Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 31 ปลดปล่อยพลังเวท
บทที่ 31 ปลดปล่อยพลังเวท
อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบพลังเวทนั้นคล้ายคลึงกับอุปกรณ์ที่ใช้ทดส อบพลังวิญญาณ แต่มันไม่ได้มีจุดโฟกัสพลังวิญญาณแต่มันแทนที่ด้วยลูกแก้วพลังเวทที่เมื่อเอามือไปแตะมันแล้วก็จะสามารถวัดพลังเวทที่สะสมอยู่ในตัวได้
ซึ่งผลการทดสอบของเหมิงเหล่ยก็ออกมาให้เห็น
“พลังเวทสะสม 35 เทียบเท่าจอมเวทระดับ 3”
แต่ละคนพูดคุยและคิดต่างๆนานา
“แค่ 35 เองเหรอ ธรรมดาจริงๆ”
ครึ่งมังกรบางคนที่คิดร้ายก็จะคิดแบบนั้น เดิมทีครึ่งมังกรนั้นเกิด มาพร้อมๆกับพลังเวทมนตร์ที่สะสมอยู่ในตัวจํานวนมากและจะมี มากกว่ามนุษย์ที่อายุเท่ากัน โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรด้วยซ้ํา พวกเขามีพลังเวทสะสมอยู่ที่ระดับนักเวทระดับ 2 ไม่ก็ 3 ตั้งแต่ก่อนเข้า สมัครแล้ว
“นั้นซินะที่เรียกว่าอัจฉริยะน่ะ”
“หวาย มีแค่พลังวิญญาณเท่านั้นที่เยอะนี้หว่า”
“เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าจะไปรู้อะไรกัน”
พอได้ยินครึ่งมังกรพวกนั้นพูด เดิร์คนอร์เวย์ก็เริ่มโกรธ แล้วพูด “เหมิงเหล่ยนั้นเกิดเป็นชาวบ้าน เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดิมที่เขาไม่ น่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มากพอจะมาสมัครเข้าวิทยาลัยแล้วด้วย นั้นหมายความว่าพลังเวทสะสมที่เขามีในตัวตอนนี้คือพลังเวทที่ได้มาจากตั้งจิตสมาธิหลังจากที่เข้าวิทยาลัยมาแล้วทั้งนั้น” เดิร์คพูด “ในเวลาแค่ 3 เดือน แต่พลังเวทสะสมในร่างกายของเขา กลับมีมากขนาดเทียบเท่าจอมเวทระดับ 3 ถ้าไม่เรียกอัจฉริยะ ก็ไม่ รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว พวกเจ้าเทียบเขาไม่ได้ซักนิด”
“ใช่แล้ว การที่ทําแบบนั้นได้ในเวลาแค่ 3 เดือน ก็คู่ควรที่จะเรี ยกว่าเป็นอัจฉริยะประจําปีนี้ได้แล้วละ”
“ขอแค่เด็กคนนั้นตั้งมั่นตั้งใจฝึกฝนแบบนี้ต่อไปละก็ อนาคตของ เขาจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นละข้าเองก็ตั้งความหวังกับเขาไว้เหมือนกัน”
“ข้าก็ด้วย”
“อะไรกัน…” พวกครึ่งมังกรต่างหน้าเสีย
“ถ้าพวกเจ้ามีเวลาเหลือเยอะพอที่จะมาบ่นแบบนี้ พวกเจ้าควร เอาเวลาไปฝึกฝนให้หนักขึ้นอีกเจ้าอยู่ที่นี้ต่อไปก็น่าอับอาย เปล่าๆ” เดิร์คพูด
“บ้าเอ้ย!”
เหล่าครึ่งมังกรที่บ่นเมื่อกี้หน้าแดงอับอายจากการโดนต่อว่า ใน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมอง พวก เขาเป็นขุนนางสูงศักดิ์ตั้งแต่เกิด ไม่เคยโดนประจานต่อหน้าสาธารณะแบบนี้มาก่อน
แต่น่าเสียดายที่เดิร์คนอร์เวย์เองก็เป็นอาจารย์ยศใหญ่ในวิทยา ลัย ทําให้พวกเขาทําอะไรหรือสวนกลับอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นพวกครึ่งมังกรพวกนั้นเลยโยนความผิดทั้งหมดไปหาเหมิงเหล่ยแทน
“เพราะไอ้มนุษย์เฮงซวยนั้นแท้ๆ ถ้าไม่มีมันละก็”
ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าครึ่งมังกร การทดสอบเวท มนตร์ของเหมิงเหล่ยก็ยังดําเนินต่อไปเข้าสู่การทดสอบที่ 3 คือกา รปล่อยพลังเวทมนตร์
“สําหรับจอมเวทแล้ว ทั้งพลังวิญญาณและพลังเวทมนตร์นั้น ต่างเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรจะมีพวกมันคือรากฐานของการปลดปป ล่อยเวทมนตร์ออกมา” เดิร์คเดินเข้ามาในสนามซ้อมด้วยตัวเองก่อนจะมองเหมิงเหล่ย “เพราะงั้นการปล่อยเวทมนตร์นั้นจึงเป็นมาตรฐานที่จะใช้ทดสอบความสามารถที่แท้จริงของจอมเวทคนนั้น” พอเดิร์คพูดจบเขาก็ยิ้มอย่างใจดี “เจ้าจงปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมา 3 คาถาออกมาให้ดีที่สุดเถอะ”
“ครับอาจารย์
เหมิงเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปแล้วเริ่มร่ายคาถาเวท มนตร์
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าแรงสูงเริ่มก่อตัวจับขึ้นมาที่มือของเหมิงเหล่ย กระ แสพลังธาตุไฟฟ้ากําลังรวมตัวกันไปเรื่อยๆแล้วขยายตัวจนขนาดเท่าลูกบาส สว่างไสวและส่งเสียงร้องดังลั่น
“อาคมเวทสายฟ้า ลูกบอลสายฟ้า”
อาจารย์โฮลาที่โอตาเป็นประกายก่อนจะชม “ปั้นเป็นลูกก ลมสวย ใช้เวลาในการรวมพลังเวทแค่ไม่ถึง 3 วินาที ธาตุสายฟ้าบรรจุอยู่ข้างในครบถ้วนโดยไม่ไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว ควบคุมได้ยอดเยี่ยม!”
“ลูกบอลสายฟ้าคะแนนเต็มไปเลย”
อาจารย์ธาตุสายฟ้าของคลาส 2 เองก็ชม “อีกอย่างเหมิงเหล่ย ใช้พลังเวทไปน้อยมากๆในการควบคุมธาตุสายฟ้าให้อยู่ในมือ เขาสามารถควบคุมพลังเวทของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด”
พออาจารย์คนอื่นได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็พยักหน้าแล้วต่าง นชม ถึงแม้ว่าลูกบอลสายฟ้าจะเป็นแค่เวทระดับต่ําที่สุด แต่ถ้าพื้นฐานแน่นก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง
ทั้งความเร็วในการร่าย
จํานวนพลังเวทที่ใช้
ความแม่นยําในการควบคุมพลังเวท
ทั้งหมดนั้นคือพื้นฐานที่จอมเวทควรจะมี
“เวทมนตร์น่ะเป็นเหมือนศิลปะ” เดิร์คยิ้ม “จอมเวทที่เก่งกาจก็ เหมือนจิตรกรชั้นยอด ถึงจะแค่ตวัดภู่กันเล็กน้อยเหมือนคนอื่นก็แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของศิลปะนั้นได้อย่างที่คนอื่นทําไม่ได้ การร่ายเวทของเหมิงเหล่ยนั้น เป็นธรรมชาติและไหลลื่นมาก มีความเป็นศิลปะสูงทีเดียว”
“หัวหน้าแผนกเดิร์คพูดถูก!”
อาจารย์ทุกคนพยักหน้า
นั้นมันแค่เวทมนตร์ระดับแรกเองไม่ใช่เหรอ จะดีจะเด่นอะไรนัก หนา อายุ 7 ขวบ ข้าก็ร่ายเวทแบบนั้นได้แล้วเถอะ” ชายหนุ่มครึ่งมังกรบ่นขึ้นมา ยิ่งอาจารย์ชมมากเท่าไร พวกเขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
เหมิงเหล่ยยกเลิกเวทลูกบอลสายฟ้าแล้วเริ่มร่ายเวทมนตร์ที่ 2 หลังจากผ่านไปปไม่นานแสงสีเงินก็เริ่มก่อตัวและสร้างเป็นหอก สายฟ้าที่ทรงพลังรุนแรงปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาเหมือนกับพร้อมจะผ่าศัตรู
“อาคมธาตุสายฟ้า หอกอัสนี้”
“ดี ดีมาก”
“ใช้เวทมนตร์ได้เร็วมาก”
“ไม่มีพลังเวทรัวไหลออกมาเลย”
“ใช้พลังเวทน้อยมากๆ”
“รูปทรงของหอสมบูรณ์แบบไปเลย”
“การใช้เวทที่ 2 เวทระดับ 2 หอกอัสนี ทําได้ดี คะแนนเต็ม
ท่ามกลางเสียงชื่นชม เหมิงเหล่ยก็ถอนเวทหอกอัสนี้แล้วเริ่มร่าย เวทที่ 3 พลังวิญญาณของเขาถาโถมออกมาเหมือนพายุคลัง ธาตุ สายฟ้าในอากาศในระยะ 10 เมตรถูกดึงดูดและรวมเข้าหาเหมิงเหเลย
“พลังระดับนี้มัน” เดิร์ค ตาเป็นประกาย “เขากําลังจะใช้เวท มนตร์ระดับ 3 ซินะ”
“นั้นมันเวทมนตร์ระดับ 3 กําแพงอัสนี” อาจารย์โฮลาที่โอ้พูดขี้ นมา “เด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยนะระหว่างที่เรียนน่ะ เขาทําตัวจืดจางมากๆ จนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีเขานั่งเรียนอยู่ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสําเร็จเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ด้วย”
“ถ้าเขาใช้เวทระดับ 3 ได้ หมายความว่าเขาเป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“การจะเปลี่ยนจากมือใหม่เป็นจอมเวทระดับ 3 ในเวลาแค่ 3 เดือนเนี่ย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะ”
“อัจฉริยะเสียจริงๆเลย”
เหล่าอาจารย์ต่างตกตะลึงในพลังเวทที่ปลดปล่อยออกมา เขาสา มารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้เต็มปากเลยด้วย
มีพลังวิญญาณ ระดับ 3 พลังเวทระดับ 3 แถมยังใช้เวทระดับ 3 ได้อีก ถูกต้องตามเงื่อนไขครบหมดแล้ว
ถ้าเกิดมีพลังวิญญาณกับพลังเวทมากพอแต่ใช้เวทระดับ 3 ไม่ได้ ก็เป็นจอมเวทระดับ 3 ไม่ได้เหมือนกันนั้นเป็นสาเหตุว่าทําไมพวก ครึ่งมังกรหลายคนที่มีพลังเวทอยู่ในตัวมมหาศาลถึงไม่ได้เป็นจอม เวท
ถึงแม้ว่าจอมเวทระดับ 3 จะอยู่นับรวมกับการเป็นจอมเวทระ ดับต่ํา แต่การเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้ในเวลาแค่ 3 เดือนนั้นเรียก ว่าปาฏิหาริย์ ไม่ซิ เกือบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ํา
เพราะว่าคนๆนั้นต้องฝึกฝนทั้งพลังวิญญาณ พลังเวท รวมทั้ง เรียนรู้เวทมนตร์ไปพร้อมๆกันไม่มีส่วนไหนที่ใช้เวลาน้อยเลย
3 เดือนงั้นเหรอ
มันจะไปพอได้ยังไงกันละ จอมเวทระดับ 3 มีหลายๆคนที่ทั้งชี วิตก็ไปไม่ถึงขั้นนั้นด้วยซ้ํา
“ชิ ไม่เห็นจะเก่งอะไรตรงไหนเลย”
พอเห็นเหมิงเหล่ยโดนชมเข้ามากๆ พวกครึ่งมังกรหลายคนก็อิ จฉาตาร้อนเป็นแถบๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดการร่ายเวทของเหมิงเหล่ย
เหมิงเหล่ยนั้นรวมพลังเวทมหาศาลไว้ที่ตัวเองก่อนจะสร้างเป็ นกําแพงเวทสายฟ้าที่ครอบคลุมระยะ 3 เมตรรอบๆตัว
กําแพงโล่ที่ว่านั้นเป็นพลังสายฟ้าที่รวมตัวกันจนกลายเป็น ของแข็ง ทุกกระบวนการนั้นราบลื่นและเป็นธรรมชาติเหมือนกับห ยดปรอทลงบนพื้นยังไงอย่างงั้น
“ใช้เวลาแค่ 19 วินาที”
“ระยะเวลาร่ายเวทถือว่าเร็วมากๆ ไม่มีเวทมนตร์รั่วไหล ใช้พลัง เวทไปน้อยมาก การร่ายอาคมกําแพงอัสนีถือว่าสมบูรณ์แบบ”
Comments
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 31 ปลดปล่อยพลังเวท
บทที่ 31 ปลดปล่อยพลังเวท
อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบพลังเวทนั้นคล้ายคลึงกับอุปกรณ์ที่ใช้ทดส อบพลังวิญญาณ แต่มันไม่ได้มีจุดโฟกัสพลังวิญญาณแต่มันแทนที่ด้วยลูกแก้วพลังเวทที่เมื่อเอามือไปแตะมันแล้วก็จะสามารถวัดพลังเวทที่สะสมอยู่ในตัวได้
ซึ่งผลการทดสอบของเหมิงเหล่ยก็ออกมาให้เห็น
“พลังเวทสะสม 35 เทียบเท่าจอมเวทระดับ 3”
แต่ละคนพูดคุยและคิดต่างๆนานา
“แค่ 35 เองเหรอ ธรรมดาจริงๆ”
ครึ่งมังกรบางคนที่คิดร้ายก็จะคิดแบบนั้น เดิมทีครึ่งมังกรนั้นเกิด มาพร้อมๆกับพลังเวทมนตร์ที่สะสมอยู่ในตัวจํานวนมากและจะมี มากกว่ามนุษย์ที่อายุเท่ากัน โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรด้วยซ้ํา พวกเขามีพลังเวทสะสมอยู่ที่ระดับนักเวทระดับ 2 ไม่ก็ 3 ตั้งแต่ก่อนเข้า สมัครแล้ว
“นั้นซินะที่เรียกว่าอัจฉริยะน่ะ”
“หวาย มีแค่พลังวิญญาณเท่านั้นที่เยอะนี้หว่า”
“เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าจะไปรู้อะไรกัน”
พอได้ยินครึ่งมังกรพวกนั้นพูด เดิร์คนอร์เวย์ก็เริ่มโกรธ แล้วพูด “เหมิงเหล่ยนั้นเกิดเป็นชาวบ้าน เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดิมที่เขาไม่ น่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มากพอจะมาสมัครเข้าวิทยาลัยแล้วด้วย นั้นหมายความว่าพลังเวทสะสมที่เขามีในตัวตอนนี้คือพลังเวทที่ได้มาจากตั้งจิตสมาธิหลังจากที่เข้าวิทยาลัยมาแล้วทั้งนั้น” เดิร์คพูด “ในเวลาแค่ 3 เดือน แต่พลังเวทสะสมในร่างกายของเขา กลับมีมากขนาดเทียบเท่าจอมเวทระดับ 3 ถ้าไม่เรียกอัจฉริยะ ก็ไม่ รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว พวกเจ้าเทียบเขาไม่ได้ซักนิด”
“ใช่แล้ว การที่ทําแบบนั้นได้ในเวลาแค่ 3 เดือน ก็คู่ควรที่จะเรี ยกว่าเป็นอัจฉริยะประจําปีนี้ได้แล้วละ”
“ขอแค่เด็กคนนั้นตั้งมั่นตั้งใจฝึกฝนแบบนี้ต่อไปละก็ อนาคตของ เขาจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นละข้าเองก็ตั้งความหวังกับเขาไว้เหมือนกัน”
“ข้าก็ด้วย”
“อะไรกัน…” พวกครึ่งมังกรต่างหน้าเสีย
“ถ้าพวกเจ้ามีเวลาเหลือเยอะพอที่จะมาบ่นแบบนี้ พวกเจ้าควร เอาเวลาไปฝึกฝนให้หนักขึ้นอีกเจ้าอยู่ที่นี้ต่อไปก็น่าอับอาย เปล่าๆ” เดิร์คพูด
“บ้าเอ้ย!”
เหล่าครึ่งมังกรที่บ่นเมื่อกี้หน้าแดงอับอายจากการโดนต่อว่า ใน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมอง พวก เขาเป็นขุนนางสูงศักดิ์ตั้งแต่เกิด ไม่เคยโดนประจานต่อหน้าสาธารณะแบบนี้มาก่อน
แต่น่าเสียดายที่เดิร์คนอร์เวย์เองก็เป็นอาจารย์ยศใหญ่ในวิทยา ลัย ทําให้พวกเขาทําอะไรหรือสวนกลับอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นพวกครึ่งมังกรพวกนั้นเลยโยนความผิดทั้งหมดไปหาเหมิงเหล่ยแทน
“เพราะไอ้มนุษย์เฮงซวยนั้นแท้ๆ ถ้าไม่มีมันละก็”
ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าครึ่งมังกร การทดสอบเวท มนตร์ของเหมิงเหล่ยก็ยังดําเนินต่อไปเข้าสู่การทดสอบที่ 3 คือกา รปล่อยพลังเวทมนตร์
“สําหรับจอมเวทแล้ว ทั้งพลังวิญญาณและพลังเวทมนตร์นั้น ต่างเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรจะมีพวกมันคือรากฐานของการปลดปป ล่อยเวทมนตร์ออกมา” เดิร์คเดินเข้ามาในสนามซ้อมด้วยตัวเองก่อนจะมองเหมิงเหล่ย “เพราะงั้นการปล่อยเวทมนตร์นั้นจึงเป็นมาตรฐานที่จะใช้ทดสอบความสามารถที่แท้จริงของจอมเวทคนนั้น” พอเดิร์คพูดจบเขาก็ยิ้มอย่างใจดี “เจ้าจงปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมา 3 คาถาออกมาให้ดีที่สุดเถอะ”
“ครับอาจารย์
เหมิงเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปแล้วเริ่มร่ายคาถาเวท มนตร์
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
กระแสไฟฟ้าแรงสูงเริ่มก่อตัวจับขึ้นมาที่มือของเหมิงเหล่ย กระ แสพลังธาตุไฟฟ้ากําลังรวมตัวกันไปเรื่อยๆแล้วขยายตัวจนขนาดเท่าลูกบาส สว่างไสวและส่งเสียงร้องดังลั่น
“อาคมเวทสายฟ้า ลูกบอลสายฟ้า”
อาจารย์โฮลาที่โอตาเป็นประกายก่อนจะชม “ปั้นเป็นลูกก ลมสวย ใช้เวลาในการรวมพลังเวทแค่ไม่ถึง 3 วินาที ธาตุสายฟ้าบรรจุอยู่ข้างในครบถ้วนโดยไม่ไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว ควบคุมได้ยอดเยี่ยม!”
“ลูกบอลสายฟ้าคะแนนเต็มไปเลย”
อาจารย์ธาตุสายฟ้าของคลาส 2 เองก็ชม “อีกอย่างเหมิงเหล่ย ใช้พลังเวทไปน้อยมากๆในการควบคุมธาตุสายฟ้าให้อยู่ในมือ เขาสามารถควบคุมพลังเวทของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด”
พออาจารย์คนอื่นได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็พยักหน้าแล้วต่าง นชม ถึงแม้ว่าลูกบอลสายฟ้าจะเป็นแค่เวทระดับต่ําที่สุด แต่ถ้าพื้นฐานแน่นก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง
ทั้งความเร็วในการร่าย
จํานวนพลังเวทที่ใช้
ความแม่นยําในการควบคุมพลังเวท
ทั้งหมดนั้นคือพื้นฐานที่จอมเวทควรจะมี
“เวทมนตร์น่ะเป็นเหมือนศิลปะ” เดิร์คยิ้ม “จอมเวทที่เก่งกาจก็ เหมือนจิตรกรชั้นยอด ถึงจะแค่ตวัดภู่กันเล็กน้อยเหมือนคนอื่นก็แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของศิลปะนั้นได้อย่างที่คนอื่นทําไม่ได้ การร่ายเวทของเหมิงเหล่ยนั้น เป็นธรรมชาติและไหลลื่นมาก มีความเป็นศิลปะสูงทีเดียว”
“หัวหน้าแผนกเดิร์คพูดถูก!”
อาจารย์ทุกคนพยักหน้า
นั้นมันแค่เวทมนตร์ระดับแรกเองไม่ใช่เหรอ จะดีจะเด่นอะไรนัก หนา อายุ 7 ขวบ ข้าก็ร่ายเวทแบบนั้นได้แล้วเถอะ” ชายหนุ่มครึ่งมังกรบ่นขึ้นมา ยิ่งอาจารย์ชมมากเท่าไร พวกเขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
เหมิงเหล่ยยกเลิกเวทลูกบอลสายฟ้าแล้วเริ่มร่ายเวทมนตร์ที่ 2 หลังจากผ่านไปปไม่นานแสงสีเงินก็เริ่มก่อตัวและสร้างเป็นหอก สายฟ้าที่ทรงพลังรุนแรงปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาเหมือนกับพร้อมจะผ่าศัตรู
“อาคมธาตุสายฟ้า หอกอัสนี้”
“ดี ดีมาก”
“ใช้เวทมนตร์ได้เร็วมาก”
“ไม่มีพลังเวทรัวไหลออกมาเลย”
“ใช้พลังเวทน้อยมากๆ”
“รูปทรงของหอสมบูรณ์แบบไปเลย”
“การใช้เวทที่ 2 เวทระดับ 2 หอกอัสนี ทําได้ดี คะแนนเต็ม
ท่ามกลางเสียงชื่นชม เหมิงเหล่ยก็ถอนเวทหอกอัสนี้แล้วเริ่มร่าย เวทที่ 3 พลังวิญญาณของเขาถาโถมออกมาเหมือนพายุคลัง ธาตุ สายฟ้าในอากาศในระยะ 10 เมตรถูกดึงดูดและรวมเข้าหาเหมิงเหเลย
“พลังระดับนี้มัน” เดิร์ค ตาเป็นประกาย “เขากําลังจะใช้เวท มนตร์ระดับ 3 ซินะ”
“นั้นมันเวทมนตร์ระดับ 3 กําแพงอัสนี” อาจารย์โฮลาที่โอ้พูดขี้ นมา “เด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยนะระหว่างที่เรียนน่ะ เขาทําตัวจืดจางมากๆ จนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีเขานั่งเรียนอยู่ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสําเร็จเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ด้วย”
“ถ้าเขาใช้เวทระดับ 3 ได้ หมายความว่าเขาเป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“การจะเปลี่ยนจากมือใหม่เป็นจอมเวทระดับ 3 ในเวลาแค่ 3 เดือนเนี่ย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะ”
“อัจฉริยะเสียจริงๆเลย”
เหล่าอาจารย์ต่างตกตะลึงในพลังเวทที่ปลดปล่อยออกมา เขาสา มารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้เต็มปากเลยด้วย
มีพลังวิญญาณ ระดับ 3 พลังเวทระดับ 3 แถมยังใช้เวทระดับ 3 ได้อีก ถูกต้องตามเงื่อนไขครบหมดแล้ว
ถ้าเกิดมีพลังวิญญาณกับพลังเวทมากพอแต่ใช้เวทระดับ 3 ไม่ได้ ก็เป็นจอมเวทระดับ 3 ไม่ได้เหมือนกันนั้นเป็นสาเหตุว่าทําไมพวก ครึ่งมังกรหลายคนที่มีพลังเวทอยู่ในตัวมมหาศาลถึงไม่ได้เป็นจอม เวท
ถึงแม้ว่าจอมเวทระดับ 3 จะอยู่นับรวมกับการเป็นจอมเวทระ ดับต่ํา แต่การเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้ในเวลาแค่ 3 เดือนนั้นเรียก ว่าปาฏิหาริย์ ไม่ซิ เกือบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ํา
เพราะว่าคนๆนั้นต้องฝึกฝนทั้งพลังวิญญาณ พลังเวท รวมทั้ง เรียนรู้เวทมนตร์ไปพร้อมๆกันไม่มีส่วนไหนที่ใช้เวลาน้อยเลย
3 เดือนงั้นเหรอ
มันจะไปพอได้ยังไงกันละ จอมเวทระดับ 3 มีหลายๆคนที่ทั้งชี วิตก็ไปไม่ถึงขั้นนั้นด้วยซ้ํา
“ชิ ไม่เห็นจะเก่งอะไรตรงไหนเลย”
พอเห็นเหมิงเหล่ยโดนชมเข้ามากๆ พวกครึ่งมังกรหลายคนก็อิ จฉาตาร้อนเป็นแถบๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดการร่ายเวทของเหมิงเหล่ย
เหมิงเหล่ยนั้นรวมพลังเวทมหาศาลไว้ที่ตัวเองก่อนจะสร้างเป็ นกําแพงเวทสายฟ้าที่ครอบคลุมระยะ 3 เมตรรอบๆตัว
กําแพงโล่ที่ว่านั้นเป็นพลังสายฟ้าที่รวมตัวกันจนกลายเป็น ของแข็ง ทุกกระบวนการนั้นราบลื่นและเป็นธรรมชาติเหมือนกับห ยดปรอทลงบนพื้นยังไงอย่างงั้น
“ใช้เวลาแค่ 19 วินาที”
“ระยะเวลาร่ายเวทถือว่าเร็วมากๆ ไม่มีเวทมนตร์รั่วไหล ใช้พลัง เวทไปน้อยมาก การร่ายอาคมกําแพงอัสนีถือว่าสมบูรณ์แบบ”
Comments