God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ 1935

Now you are reading God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ Chapter 1935 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1935

 

ในพื้นที่ของลูกปัดพิภพ ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬถูกกักขังไว้

 

ถึงแม้ว่าสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญทั้งสองนี้จะถูกกักขังไว้ในกรง ทว่าพวกมันก็ยังอยู่ดีกินดี ยังไม่ได้ถูกทารุณกรรมใดๆ และก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเป็นระยะเวลาหลายวัน ไม่คาดคิดว่าจะอ้วนขึ้น

 

“บัดซบ อันที่จริงเจ้าบัดซบอู๋ตี้นั่นกําลังทําอะไรกัน เหตุใดแผ่นดินถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ บรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยพิษภัยเช่นนี้ ข้าจะไปหลับลงได้อย่างไร” เฝยอี๋ก็โวยวายอย่างโมโหขึ้นมา มันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาในระหว่างที่กําลังนอนอยู่

 

โดยเฉพาะการที่มันกําลังฝันหวานอยู่นั้น ฝันว่ากําลังสนิทแนบชิดกับงูเพศเมียที่งดงาม กําลังอยู่ในช่วงเวลาสําคัญ ไม่คาดคิดว่าจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังสนั่น หวาดกลัวจนขี้หดตดหาย คิดว่าสามีของงูเพศเมียนั้นจับได้ว่าตนเองกําลังเล่นชู้กับภรรยาของตนเอง

 

“ดูสภาพของเจ้าสิ การที่ถูกกักขังมาเป็นระยะเวลานาน ไม่คาดคิดว่าจะตกอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมเช่นนี้ หากมีใครมาเห็นเจ้าในตอนนี้ ใครกันที่จะเชื่อกันว่าเจ้าคือเฝยอี๋สายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญ ไม่ได้แตกต่างไปจากบ้านเลย”

 

นกอสูรทมิฬก็รู้สึกเอือมระอา มันคงจะคาดหวังกับเจ้าเฝยอี๋มากเกินไป

 

“สหายอสูรทมิฬ อย่ามองว่าข้าเอาแต่นอนหลับทั้งวัน ในความเป็นจริงข้าไม่ได้นอนหลับ ทว่ากําลังครุ่นคิดว่าจะหลบหนีออกไปจากกรงขังนี้อย่างไร” เฝยอี๋ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

“อย่างนั้นรึ? เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงกรนของเจ้าอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ากําลังจะจําศีล?”

 

นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่นิ่งเฉยมาก

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติเวลาข้าครุ่นคิดบางอย่าง มักจะมีเสียงเหมือนเสียงกรนดังขึ้นมา”

 

เฝยอี๋ก็โกหกต่อไป ไม่ต้องการยอมรับความจริง

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองมาสิ ตอนนี้เจ้ามีแผนการในการหลบหนีออกไปอย่างไร?” นกอสูรทมิฬก็ไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงให้มากความ มันสอบถามเฝยอี๋โดยตรงเกี่ยวกับแผนการของการหลบหนี

 

“อะแฮ่ม เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดี”

 

เฝยอี๋ไอออกมา “ตามที่ข้าสังเกตการณ์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สถานที่กักขังพวกเราบางทีอาจจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ หรือว่าเป็นดินแดนในจักรวาล ทว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติ อีกทั้งก็ยังไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติทั่วๆไป แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์ เจ้ากระทิงสีครามก่อนหน้านี้ก็เป็นวิญญาณสิ่งประดิษฐ์ของมัน”

 

“เจ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้ข้าไม่คิดไม่ได้หรือ เห็นข้าโง่หรืออย่างไรกัน?”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ มันคาดการณ์ถึงจุดๆนี้ไว้นานแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าการหลบหนีออกไปเป็นเรื่องยาก

 

เพราะว่าในพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นั้น ก็เหมือนกับเป็นกรงขังโดยธรรมชาติ หากไม่สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นั้น นั่นก็คือการที่ไม่สามารถแยกตัวออกไปจากโลกนี้ได้ตลอดกาล

 

แต่ปัญหาก็คือว่า การที่ต้องการจะหลบหนีออกไปจากสิ่งประดิษฐ์เซนต์นั้น นั่นมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญราวกับเป็นการทะยานขึ้นสวรรค์ก็ว่าได้

 

“การใช้ความรุนแรงในการฝ่าออกไปตรงๆเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าที่นี่คือพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ ด้วยพลังอํานาจของพวกเราในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะออกไปได้ อย่าพูดถึงว่าเจ้าบัดซบอู๋ตี้นั่นก็กําลังสังเกตการณ์พวกเราอยู่ตลอดเวลา”

 

เฝยอี๋ก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นมันไม่เหมาะนักที่จะพวกเราจะต่อต้านขัดขืนพวกเขาควรที่จะเชื่อฟังพวกเขาไปก่อนชั่วคราว เชื่อฟังคําสั่งของพวกเขา ทํางานให้พวกเขาอย่างขยันขันแข็งจนพวกเขาตายใจและไว้วางใจพวกเรา”

 

“โอ้ พูดต่อสิ”

 

นกอสูรทมิฬก็รู้สึกชื่นชมขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้างูอ้วนนี้จะไม่ได้เอาแต่หลับนอนทั้งวัน และทําตัวไร้ประโยชน์ ยังคงครุ่นคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ ถือว่าพึ่งพาได้อยู่เหมือนกัน

 

“หลังจากที่ได้รับความไว้ใจจากพวกเขา พวกเราก็ยังไม่สามารถชะล่าใจได้ จะต้องพยายามทํางานให้หนักกว่าเดิม ตื่นเช้าเพื่อมาทํางานและเลิกงานในตอนดึกดื่น ไม่เคยเข้างานสาย ไม่เคยกลับก่อนเวลาและก็ไม่ต้องการวันหยุดพักผ่อน”

 

เฝยอี๋ก็เริ่มมีอารมณ์ตึกเพิ่มขึ้นมา น้ําเสียงเริ่มที่จะดังขึ้นมาเรื่อยๆ “ หลังจากนั้นพวกเราจะได้รับเงินเดือนในทุกๆวันที่15 รอให้ถึงระยะเวลาหลายร้อยปีหรือแม้กระทั่งหลายพันปีต่อมา พวกเราก็จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างองอาจพึ่งผาย เชิดหน้าชูตาออกไป ภาคภูมิใจกับความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของตนเอง”

 

“ในกรณีนี้ รับประกันได้ว่าพวกเราจะออกไปได้ อีกทั้งก็ยังได้รับเงินก้อนโตไปจากสถานที่แห่งนี้ ได้รับความมั่งคั่งที่ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถกินดื่มอาหารของเขาในทุกๆวัน”

 

“ทว่าเจ้ามนุษย์บัดซบอู๋ตี้นั่นคงจะไม่คาดถึงจุดๆนี้ ไม่สามารถที่จะทําอะไรพวกเราได้ ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเงินของตนเองหายไปได้อย่างไร ในกรณีนี้ ไม่ใช่แค่พวกเราจะสามารถหลบหนีออกไปได้เท่านั้น ทว่าก็ยังสามารถล้างแค้นได้เช่นกัน ผลาญเงินของเจ้าบัดซบนั่น แสวงหาโชคลาภให้กับตนเอง”

 

ในจุดๆนี้ มันมีสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

 

ปัง!

 

เมื่อฟังจนจบ นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่มืดมนราวกับถ่านและตบใบหน้าของเฝยอี๋โดยตรง กระเด็นอัดเข้ากับกรง จากนั้นมันก็เปล่งเสียงออกมา “ไสหัวไปซะ! ความคิดไร้สาระอะไรกัน เห็นได้ชัดว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าการทํางานรับจ้าง!”

 

เวรเอ๊ย มันรู้อยู่แล้วว่าเจ้างูไร้สมองนี้พึ่งพาไม่ได้ ทว่าไม่คาดคิดว่าจะพึ่งพาไม่ได้จนถึงขั้นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะต้องการทํางานให้เจ้าอู๋ตี้ในทุกๆวัน ทํางานตั้งแต่เช้ายันค่ําเพื่อค่าแรงขั้นต่ํา ไม่มีประกันสังคม ไม่มีแม้กระทั่งวันหยุด

 

อีกทั้งยังต้องการที่จะกินอาหารฟรีและได้รับที่พักฟรี เจ้านี่ยังมีศักดิ์ศรีของสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญอีกหรือไม่?!

 

“ข้ารู้อยู่แล้วว่างูบัดซบอย่างเจ้าพึ่งพาไม่ได้ หากทําตามแผนการของเจ้า ข้าก็คงจะต้องทํางานจนตายไปในสถานที่แห่งนี้ ข้าได้คิดวิธีการที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ไว้แล้ว”

 

นกอสูรทมิฬพูดออกมาด้วยสีหน้าที่มืดมน

 

“สมกับที่เป็นสหายอสูรทมิฬ ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ รีบพูดมาเถอะว่าเจ้ามีแผนการอะไรอยู่”

 

เดิมที่เฝยอี๋ก็มีเนื้อหนังที่เหนียวแน่นทนทานอยู่แล้ว ฝ่ามือก่อนหน้านี้จึงไม่สามารถทําให้มันบาดเจ็บได้ เมื่อได้ยินว่านกอสูรทมิฬมีวิธีการที่จะออกไปจากที่นี่ มันก็รีบขยับก้นเข้ามาใกล้ทันที

 

“ตามการสังเกตการณ์ของข้า เจ้ามนุษย์นั่นไม่ได้ให้ความสนใจกับการป้องกันภายในพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นี้เลย บางทีเจ้ามนุษย์นั่นอาจจะคิดว่าพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นี้ไร้เทียมทานอยู่แล้ว เป็นความคิดที่ยโสโอหังและหยิ่งผยองสิ้นดี ไม่ได้เห็นพวกเราอยู่ในสายตา”

 

นกอสูรทมิฬก็แสยะออกมา “พวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากความยโสโอหังของเจ้ามนุษย์นั่นได้ เริ่มปฏิบัติการณ์ของพวกเรา บีบบังคับให้เขาปล่อยพวกเราออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้

 

มันกําหมัดขึ้นมา

 

“บีบบังคับอย่างไร?”

 

เฝยอี๋ก็ถามอย่างสงสัย

 

“ง่ายมาก พวกเราจะหลบหนีออกไปจากกรงขังแห่งนี้ก่อน จากนั้นก็สํารวจหาสถานที่อื่นๆ เพื่อลักพาตัวบรรดาลูกน้องระดับสูงของเจ้ามนุษย์นั่น ใช้ลูกน้องเหล่านั้นเป็นตัวประกัน บีบบังคับให้เจ้าอู๋ตี้ปล่อยพวกเราไป”

 

นกอสูรทมิฬก็คิดแผนการที่ดีขึ้นมาได้

 

“เป็นแผนการที่ดีทีเดียว ช่างเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ ทว่ากรงขังนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก พวกเราจะออกไปได้อย่างไร?” เฝยอี๋ก็เผยสีหน้าที่ขมขื่นขึ้นมา คิดว่าจะต้องออกไปจากกรงขังนี้ให้ได้ก่อนที่จะเริ่มแผนการได้

 

“เหอะ เจ้ากระทิงสีครามนั่นมั่นใจในตนเองเกินไป คิดว่ากรงขังห้วงมิตินี้จะขัดขวางไม่ให้ข้าออกไปได้ ช่างไม่รู้ซะแล้วว่าข้านกอสูรทมิฬมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หมอกทมิฬอยู่”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาอย่างมีความสุข “กลุ่มของหมอกทมิฬนั้นแอบแฝงไปด้วยออร่าความชั่วร้าย ไม่มีสิ่งใดที่กัดกร่อนไม่ได้ ต่อให้เป็นห้วงมิติก็กัดกร่อนได้ เจาะทะลวงจนกลายเป็นหลุมหนอนขึ้นมา”

 

“ระยะเวลาหลายวันนี้ข้าก็อดหลับอดนอน ใช้ประโยชน์จากการป้องกันที่หละหลวมนี้ เจาะช่องทางเล็กๆขึ้นมาในกรงขังแห่งนี้ สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้”

 

“ร้ายกาจเกินไป แต่พลังเวทมนตร์ของเจ้าไม่ได้ถูกปิดผนึกไว้หรือ? เหตุใดจึงใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้?”

 

เฝยอี๋ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“เหอะ ทักษะปิดผนึกเล็กๆน้อยๆเช่นนี้จะทําอะไรข้าได้ เป็นได้อย่างไรที่จะยับยั้งข้านกอสูรทมิฬ แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของเจ้ากระทิงบัดซบนั้น ดังนั้นจึงได้ปลดค่ายกลผนึกออกทีละน้อยๆเพื่อให้ข้าใช้พลังเวทมนตร์ได้ในส่วนหนึ่ง”

นกอสูรทมิฬก็พูดอย่างยโสโอหัง

 

“ถ้าอย่างนั้นจะมัวรออะไรอีก พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”

 

เฝยอี๋ก็ตะโกนออกมา

 

“เจ้าอย่าพูดเสียงดังนัก และร่างกายของเจ้าก็ใหญ่เกินไป จะต้องหดตัวเล็กลง หากมีร่างกายที่ใหญ่โต เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะค้นพบเจ้าได้ง่าย” นกอสูรทมิฬก็ย้ําเตือนถึงจุดๆนี้

 

“นี่เจ้ากําลังหมายความว่าอะไร? เจ้ากําลังอิจฉาความใหญ่โตของตระกูลเฝยของข้าหรือ ใครกันที่จะไม่รู้ว่าร่างกายของตระกูลเฝยของข้ายิ่งใหญ่และยิ่งยาวแค่ไหนก็ยิ่งมีเสน่ห์มากเท่านั้น? สามารถที่จะดึงดูดเพศเมียมาได้มากขึ้น? ข้าคือชายหล่อเหลาของตระกูลเฝย”

 

“หุบปาก ข้าไม่ต้องการพูดจาไร้สาระกับเจ้าอีก รีบหดตัวเล็กลงทันที ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้ากินซะ!”

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ 1935

Now you are reading God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ Chapter 1935 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1935

 

ในพื้นที่ของลูกปัดพิภพ ในสถานที่อีกแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เฝยอี๋และนกอสูรทมิฬถูกกักขังไว้

 

ถึงแม้ว่าสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญทั้งสองนี้จะถูกกักขังไว้ในกรง ทว่าพวกมันก็ยังอยู่ดีกินดี ยังไม่ได้ถูกทารุณกรรมใดๆ และก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเป็นระยะเวลาหลายวัน ไม่คาดคิดว่าจะอ้วนขึ้น

 

“บัดซบ อันที่จริงเจ้าบัดซบอู๋ตี้นั่นกําลังทําอะไรกัน เหตุใดแผ่นดินถึงได้สั่นไหวเช่นนี้ บรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยพิษภัยเช่นนี้ ข้าจะไปหลับลงได้อย่างไร” เฝยอี๋ก็โวยวายอย่างโมโหขึ้นมา มันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาในระหว่างที่กําลังนอนอยู่

 

โดยเฉพาะการที่มันกําลังฝันหวานอยู่นั้น ฝันว่ากําลังสนิทแนบชิดกับงูเพศเมียที่งดงาม กําลังอยู่ในช่วงเวลาสําคัญ ไม่คาดคิดว่าจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังสนั่น หวาดกลัวจนขี้หดตดหาย คิดว่าสามีของงูเพศเมียนั้นจับได้ว่าตนเองกําลังเล่นชู้กับภรรยาของตนเอง

 

“ดูสภาพของเจ้าสิ การที่ถูกกักขังมาเป็นระยะเวลานาน ไม่คาดคิดว่าจะตกอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมเช่นนี้ หากมีใครมาเห็นเจ้าในตอนนี้ ใครกันที่จะเชื่อกันว่าเจ้าคือเฝยอี๋สายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญ ไม่ได้แตกต่างไปจากบ้านเลย”

 

นกอสูรทมิฬก็รู้สึกเอือมระอา มันคงจะคาดหวังกับเจ้าเฝยอี๋มากเกินไป

 

“สหายอสูรทมิฬ อย่ามองว่าข้าเอาแต่นอนหลับทั้งวัน ในความเป็นจริงข้าไม่ได้นอนหลับ ทว่ากําลังครุ่นคิดว่าจะหลบหนีออกไปจากกรงขังนี้อย่างไร” เฝยอี๋ก็พูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

 

“อย่างนั้นรึ? เหตุใดข้าถึงได้ยินเสียงกรนของเจ้าอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ากําลังจะจําศีล?”

 

นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่นิ่งเฉยมาก

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติเวลาข้าครุ่นคิดบางอย่าง มักจะมีเสียงเหมือนเสียงกรนดังขึ้นมา”

 

เฝยอี๋ก็โกหกต่อไป ไม่ต้องการยอมรับความจริง

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ลองมาสิ ตอนนี้เจ้ามีแผนการในการหลบหนีออกไปอย่างไร?” นกอสูรทมิฬก็ไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงให้มากความ มันสอบถามเฝยอี๋โดยตรงเกี่ยวกับแผนการของการหลบหนี

 

“อะแฮ่ม เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดี”

 

เฝยอี๋ไอออกมา “ตามที่ข้าสังเกตการณ์มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง สถานที่กักขังพวกเราบางทีอาจจะไม่ใช่ดาวเคราะห์ หรือว่าเป็นดินแดนในจักรวาล ทว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติ อีกทั้งก็ยังไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติทั่วๆไป แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์เซนต์ เจ้ากระทิงสีครามก่อนหน้านี้ก็เป็นวิญญาณสิ่งประดิษฐ์ของมัน”

 

“เจ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้ข้าไม่คิดไม่ได้หรือ เห็นข้าโง่หรืออย่างไรกัน?”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ มันคาดการณ์ถึงจุดๆนี้ไว้นานแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าการหลบหนีออกไปเป็นเรื่องยาก

 

เพราะว่าในพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นั้น ก็เหมือนกับเป็นกรงขังโดยธรรมชาติ หากไม่สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นั้น นั่นก็คือการที่ไม่สามารถแยกตัวออกไปจากโลกนี้ได้ตลอดกาล

 

แต่ปัญหาก็คือว่า การที่ต้องการจะหลบหนีออกไปจากสิ่งประดิษฐ์เซนต์นั้น นั่นมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญราวกับเป็นการทะยานขึ้นสวรรค์ก็ว่าได้

 

“การใช้ความรุนแรงในการฝ่าออกไปตรงๆเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าที่นี่คือพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ ด้วยพลังอํานาจของพวกเราในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะออกไปได้ อย่าพูดถึงว่าเจ้าบัดซบอู๋ตี้นั่นก็กําลังสังเกตการณ์พวกเราอยู่ตลอดเวลา”

 

เฝยอี๋ก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นมันไม่เหมาะนักที่จะพวกเราจะต่อต้านขัดขืนพวกเขาควรที่จะเชื่อฟังพวกเขาไปก่อนชั่วคราว เชื่อฟังคําสั่งของพวกเขา ทํางานให้พวกเขาอย่างขยันขันแข็งจนพวกเขาตายใจและไว้วางใจพวกเรา”

 

“โอ้ พูดต่อสิ”

 

นกอสูรทมิฬก็รู้สึกชื่นชมขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้างูอ้วนนี้จะไม่ได้เอาแต่หลับนอนทั้งวัน และทําตัวไร้ประโยชน์ ยังคงครุ่นคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ ถือว่าพึ่งพาได้อยู่เหมือนกัน

 

“หลังจากที่ได้รับความไว้ใจจากพวกเขา พวกเราก็ยังไม่สามารถชะล่าใจได้ จะต้องพยายามทํางานให้หนักกว่าเดิม ตื่นเช้าเพื่อมาทํางานและเลิกงานในตอนดึกดื่น ไม่เคยเข้างานสาย ไม่เคยกลับก่อนเวลาและก็ไม่ต้องการวันหยุดพักผ่อน”

 

เฝยอี๋ก็เริ่มมีอารมณ์ตึกเพิ่มขึ้นมา น้ําเสียงเริ่มที่จะดังขึ้นมาเรื่อยๆ “ หลังจากนั้นพวกเราจะได้รับเงินเดือนในทุกๆวันที่15 รอให้ถึงระยะเวลาหลายร้อยปีหรือแม้กระทั่งหลายพันปีต่อมา พวกเราก็จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างองอาจพึ่งผาย เชิดหน้าชูตาออกไป ภาคภูมิใจกับความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของตนเอง”

 

“ในกรณีนี้ รับประกันได้ว่าพวกเราจะออกไปได้ อีกทั้งก็ยังได้รับเงินก้อนโตไปจากสถานที่แห่งนี้ ได้รับความมั่งคั่งที่ไม่คาดฝัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถกินดื่มอาหารของเขาในทุกๆวัน”

 

“ทว่าเจ้ามนุษย์บัดซบอู๋ตี้นั่นคงจะไม่คาดถึงจุดๆนี้ ไม่สามารถที่จะทําอะไรพวกเราได้ ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเงินของตนเองหายไปได้อย่างไร ในกรณีนี้ ไม่ใช่แค่พวกเราจะสามารถหลบหนีออกไปได้เท่านั้น ทว่าก็ยังสามารถล้างแค้นได้เช่นกัน ผลาญเงินของเจ้าบัดซบนั่น แสวงหาโชคลาภให้กับตนเอง”

 

ในจุดๆนี้ มันมีสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

 

ปัง!

 

เมื่อฟังจนจบ นกอสูรทมิฬก็มีสีหน้าที่มืดมนราวกับถ่านและตบใบหน้าของเฝยอี๋โดยตรง กระเด็นอัดเข้ากับกรง จากนั้นมันก็เปล่งเสียงออกมา “ไสหัวไปซะ! ความคิดไร้สาระอะไรกัน เห็นได้ชัดว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าการทํางานรับจ้าง!”

 

เวรเอ๊ย มันรู้อยู่แล้วว่าเจ้างูไร้สมองนี้พึ่งพาไม่ได้ ทว่าไม่คาดคิดว่าจะพึ่งพาไม่ได้จนถึงขั้นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะต้องการทํางานให้เจ้าอู๋ตี้ในทุกๆวัน ทํางานตั้งแต่เช้ายันค่ําเพื่อค่าแรงขั้นต่ํา ไม่มีประกันสังคม ไม่มีแม้กระทั่งวันหยุด

 

อีกทั้งยังต้องการที่จะกินอาหารฟรีและได้รับที่พักฟรี เจ้านี่ยังมีศักดิ์ศรีของสายพันธุ์โบราณที่หายสาบสูญอีกหรือไม่?!

 

“ข้ารู้อยู่แล้วว่างูบัดซบอย่างเจ้าพึ่งพาไม่ได้ หากทําตามแผนการของเจ้า ข้าก็คงจะต้องทํางานจนตายไปในสถานที่แห่งนี้ ข้าได้คิดวิธีการที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ไว้แล้ว”

 

นกอสูรทมิฬพูดออกมาด้วยสีหน้าที่มืดมน

 

“สมกับที่เป็นสหายอสูรทมิฬ ช่างเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ รีบพูดมาเถอะว่าเจ้ามีแผนการอะไรอยู่”

 

เดิมที่เฝยอี๋ก็มีเนื้อหนังที่เหนียวแน่นทนทานอยู่แล้ว ฝ่ามือก่อนหน้านี้จึงไม่สามารถทําให้มันบาดเจ็บได้ เมื่อได้ยินว่านกอสูรทมิฬมีวิธีการที่จะออกไปจากที่นี่ มันก็รีบขยับก้นเข้ามาใกล้ทันที

 

“ตามการสังเกตการณ์ของข้า เจ้ามนุษย์นั่นไม่ได้ให้ความสนใจกับการป้องกันภายในพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นี้เลย บางทีเจ้ามนุษย์นั่นอาจจะคิดว่าพื้นที่ของสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์นี้ไร้เทียมทานอยู่แล้ว เป็นความคิดที่ยโสโอหังและหยิ่งผยองสิ้นดี ไม่ได้เห็นพวกเราอยู่ในสายตา”

 

นกอสูรทมิฬก็แสยะออกมา “พวกเราสามารถใช้ประโยชน์จากความยโสโอหังของเจ้ามนุษย์นั่นได้ เริ่มปฏิบัติการณ์ของพวกเรา บีบบังคับให้เขาปล่อยพวกเราออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้

 

มันกําหมัดขึ้นมา

 

“บีบบังคับอย่างไร?”

 

เฝยอี๋ก็ถามอย่างสงสัย

 

“ง่ายมาก พวกเราจะหลบหนีออกไปจากกรงขังแห่งนี้ก่อน จากนั้นก็สํารวจหาสถานที่อื่นๆ เพื่อลักพาตัวบรรดาลูกน้องระดับสูงของเจ้ามนุษย์นั่น ใช้ลูกน้องเหล่านั้นเป็นตัวประกัน บีบบังคับให้เจ้าอู๋ตี้ปล่อยพวกเราไป”

 

นกอสูรทมิฬก็คิดแผนการที่ดีขึ้นมาได้

 

“เป็นแผนการที่ดีทีเดียว ช่างเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ ทว่ากรงขังนี้ก็แข็งแกร่งอย่างมาก พวกเราจะออกไปได้อย่างไร?” เฝยอี๋ก็เผยสีหน้าที่ขมขื่นขึ้นมา คิดว่าจะต้องออกไปจากกรงขังนี้ให้ได้ก่อนที่จะเริ่มแผนการได้

 

“เหอะ เจ้ากระทิงสีครามนั่นมั่นใจในตนเองเกินไป คิดว่ากรงขังห้วงมิตินี้จะขัดขวางไม่ให้ข้าออกไปได้ ช่างไม่รู้ซะแล้วว่าข้านกอสูรทมิฬมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ หมอกทมิฬอยู่”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดออกมาอย่างมีความสุข “กลุ่มของหมอกทมิฬนั้นแอบแฝงไปด้วยออร่าความชั่วร้าย ไม่มีสิ่งใดที่กัดกร่อนไม่ได้ ต่อให้เป็นห้วงมิติก็กัดกร่อนได้ เจาะทะลวงจนกลายเป็นหลุมหนอนขึ้นมา”

 

“ระยะเวลาหลายวันนี้ข้าก็อดหลับอดนอน ใช้ประโยชน์จากการป้องกันที่หละหลวมนี้ เจาะช่องทางเล็กๆขึ้นมาในกรงขังแห่งนี้ สามารถที่จะหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้”

 

“ร้ายกาจเกินไป แต่พลังเวทมนตร์ของเจ้าไม่ได้ถูกปิดผนึกไว้หรือ? เหตุใดจึงใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้?”

 

เฝยอี๋ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“เหอะ ทักษะปิดผนึกเล็กๆน้อยๆเช่นนี้จะทําอะไรข้าได้ เป็นได้อย่างไรที่จะยับยั้งข้านกอสูรทมิฬ แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของเจ้ากระทิงบัดซบนั้น ดังนั้นจึงได้ปลดค่ายกลผนึกออกทีละน้อยๆเพื่อให้ข้าใช้พลังเวทมนตร์ได้ในส่วนหนึ่ง”

นกอสูรทมิฬก็พูดอย่างยโสโอหัง

 

“ถ้าอย่างนั้นจะมัวรออะไรอีก พวกเรารีบออกไปกันเถอะ”

 

เฝยอี๋ก็ตะโกนออกมา

 

“เจ้าอย่าพูดเสียงดังนัก และร่างกายของเจ้าก็ใหญ่เกินไป จะต้องหดตัวเล็กลง หากมีร่างกายที่ใหญ่โต เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะค้นพบเจ้าได้ง่าย” นกอสูรทมิฬก็ย้ําเตือนถึงจุดๆนี้

 

“นี่เจ้ากําลังหมายความว่าอะไร? เจ้ากําลังอิจฉาความใหญ่โตของตระกูลเฝยของข้าหรือ ใครกันที่จะไม่รู้ว่าร่างกายของตระกูลเฝยของข้ายิ่งใหญ่และยิ่งยาวแค่ไหนก็ยิ่งมีเสน่ห์มากเท่านั้น? สามารถที่จะดึงดูดเพศเมียมาได้มากขึ้น? ข้าคือชายหล่อเหลาของตระกูลเฝย”

 

“หุบปาก ข้าไม่ต้องการพูดจาไร้สาระกับเจ้าอีก รีบหดตัวเล็กลงทันที ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้ากินซะ!”

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+