เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 307 แค่ล้อเล่น

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 307 แค่ล้อเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307 แค่ล้อเล่น
ตอนที่ 307 แค่ล้อเล่น

“เสี่ยวไป๋หยาง อันนี้จับไม่ได้นะลูก นี่เป็นของพ่อนะ!” จ้าวเหวินเทาดึงตะเกียบออกมา และจุ่มโจ๊กข้าวฟ่างไปที่ปากของลูก

เสี่ยวไป๋หยางรีบแลบลิ้นเลียทันที อร่อยเสียจนอ้าปากพูดอ้อแอ้

“ดูความตะกละนี่สิ!” จ้าวเหวินเทาแตะโจ๊กให้ลูกชายเพิ่ม “เขาอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “เขาบอกว่าดีทุกอย่างเลย แต่กินอิ่มไม่ได้”

“หะ?” จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ

“นายแบบต้องรักษาหุ่น กินเยอะก็จะอ้วนได้” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“น่าสงสารจริง ๆ” จ้าวเหวินเทาปากพูดว่าน่าสงสาร แต่บนใบหน้ากลับยิ้มแย้ม ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย

เย่ฉูฉู่เห็นความไร้ยางอายนั้นของเขา จึงพูดหยอกล้อไปว่า “ฉันคิดว่าคุณก็หน้าตาดีนะคะ ไม่ได้แย่ไปกว่าเสี่ยวหม่าเลย ลองคุยกับพี่สะใภ้สามดูสิ บอกว่าคุณก็อยากเป็นนายแบบ เสี่ยวหม่าบอกว่าได้เดือนละ 100-200 หยวนเลยนะ ปีนึงได้ 1,000-2,000 หยวน ไม่ต้องตากลมตากฝน ไม่ต้องตากแดดด้วย ได้เปลี่ยนชุดใหม่ทุกวัน ไม่สิ ทุกชั่วโมงทุกสิบห้านาทีเลย คนจำนวนมากก็เข้ามาห้อมล้อมคุณ เข้ามาถ่ายรูป ดื่มน้ำก็มีคนเอามาประเคนให้ถึงปาก จริงสิ ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็มีคนมาช่วยเปลี่ยนด้วย คุณว่าแบบนี้ดีกว่าที่คุณไปค้าขายไหม?”

จ้าวเหวินเทาชะงักและมองภรรยา เย่ฉูฉู่จงใจทำท่าทางจริงจังมาก

“คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถามด้วยความระมัดระวัง

เย่ฉูฉู่พยักหน้าแรง ๆ

จ้าวเหวินเทารับประทานอาหารเข้าไปหนึ่งคำ เขาเคี้ยวจนเกิดเสียงแล้วพูด “ภรรยา ถ้าผมเป็นนายแบบที่เมืองหลวง แล้วคุณล่ะ คุณจะอยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ฉันจะอยู่บ้านเลี้ยงเสี่ยวไป๋หยางเอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

“แล้วทำไมคุณไม่ไปด้วยล่ะ?” จ้าวเหวินเทารีบพูดอย่างรวดเร็ว “อันที่จริงนะภรรยา คุณหน้าตาดีกว่าผมอีก พี่สะใภ้สามก็ทำเสื้อผ้าผู้หญิง ถ้าพูดถึงเรื่องนางแบบนายแบบ คุณน่ะเหมาะกว่าผมอีก อีกอย่างเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่คุณออกแบบ คุณต้องเข้าใจวิธีใส่เสื้อผ้าดีกว่าใคร ๆ ถ้าคุณเป็นนางแบบ หนึ่งเดือนคงไม่ได้แค่ 100-200 หยวนหรอก ผมว่านะ 1,000-2,000 หยวนก็ยังได้เลย หนึ่งเดือนก็ได้เงิน 10,000-20,000 หยวนแล้ว คุณออกแบบเสื้อผ้าอีก ได้อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้เห็นด้วยว่าคนในเมืองใหญ่ชอบใส่อะไร เงินเดือนก็ต้องสูงขึ้นแบบพุ่งพรวดอยู่แล้ว!”

เย่ฉูฉู่ขบฟัน สามีบ้า “ส่วนสูงฉันไม่ถึง พี่สะใภ้สามบอกแล้ว นางแบบต้องสูง 175 เซนติเมตรเลยนะ!”

“ไม่เป็นไร เดินไม้ต่อขาได้”

“จ้าวเหวินเทา!” เย่ฉูฉู่แค่นเสียงโกรธเคือง

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่าจนงอหงายไปด้านหลัง เสี่ยวไป๋หยางคิดว่าพ่อกำลังเล่นกับเขา จึงหัวเราะด้วย

“ภรรยา คุณอย่าเพิ่งโมโหสิ คุณโมโหแล้วมันทำให้ผมอยากหัวเราะ…ฮ่า ๆ คุณรู้อะไรไหม ท่าทางเวลาคุณโกรธเหมือนกับเสี่ยวไป๋หยางเลย” จ้าวเหวินเทาหลุดขำจนไม่ไหวแล้ว

ไม่พูดก็ยังดี แต่พอพูดถึง เย่ฉูฉู่ก็โกรธจนเข้าไปจักจี้เขา จ้าวเหวินเทาอยากเอาคืน แต่เย่ฉูฉู่กลับตะโกนบอกว่าลูกจะหล่นแล้ว จ้าวเหวินเทาถึงไม่สามารถเอาคืนเธอได้

ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวไป๋หยางกลับหัวเราะคิกคัก

ลูกลิงดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับความบ้า ๆ บอ ๆ เป็นครั้งคราวของสามคนนี้แล้ว ครั้งนี้จึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่กลับกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ดูความครึกครื้นนี้ ทั้งยังกินผักที่อยู่ในจานใบใหญ่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็นก็ยักไหล่อย่างมีความสุขไม่หยุด

“…ภรรยาผมไม่ไหวแล้ว ผมผิดไปแล้ว เลิกแกล้งเถอะ ถ้าแกล้งต่อไปผมคงได้หัวเราะจนเป็นบ้าแน่!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะพลางหอบหายใจ

เย่ฉูฉู่ยอมปล่อยเขา “ใครใช้ให้คุณพูดแบบนั้นกับฉันล่ะ! สมควรแล้ว!”

“ภรรยา คุณเป็นคนเริ่มก่อนนะ” จ้าวเหวินเทารู้สึกน้อยใจมาก

เย่ฉูฉู่จัดผม และกลับมานั่งหน้าโต๊ะ “ฉันพูดผิดเหรอ เป็นนายแบบดีจะตายไป!”

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “คนกินจุแบบผมไปเป็นนายแบบได้สามวันคงถูกพี่สะใภ้สามของคุณไล่ทุบออกมา!”

อย่าพูดเรื่องอื่นเลย เขารับการคุมอาหารนี้ไม่ไหวหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องอยู่ในบ้านเพื่อถ่ายภาพตลอดทั้งวัน แบบนั้นคงได้เป็นบ้าพอดี!

“ภรรยา ทั้งชีวิตนี้ผมเหมาะกับการค้าขาย อย่างอื่นไม่ไหวหรอก ต่อให้ได้เงินมากกว่านี้ผมก็ทำไม่ได้” จ้าวเหวินเทาพูดเสริม

ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะทำต่อไปไม่ไหว เย่ฉูฉู่ทราบนิสัยของสามีดี เธอก็แค่พูดหยอกล้อเขาเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าท้ายที่สุดก็ถูกสามีหยอกเสียเอง ประโยคที่บอกว่าเดินไม้ต่อขาแค่คิดเธอก็โกรธแล้ว

“คุณรังเกียจที่ฉันเตี้ยสินะ” เย่ฉูฉู่หาเรื่องคิดบัญชีอย่างไม่สบอารมณ์

จ้าวเหวินเทารีบอ้อนวอนขอความเมตตา “ภรรยา พวกเราอย่าทำแบบนี้สิ ทำไมคุณถึงมาคิดบัญชีกับผมล่ะ?”

“เรื่องเพิ่งเกิดขึ้น ทำไมถึงเรียกว่าคิดบัญชีล่ะ?” เย่ฉูฉู่พูดอย่างมีเหตุผล

จ้าวเหวินเทาจึงทำได้เพียงแค่พูดว่า “ก็ได้ ภรรยาของผมไม่ได้คิดบัญชี เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้นเลยนะ ผมก็แค่พูดไปเรื่อย อีกอย่างนะภรรยา เรื่องที่นางแบบต้องมีส่วนสูง 170 เซนติเมตรน่ะไม่สมเหตุสมผลเลย ถึงยังไงผู้หญิงทุกคนก็ไม่ได้สูง 170 เซนติเมตร แล้วคนที่สูง 140 เซนติเมตร 120 เซนติเมตรล่ะ? เขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันเหรอ? อีกอย่าง ผู้หญิงจะสูงขนาดนั้นไปทำไม ส่วนสูงของภรรยาก็ดีมากเลยนะ ไม่สูงไม่เตี้ย กำลังพอดี!”

จ้าวเหวินเทาเริ่มพูดให้น่าฟัง เย่ฉูฉู่ก็ค่อย ๆ รู้สึกสบายใจขึ้นมา แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงต่างก็แอบคิดเล็กคิดน้อยกันหรอกเหรอ ผ่านช่วงนี้ไปก็ดีขึ้นแล้ว

“ค่อยยังชั่ว!”

เย่ฉูฉู่พึงพอใจ เธอเริ่มรับประทานอาหาร แต่เมื่อมองดูอาหารก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่กับข้าวหายไปหนึ่งจาน เมื่อนึกอะไรขึ้นได้เธอก็หันไปขมวดคิ้วมองลิงน้อย “ไฉไฉ แกกินกับข้าวอันนี้ไปแล้วใช่ไหม?”

ลูกลิงรีบส่งเสียง ‘เจี๊ยก ๆ’ ปฏิเสธ

เย่ฉูฉู่มองอย่างละเอียดอีกครั้ง ครั้นเห็นขนลิงก็โมโหแทบแย่ “นอกจากแกยังจะมีใครได้อีก แกดูสิมีขนของแกด้วย!”

ลูกลิงเห็นขนของตัวเองก็รับรู้ได้ว่าเล่นตุกติกไม่ได้แล้ว มันจึงหนีไป!

เย่ฉูฉู่ถึงกับค้างชะงักงัน

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่า

“ลิงบ้านี่!” เย่ฉูฉู่ยิ้มอย่างเคือง ๆ

อาหารจานนี้จึงเก็บไว้ให้ลูกลิงกินตอนค่ำ

เป็นเพราะเสี่ยวหม่าได้ใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ที่ปักกิ่ง อย่างน้อย ๆ แม่หม้ายหม่าก็คิดแบบนี้ ดังนั้นหล่อนจึงขายไข่ไก่ให้จ้าวเหวินเทาด้วยราคาที่ถูกลงอีกหลายเฟิน จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน

แม่หม้ายหม่านำเรื่องที่เสี่ยวหม่าทำเงินได้มากขณะอยู่ปักกิ่งให้คนอื่นฟังไปไม่น้อย ทุกคนที่ได้ฟังก็แอบรู้สึกอิจฉากันถ้วนหน้า ก่อนหน้านี้แม่หม้ายหม่าเคยบ่นว่าน้องชายของตัวเองไม่เอาการเอางานไปไม่น้อย ทั้งยังถอนหายใจอีก นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นคนมีอนาคตแบบนี้แล้ว จะให้คนอื่นใช้ชีวิตอย่างไรกันเนี่ย

เกี่ยวข้าวสาลีปลูกผักกาดขาว ที่ดินหนึ่งผืนเก็บพืชผลได้สองอย่าง ทุกคนย่อมไม่พลาดอยู่แล้ว ตอนนี้ผักกาดขาวงอกงามดีแล้ว ทุกคนจึงเริ่มถอนวัชพืชกัน ระหว่างที่ทำงานก็ซุบซิบนินทาไปด้วย นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลดความเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน และเรื่องของเสี่ยวหม่าก็กลายเป็นเนื้อหาซุบซิบนินทาในเวลานี้พอดี

“ฉันก็พอจะมองออกนะ ชีวิตที่ลำบากและเหน็ดเหนื่อยไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนคนที่ได้กินได้ดื่มยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงกลับร่ำรวย!” หลี่เฟินบ่นถึงความไม่ยุติธรรม

ที่ดินของพี่สะใภ้รองจ้าวและของหล่อนอยู่ติดกัน ทั้งสองคนจึงถอนวัชพืชด้วยกัน และพูดคุยไปด้วย

“เธอหมายถึงใคร?” พี่สะใภ้รองจ้าวถามไปพลางสับจอบขนาดเล็กถอนวัชพืชไม่หยุด

“ยังจะมีใครอีกล่ะ ก็น้องชายของแม่หม้ายหม่าไง!” หลี่เฟินตอบ “ตอนแรกเธอเองก็ได้ยินไม่ใช่เหรอว่าน้องชายของยัยนั่นเป็นพวกไม่เอาถ่าน ให้เขาไปขุดมูล เขายังนอนอยู่บนเตียงเลย พ่อแม่น้ำตาเช็ดหัวเข่าทุกวัน นี่เพิ่งไม่กี่วันก็ไปปักกิ่งแล้ว แถมยังได้เงินเดือนหลายร้อยด้วย เธอว่ามันมีเหตุผลแบบนี้ด้วยเหรอ? พวกเราทำงานหลังขดหลังแข็งสู้แดดทุกวัน เดือนนึงยังได้ไม่ถึงกี่ร้อยหยวนเลย ชีวิตก็ย่ำอยู่กับที่ ฉันนี่โกรธแทบแย่จริง ๆ!”

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลิงคงเหนื่อยใจที่อยู่กับคนเพี้ยน เลยเพี้ยนไปด้วยเลย

มันเป็นที่เนื้องานแหละ งานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือใช้แต่กำลังแรงกายอย่างเดียวก็จะได้เงินเดือนอีกเรต แต่ทุกงานมีความลำบากในตัวเองเหมือนกัน

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 307 แค่ล้อเล่น

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 307 แค่ล้อเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 307 แค่ล้อเล่น
ตอนที่ 307 แค่ล้อเล่น

“เสี่ยวไป๋หยาง อันนี้จับไม่ได้นะลูก นี่เป็นของพ่อนะ!” จ้าวเหวินเทาดึงตะเกียบออกมา และจุ่มโจ๊กข้าวฟ่างไปที่ปากของลูก

เสี่ยวไป๋หยางรีบแลบลิ้นเลียทันที อร่อยเสียจนอ้าปากพูดอ้อแอ้

“ดูความตะกละนี่สิ!” จ้าวเหวินเทาแตะโจ๊กให้ลูกชายเพิ่ม “เขาอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง?”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “เขาบอกว่าดีทุกอย่างเลย แต่กินอิ่มไม่ได้”

“หะ?” จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ

“นายแบบต้องรักษาหุ่น กินเยอะก็จะอ้วนได้” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“น่าสงสารจริง ๆ” จ้าวเหวินเทาปากพูดว่าน่าสงสาร แต่บนใบหน้ากลับยิ้มแย้ม ไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย

เย่ฉูฉู่เห็นความไร้ยางอายนั้นของเขา จึงพูดหยอกล้อไปว่า “ฉันคิดว่าคุณก็หน้าตาดีนะคะ ไม่ได้แย่ไปกว่าเสี่ยวหม่าเลย ลองคุยกับพี่สะใภ้สามดูสิ บอกว่าคุณก็อยากเป็นนายแบบ เสี่ยวหม่าบอกว่าได้เดือนละ 100-200 หยวนเลยนะ ปีนึงได้ 1,000-2,000 หยวน ไม่ต้องตากลมตากฝน ไม่ต้องตากแดดด้วย ได้เปลี่ยนชุดใหม่ทุกวัน ไม่สิ ทุกชั่วโมงทุกสิบห้านาทีเลย คนจำนวนมากก็เข้ามาห้อมล้อมคุณ เข้ามาถ่ายรูป ดื่มน้ำก็มีคนเอามาประเคนให้ถึงปาก จริงสิ ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็มีคนมาช่วยเปลี่ยนด้วย คุณว่าแบบนี้ดีกว่าที่คุณไปค้าขายไหม?”

จ้าวเหวินเทาชะงักและมองภรรยา เย่ฉูฉู่จงใจทำท่าทางจริงจังมาก

“คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถามด้วยความระมัดระวัง

เย่ฉูฉู่พยักหน้าแรง ๆ

จ้าวเหวินเทารับประทานอาหารเข้าไปหนึ่งคำ เขาเคี้ยวจนเกิดเสียงแล้วพูด “ภรรยา ถ้าผมเป็นนายแบบที่เมืองหลวง แล้วคุณล่ะ คุณจะอยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”

“ใช่ค่ะ ฉันจะอยู่บ้านเลี้ยงเสี่ยวไป๋หยางเอง” เย่ฉูฉู่กล่าว

“แล้วทำไมคุณไม่ไปด้วยล่ะ?” จ้าวเหวินเทารีบพูดอย่างรวดเร็ว “อันที่จริงนะภรรยา คุณหน้าตาดีกว่าผมอีก พี่สะใภ้สามก็ทำเสื้อผ้าผู้หญิง ถ้าพูดถึงเรื่องนางแบบนายแบบ คุณน่ะเหมาะกว่าผมอีก อีกอย่างเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่คุณออกแบบ คุณต้องเข้าใจวิธีใส่เสื้อผ้าดีกว่าใคร ๆ ถ้าคุณเป็นนางแบบ หนึ่งเดือนคงไม่ได้แค่ 100-200 หยวนหรอก ผมว่านะ 1,000-2,000 หยวนก็ยังได้เลย หนึ่งเดือนก็ได้เงิน 10,000-20,000 หยวนแล้ว คุณออกแบบเสื้อผ้าอีก ได้อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้เห็นด้วยว่าคนในเมืองใหญ่ชอบใส่อะไร เงินเดือนก็ต้องสูงขึ้นแบบพุ่งพรวดอยู่แล้ว!”

เย่ฉูฉู่ขบฟัน สามีบ้า “ส่วนสูงฉันไม่ถึง พี่สะใภ้สามบอกแล้ว นางแบบต้องสูง 175 เซนติเมตรเลยนะ!”

“ไม่เป็นไร เดินไม้ต่อขาได้”

“จ้าวเหวินเทา!” เย่ฉูฉู่แค่นเสียงโกรธเคือง

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่าจนงอหงายไปด้านหลัง เสี่ยวไป๋หยางคิดว่าพ่อกำลังเล่นกับเขา จึงหัวเราะด้วย

“ภรรยา คุณอย่าเพิ่งโมโหสิ คุณโมโหแล้วมันทำให้ผมอยากหัวเราะ…ฮ่า ๆ คุณรู้อะไรไหม ท่าทางเวลาคุณโกรธเหมือนกับเสี่ยวไป๋หยางเลย” จ้าวเหวินเทาหลุดขำจนไม่ไหวแล้ว

ไม่พูดก็ยังดี แต่พอพูดถึง เย่ฉูฉู่ก็โกรธจนเข้าไปจักจี้เขา จ้าวเหวินเทาอยากเอาคืน แต่เย่ฉูฉู่กลับตะโกนบอกว่าลูกจะหล่นแล้ว จ้าวเหวินเทาถึงไม่สามารถเอาคืนเธอได้

ในทางตรงกันข้ามเสี่ยวไป๋หยางกลับหัวเราะคิกคัก

ลูกลิงดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับความบ้า ๆ บอ ๆ เป็นครั้งคราวของสามคนนี้แล้ว ครั้งนี้จึงไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่กลับกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ดูความครึกครื้นนี้ ทั้งยังกินผักที่อยู่ในจานใบใหญ่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็นก็ยักไหล่อย่างมีความสุขไม่หยุด

“…ภรรยาผมไม่ไหวแล้ว ผมผิดไปแล้ว เลิกแกล้งเถอะ ถ้าแกล้งต่อไปผมคงได้หัวเราะจนเป็นบ้าแน่!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะพลางหอบหายใจ

เย่ฉูฉู่ยอมปล่อยเขา “ใครใช้ให้คุณพูดแบบนั้นกับฉันล่ะ! สมควรแล้ว!”

“ภรรยา คุณเป็นคนเริ่มก่อนนะ” จ้าวเหวินเทารู้สึกน้อยใจมาก

เย่ฉูฉู่จัดผม และกลับมานั่งหน้าโต๊ะ “ฉันพูดผิดเหรอ เป็นนายแบบดีจะตายไป!”

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “คนกินจุแบบผมไปเป็นนายแบบได้สามวันคงถูกพี่สะใภ้สามของคุณไล่ทุบออกมา!”

อย่าพูดเรื่องอื่นเลย เขารับการคุมอาหารนี้ไม่ไหวหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องอยู่ในบ้านเพื่อถ่ายภาพตลอดทั้งวัน แบบนั้นคงได้เป็นบ้าพอดี!

“ภรรยา ทั้งชีวิตนี้ผมเหมาะกับการค้าขาย อย่างอื่นไม่ไหวหรอก ต่อให้ได้เงินมากกว่านี้ผมก็ทำไม่ได้” จ้าวเหวินเทาพูดเสริม

ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะทำต่อไปไม่ไหว เย่ฉูฉู่ทราบนิสัยของสามีดี เธอก็แค่พูดหยอกล้อเขาเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าท้ายที่สุดก็ถูกสามีหยอกเสียเอง ประโยคที่บอกว่าเดินไม้ต่อขาแค่คิดเธอก็โกรธแล้ว

“คุณรังเกียจที่ฉันเตี้ยสินะ” เย่ฉูฉู่หาเรื่องคิดบัญชีอย่างไม่สบอารมณ์

จ้าวเหวินเทารีบอ้อนวอนขอความเมตตา “ภรรยา พวกเราอย่าทำแบบนี้สิ ทำไมคุณถึงมาคิดบัญชีกับผมล่ะ?”

“เรื่องเพิ่งเกิดขึ้น ทำไมถึงเรียกว่าคิดบัญชีล่ะ?” เย่ฉูฉู่พูดอย่างมีเหตุผล

จ้าวเหวินเทาจึงทำได้เพียงแค่พูดว่า “ก็ได้ ภรรยาของผมไม่ได้คิดบัญชี เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ได้มีความหมายแบบนั้นเลยนะ ผมก็แค่พูดไปเรื่อย อีกอย่างนะภรรยา เรื่องที่นางแบบต้องมีส่วนสูง 170 เซนติเมตรน่ะไม่สมเหตุสมผลเลย ถึงยังไงผู้หญิงทุกคนก็ไม่ได้สูง 170 เซนติเมตร แล้วคนที่สูง 140 เซนติเมตร 120 เซนติเมตรล่ะ? เขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันเหรอ? อีกอย่าง ผู้หญิงจะสูงขนาดนั้นไปทำไม ส่วนสูงของภรรยาก็ดีมากเลยนะ ไม่สูงไม่เตี้ย กำลังพอดี!”

จ้าวเหวินเทาเริ่มพูดให้น่าฟัง เย่ฉูฉู่ก็ค่อย ๆ รู้สึกสบายใจขึ้นมา แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ใช่ว่าผู้หญิงต่างก็แอบคิดเล็กคิดน้อยกันหรอกเหรอ ผ่านช่วงนี้ไปก็ดีขึ้นแล้ว

“ค่อยยังชั่ว!”

เย่ฉูฉู่พึงพอใจ เธอเริ่มรับประทานอาหาร แต่เมื่อมองดูอาหารก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่กับข้าวหายไปหนึ่งจาน เมื่อนึกอะไรขึ้นได้เธอก็หันไปขมวดคิ้วมองลิงน้อย “ไฉไฉ แกกินกับข้าวอันนี้ไปแล้วใช่ไหม?”

ลูกลิงรีบส่งเสียง ‘เจี๊ยก ๆ’ ปฏิเสธ

เย่ฉูฉู่มองอย่างละเอียดอีกครั้ง ครั้นเห็นขนลิงก็โมโหแทบแย่ “นอกจากแกยังจะมีใครได้อีก แกดูสิมีขนของแกด้วย!”

ลูกลิงเห็นขนของตัวเองก็รับรู้ได้ว่าเล่นตุกติกไม่ได้แล้ว มันจึงหนีไป!

เย่ฉูฉู่ถึงกับค้างชะงักงัน

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่า

“ลิงบ้านี่!” เย่ฉูฉู่ยิ้มอย่างเคือง ๆ

อาหารจานนี้จึงเก็บไว้ให้ลูกลิงกินตอนค่ำ

เป็นเพราะเสี่ยวหม่าได้ใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ที่ปักกิ่ง อย่างน้อย ๆ แม่หม้ายหม่าก็คิดแบบนี้ ดังนั้นหล่อนจึงขายไข่ไก่ให้จ้าวเหวินเทาด้วยราคาที่ถูกลงอีกหลายเฟิน จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกมีความสุขเช่นกัน

แม่หม้ายหม่านำเรื่องที่เสี่ยวหม่าทำเงินได้มากขณะอยู่ปักกิ่งให้คนอื่นฟังไปไม่น้อย ทุกคนที่ได้ฟังก็แอบรู้สึกอิจฉากันถ้วนหน้า ก่อนหน้านี้แม่หม้ายหม่าเคยบ่นว่าน้องชายของตัวเองไม่เอาการเอางานไปไม่น้อย ทั้งยังถอนหายใจอีก นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นคนมีอนาคตแบบนี้แล้ว จะให้คนอื่นใช้ชีวิตอย่างไรกันเนี่ย

เกี่ยวข้าวสาลีปลูกผักกาดขาว ที่ดินหนึ่งผืนเก็บพืชผลได้สองอย่าง ทุกคนย่อมไม่พลาดอยู่แล้ว ตอนนี้ผักกาดขาวงอกงามดีแล้ว ทุกคนจึงเริ่มถอนวัชพืชกัน ระหว่างที่ทำงานก็ซุบซิบนินทาไปด้วย นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลดความเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน และเรื่องของเสี่ยวหม่าก็กลายเป็นเนื้อหาซุบซิบนินทาในเวลานี้พอดี

“ฉันก็พอจะมองออกนะ ชีวิตที่ลำบากและเหน็ดเหนื่อยไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนคนที่ได้กินได้ดื่มยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงกลับร่ำรวย!” หลี่เฟินบ่นถึงความไม่ยุติธรรม

ที่ดินของพี่สะใภ้รองจ้าวและของหล่อนอยู่ติดกัน ทั้งสองคนจึงถอนวัชพืชด้วยกัน และพูดคุยไปด้วย

“เธอหมายถึงใคร?” พี่สะใภ้รองจ้าวถามไปพลางสับจอบขนาดเล็กถอนวัชพืชไม่หยุด

“ยังจะมีใครอีกล่ะ ก็น้องชายของแม่หม้ายหม่าไง!” หลี่เฟินตอบ “ตอนแรกเธอเองก็ได้ยินไม่ใช่เหรอว่าน้องชายของยัยนั่นเป็นพวกไม่เอาถ่าน ให้เขาไปขุดมูล เขายังนอนอยู่บนเตียงเลย พ่อแม่น้ำตาเช็ดหัวเข่าทุกวัน นี่เพิ่งไม่กี่วันก็ไปปักกิ่งแล้ว แถมยังได้เงินเดือนหลายร้อยด้วย เธอว่ามันมีเหตุผลแบบนี้ด้วยเหรอ? พวกเราทำงานหลังขดหลังแข็งสู้แดดทุกวัน เดือนนึงยังได้ไม่ถึงกี่ร้อยหยวนเลย ชีวิตก็ย่ำอยู่กับที่ ฉันนี่โกรธแทบแย่จริง ๆ!”

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ลิงคงเหนื่อยใจที่อยู่กับคนเพี้ยน เลยเพี้ยนไปด้วยเลย

มันเป็นที่เนื้องานแหละ งานที่ไม่ต้องใช้ฝีมือใช้แต่กำลังแรงกายอย่างเดียวก็จะได้เงินเดือนอีกเรต แต่ทุกงานมีความลำบากในตัวเองเหมือนกัน

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+