God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ 1156

Now you are reading God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ Chapter 1156 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นี่มัน นี่มัน!”

“ไม่มีทาง เฟิงเจ๋อตายไปแล้วหรือ? ถูกเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่สังหารหรือ?!”

“ยโสโอหังเกินไป ช่างยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกก็กล้าสังหาร นี่เขาเสียสติไปแล้วหรือ?”

“ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นต่อหน้าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นการที่เขานำพาภัยพิบัติมาสู่ตนเอง”

“เสียสติจริงๆ ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นบุคคลที่เสียสติจริงๆ”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตกใจ ต่อให้พวกเขาจะจินตนาการไปได้ไกลแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกได้ตายไปอย่างน่าสลดเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์และต่อหน้าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกจำนวนมาก เจาะทะลวงหน้าผากไปโดยตรง ปลิดชีวิตเฟิงเจ๋ออย่างกะทันหัน

“แม่เจ้า!”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็รู้สึกงุนงงอย่างแท้จริง พวกเขารู้สึกว่าเซี่ยปิงนั้นโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุด ช่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและสวรรค์ บ้าระห่ำอย่างมาก ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกก็กล้าสังหาร ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ต่อให้จะมีโอกาสเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำ เพราะว่าถึงอย่างไร การที่สังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกซึ่งๆหน้านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก จะทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างแน่นอน

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเฟิงเจ๋อนั้นมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่สนับสนุนอยู่ข้างกาย ใครกันที่จะกล้าทำการสังหารพวกพ้องของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าต่อตา นี่ไม่ใช่เป็นการตบใบหน้าของผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์โดยตรงหรือ?

หากผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เดือดระอุขึ้นมา เจ้าเด็กนี่จะต้องตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพอย่างแน่นอน เป็นได้อย่างไรที่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาจะต่อกรกับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ จะต้องถูกสังหารอย่างกะทันหัน

วิซ!

ในช่วงเวลานี้ชายชุดขาวฟ่านหมิงก็ได้มาถึงสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว เขาได้เหยียบลงไปที่พื้นดินอย่างเบาบางและเห็นเฟิงเจ๋อที่ถูกสังหารไป สีหน้าของเขานั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด มืดเหมือนกับถ่านก็ว่าได้

“อู๋ไท่โต่ว”

ฟ่านหมิงจ้องมองเซี่ยปิงอย่างไม่ละสายตา จิตสังหารกำลังเดือดดาลออกมา “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าหยุดหรือ? ไม่คาดคิดว่าจะกล้าสังหารศิษย์น้องเฟิงเจ๋อต่อหน้าต่อตาข้าเช่นนี้ ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก”

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว คิดว่านี่เป็นการที่เสียหน้าอย่างแท้จริง

เห็นได้ชัดว่าเขานั้นได้บอกให้เจ้านี่หยุดทำร้ายศิษย์น้องของตนเอง ทว่ากลับเพิกเฉยต่อคำพูดของเขา นี่ทำให้เขานั้นรู้สึกเสียหน้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ตอนนี้ความรู้สึกของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร้อนระอุ

“ต้องการให้ข้าหยุด? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน หากข้าต้องการที่จะสังหารใคร ก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือได้”

เซี่ยปิงแสยะออกมา เขายืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง เขานั้นไม่ได้มองว่าฟ่านหมิงเป็นปัญหา ต่อให้เจ้านี่จะเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์และมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ทว่าตอนนี้เขานั้นไม่ได้เห็นฟ่านหมิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

หากต้องการที่จะเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเขา จากนั้นเขาก็จะต่อสู้จนตัวตาย ไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น

อะไรนะ?!

ปอดของฟ่านหมิงระเบิดออกมาด้วยความโมโห เจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่ช่างยโสโอหังอย่างถึงที่สุด ยโสโอหังอย่างที่ไม่ได้เห็นใครอยู่ในสายตา มองดูลักษณะท่าทางของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้นั้น ไม่รู้ว่าใครที่เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ ใครที่เป็นนักบ่มเพาะอิสระ

“เยี่ยม เยี่ยมมาก หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จะต้องชดใช้ชีวิตของเจ้าให้กับศิษย์น้องเฟิงเจ๋อ” ฟ่านหมิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

จบสิ้นกัน!

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป การที่ทำให้ผู้บ่มเพาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์โมโหเช่นนี้นั้น มันจะกลายเป็นหายนะอย่างแท้จริง นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าการท้าทายเฟิงเจ๋อก่อนหน้านี้เสียอีก

การที่ยั่วยุผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้น ต่อให้พวกเขาจะต้องการหลบหนีออกไป ก็เป็นไปไม่ได้ จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“เอาล่ะ ศิษย์น้องฟ่านหมิง พอแค่นี้”

ทันใดนั้นภาพเงาก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน เข้ามาขวางข้างหน้าของฟ่านหมิง ไม่ให้เขาได้เริ่มลงมือ

“ศิษย์พี่เฉินเหว่ย”

ผู้คนต่างก็มีความสุขกันอย่างมาก เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นผู้ชายที่สวมใส่ชุดคลุมสีเทาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายลง เพราะว่าคนๆนี้นั้นก็คือเฉินเหว่ยผู้ที่ได้รวบรวมพวกเขาทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกเช่นกัน ทว่าเขานั้นมีบารมีที่สูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้คนจำนวนมากเชื่อในตัวเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็มีความยุติธรรมอย่างมาก ไม่มีท่าทางยโสโอหัง ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกัน แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง

เซี่ยปิงขมวดคิ้ว เขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ทว่าดูเหมือนว่าจะมีคนกลางเข้ามาขัดขวาง เขาไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ทว่ายืนอยู่อย่างสงบนิ่ง มองดูอย่างเงียบๆ

“ศิษย์พี่เฉิน การสังหารศิษย์น้องเฟิงเจ๋อนั้นเป็นการดูหมิ่นนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเรา ศิษย์พี่ต้องการที่จะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ?!” ฟ่านหมิงโมโหอย่างมาก

เฉินเหว่ยไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้างและพูดออกมา “ศิษย์น้องฟ่านหมิง ก่อนหน้านี้ข้าได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของศิษย์น้องเฟิงเจ๋อ เขาล้ำเส้นเกินไป การได้รับบทลงโทษเช่นนี้ก็ถือว่าสมควร”

“ตอนนี้การที่เขาถูกสังหารไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ไม่สามารถที่จะโทษคนอื่นได้ พูดได้เพียงแค่ว่านี่คือโชคชะตาของเขา เป็นเคราะห์ร้ายของเขา”

“ทว่าหากเจ้ายังต้องการที่จะเปิดฉากโจมตีและบ่อนทำลายความสามัคคีของที่นี่ จากนั้นศิษย์พี่ผู้นี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องขัดขวางเจ้า”

เขาประกาศออกว่าต้องการช่วยเหลือเซี่ยปิงโดยที่เอาตัวเข้าแลก

“ไม่คาดคิดว่าจะปล่อยเจ้านี่ไป?!”

“เจ้านี่สังหารลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก นี่ก็สามารถที่จะปล่อยไปได้หรือ? อีกทั้งยังคุ้มครองเขาเช่นนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อเกินไป”

“ศิษย์พี่เฉินนั้น มีชื่อเล่นว่านักบุญเฉิน เป็นคนที่ใจกว้างอย่างมากและมีคุณธรรมอย่างยิ่ง”

“ทว่าน่าเสียดายที่คนดีไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลได้เป็นระยะเวลานาน”

“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องนี้ การที่เขาเป็นคนดีนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเรา อย่างน้อยพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าเขานั้นจะมีกลอุบายอะไร”

“พูดถูก การที่ร่วมมือกับบุคคลเช่นนี้นั้นทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจอย่างมาก”

ผู้คนต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลามและรู้สึกประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คิดว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ไม่ใช่ทั้งญาติพี่น้องหรือว่ามีสายเลือดเดียวกันกับเฉินเหว่ย แต่ว่าทำไมเฉินเหว่ยถึงได้เข้ามาขัดขวางฟ่านหมิงเช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้

ทว่าฉางเซวียและคนอื่นๆกลับรู้สึกขอบคุณอย่างมาก การที่มีบุคคลเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมานั้น ช่างเป็นการช่วยชีวิตของพวกเขาจริงๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่เฉิน ในเมื่อศิษย์พี่พูดออกมาเช่นนี้ จากนั้นข้าก็จะปล่อยเขาไปเป็นการชั่วคราว หวังว่าหลังจากนี้เขาจะไม่มาตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า” ฟ่านหมิงมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก เขาได้เปล่งเสียงออกมาในลำคอและมองเซี่ยปิงอย่างลึกซึ้งครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ได้หันหลังเดินออกไป

เขาก็ล่วงรู้ว่าการที่มีเฉินเหว่ยอยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้น เขาไม่สามารถที่จะจัดการกับเซี่ยปิงได้

“ข้าต้องขอโทษด้วยสหายอู๋ ไม่คาดคิดว่านิกายหวนคืนปรโลกของข้าจะมีขยะสังคมเช่นนี้อยู่เหมือนกัน อีกทั้งยังเกือบที่จะทำร้ายเจ้า นี่เป็นความผิดของนิกายหวนคืนปรโลกของข้า โปรดให้ข้าได้ขอโทษแทนนิกายหวนคืนปรโลกด้วยเถอะ”

เฉินเหว่ยโค้งคำนับเซี่ยปิง

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อน ไม่คาดคิดว่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะโค้งคำนับให้กับผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

ทว่าเซี่ยปิงกลับแสดงท่าทางตอบโต้โดยการกวักมือ “ไม่เป็นไร อย่าไปสนใจเลย ขยะสังคมเช่นนี้ที่ตกอยู่ในมือของข้านั้น มีแค่จุดจบคือความตายเท่านั้น”

อะไรนะ?!

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็มีสีหน้าที่แปลกประหลาด คิดว่าเจ้าเด็กนี่ยโสโอหังเกินไป คนอื่นๆนั้นช่วยเหลือเจ้า ต้องการที่จะปรับความเข้าใจกับเจ้า ทว่าเขากลับพูดเช่นนี้ออกมา เป็นการพูดเหน็บแหนมว่านิกายหวนคืนปรโลกนั้นมีขยะสังคมอยู่จริงๆ ช่างเป็นการตบใบหน้าของเฉินเหว่ยอย่างซึ่งๆหน้า

ทว่าเฉินเหว่ยดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของเซี่ยปิง ยังคงยิ้มออกมา “หากสหายอู๋ไม่ถือโทษโกรธเคืองก็ถือว่าเพียงพอ หวังว่าเมื่อออกไปจากที่นี่ สหายอู๋จะไม่มีความรู้สึกอคติต่อนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้”

“อีกอย่าง ข้าคิดว่าการที่สหายอู๋และคนอื่นๆจะเข้าร่วมกับแผนการของพวกเรานั้น จะถือว่าเป็นเกียรติของพวกเราอย่างยิ่ง”

เขาต้องการที่จะให้เซี่ยปิงเข้าร่วมกับพวกเขา ไม่ต้องการให้แยกออกไปเพราะเหตุการณ์นี้

“อันที่จริงข้าก็ไม่มีปัญหาที่จะเข้าร่วมกับพวกเจ้า ทว่าพูดตามตรง ข้ามีความสงสัยอย่างมาก เจ้ามีวิธีการใดในการฝ่าทะลวงผ่านกองทัพที่คุ้มกันเหมืองหินวิญญาณกัน?” เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ตราบที่ข้ารู้นั้น สถานที่แห่งนั้นมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา มียอดฝีมือที่มากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า อีกทั้งยังมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน การที่ต้องการโจมตีสถานที่แห่งนั้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด