เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก
ตอนที่ 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก

พี่สี่จ้าวยังคงพูดด้วยท่าทางไม่รีบร้อนว่า “ไม่ทันค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลานั้นไม่ใช่เหรอ? พอแล้ว คุณไม่ต้องรีบร้อนหรอก ผมจะขนพืชผลกลับมาให้หมด ส่วนคุณก็อยู่เลี้ยงลูกที่บ้านจัดการจานดอกทานตะวันแล้วก็ตัดข้าวฟ่าง ไม่ต้องขึ้นไปบนเขาแล้ว”

พี่สะใภ้สี่จ้าวโมโหจนแทบอยากจะข่วนสามีสักสองสามที “แค่อ้าปากขอร้องน้องหกมันจะทำไมนักหนา คุณจะตายรึไง!”

“ผมจะเป็นบ้าไง!” พี่สี่จ้าวก็อารมณ์ขึ้นแล้ว จึงกระแทกประตูเดินจากไป

 

พี่สะใภ้สี่จ้าวมองอู่หยาที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วนึกอยากจับยัยเด็กคนนี้โยนให้ตายจบ ๆ ไปเสียจริง ๆ เป็นเพราะยัยเด็กนี่คนเดียวเลยถึงทำให้เดือดร้อนไปหมด

“แกมันนังสวะ! นังตัวซวย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวเอ่ยปากด่าแล้ว “แกทำให้ฉันไม่มีลูกชาย เอาหายนะมาให้ฉัน ทำไมชีวิตของฉันถึงได้รันทดแบบนี้ ลูกชายของฉัน ถ้าฉันมีลูกชายก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก ลูกชายของฉัน!”

พี่สะใภ้สี่จ้าวด่าไม่หยุดปาก ทำให้ซานหยาซื่อหยาตกใจจนต้องรีบไปทำงาน เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

ทุกคนยุ่งกันหมดจนเท้าไม่ติดพื้น ขณะที่เย่ฉูฉู่กำลังกล่อมเสี่ยวไป๋หยางเดินไปมาอยู่หน้าประตูบ้าน และกำลังสอนให้ลูกหัดพูด

 

“เสี่ยวไป๋หยางดูสิลูก นั่นคือห่าน ห่านขาวตัวเบ้อเริ่มเลย!” เย่ฉูฉู่เห็นห่านตัวใหญ่สองสามตัวข้างถนนจึงชี้ให้ลูกชายดู

เสี่ยวไป๋หยางส่งเสียงพูดอ้อแอ้ ๆ

“ถูกต้อง เสี่ยวไป๋หยางพูดได้ดีจริง ๆ ห่านขาวตัวใหญ่!” เย่ฉูฉู่ชมเชย

แม้เสี่ยวไป๋หยางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูด แต่ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของแม่ จึงกางแขนเล็ก ๆ โบกอย่างมีความสุข

 

เย่ฉูฉู่ลูบแก้มเล็ก ๆ ของลูกชาย กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เสี่ยวไป๋หยางพูดสิลูก ห่านขาวตัวใหญ่พวกเธอจะไปไหนกันเอ่ย?”

 

เสี่ยวไป๋หยางส่งเสียงพูดอ้อแอ้ ๆ

“ห่านขาวตัวใหญ่บอกว่า พวกเราจะไปเล่นที่ริมแม่น้ำ เธอจะไปด้วยกันไหมเอ่ย? เสี่ยวไป๋หยางไปไหมจ๊ะ?” เย่ฉูฉู่พูดพลางมองลูกชาย

เสี่ยวไป๋หยางมองดูห่านขาวตัวใหญ่ที่กำลังจะเดินไปไกล ก่อนจะมองมาที่แม่อีกครั้ง นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปพลางส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ

“ลูกก็อยากไปเหรอจ๊ะ ตกลง งั้นพวกเราไปดูห่านสีขาวตัวใหญ่กันนะว่าพวกมันเล่นอะไรกัน”

เย่ฉูฉู่วางลูกไว้ในรถเข็นเด็ก ก่อนจะเข็นตามหลังห่านสีขาวตัวใหญ่ ระหว่างที่เดินก็คุยกับเสี่ยวไป๋หยางไปด้วย ไอรีนโนเวล

คุณแม่จ้าวบอกให้เธอคุยกับลูกให้มาก ๆ คุณแม่เย่ก็กำชับกับเธอผ่านโทรศัพท์เช่นกัน บอกให้คุยกับลูก อย่ากลัวว่าจะรำคาญ เด็กในช่วงเวลานี้เป็นช่วงวัยกำลังเรียนรู้ที่จะพูด อยากให้ผู้ใหญ่คุยด้วยแบบไม่หยุด ไม่ว่าจะคุยอะไรก็ได้ทั้งนั้น ลูกก็จะค่อย ๆ พูดได้เอง

  

ตอนที่เย่ฉูฉู่กล่อมลูกในทุก ๆ วันก็จะถามเองตอบเอง อย่างเช่นหญ้าเล็ก ๆ เขียวชอุ่มจังเลย ต้นไม้ใหญ่สูงจังเลย ลูกหมาลูกแมวซุกซนจังเลย มองไม่เห็นเงาแล้ว เห็นอะไรก็พูดอันนั้น เธอสอนเสี่ยวไป๋หยางโดยไม่ได้รู้สึกรำคาญ

ตอนนี้เสี่ยวไป๋หยางไม่อยากอยู่ในบ้านแล้ว ไม่ว่าจะมองอะไรก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ไปหมด แค่จ้องมองก็อยากออกไปข้างนอก ในลานบ้านก็ไม่ได้ ต้องออกไปที่ประตูใหญ่ หลังจากนั้นประตูบ้านก็ไม่เอาแล้ว ต้องเดินไปดูที่อื่น เย่ฉูฉู่เคยคุยกับโจวหมิ่น นี่เป็นสัญญาณของความอยากรู้ของเด็ก ให้เธอพาลูกออกไปเดินให้มาก ๆ

ต่อให้โจวหมิ่นไม่พูดแบบนี้เย่ฉูฉู่ก็ต้องพาเสี่ยวไป๋หยางออกมาอยู่ดี ไม่เช่นนั้นเสี่ยวไป๋หยางก็จะร้องไห้งอแง ทั้งยังมองเธอด้วยท่าทางน่าสงสาร มองจนต่อให้ใจแข็งมากกว่านี้ก็ต้องอ่อนระทวย

เงาของสองแม่ลูกที่กำลังคุยเล่นกันและผู้คนภายในหมู่บ้านที่กำลังยุ่งกับการทำงานอย่างกระตือรือร้น ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เย่ฉูฉู่สวมใส่รองเท้าส้นหนาลายดอกไม้ดอกเล็กที่ตัดเย็บเอง กางเกงสีฟ้าตัดเอง เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายดอกก็เป็นเสื้อที่ตัดเย็บเอง ผมถูกมัดรวบเป็นหางม้า ราวกับสาวน้อยที่เพิ่งแต่งงานย้ายมาอยู่ตอนแรกคนนั้น เดิมทีก็มีรูปร่างหน้าตาสละสลวยอยู่แล้ว ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาสวยงาม บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ตอนนี้ยิ่งมีราศีความเป็นแม่ผู้อ่อนโยนกระจายออกมา

เสี่ยวไป๋หยางก็ยิ่งดูดี ดวงตาของเขาเป็นประกายคล้ายกับนิล เมื่ออาบอยู่ใต้แสงอาทิตย์ก็ดูคล้ายกับเพชรน้ำงามส่องแพรวพราวเป็นประกาย

ขนตาของเขาทั้งยาวและดก ยามหันด้านข้างยังมองเห็นหน้าผากนูน ๆ ของเขาด้วย จมูกเล็ก ๆ กลมมนน่ารักน่าชังรับกับแก้มป่อง ๆ องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าช่างประณีตและงดงามนัก

ใบหน้าของเสี่ยวไป๋หยางรวบรวมจุดเด่นของพ่อและแม่ไว้ด้วยกัน เย่ฉูฉู่กล้าพูดได้ว่า ลูกชายของเธอเป็นเด็กที่หน้าตาดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพูดแบบนี้ออกไปได้

เสี่ยวไป๋หยางไม่เพียงแค่มีหน้าตาที่ดูดี เสื้อผ้าของเขาก็ดูดีอย่างมาก ถึงอย่างไรก็มีแม่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้า เสื้อที่สวมใส่ก็มักจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ เสื้อสไตล์จีนที่เขาสวมใส่เป็นความสวยงามสุดคลาสสิก ทำให้เสี่ยวไป๋หยางดูคล้ายกับเด็กที่เดินออกมาจากภาพวาดโบราณ

ยามแม่ลูกคู่นี้เดินอยู่บนทุ่งนาช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีสีเหลืองทองปกคลุมทั่วภูเขา ใบไม้ร่วงปลิวพลิ้วไหว ฟ้าสูงเมฆขาว มันก็เป็นภูมิทัศน์ที่ทำให้ผู้คนหลงไหล

“ฉูฉู่ เธอใช้ชีวิตยังไงกันแน่เนี่ย ถึงได้ทำให้คนอิจฉาจริง ๆ เลย!”

เฮ่อซงจือพูดมากกว่าหนึ่งครั้ง

 

การพักผ่อนที่น่าพึงพอใจจากภายในที่ปรากฏสู่ด้านนอกประเภทนั้น เป็นสิ่งที่คนในชนบทไม่มี

ภูมิทัศน์ของชนบทเหมือนกับภาพวาดจริง ๆ น่าเสียดายที่คนในชนบทมองไม่เห็น การทำงานหนักตลอดทั้งปีประกอบกับจิตวิญญาณที่แห้งเหือดทำให้พวกเขาชินชาไปนานแล้ว ในสายตามีแค่คลอดลูกชาย ใช้ชีวิต จากนั้นก็ร่ำรวยและหนีออกไปจากที่นี่ เข้าไปในเมืองที่โหยหามานานแสนนาน คิดว่าที่นั่นต่างหากล่ะที่เป็นสวรรค์บนดิน สามารถใช้ชีวิตที่มีความประณีตได้

 

แต่เย่ฉูฉู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น จิตวิญญาณของเธออยู่อีกเวลาและสถานที่หนึ่ง เธอเคยเพลิดเพลินกับวัตถุและการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ ทุกสิ่งที่เห็นและรู้สึกย่อมแตกต่างจากคนเหล่านี้ ลักษณะที่ปรากฏออกมาให้คนอื่น ๆ เห็นย่อมแตกต่างเช่นกัน

ต่อให้เธอต้องลงนาทำสวน แต่เธอก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างงดงามสมบูรณ์และร่ำรวยมั่งคั่ง

ใช้ชีวิตแบบใด จะอยู่ในเมืองหรือชนบทก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตัวคุณเอง ถ้าทำตัวไม่ดี จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

เย่ฉูฉู่เข็นเสี่ยวไป๋หยางเดินตามห่านขาวตัวใหญ่มาจนถึงด้านหน้าแม่น้ำเล็ก ๆ สายหนึ่ง ห่านขาวตัวใหญ่ทยอยกันลงแม่น้ำและเล่นน้ำกันแล้ว

เสี่ยวไป๋หยางเห็นก็ชี้นิ้วเล็ก ๆ ด้วยความตื่นเต้น

เย่ฉูฉู่ลองทดสอบน้ำ เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้เย็นขนาดนั้น จึงถอดรองเท้าและถุงเท้าของเสี่ยวไป๋หยาง พับขากางเกงของเขาขึ้น ก่อนจะอุ้มขึ้นมาและลองหย่อนตัวลงไปในแม่น้ำ

เสี่ยวไป๋หยางเบิกดวงตาสีดำขลับคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ กะพริกตาปริบ ๆ มองดูน้ำในแม่น้ำ เท้าเล็ก ๆ กลับสัมผัสลงบนผิวน้ำแล้ว รู้สึกได้ถึงการไหลของน้ำในแม่น้ำ เขาจึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างจึงแกว่งสะบัด ยิ่งน้ำกระเพื่อมใหญ่เท่าไรเสียงหัวเราะของเขาก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น

 

“ว้าว เสี่ยวไป๋หยางมีความสุขขนาดนี้เลย! ชอบเล่นน้ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เย่ฉูฉู่โน้มตัว ใช้มือทั้งสองข้างประคองใต้รักแร้ของเขา ให้เขาเดินอยู่ในน้ำอย่างช้า ๆ ระหว่างที่เดินก็พูดไปพลาง ๆ

 

เสี่ยวไป๋หยางเดินไปเดินมาก็อยากนั่งลงในแม่น้ำแล้ว เด็กน้อยดูเหมือนว่าจะเกิดมาคู่กับน้ำ และชื่นชอบดินเป็นอย่างมาก ควรพูดว่าธรรมชาติทั้งหมดมีเสน่ห์มาก

 

รู้สึกได้ถึงก้อนหินที่อยู่ใต้ก้นของแม่น้ำ รู้สึกได้ถึงปลาตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายผ่าน รู้สึกได้ถึงตะไคร่น้ำ เสี่ยวไป๋หยางล้วนค้นพบด้วยความประหลาดใจ ที่แท้โลกก็น่าสนใจแบบนี้นี่เอง เขายิ้มไม่หยุดและดีใจอย่างมาก ทว่าเพียงไม่นานก็หมดความสนใจ เมื่อมองไปยังห่านขาวตัวใหญ่ที่กำลังว่ายไปมาอยู่ด้านหน้า ก็เกิดความคิดอยากจะพุ่งตัวเข้าไป น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ทำได้เพียงแค่แกว่งขาอยู่กับที่

  

“แอ้ ๆๆๆ!” เสี่ยวไป๋หยางโบกแขนเล็ก ๆ ด้วยความรีบร้อนเพื่อแสดงออกถึงอะไรบางอย่าง

เย่ฉูฉู่ย่อตัวลงด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งกอดเขาไว้ ส่วนอีกข้างชี้ไปที่ห่านขาวตัวใหญ่ตัวนั้น “ห่านขาวตัวใหญ่กำลังว่ายน้ำ ลูกยังว่ายน้ำไม่เป็น รอให้เสี่ยวไป๋หยางโตเมื่อไรก็ว่ายน้ำได้แบบห่านขาวตัวใหญ่แล้วนะ”

 

อ้างตามเหตุผลเด็กในวัยนี้ย่อมฟังไม่เข้าใจ แต่เสี่ยวไป๋หยางกลับไม่ได้โหวกเหวกโวยวายแล้ว ทั้งยังยื่นมือชี้อย่างจริงจัง ส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ คุยอะไรบางอย่างกับแม่ของเขา

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นภาพที่คอนทราสต์กันมาก จิตวิญญาณข้างในเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก
ตอนที่ 318 การพักผ่อนอันแสนสบายของสองแม่ลูก

พี่สี่จ้าวยังคงพูดด้วยท่าทางไม่รีบร้อนว่า “ไม่ทันค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลานั้นไม่ใช่เหรอ? พอแล้ว คุณไม่ต้องรีบร้อนหรอก ผมจะขนพืชผลกลับมาให้หมด ส่วนคุณก็อยู่เลี้ยงลูกที่บ้านจัดการจานดอกทานตะวันแล้วก็ตัดข้าวฟ่าง ไม่ต้องขึ้นไปบนเขาแล้ว”

พี่สะใภ้สี่จ้าวโมโหจนแทบอยากจะข่วนสามีสักสองสามที “แค่อ้าปากขอร้องน้องหกมันจะทำไมนักหนา คุณจะตายรึไง!”

“ผมจะเป็นบ้าไง!” พี่สี่จ้าวก็อารมณ์ขึ้นแล้ว จึงกระแทกประตูเดินจากไป

 

พี่สะใภ้สี่จ้าวมองอู่หยาที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วนึกอยากจับยัยเด็กคนนี้โยนให้ตายจบ ๆ ไปเสียจริง ๆ เป็นเพราะยัยเด็กนี่คนเดียวเลยถึงทำให้เดือดร้อนไปหมด

“แกมันนังสวะ! นังตัวซวย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวเอ่ยปากด่าแล้ว “แกทำให้ฉันไม่มีลูกชาย เอาหายนะมาให้ฉัน ทำไมชีวิตของฉันถึงได้รันทดแบบนี้ ลูกชายของฉัน ถ้าฉันมีลูกชายก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก ลูกชายของฉัน!”

พี่สะใภ้สี่จ้าวด่าไม่หยุดปาก ทำให้ซานหยาซื่อหยาตกใจจนต้องรีบไปทำงาน เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย

ทุกคนยุ่งกันหมดจนเท้าไม่ติดพื้น ขณะที่เย่ฉูฉู่กำลังกล่อมเสี่ยวไป๋หยางเดินไปมาอยู่หน้าประตูบ้าน และกำลังสอนให้ลูกหัดพูด

 

“เสี่ยวไป๋หยางดูสิลูก นั่นคือห่าน ห่านขาวตัวเบ้อเริ่มเลย!” เย่ฉูฉู่เห็นห่านตัวใหญ่สองสามตัวข้างถนนจึงชี้ให้ลูกชายดู

เสี่ยวไป๋หยางส่งเสียงพูดอ้อแอ้ ๆ

“ถูกต้อง เสี่ยวไป๋หยางพูดได้ดีจริง ๆ ห่านขาวตัวใหญ่!” เย่ฉูฉู่ชมเชย

แม้เสี่ยวไป๋หยางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูด แต่ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของแม่ จึงกางแขนเล็ก ๆ โบกอย่างมีความสุข

 

เย่ฉูฉู่ลูบแก้มเล็ก ๆ ของลูกชาย กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เสี่ยวไป๋หยางพูดสิลูก ห่านขาวตัวใหญ่พวกเธอจะไปไหนกันเอ่ย?”

 

เสี่ยวไป๋หยางส่งเสียงพูดอ้อแอ้ ๆ

“ห่านขาวตัวใหญ่บอกว่า พวกเราจะไปเล่นที่ริมแม่น้ำ เธอจะไปด้วยกันไหมเอ่ย? เสี่ยวไป๋หยางไปไหมจ๊ะ?” เย่ฉูฉู่พูดพลางมองลูกชาย

เสี่ยวไป๋หยางมองดูห่านขาวตัวใหญ่ที่กำลังจะเดินไปไกล ก่อนจะมองมาที่แม่อีกครั้ง นิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปพลางส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ

“ลูกก็อยากไปเหรอจ๊ะ ตกลง งั้นพวกเราไปดูห่านสีขาวตัวใหญ่กันนะว่าพวกมันเล่นอะไรกัน”

เย่ฉูฉู่วางลูกไว้ในรถเข็นเด็ก ก่อนจะเข็นตามหลังห่านสีขาวตัวใหญ่ ระหว่างที่เดินก็คุยกับเสี่ยวไป๋หยางไปด้วย ไอรีนโนเวล

คุณแม่จ้าวบอกให้เธอคุยกับลูกให้มาก ๆ คุณแม่เย่ก็กำชับกับเธอผ่านโทรศัพท์เช่นกัน บอกให้คุยกับลูก อย่ากลัวว่าจะรำคาญ เด็กในช่วงเวลานี้เป็นช่วงวัยกำลังเรียนรู้ที่จะพูด อยากให้ผู้ใหญ่คุยด้วยแบบไม่หยุด ไม่ว่าจะคุยอะไรก็ได้ทั้งนั้น ลูกก็จะค่อย ๆ พูดได้เอง

  

ตอนที่เย่ฉูฉู่กล่อมลูกในทุก ๆ วันก็จะถามเองตอบเอง อย่างเช่นหญ้าเล็ก ๆ เขียวชอุ่มจังเลย ต้นไม้ใหญ่สูงจังเลย ลูกหมาลูกแมวซุกซนจังเลย มองไม่เห็นเงาแล้ว เห็นอะไรก็พูดอันนั้น เธอสอนเสี่ยวไป๋หยางโดยไม่ได้รู้สึกรำคาญ

ตอนนี้เสี่ยวไป๋หยางไม่อยากอยู่ในบ้านแล้ว ไม่ว่าจะมองอะไรก็เป็นสิ่งแปลกใหม่ไปหมด แค่จ้องมองก็อยากออกไปข้างนอก ในลานบ้านก็ไม่ได้ ต้องออกไปที่ประตูใหญ่ หลังจากนั้นประตูบ้านก็ไม่เอาแล้ว ต้องเดินไปดูที่อื่น เย่ฉูฉู่เคยคุยกับโจวหมิ่น นี่เป็นสัญญาณของความอยากรู้ของเด็ก ให้เธอพาลูกออกไปเดินให้มาก ๆ

ต่อให้โจวหมิ่นไม่พูดแบบนี้เย่ฉูฉู่ก็ต้องพาเสี่ยวไป๋หยางออกมาอยู่ดี ไม่เช่นนั้นเสี่ยวไป๋หยางก็จะร้องไห้งอแง ทั้งยังมองเธอด้วยท่าทางน่าสงสาร มองจนต่อให้ใจแข็งมากกว่านี้ก็ต้องอ่อนระทวย

เงาของสองแม่ลูกที่กำลังคุยเล่นกันและผู้คนภายในหมู่บ้านที่กำลังยุ่งกับการทำงานอย่างกระตือรือร้น ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เย่ฉูฉู่สวมใส่รองเท้าส้นหนาลายดอกไม้ดอกเล็กที่ตัดเย็บเอง กางเกงสีฟ้าตัดเอง เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายดอกก็เป็นเสื้อที่ตัดเย็บเอง ผมถูกมัดรวบเป็นหางม้า ราวกับสาวน้อยที่เพิ่งแต่งงานย้ายมาอยู่ตอนแรกคนนั้น เดิมทีก็มีรูปร่างหน้าตาสละสลวยอยู่แล้ว ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน หน้าตาสวยงาม บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ตอนนี้ยิ่งมีราศีความเป็นแม่ผู้อ่อนโยนกระจายออกมา

เสี่ยวไป๋หยางก็ยิ่งดูดี ดวงตาของเขาเป็นประกายคล้ายกับนิล เมื่ออาบอยู่ใต้แสงอาทิตย์ก็ดูคล้ายกับเพชรน้ำงามส่องแพรวพราวเป็นประกาย

ขนตาของเขาทั้งยาวและดก ยามหันด้านข้างยังมองเห็นหน้าผากนูน ๆ ของเขาด้วย จมูกเล็ก ๆ กลมมนน่ารักน่าชังรับกับแก้มป่อง ๆ องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าช่างประณีตและงดงามนัก

ใบหน้าของเสี่ยวไป๋หยางรวบรวมจุดเด่นของพ่อและแม่ไว้ด้วยกัน เย่ฉูฉู่กล้าพูดได้ว่า ลูกชายของเธอเป็นเด็กที่หน้าตาดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่สามารถพูดแบบนี้ออกไปได้

เสี่ยวไป๋หยางไม่เพียงแค่มีหน้าตาที่ดูดี เสื้อผ้าของเขาก็ดูดีอย่างมาก ถึงอย่างไรก็มีแม่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้า เสื้อที่สวมใส่ก็มักจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ เสื้อสไตล์จีนที่เขาสวมใส่เป็นความสวยงามสุดคลาสสิก ทำให้เสี่ยวไป๋หยางดูคล้ายกับเด็กที่เดินออกมาจากภาพวาดโบราณ

ยามแม่ลูกคู่นี้เดินอยู่บนทุ่งนาช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่มีสีเหลืองทองปกคลุมทั่วภูเขา ใบไม้ร่วงปลิวพลิ้วไหว ฟ้าสูงเมฆขาว มันก็เป็นภูมิทัศน์ที่ทำให้ผู้คนหลงไหล

“ฉูฉู่ เธอใช้ชีวิตยังไงกันแน่เนี่ย ถึงได้ทำให้คนอิจฉาจริง ๆ เลย!”

เฮ่อซงจือพูดมากกว่าหนึ่งครั้ง

 

การพักผ่อนที่น่าพึงพอใจจากภายในที่ปรากฏสู่ด้านนอกประเภทนั้น เป็นสิ่งที่คนในชนบทไม่มี

ภูมิทัศน์ของชนบทเหมือนกับภาพวาดจริง ๆ น่าเสียดายที่คนในชนบทมองไม่เห็น การทำงานหนักตลอดทั้งปีประกอบกับจิตวิญญาณที่แห้งเหือดทำให้พวกเขาชินชาไปนานแล้ว ในสายตามีแค่คลอดลูกชาย ใช้ชีวิต จากนั้นก็ร่ำรวยและหนีออกไปจากที่นี่ เข้าไปในเมืองที่โหยหามานานแสนนาน คิดว่าที่นั่นต่างหากล่ะที่เป็นสวรรค์บนดิน สามารถใช้ชีวิตที่มีความประณีตได้

 

แต่เย่ฉูฉู่ไม่ได้เป็นแบบนั้น จิตวิญญาณของเธออยู่อีกเวลาและสถานที่หนึ่ง เธอเคยเพลิดเพลินกับวัตถุและการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์ ทุกสิ่งที่เห็นและรู้สึกย่อมแตกต่างจากคนเหล่านี้ ลักษณะที่ปรากฏออกมาให้คนอื่น ๆ เห็นย่อมแตกต่างเช่นกัน

ต่อให้เธอต้องลงนาทำสวน แต่เธอก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างงดงามสมบูรณ์และร่ำรวยมั่งคั่ง

ใช้ชีวิตแบบใด จะอยู่ในเมืองหรือชนบทก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตัวคุณเอง ถ้าทำตัวไม่ดี จะอยู่ที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น

เย่ฉูฉู่เข็นเสี่ยวไป๋หยางเดินตามห่านขาวตัวใหญ่มาจนถึงด้านหน้าแม่น้ำเล็ก ๆ สายหนึ่ง ห่านขาวตัวใหญ่ทยอยกันลงแม่น้ำและเล่นน้ำกันแล้ว

เสี่ยวไป๋หยางเห็นก็ชี้นิ้วเล็ก ๆ ด้วยความตื่นเต้น

เย่ฉูฉู่ลองทดสอบน้ำ เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้เย็นขนาดนั้น จึงถอดรองเท้าและถุงเท้าของเสี่ยวไป๋หยาง พับขากางเกงของเขาขึ้น ก่อนจะอุ้มขึ้นมาและลองหย่อนตัวลงไปในแม่น้ำ

เสี่ยวไป๋หยางเบิกดวงตาสีดำขลับคู่นั้นด้วยความประหลาดใจ กะพริกตาปริบ ๆ มองดูน้ำในแม่น้ำ เท้าเล็ก ๆ กลับสัมผัสลงบนผิวน้ำแล้ว รู้สึกได้ถึงการไหลของน้ำในแม่น้ำ เขาจึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างจึงแกว่งสะบัด ยิ่งน้ำกระเพื่อมใหญ่เท่าไรเสียงหัวเราะของเขาก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น

 

“ว้าว เสี่ยวไป๋หยางมีความสุขขนาดนี้เลย! ชอบเล่นน้ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เย่ฉูฉู่โน้มตัว ใช้มือทั้งสองข้างประคองใต้รักแร้ของเขา ให้เขาเดินอยู่ในน้ำอย่างช้า ๆ ระหว่างที่เดินก็พูดไปพลาง ๆ

 

เสี่ยวไป๋หยางเดินไปเดินมาก็อยากนั่งลงในแม่น้ำแล้ว เด็กน้อยดูเหมือนว่าจะเกิดมาคู่กับน้ำ และชื่นชอบดินเป็นอย่างมาก ควรพูดว่าธรรมชาติทั้งหมดมีเสน่ห์มาก

 

รู้สึกได้ถึงก้อนหินที่อยู่ใต้ก้นของแม่น้ำ รู้สึกได้ถึงปลาตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายผ่าน รู้สึกได้ถึงตะไคร่น้ำ เสี่ยวไป๋หยางล้วนค้นพบด้วยความประหลาดใจ ที่แท้โลกก็น่าสนใจแบบนี้นี่เอง เขายิ้มไม่หยุดและดีใจอย่างมาก ทว่าเพียงไม่นานก็หมดความสนใจ เมื่อมองไปยังห่านขาวตัวใหญ่ที่กำลังว่ายไปมาอยู่ด้านหน้า ก็เกิดความคิดอยากจะพุ่งตัวเข้าไป น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ทำได้เพียงแค่แกว่งขาอยู่กับที่

  

“แอ้ ๆๆๆ!” เสี่ยวไป๋หยางโบกแขนเล็ก ๆ ด้วยความรีบร้อนเพื่อแสดงออกถึงอะไรบางอย่าง

เย่ฉูฉู่ย่อตัวลงด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งกอดเขาไว้ ส่วนอีกข้างชี้ไปที่ห่านขาวตัวใหญ่ตัวนั้น “ห่านขาวตัวใหญ่กำลังว่ายน้ำ ลูกยังว่ายน้ำไม่เป็น รอให้เสี่ยวไป๋หยางโตเมื่อไรก็ว่ายน้ำได้แบบห่านขาวตัวใหญ่แล้วนะ”

 

อ้างตามเหตุผลเด็กในวัยนี้ย่อมฟังไม่เข้าใจ แต่เสี่ยวไป๋หยางกลับไม่ได้โหวกเหวกโวยวายแล้ว ทั้งยังยื่นมือชี้อย่างจริงจัง ส่งเสียงอ้อแอ้ ๆ คุยอะไรบางอย่างกับแม่ของเขา

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เป็นภาพที่คอนทราสต์กันมาก จิตวิญญาณข้างในเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+