เย่ฉูฉู่โกรธจนแทบแย่แล้ว “คุณเอาแต่บอกว่าปกติ! แต่ฉันจะไม่ได้เจอพ่อกับแม่แล้วนะ!”

จ้าวเหวินเทาจึงเข้าใจว่าทำไมภรรยาของเขาถึงโวยวาย จึงรีบพูดว่า “ภรรยา ไม่ได้เจออะไรกัน เมืองหลวงอยู่ห่างจากพวกเราแค่นี้เอง อยากไปก็แค่นั่งรถไฟก็ไปได้แล้ว คุณอยากอยู่ที่นั่นก็อยู่ได้ตามที่ต้องการเลยนะ!”

“พูดง่ายสิ ถ้าฉันไปแล้ว ใครจะดูแลบ้าน?”

“ก็ยังมีพ่อกับแม่ไม่ใช่เหรอ? ให้พ่อกับแม่มาช่วยดูให้ก็ได้”

“แล้วคุณล่ะ?”

“ผมก็ต้องไปเป็นเพื่อนคุณสิ คุณพาลูกไปไม่สะดวก ผมต้องไปเป็นเพื่อนอยู่แล้ว”

“แล้วคุณไม่ขายของแล้วเหรอ ฟาร์มกระต่ายคุณล่ะ?”

“ค้าขายไม่มีวันจบสิ้นหรอก ฟาร์มกระต่ายรอให้สร้างเสร็จแล้วจ้างคนมาดูแลก็สิ้นเรื่องแล้ว”

เย่ฉูฉู่มองสามีของเธอและพบว่าอีกฝ่ายพูดอย่างจริงจัง จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมา เธอถอนหายใจเบา ๆ “ไปอะไรกันล่ะ ลูกเล็กขนาดนี้ ทรมานหลายพันลี้ เกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”

จ้าวเหวินเทาจริงจังจริง ๆ หากภรรยาของเขาอยากไปก็ไปได้ สำหรับเขาแล้วไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขของภรรยา

“ภรรยา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้อากาศอบอุ่นขึ้นแล้ว ถ้าคุณคิดถึงแม่ รอฤดูร้อนมาถึง พวกเราไปเยี่ยมท่านก็ได้นะ”

เย่ฉูฉู่แอบใจเต้นแรง แต่ท้ายที่สุดก็ส่ายหน้าพูดอย่างมีเหตุผล “ถ้าเสี่ยวไป๋หยางยังเดินยังวิ่งไม่ได้ ที่ไหนก็ไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!”

หากไปตอนนี้ ครอบครัวของเย่หมิงเป่ยก็ยังเช่าบ้านอยู่ ทั้งยังมีคุณแม่จ้าวและคุณป้าที่จ้างมาช่วยดูแล แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะเบียดเสียดขนาดไหน พวกเขาไปก็คงอยู่ได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องกลับไปอีกครั้ง ลูกยังเด็กขนาดนั้น ทรมานทั้งไปและกลับในระยะเวลาสั้น ๆ จะทนไหวได้อย่างไรกัน

จ้าวเหวินเทาได้ยินแบบนี้จึงพยักหน้า “ภรรยา ที่คุณกังวลก็ถูกนะ ผมวิ่งเข้าเมืองมาปีหนึ่งแล้ว ได้รู้จักกับผู้คนไม่น้อย มีสิบครอบครัวเบียดอยู่ในบ้านหลังเดียว บ้านใหญ่เท่ากับของพวกเรานี่แหละ กินดื่มขับถ่ายร่วมกันหมด สวรรค์เถอะ ผมไม่อยากนึกภาพเลย พี่สามน่าจะดีกว่าหน่อย พวกเขาอยู่ในบ้านชั้นเดียว พื้นที่กว้างขวาง เขาบอกว่าจะซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดไหนเหรอ? แล้วรับพ่อของคุณไปอยู่ด้วยอีก ถ้ามีพื้นที่ไม่ถึง 180 ตารางเมตรคงอยู่ไม่ได้หรอก ถ้ากว้างถึง 180 ตารางเมตรก็น่าจะใช้เงินหลายแสนอยู่ ถึงยังไงนั่นก็เมืองหลวง อีกอย่างนะ ถ้าอยู่ด้วยกันนานวันเข้า จะไม่ทะเลาะกันเหรอ? คุณคิดดูสิ”

จ้าวเหวินเทาพูดแล้วก็หรี่ตา

เย่ฉูฉู่แอบรำพึงในใจ ถูกต้อง คุณแม่เย่ไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนแอ โจวหมิ่นดู ๆ ไปแล้วก็เป็นคนเข้มแข็งมาก อยู่ด้วยกันในบ้านนานวันเข้า จะทำอย่างไร…จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น เธอทั้งรู้สึกเคืองและขบขัน จึงใช้ฝ่ามือตบป้าบใส่สามีไปหนึ่งที “คุณนี่พูดจาเหลวไหลนะ แม่กับพี่สะใภ้ฉันยังดี ๆ กันอยู่เลย!”

จ้าวเหวินเทาโบกมือพลางเอ่ยยานคาง “ควรมีการวางแผนแต่เนิ่น ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีตลอดไป…”

“ไปยกกับข้าวมา!”

“ครับผม!”

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ฉูฉู่ก้นึกเรื่องที่พี่จ้าวสามมาขายเต้าหู้ขึ้นได้ จ้าวเหวินเทาพูดโดยไม่ต้องคิด “ได้ แต่ต้องยึดตามราคาขายส่งนะ ถ้าเขายินดีก็ขายได้”

เย่ฉูฉู่จ้องมองจ้าวเหวินเทา ผ่านไปนานก็เพิ่งจะพูดขึ้นว่า “พี่น้องอย่างพวกคุณนี่เป็นพวกแสดงหาผลกำไรจริง ๆ”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พี่น้องแท้ ๆ ก็ต้องทำบัญชีให้ชัดเจน! ผมคิดไว้แล้วว่าจะให้แม่ไปทำอาหารที่ฟาร์มกระต่ายผม ที่ดินของสองคนพ่อทำคนเดียวได้ แต่ถ้าไม่ไหวค่อยเรียกพี่รองกับคนอื่น ๆ ไปช่วยเหลือนิด ๆ หน่อย ๆ ได้”

“ฟาร์มกระต่ายของคุณจำเป็นต้องมีคนทำอาหารจริง ๆ เหรอ?”

“จำเป็นสิ” จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “ภรรยา คุณคงไม่รู้ ของแบบนี้ถ้ามีขอบข่ายแล้ว จะมาทำแบบขอไปทีไม่ได้แล้ว กระต่ายมากขนาดนั้นต้องใช้หลายคนเพื่อทำความสะอาดรังกระต่าย คนที่ผมจ้างไว้เป็นพวกเด็กหนุ่มทั้งนั้น พวกเขาทำอาหารเป็นซะที่ไหนกันล่ะ? ทำไม่เป็นอยู่แล้ว งานหลังบ้านจะให้คนอื่นทำผมก็ไม่สบายใจ ให้แม่ทำนี่แหละดีที่สุดแล้ว”

“คุณคุยกับแม่หรือยังคะ?”

“คุยแล้ว แม่บอกว่าทำได้” จ้าวเหวินเทาจึงบอกกับภรรยา “ผมสร้างบ้านอย่างดีไว้ให้แม่ ด้านหน้าไว้ทำสวนผัก ด้านหลังปลูกไม้ผลสักหน่อย แล้วก็ทำห้องอาหารขนาดใหญ่ ตอนกินข้าวก็ใช้ห้องอาหาร กินเสร็จก็ไปพักที่ฝั่งรังกระต่าย”

การจ้างคนนอกจากทำความสะอาดรังกระต่ายแล้ว ช่วงค่ำยังต้องเฝ้ากระต่ายด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนขโมยกระต่าย และป้องกันไม่ให้มีสัตว์ร้ายมาขโมยกระต่ายด้วย

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เห็นแบบนี้แล้วเหวินเทาเป็นคนที่มีการวางแผนรัดกุมมากเลยนะคะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+