เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 287 คุยเล่น

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 287 คุยเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 287 คุยเล่น
ตอนที่ 287 คุยเล่น

จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็นไร ต่อให้เขาไม่กลับมาตลอดทั้งชีวิต ก็ยังมีภรรยากับลูกของเขาอยู่นะครับ!”

“แกจะเอาภรรยากับลูกเขาไปขายหรือไง!” คุณแม่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ผมไม่ได้เป็นคนกล้าหาญขนาดนั้น!” จ้าวเหวินเทาเห็นแม่ถลึงมองก็รีบพูด “แม่ เมื่อไม่กี่วันก่อนภรรยาของเขาบอกว่ารอเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็จจะไปทำงานที่ฟาร์มกระต่ายของผม ผมตอบตกลงไปแล้ว ถึงเวลานั้นผมแค่หักเงินส่วนนั้นออกมาจากเงินเดือนก็สิ้นเรื่อง ”

“เงินหนึ่งพันหยวนนี่ต้องรออีกนานขนาดไหนถึงจะหักออกมาจนครบ?” คุณแม่จ้าวไม่พอใจกับความคิดนี้ของลูกชาย

“ก็ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปไงครับ ภรรยาไม่ไหว ก็ยังมีลูกชายเขาอยู่ จริงสิ ยังมีลูกสาวด้วยนะ มีตั้งสามคน ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะคืนเงินหนึ่งพันหยวนนี้ไม่หมด” จ้าวเหวินเทายังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

คุณแม่จ้าวยกมือตบป้าบไปหนึ่งที “ฉันว่าพอแกมีเงินขึ้นมาหน่อยก็เริ่มใช้เงินเป็นเบี้ยแล้วนะ นี่คงไม่รู้แล้วสิว่าแซ่อะไร!”

“แม่ ผมแซ่จ้าวไง เรื่องนี้ผมยังจำได้!” จ้าวเหวินเทาพูดจบก็รีบพูดอีกว่า “แม่ ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว ผมมีแผนในใจอยู่”

“แกจะมีแผนหรือไม่ แม่ก็ขี้เกียจจะสนใจแกแล้ว!” คุณแม่จ้าวมองดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหาร นางก็ออกไปทำอาหารแล้ว

จ้าวเหวินเทาก็เดินออกมาและไปหาคุณพ่อจ้าว

คุณพ่อจ้าวตรวจรังกระต่ายเสร็จเพิ่งกลับมาพอดี ทั้งยังถือลูกซิ่ง(แอปริคอต)มาหนึ่งกำมือด้วย จ้าวเหวินเทาเห็นก็หยิบไปใส่ในกะละมังแล้วเอาไปล้างน้ำ จากนั้นสองพ่อลูกจึงนั่งรับประทานอยู่หน้าโต๊ะหินขนาดเล็กบริเวณพื้นที่โล่งแจ้งข้างหน้าห้องนอน

“ลุงจ้าวของผมล่ะ?” จ้าวเหวินเทาเห็นว่าที่ห้องของลุงจ้าวไม่มีการเคลื่อนไหวจึงเอ่ยถาม

“ไปดูเป็ดของเขาที่ริมตลิ่งแล้ว” คุณพ่อจ้าวรับประทานลูกซิ่งไปหนึ่งลูกก็ไม่รับประทานอีก “เปรี้ยวเกินไปแล้ว คนแก่ ๆ กินของพวกนี้ไม่ลงแล้ว”

ลูกเป็ดกับลูกไก่ฟักออกจากไข่แล้ว ตอนนี้ลูกเป็ดสามารถลงเล่นน้ำในแม่น้ำได้ ซึ่งทุกเช้าลุงจ้าวก็จะออกไปปล่อยลูกเป็ดและลูกไก่ ครั้นกลับมาตอนเที่ยง ลูกไก่กับลูกเป็ดก็ยังไม่ได้กลับมาพร้อมเขา ถึงตอนค่ำเขาจึงจะไปรับกลับมา ถึงอย่างไรบริเวณรอบ ๆ ก็มีรั้วลวดหนามอยู่ หนีออกไปไหนไม่ได้

“ไม่ต้องปล่อยทุกวันก็ได้มั้ง?” จ้าวเหวินเทาชอบรสเปรี้ยว เขาจึงกินติดกันลูกแล้วลูกเล่า

“ไม่ต้องได้ไงล่ะ สัตว์พวกนี้กลัวการถูกกักขังที่สุดแล้ว ปล่อยออกไปเดินตากลม ให้มันได้วิ่งบ้างกินแมลงอะไรบ้าง มันจะได้ขยันออกไข่ อร่อยด้วย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ก็จริง คนต่างก็กลัวการถูกกักขังกันทั้งนั้น ลูกเป็ดลูกไก่พวกนี้ก็เหมือนกัน”

“ก็ใช่น่ะสิ สัตว์กับคนก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่างก็ชอบอิสระกันทั้งนั้น แกดูสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ในเมืองนั่นสิ เฮ้อ น่าสงสาร ถูกขังอยู่ในกรงตลอดทั้งชีวิตไม่ได้ออกมาข้างนอก จะว่าไปคนเรานี่ก็บาปนะ!” คุณพ่อจ้าวอายุมากแล้ว จึงเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว จากที่คุยเรื่องอิสรภาพของลูกเป็ดลูกไก่ก็พูดไปถึงสวนสัตว์ในเมือง จากนั้นก็พูดถึงลูกลิงอีก “ลิงตัวนั้นที่แกเลี้ยงไว้ ก็อย่าขังมันอยู่แต่ในบ้านล่ะ ถ้าว่าง ๆ ก็พามันมาที่นี่บ้าง บนภูเขามีลูกซิ่งปลูกอยู่ ฝั่งนั้นก็ยังมีอีกผืนใหญ่เลย บอกให้มันมากินที่นี่สิ จะได้ออกกำลังกายหน่อย วันนั้นฉันเห็นมีลิงสามสี่ตัวมากินผลไม้ทางฝั่งนี้ด้วย พวกมันยังเล่นกันเป็นด้วยนะ”

จ้าวเหวินเทารู้สึกยินดี “พ่อ พวกเราไม่ได้ขังมัน มันก็ขึ้นไปบนเขาบ่อย ๆ แถมยังขึ้นไปขโมยผลไม้ในสวนผลไม้ด้วยนะ ผมกลัวว่าคนในหมู่บ้านจะทำร้ายมันเหมือนกัน ตกลง งั้นเดี๋ยววันไหนว่างผมพามันมาที่นี่ด้วย”

คุณพ่อจ้าวมองลูกชายที่ยังคงรับประทานไม่หยุด “กินให้มันน้อย ๆ หน่อย กินเยอะเดี๋ยวก็เสียวฟันหรอก”

จ้าวเหวินเทาจึงหยุดรับประทาน เขากวาดแกนของลูกซิ่งมารวมเข้าด้วยกัน “พ่อ ลูกซิ่งนี่อร่อยมากเลยนะ ผมว่าแกนของมันน่าจะปลูกได้นะ?”

“ทำไมจะปลูกไม่ได้ล่ะ แต่แกนนี้กว่าจะงอกออกมาเป็นต้นไม้ก็ใช้เวลาหลายปีเลยล่ะ!” คุณพ่อจ้าวมองดูแกนผลลูกซิ่ง

“ไม่เป็นไรหรอก โตตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ อีกเดี๋ยวผมจะเอามันไปฝังลงดิน” จ้าวเหวินเทามองไปยังต้นลูกซิ่งที่อยู่ห่างออกไป กล่าวต่อไปว่า “พ่อ ผมคิดไว้ว่าจะปลูกไม้ผลตรงนั้น พ่อว่าทำได้ไหม?”

“ถ้าแกอยากจะเก็บไว้กินก็ปลูกได้ แต่ถ้าแกจะเอาไปขายคงไม่ได้ ลิงมันคงขโมยกินหมด จะทุบตีเจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้ด้วย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

“มันจะขโมยกินก็ให้ขโมยไปสิ พวกมันจะกินสักเท่าไรกันเชียว พวกเราก็ไม่ได้หวังว่าจะรวยสักหน่อย ขายได้เท่าไรก็เท่านั้นแหละ ที่สำคัญคือที่นี่เป็นภูเขาแห้งแล้ง ปลูกไม้ผลสักหน่อย ได้เห็นดอกไม้ได้กินผลไม้ สวยแถมยังคุ้มราคาด้วย” จ้าวเหวินเทาไม่ได้ตั้งใจว่าจะขายผลไม้จริง ๆ ถึงอย่างไรตอนนี้ผู้คนก็ยังจ้องเนื้อสัตว์อยู่ เลี้ยงกระต่ายนี่แหละดีมากเลย

“งั้นก็ปลูกสิ ต้นไม้ที่นี่มีน้อยไปหน่อย ต้นไม้น้อยก็จะมีวัชพืชงอกขึ้นมา สู้ปลูกต้นไม้ขึ้นมาอีกหน่อยยังจะดีกว่า ตรงนั้นปลูกต้นหยางอีกสักหน่อยแล้วกัน แล้วก็ตรงริมแม่น้ำด้วย สวยดี จะได้เป็นที่ร่มเงาให้กระต่ายได้มากขึ้นด้วย” คุณพ่อจ้าวชี้ไปยังทิศทางต่าง ๆ ขณะพูดกับลูกชาย

ตอนนี้ลุงจ้าวกลับมาแล้ว เขาใส่รองเท้าผ้าใบ ถลกขากางเกง สวมเสื้อกล้ามหลวมโพรกหนึ่งตัว บนบ่ามีเสื้อคลุมอยู่ ในมือยังถือพลั่วเหล็กอีกหนึ่งเล่มด้วย

“อ้าวลุง แต่งตัวเป็นคนงานในช่วงรุ่งโรจน์เลยนะ ไปทำอะไรมา?” จ้าวเหวินเทาพูดเย้า

ลุงจ้าวด่าเคล้ารอยยิ้ม “ไอ้เด็กคนนี้รู้จักพูดจากะล่อนนะ ที่แม่น้ำตรงนั้นมีบางอย่างกั้นอยู่ ฉันก็เลยไปเปิดทางให้มัน!”

ลุงจ้าวพูดพลางวางพลั่วเหล็กลง เขาเดินไปที่บ่อน้ำเพื่อล้างมือและล้างหน้า จากนั้นก็เดินมานั่ง เมื่อเห็นลูกซิ่งบนโต๊ะจึงพูดว่า “นี่คือลูกซิ่งที่อยู่บนเขานั่นใช่ไหม?”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “ใช้ ฉันเก็บมานิดหน่อย เมื่อไม่กี่วันก่อนฝนตกเลยตกลงมาจากต้นน่ะ”

“ซ่อนไม่มิดหรอก คอยดูเถอะ อีกแค่ไม่กี่วันคงได้เรียกหนูไปสร้างรังที่นั่น”

“หนูกินลูกซิ่งด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความสงสัย

“นายแกล้งโง่ให้มันน้อย ๆ หน่อย มันกินแกนลูกซิ่งไง! นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ” ลุงจ้าวกลอกตาใส่

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ลุง ลุงลองชิมดูสักสองสามลูกสิ”

“ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอก นายช่วยไปชงชาให้ฉันหน่อยเถอะ”

“ได้เลย!” จ้าวเหวินเทาลุกไปชงชา ตอนที่กลับมาก็มานั่งคุยและจิบชาร่วมกับผู้สูงวัยทั้งสองคน

“นายเองก็เป็นเจ้าของที่ ฉันจะแนะนำอะไรให้อย่างหนึ่ง” ลุงจ้าวจิบชาหนึ่งคำพลางกล่าว

“ลุงว่ามาเลย มีอะไรจะแนะนำเหรอ?” จ้าวเหวินเทารีบกล่าว

“ในแม่น้ำมีปลา นายน่ะไปซื้อลูกปลามาปล่อยสักหน่อยสิ ปีหน้าพวกเราก็มีปลาไว้กินแล้ว ปล่อยเยอะหน่อยก็จะขายได้ด้วย!”

“แบบนั้นเป็ดก็กินหมดสิ?”

จ้าวเหวินเทาก็เคยคิดแบบนี้ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ลุงจ้าวบอกว่าจะปล่อยเป็ดในแม่น้ำ เขาจึงคิดว่าเคารพงานอดิเรกของลุงจ้าวดีกว่า ส่วนเรื่องปลาไม่สำคัญหรอก

ลุงจ้าวบุ้ยปาก “เป็ดนั่นว่ายอยู่ในแม่น้ำใหญ่ ๆ ไม่ได้หรอก นายก็ปล่อยลูกปลาที่ต้นน้ำสักหน่อย ปล่อยตาข่ายดักไว้ ฉันปล่อยเป็ดลงไปว่ายน้ำ ก็ไม่ได้รบกวนงานทั้งสองอย่างนี้สักหน่อย ตะกอนที่อยู่ในแม่น้ำก็เอามาทำเป็นปุ๋ยได้ ดีกว่าปุ๋ยเคมีอีก จริงสิ นายเองก็อย่าให้ความสำคัญกับปุ๋ยเคมีมากเกินไปปล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจของพรรค์นั่นเท่าไร แต่การที่มันสามารถเร่งผลผลิตออกมาได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่นานก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย คนเรานี่นะ พึ่งพาอาหารเพื่อดำรงชีวิต ก็อย่าได้เอาแต่ทำอะไรแผลง ๆ เลย”

จ้าวเหวินเทาได้ยินก็ถึงกับยกนิ้วโป้งให้ “ลุงมองเรื่องต่าง ๆ ได้พิเศษกว่าใครเลย!”

ลุงจ้าวหัวเราะ “พิเศษอะไรกันล่ะ ฉันกับพ่อนายก็เคยคุยกันแล้ว ที่ดินนี้ถ้าใส่ปุ๋ยเคมี ก็เหมือนคนที่สูบบุหรี่นั่นแหละ ตอนที่สูบแรก ๆ ก็สบายอยู่หรอก แต่พอสูบไปเยอะ ๆ ก็เดี้ยงได้เหมือนกัน ที่ดินกับคนก็เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ได้กินไม่อิ่มสักหน่อย ถ้ากินไม่อิ่ม นายจะใส่ปุ๋ยเคมีก็ใส่ไปเถอะ แต่นี่นายมีให้กินจนอิ่มแล้ว เก็บเกี่ยวผลผลิตน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เวลากินก็สบายใจด้วย”

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ได้สิ ผมจะเชื่อลุงนะ”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “พวกเราอยากจะบอกแกตั้งนานแล้ว กลัวว่าแกจะรังเกียจความคิดของคนแก่ ๆ ถึงยังไงใส่ปุ๋ยเคมีก็ทำให้ผลผลิตเยอะ แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว สิ่งนี้ก็เหมือนกับการที่คนเราออกแรงมากเกินไปนั่นแหละ พอใช้หมด เรี่ยวแรงก็มีไม่พอแล้ว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนแก่ ๆ บางทีก็มีความคิดบางอย่างที่ควรเก็บมาคิดเหมือนกันนะคะ พวกเขาจะมองโลกอย่างสุขุมรอบคอบมากกว่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] 287 คุยเล่น

Now you are reading เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] Chapter 287 คุยเล่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 287 คุยเล่น
ตอนที่ 287 คุยเล่น

จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็นไร ต่อให้เขาไม่กลับมาตลอดทั้งชีวิต ก็ยังมีภรรยากับลูกของเขาอยู่นะครับ!”

“แกจะเอาภรรยากับลูกเขาไปขายหรือไง!” คุณแม่จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ผมไม่ได้เป็นคนกล้าหาญขนาดนั้น!” จ้าวเหวินเทาเห็นแม่ถลึงมองก็รีบพูด “แม่ เมื่อไม่กี่วันก่อนภรรยาของเขาบอกว่ารอเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็จจะไปทำงานที่ฟาร์มกระต่ายของผม ผมตอบตกลงไปแล้ว ถึงเวลานั้นผมแค่หักเงินส่วนนั้นออกมาจากเงินเดือนก็สิ้นเรื่อง ”

“เงินหนึ่งพันหยวนนี่ต้องรออีกนานขนาดไหนถึงจะหักออกมาจนครบ?” คุณแม่จ้าวไม่พอใจกับความคิดนี้ของลูกชาย

“ก็ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปไงครับ ภรรยาไม่ไหว ก็ยังมีลูกชายเขาอยู่ จริงสิ ยังมีลูกสาวด้วยนะ มีตั้งสามคน ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะคืนเงินหนึ่งพันหยวนนี้ไม่หมด” จ้าวเหวินเทายังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

คุณแม่จ้าวยกมือตบป้าบไปหนึ่งที “ฉันว่าพอแกมีเงินขึ้นมาหน่อยก็เริ่มใช้เงินเป็นเบี้ยแล้วนะ นี่คงไม่รู้แล้วสิว่าแซ่อะไร!”

“แม่ ผมแซ่จ้าวไง เรื่องนี้ผมยังจำได้!” จ้าวเหวินเทาพูดจบก็รีบพูดอีกว่า “แม่ ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว ผมมีแผนในใจอยู่”

“แกจะมีแผนหรือไม่ แม่ก็ขี้เกียจจะสนใจแกแล้ว!” คุณแม่จ้าวมองดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหาร นางก็ออกไปทำอาหารแล้ว

จ้าวเหวินเทาก็เดินออกมาและไปหาคุณพ่อจ้าว

คุณพ่อจ้าวตรวจรังกระต่ายเสร็จเพิ่งกลับมาพอดี ทั้งยังถือลูกซิ่ง(แอปริคอต)มาหนึ่งกำมือด้วย จ้าวเหวินเทาเห็นก็หยิบไปใส่ในกะละมังแล้วเอาไปล้างน้ำ จากนั้นสองพ่อลูกจึงนั่งรับประทานอยู่หน้าโต๊ะหินขนาดเล็กบริเวณพื้นที่โล่งแจ้งข้างหน้าห้องนอน

“ลุงจ้าวของผมล่ะ?” จ้าวเหวินเทาเห็นว่าที่ห้องของลุงจ้าวไม่มีการเคลื่อนไหวจึงเอ่ยถาม

“ไปดูเป็ดของเขาที่ริมตลิ่งแล้ว” คุณพ่อจ้าวรับประทานลูกซิ่งไปหนึ่งลูกก็ไม่รับประทานอีก “เปรี้ยวเกินไปแล้ว คนแก่ ๆ กินของพวกนี้ไม่ลงแล้ว”

ลูกเป็ดกับลูกไก่ฟักออกจากไข่แล้ว ตอนนี้ลูกเป็ดสามารถลงเล่นน้ำในแม่น้ำได้ ซึ่งทุกเช้าลุงจ้าวก็จะออกไปปล่อยลูกเป็ดและลูกไก่ ครั้นกลับมาตอนเที่ยง ลูกไก่กับลูกเป็ดก็ยังไม่ได้กลับมาพร้อมเขา ถึงตอนค่ำเขาจึงจะไปรับกลับมา ถึงอย่างไรบริเวณรอบ ๆ ก็มีรั้วลวดหนามอยู่ หนีออกไปไหนไม่ได้

“ไม่ต้องปล่อยทุกวันก็ได้มั้ง?” จ้าวเหวินเทาชอบรสเปรี้ยว เขาจึงกินติดกันลูกแล้วลูกเล่า

“ไม่ต้องได้ไงล่ะ สัตว์พวกนี้กลัวการถูกกักขังที่สุดแล้ว ปล่อยออกไปเดินตากลม ให้มันได้วิ่งบ้างกินแมลงอะไรบ้าง มันจะได้ขยันออกไข่ อร่อยด้วย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ก็จริง คนต่างก็กลัวการถูกกักขังกันทั้งนั้น ลูกเป็ดลูกไก่พวกนี้ก็เหมือนกัน”

“ก็ใช่น่ะสิ สัตว์กับคนก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่างก็ชอบอิสระกันทั้งนั้น แกดูสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ในเมืองนั่นสิ เฮ้อ น่าสงสาร ถูกขังอยู่ในกรงตลอดทั้งชีวิตไม่ได้ออกมาข้างนอก จะว่าไปคนเรานี่ก็บาปนะ!” คุณพ่อจ้าวอายุมากแล้ว จึงเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว จากที่คุยเรื่องอิสรภาพของลูกเป็ดลูกไก่ก็พูดไปถึงสวนสัตว์ในเมือง จากนั้นก็พูดถึงลูกลิงอีก “ลิงตัวนั้นที่แกเลี้ยงไว้ ก็อย่าขังมันอยู่แต่ในบ้านล่ะ ถ้าว่าง ๆ ก็พามันมาที่นี่บ้าง บนภูเขามีลูกซิ่งปลูกอยู่ ฝั่งนั้นก็ยังมีอีกผืนใหญ่เลย บอกให้มันมากินที่นี่สิ จะได้ออกกำลังกายหน่อย วันนั้นฉันเห็นมีลิงสามสี่ตัวมากินผลไม้ทางฝั่งนี้ด้วย พวกมันยังเล่นกันเป็นด้วยนะ”

จ้าวเหวินเทารู้สึกยินดี “พ่อ พวกเราไม่ได้ขังมัน มันก็ขึ้นไปบนเขาบ่อย ๆ แถมยังขึ้นไปขโมยผลไม้ในสวนผลไม้ด้วยนะ ผมกลัวว่าคนในหมู่บ้านจะทำร้ายมันเหมือนกัน ตกลง งั้นเดี๋ยววันไหนว่างผมพามันมาที่นี่ด้วย”

คุณพ่อจ้าวมองลูกชายที่ยังคงรับประทานไม่หยุด “กินให้มันน้อย ๆ หน่อย กินเยอะเดี๋ยวก็เสียวฟันหรอก”

จ้าวเหวินเทาจึงหยุดรับประทาน เขากวาดแกนของลูกซิ่งมารวมเข้าด้วยกัน “พ่อ ลูกซิ่งนี่อร่อยมากเลยนะ ผมว่าแกนของมันน่าจะปลูกได้นะ?”

“ทำไมจะปลูกไม่ได้ล่ะ แต่แกนนี้กว่าจะงอกออกมาเป็นต้นไม้ก็ใช้เวลาหลายปีเลยล่ะ!” คุณพ่อจ้าวมองดูแกนผลลูกซิ่ง

“ไม่เป็นไรหรอก โตตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ อีกเดี๋ยวผมจะเอามันไปฝังลงดิน” จ้าวเหวินเทามองไปยังต้นลูกซิ่งที่อยู่ห่างออกไป กล่าวต่อไปว่า “พ่อ ผมคิดไว้ว่าจะปลูกไม้ผลตรงนั้น พ่อว่าทำได้ไหม?”

“ถ้าแกอยากจะเก็บไว้กินก็ปลูกได้ แต่ถ้าแกจะเอาไปขายคงไม่ได้ ลิงมันคงขโมยกินหมด จะทุบตีเจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้ด้วย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

“มันจะขโมยกินก็ให้ขโมยไปสิ พวกมันจะกินสักเท่าไรกันเชียว พวกเราก็ไม่ได้หวังว่าจะรวยสักหน่อย ขายได้เท่าไรก็เท่านั้นแหละ ที่สำคัญคือที่นี่เป็นภูเขาแห้งแล้ง ปลูกไม้ผลสักหน่อย ได้เห็นดอกไม้ได้กินผลไม้ สวยแถมยังคุ้มราคาด้วย” จ้าวเหวินเทาไม่ได้ตั้งใจว่าจะขายผลไม้จริง ๆ ถึงอย่างไรตอนนี้ผู้คนก็ยังจ้องเนื้อสัตว์อยู่ เลี้ยงกระต่ายนี่แหละดีมากเลย

“งั้นก็ปลูกสิ ต้นไม้ที่นี่มีน้อยไปหน่อย ต้นไม้น้อยก็จะมีวัชพืชงอกขึ้นมา สู้ปลูกต้นไม้ขึ้นมาอีกหน่อยยังจะดีกว่า ตรงนั้นปลูกต้นหยางอีกสักหน่อยแล้วกัน แล้วก็ตรงริมแม่น้ำด้วย สวยดี จะได้เป็นที่ร่มเงาให้กระต่ายได้มากขึ้นด้วย” คุณพ่อจ้าวชี้ไปยังทิศทางต่าง ๆ ขณะพูดกับลูกชาย

ตอนนี้ลุงจ้าวกลับมาแล้ว เขาใส่รองเท้าผ้าใบ ถลกขากางเกง สวมเสื้อกล้ามหลวมโพรกหนึ่งตัว บนบ่ามีเสื้อคลุมอยู่ ในมือยังถือพลั่วเหล็กอีกหนึ่งเล่มด้วย

“อ้าวลุง แต่งตัวเป็นคนงานในช่วงรุ่งโรจน์เลยนะ ไปทำอะไรมา?” จ้าวเหวินเทาพูดเย้า

ลุงจ้าวด่าเคล้ารอยยิ้ม “ไอ้เด็กคนนี้รู้จักพูดจากะล่อนนะ ที่แม่น้ำตรงนั้นมีบางอย่างกั้นอยู่ ฉันก็เลยไปเปิดทางให้มัน!”

ลุงจ้าวพูดพลางวางพลั่วเหล็กลง เขาเดินไปที่บ่อน้ำเพื่อล้างมือและล้างหน้า จากนั้นก็เดินมานั่ง เมื่อเห็นลูกซิ่งบนโต๊ะจึงพูดว่า “นี่คือลูกซิ่งที่อยู่บนเขานั่นใช่ไหม?”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “ใช้ ฉันเก็บมานิดหน่อย เมื่อไม่กี่วันก่อนฝนตกเลยตกลงมาจากต้นน่ะ”

“ซ่อนไม่มิดหรอก คอยดูเถอะ อีกแค่ไม่กี่วันคงได้เรียกหนูไปสร้างรังที่นั่น”

“หนูกินลูกซิ่งด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความสงสัย

“นายแกล้งโง่ให้มันน้อย ๆ หน่อย มันกินแกนลูกซิ่งไง! นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ” ลุงจ้าวกลอกตาใส่

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ลุง ลุงลองชิมดูสักสองสามลูกสิ”

“ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอก นายช่วยไปชงชาให้ฉันหน่อยเถอะ”

“ได้เลย!” จ้าวเหวินเทาลุกไปชงชา ตอนที่กลับมาก็มานั่งคุยและจิบชาร่วมกับผู้สูงวัยทั้งสองคน

“นายเองก็เป็นเจ้าของที่ ฉันจะแนะนำอะไรให้อย่างหนึ่ง” ลุงจ้าวจิบชาหนึ่งคำพลางกล่าว

“ลุงว่ามาเลย มีอะไรจะแนะนำเหรอ?” จ้าวเหวินเทารีบกล่าว

“ในแม่น้ำมีปลา นายน่ะไปซื้อลูกปลามาปล่อยสักหน่อยสิ ปีหน้าพวกเราก็มีปลาไว้กินแล้ว ปล่อยเยอะหน่อยก็จะขายได้ด้วย!”

“แบบนั้นเป็ดก็กินหมดสิ?”

จ้าวเหวินเทาก็เคยคิดแบบนี้ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ลุงจ้าวบอกว่าจะปล่อยเป็ดในแม่น้ำ เขาจึงคิดว่าเคารพงานอดิเรกของลุงจ้าวดีกว่า ส่วนเรื่องปลาไม่สำคัญหรอก

ลุงจ้าวบุ้ยปาก “เป็ดนั่นว่ายอยู่ในแม่น้ำใหญ่ ๆ ไม่ได้หรอก นายก็ปล่อยลูกปลาที่ต้นน้ำสักหน่อย ปล่อยตาข่ายดักไว้ ฉันปล่อยเป็ดลงไปว่ายน้ำ ก็ไม่ได้รบกวนงานทั้งสองอย่างนี้สักหน่อย ตะกอนที่อยู่ในแม่น้ำก็เอามาทำเป็นปุ๋ยได้ ดีกว่าปุ๋ยเคมีอีก จริงสิ นายเองก็อย่าให้ความสำคัญกับปุ๋ยเคมีมากเกินไปปล่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจของพรรค์นั่นเท่าไร แต่การที่มันสามารถเร่งผลผลิตออกมาได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่นานก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย คนเรานี่นะ พึ่งพาอาหารเพื่อดำรงชีวิต ก็อย่าได้เอาแต่ทำอะไรแผลง ๆ เลย”

จ้าวเหวินเทาได้ยินก็ถึงกับยกนิ้วโป้งให้ “ลุงมองเรื่องต่าง ๆ ได้พิเศษกว่าใครเลย!”

ลุงจ้าวหัวเราะ “พิเศษอะไรกันล่ะ ฉันกับพ่อนายก็เคยคุยกันแล้ว ที่ดินนี้ถ้าใส่ปุ๋ยเคมี ก็เหมือนคนที่สูบบุหรี่นั่นแหละ ตอนที่สูบแรก ๆ ก็สบายอยู่หรอก แต่พอสูบไปเยอะ ๆ ก็เดี้ยงได้เหมือนกัน ที่ดินกับคนก็เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ได้กินไม่อิ่มสักหน่อย ถ้ากินไม่อิ่ม นายจะใส่ปุ๋ยเคมีก็ใส่ไปเถอะ แต่นี่นายมีให้กินจนอิ่มแล้ว เก็บเกี่ยวผลผลิตน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เวลากินก็สบายใจด้วย”

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ได้สิ ผมจะเชื่อลุงนะ”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “พวกเราอยากจะบอกแกตั้งนานแล้ว กลัวว่าแกจะรังเกียจความคิดของคนแก่ ๆ ถึงยังไงใส่ปุ๋ยเคมีก็ทำให้ผลผลิตเยอะ แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว สิ่งนี้ก็เหมือนกับการที่คนเราออกแรงมากเกินไปนั่นแหละ พอใช้หมด เรี่ยวแรงก็มีไม่พอแล้ว”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คนแก่ ๆ บางทีก็มีความคิดบางอย่างที่ควรเก็บมาคิดเหมือนกันนะคะ พวกเขาจะมองโลกอย่างสุขุมรอบคอบมากกว่า

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+