Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 31 ปลดปล่อยพลังเวท

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 31 ปลดปล่อยพลังเวท at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 31 ปลดปล่อยพลังเวท

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบพลังเวทนั้นคล้ายคลึงกับอุปกรณ์ที่ใช้ทดส อบพลังวิญญาณ แต่มันไม่ได้มีจุดโฟกัสพลังวิญญาณแต่มันแทนที่ด้วยลูกแก้วพลังเวทที่เมื่อเอามือไปแตะมันแล้วก็จะสามารถวัดพลังเวทที่สะสมอยู่ในตัวได้

 

ซึ่งผลการทดสอบของเหมิงเหล่ยก็ออกมาให้เห็น

 

“พลังเวทสะสม 35 เทียบเท่าจอมเวทระดับ 3”

 

แต่ละคนพูดคุยและคิดต่างๆนานา

 

“แค่ 35 เองเหรอ ธรรมดาจริงๆ”

 

ครึ่งมังกรบางคนที่คิดร้ายก็จะคิดแบบนั้น เดิมทีครึ่งมังกรนั้นเกิด มาพร้อมๆกับพลังเวทมนตร์ที่สะสมอยู่ในตัวจํานวนมากและจะมี มากกว่ามนุษย์ที่อายุเท่ากัน โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรด้วยซ้ํา พวกเขามีพลังเวทสะสมอยู่ที่ระดับนักเวทระดับ 2 ไม่ก็ 3 ตั้งแต่ก่อนเข้า สมัครแล้ว

 

“นั้นซินะที่เรียกว่าอัจฉริยะน่ะ”

 

“หวาย มีแค่พลังวิญญาณเท่านั้นที่เยอะนี้หว่า”

 

“เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าจะไปรู้อะไรกัน”

 

พอได้ยินครึ่งมังกรพวกนั้นพูด เดิร์คนอร์เวย์ก็เริ่มโกรธ แล้วพูด “เหมิงเหล่ยนั้นเกิดเป็นชาวบ้าน เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดิมที่เขาไม่ น่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มากพอจะมาสมัครเข้าวิทยาลัยแล้วด้วย นั้นหมายความว่าพลังเวทสะสมที่เขามีในตัวตอนนี้คือพลังเวทที่ได้มาจากตั้งจิตสมาธิหลังจากที่เข้าวิทยาลัยมาแล้วทั้งนั้น” เดิร์คพูด “ในเวลาแค่ 3 เดือน แต่พลังเวทสะสมในร่างกายของเขา กลับมีมากขนาดเทียบเท่าจอมเวทระดับ 3 ถ้าไม่เรียกอัจฉริยะ ก็ไม่ รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว พวกเจ้าเทียบเขาไม่ได้ซักนิด”

 

“ใช่แล้ว การที่ทําแบบนั้นได้ในเวลาแค่ 3 เดือน ก็คู่ควรที่จะเรี ยกว่าเป็นอัจฉริยะประจําปีนี้ได้แล้วละ”

 

“ขอแค่เด็กคนนั้นตั้งมั่นตั้งใจฝึกฝนแบบนี้ต่อไปละก็ อนาคตของ เขาจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นละข้าเองก็ตั้งความหวังกับเขาไว้เหมือนกัน”

 

“ข้าก็ด้วย”

 

“อะไรกัน…” พวกครึ่งมังกรต่างหน้าเสีย

 

“ถ้าพวกเจ้ามีเวลาเหลือเยอะพอที่จะมาบ่นแบบนี้ พวกเจ้าควร เอาเวลาไปฝึกฝนให้หนักขึ้นอีกเจ้าอยู่ที่นี้ต่อไปก็น่าอับอาย เปล่าๆ” เดิร์คพูด

 

“บ้าเอ้ย!”

 

เหล่าครึ่งมังกรที่บ่นเมื่อกี้หน้าแดงอับอายจากการโดนต่อว่า ใน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมอง พวก เขาเป็นขุนนางสูงศักดิ์ตั้งแต่เกิด ไม่เคยโดนประจานต่อหน้าสาธารณะแบบนี้มาก่อน

 

แต่น่าเสียดายที่เดิร์คนอร์เวย์เองก็เป็นอาจารย์ยศใหญ่ในวิทยา ลัย ทําให้พวกเขาทําอะไรหรือสวนกลับอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นพวกครึ่งมังกรพวกนั้นเลยโยนความผิดทั้งหมดไปหาเหมิงเหล่ยแทน

 

“เพราะไอ้มนุษย์เฮงซวยนั้นแท้ๆ ถ้าไม่มีมันละก็”

 

ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าครึ่งมังกร การทดสอบเวท มนตร์ของเหมิงเหล่ยก็ยังดําเนินต่อไปเข้าสู่การทดสอบที่ 3 คือกา รปล่อยพลังเวทมนตร์

 

“สําหรับจอมเวทแล้ว ทั้งพลังวิญญาณและพลังเวทมนตร์นั้น ต่างเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรจะมีพวกมันคือรากฐานของการปลดปป ล่อยเวทมนตร์ออกมา” เดิร์คเดินเข้ามาในสนามซ้อมด้วยตัวเองก่อนจะมองเหมิงเหล่ย “เพราะงั้นการปล่อยเวทมนตร์นั้นจึงเป็นมาตรฐานที่จะใช้ทดสอบความสามารถที่แท้จริงของจอมเวทคนนั้น” พอเดิร์คพูดจบเขาก็ยิ้มอย่างใจดี “เจ้าจงปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมา 3 คาถาออกมาให้ดีที่สุดเถอะ”

 

“ครับอาจารย์

 

เหมิงเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปแล้วเริ่มร่ายคาถาเวท มนตร์

 

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

 

กระแสไฟฟ้าแรงสูงเริ่มก่อตัวจับขึ้นมาที่มือของเหมิงเหล่ย กระ แสพลังธาตุไฟฟ้ากําลังรวมตัวกันไปเรื่อยๆแล้วขยายตัวจนขนาดเท่าลูกบาส สว่างไสวและส่งเสียงร้องดังลั่น

 

“อาคมเวทสายฟ้า ลูกบอลสายฟ้า”

 

อาจารย์โฮลาที่โอตาเป็นประกายก่อนจะชม “ปั้นเป็นลูกก ลมสวย ใช้เวลาในการรวมพลังเวทแค่ไม่ถึง 3 วินาที ธาตุสายฟ้าบรรจุอยู่ข้างในครบถ้วนโดยไม่ไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว ควบคุมได้ยอดเยี่ยม!”

 

“ลูกบอลสายฟ้าคะแนนเต็มไปเลย”

 

อาจารย์ธาตุสายฟ้าของคลาส 2 เองก็ชม “อีกอย่างเหมิงเหล่ย ใช้พลังเวทไปน้อยมากๆในการควบคุมธาตุสายฟ้าให้อยู่ในมือ เขาสามารถควบคุมพลังเวทของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด”

 

พออาจารย์คนอื่นได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็พยักหน้าแล้วต่าง นชม ถึงแม้ว่าลูกบอลสายฟ้าจะเป็นแค่เวทระดับต่ําที่สุด แต่ถ้าพื้นฐานแน่นก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง

 

ทั้งความเร็วในการร่าย

 

จํานวนพลังเวทที่ใช้

 

ความแม่นยําในการควบคุมพลังเวท

 

ทั้งหมดนั้นคือพื้นฐานที่จอมเวทควรจะมี

 

“เวทมนตร์น่ะเป็นเหมือนศิลปะ” เดิร์คยิ้ม “จอมเวทที่เก่งกาจก็ เหมือนจิตรกรชั้นยอด ถึงจะแค่ตวัดภู่กันเล็กน้อยเหมือนคนอื่นก็แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของศิลปะนั้นได้อย่างที่คนอื่นทําไม่ได้ การร่ายเวทของเหมิงเหล่ยนั้น เป็นธรรมชาติและไหลลื่นมาก มีความเป็นศิลปะสูงทีเดียว”

 

“หัวหน้าแผนกเดิร์คพูดถูก!”

 

อาจารย์ทุกคนพยักหน้า

 

นั้นมันแค่เวทมนตร์ระดับแรกเองไม่ใช่เหรอ จะดีจะเด่นอะไรนัก หนา อายุ 7 ขวบ ข้าก็ร่ายเวทแบบนั้นได้แล้วเถอะ” ชายหนุ่มครึ่งมังกรบ่นขึ้นมา ยิ่งอาจารย์ชมมากเท่าไร พวกเขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

 

เหมิงเหล่ยยกเลิกเวทลูกบอลสายฟ้าแล้วเริ่มร่ายเวทมนตร์ที่ 2 หลังจากผ่านไปปไม่นานแสงสีเงินก็เริ่มก่อตัวและสร้างเป็นหอก สายฟ้าที่ทรงพลังรุนแรงปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาเหมือนกับพร้อมจะผ่าศัตรู

 

“อาคมธาตุสายฟ้า หอกอัสนี้”

 

“ดี ดีมาก”

 

“ใช้เวทมนตร์ได้เร็วมาก”

 

“ไม่มีพลังเวทรัวไหลออกมาเลย”

 

“ใช้พลังเวทน้อยมากๆ”

 

“รูปทรงของหอสมบูรณ์แบบไปเลย”

 

“การใช้เวทที่ 2 เวทระดับ 2 หอกอัสนี ทําได้ดี คะแนนเต็ม

 

ท่ามกลางเสียงชื่นชม เหมิงเหล่ยก็ถอนเวทหอกอัสนี้แล้วเริ่มร่าย เวทที่ 3 พลังวิญญาณของเขาถาโถมออกมาเหมือนพายุคลัง ธาตุ สายฟ้าในอากาศในระยะ 10 เมตรถูกดึงดูดและรวมเข้าหาเหมิงเหเลย

 

“พลังระดับนี้มัน” เดิร์ค ตาเป็นประกาย “เขากําลังจะใช้เวท มนตร์ระดับ 3 ซินะ”

 

“นั้นมันเวทมนตร์ระดับ 3 กําแพงอัสนี” อาจารย์โฮลาที่โอ้พูดขี้ นมา “เด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยนะระหว่างที่เรียนน่ะ เขาทําตัวจืดจางมากๆ จนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีเขานั่งเรียนอยู่ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสําเร็จเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ด้วย” 

 

“ถ้าเขาใช้เวทระดับ 3 ได้ หมายความว่าเขาเป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วอย่างงั้นเหรอ”

 

“การจะเปลี่ยนจากมือใหม่เป็นจอมเวทระดับ 3 ในเวลาแค่ 3 เดือนเนี่ย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะ”

 

“อัจฉริยะเสียจริงๆเลย”

 

เหล่าอาจารย์ต่างตกตะลึงในพลังเวทที่ปลดปล่อยออกมา เขาสา มารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้เต็มปากเลยด้วย

 

มีพลังวิญญาณ ระดับ 3 พลังเวทระดับ 3 แถมยังใช้เวทระดับ 3 ได้อีก ถูกต้องตามเงื่อนไขครบหมดแล้ว

 

ถ้าเกิดมีพลังวิญญาณกับพลังเวทมากพอแต่ใช้เวทระดับ 3 ไม่ได้ ก็เป็นจอมเวทระดับ 3 ไม่ได้เหมือนกันนั้นเป็นสาเหตุว่าทําไมพวก ครึ่งมังกรหลายคนที่มีพลังเวทอยู่ในตัวมมหาศาลถึงไม่ได้เป็นจอม เวท

 

ถึงแม้ว่าจอมเวทระดับ 3 จะอยู่นับรวมกับการเป็นจอมเวทระ ดับต่ํา แต่การเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้ในเวลาแค่ 3 เดือนนั้นเรียก ว่าปาฏิหาริย์ ไม่ซิ เกือบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ํา

 

เพราะว่าคนๆนั้นต้องฝึกฝนทั้งพลังวิญญาณ พลังเวท รวมทั้ง เรียนรู้เวทมนตร์ไปพร้อมๆกันไม่มีส่วนไหนที่ใช้เวลาน้อยเลย

 

3 เดือนงั้นเหรอ

 

มันจะไปพอได้ยังไงกันละ จอมเวทระดับ 3 มีหลายๆคนที่ทั้งชี วิตก็ไปไม่ถึงขั้นนั้นด้วยซ้ํา

 

“ชิ ไม่เห็นจะเก่งอะไรตรงไหนเลย”

 

พอเห็นเหมิงเหล่ยโดนชมเข้ามากๆ พวกครึ่งมังกรหลายคนก็อิ จฉาตาร้อนเป็นแถบๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดการร่ายเวทของเหมิงเหล่ย

 

เหมิงเหล่ยนั้นรวมพลังเวทมหาศาลไว้ที่ตัวเองก่อนจะสร้างเป็ นกําแพงเวทสายฟ้าที่ครอบคลุมระยะ 3 เมตรรอบๆตัว

 

กําแพงโล่ที่ว่านั้นเป็นพลังสายฟ้าที่รวมตัวกันจนกลายเป็น ของแข็ง ทุกกระบวนการนั้นราบลื่นและเป็นธรรมชาติเหมือนกับห ยดปรอทลงบนพื้นยังไงอย่างงั้น

 

“ใช้เวลาแค่ 19 วินาที”

 

“ระยะเวลาร่ายเวทถือว่าเร็วมากๆ ไม่มีเวทมนตร์รั่วไหล ใช้พลัง เวทไปน้อยมาก การร่ายอาคมกําแพงอัสนีถือว่าสมบูรณ์แบบ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 31 ปลดปล่อยพลังเวท

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 31 ปลดปล่อยพลังเวท at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 31 ปลดปล่อยพลังเวท

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบพลังเวทนั้นคล้ายคลึงกับอุปกรณ์ที่ใช้ทดส อบพลังวิญญาณ แต่มันไม่ได้มีจุดโฟกัสพลังวิญญาณแต่มันแทนที่ด้วยลูกแก้วพลังเวทที่เมื่อเอามือไปแตะมันแล้วก็จะสามารถวัดพลังเวทที่สะสมอยู่ในตัวได้

 

ซึ่งผลการทดสอบของเหมิงเหล่ยก็ออกมาให้เห็น

 

“พลังเวทสะสม 35 เทียบเท่าจอมเวทระดับ 3”

 

แต่ละคนพูดคุยและคิดต่างๆนานา

 

“แค่ 35 เองเหรอ ธรรมดาจริงๆ”

 

ครึ่งมังกรบางคนที่คิดร้ายก็จะคิดแบบนั้น เดิมทีครึ่งมังกรนั้นเกิด มาพร้อมๆกับพลังเวทมนตร์ที่สะสมอยู่ในตัวจํานวนมากและจะมี มากกว่ามนุษย์ที่อายุเท่ากัน โดยที่ไม่ต้องฝึกฝนอะไรด้วยซ้ํา พวกเขามีพลังเวทสะสมอยู่ที่ระดับนักเวทระดับ 2 ไม่ก็ 3 ตั้งแต่ก่อนเข้า สมัครแล้ว

 

“นั้นซินะที่เรียกว่าอัจฉริยะน่ะ”

 

“หวาย มีแค่พลังวิญญาณเท่านั้นที่เยอะนี้หว่า”

 

“เจ้าพวกโง่ พวกเจ้าจะไปรู้อะไรกัน”

 

พอได้ยินครึ่งมังกรพวกนั้นพูด เดิร์คนอร์เวย์ก็เริ่มโกรธ แล้วพูด “เหมิงเหล่ยนั้นเกิดเป็นชาวบ้าน เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเดิมที่เขาไม่ น่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์มากพอจะมาสมัครเข้าวิทยาลัยแล้วด้วย นั้นหมายความว่าพลังเวทสะสมที่เขามีในตัวตอนนี้คือพลังเวทที่ได้มาจากตั้งจิตสมาธิหลังจากที่เข้าวิทยาลัยมาแล้วทั้งนั้น” เดิร์คพูด “ในเวลาแค่ 3 เดือน แต่พลังเวทสะสมในร่างกายของเขา กลับมีมากขนาดเทียบเท่าจอมเวทระดับ 3 ถ้าไม่เรียกอัจฉริยะ ก็ไม่ รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว พวกเจ้าเทียบเขาไม่ได้ซักนิด”

 

“ใช่แล้ว การที่ทําแบบนั้นได้ในเวลาแค่ 3 เดือน ก็คู่ควรที่จะเรี ยกว่าเป็นอัจฉริยะประจําปีนี้ได้แล้วละ”

 

“ขอแค่เด็กคนนั้นตั้งมั่นตั้งใจฝึกฝนแบบนี้ต่อไปละก็ อนาคตของ เขาจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นละข้าเองก็ตั้งความหวังกับเขาไว้เหมือนกัน”

 

“ข้าก็ด้วย”

 

“อะไรกัน…” พวกครึ่งมังกรต่างหน้าเสีย

 

“ถ้าพวกเจ้ามีเวลาเหลือเยอะพอที่จะมาบ่นแบบนี้ พวกเจ้าควร เอาเวลาไปฝึกฝนให้หนักขึ้นอีกเจ้าอยู่ที่นี้ต่อไปก็น่าอับอาย เปล่าๆ” เดิร์คพูด

 

“บ้าเอ้ย!”

 

เหล่าครึ่งมังกรที่บ่นเมื่อกี้หน้าแดงอับอายจากการโดนต่อว่า ใน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเศร้าหมอง พวก เขาเป็นขุนนางสูงศักดิ์ตั้งแต่เกิด ไม่เคยโดนประจานต่อหน้าสาธารณะแบบนี้มาก่อน

 

แต่น่าเสียดายที่เดิร์คนอร์เวย์เองก็เป็นอาจารย์ยศใหญ่ในวิทยา ลัย ทําให้พวกเขาทําอะไรหรือสวนกลับอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นพวกครึ่งมังกรพวกนั้นเลยโยนความผิดทั้งหมดไปหาเหมิงเหล่ยแทน

 

“เพราะไอ้มนุษย์เฮงซวยนั้นแท้ๆ ถ้าไม่มีมันละก็”

 

ท่ามกลางความไม่พอใจของเหล่าครึ่งมังกร การทดสอบเวท มนตร์ของเหมิงเหล่ยก็ยังดําเนินต่อไปเข้าสู่การทดสอบที่ 3 คือกา รปล่อยพลังเวทมนตร์

 

“สําหรับจอมเวทแล้ว ทั้งพลังวิญญาณและพลังเวทมนตร์นั้น ต่างเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรจะมีพวกมันคือรากฐานของการปลดปป ล่อยเวทมนตร์ออกมา” เดิร์คเดินเข้ามาในสนามซ้อมด้วยตัวเองก่อนจะมองเหมิงเหล่ย “เพราะงั้นการปล่อยเวทมนตร์นั้นจึงเป็นมาตรฐานที่จะใช้ทดสอบความสามารถที่แท้จริงของจอมเวทคนนั้น” พอเดิร์คพูดจบเขาก็ยิ้มอย่างใจดี “เจ้าจงปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมา 3 คาถาออกมาให้ดีที่สุดเถอะ”

 

“ครับอาจารย์

 

เหมิงเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินขึ้นไปแล้วเริ่มร่ายคาถาเวท มนตร์

 

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

 

กระแสไฟฟ้าแรงสูงเริ่มก่อตัวจับขึ้นมาที่มือของเหมิงเหล่ย กระ แสพลังธาตุไฟฟ้ากําลังรวมตัวกันไปเรื่อยๆแล้วขยายตัวจนขนาดเท่าลูกบาส สว่างไสวและส่งเสียงร้องดังลั่น

 

“อาคมเวทสายฟ้า ลูกบอลสายฟ้า”

 

อาจารย์โฮลาที่โอตาเป็นประกายก่อนจะชม “ปั้นเป็นลูกก ลมสวย ใช้เวลาในการรวมพลังเวทแค่ไม่ถึง 3 วินาที ธาตุสายฟ้าบรรจุอยู่ข้างในครบถ้วนโดยไม่ไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว ควบคุมได้ยอดเยี่ยม!”

 

“ลูกบอลสายฟ้าคะแนนเต็มไปเลย”

 

อาจารย์ธาตุสายฟ้าของคลาส 2 เองก็ชม “อีกอย่างเหมิงเหล่ย ใช้พลังเวทไปน้อยมากๆในการควบคุมธาตุสายฟ้าให้อยู่ในมือ เขาสามารถควบคุมพลังเวทของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด”

 

พออาจารย์คนอื่นได้ยินแบบนั้น พวกเขาก็พยักหน้าแล้วต่าง นชม ถึงแม้ว่าลูกบอลสายฟ้าจะเป็นแค่เวทระดับต่ําที่สุด แต่ถ้าพื้นฐานแน่นก็สามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง

 

ทั้งความเร็วในการร่าย

 

จํานวนพลังเวทที่ใช้

 

ความแม่นยําในการควบคุมพลังเวท

 

ทั้งหมดนั้นคือพื้นฐานที่จอมเวทควรจะมี

 

“เวทมนตร์น่ะเป็นเหมือนศิลปะ” เดิร์คยิ้ม “จอมเวทที่เก่งกาจก็ เหมือนจิตรกรชั้นยอด ถึงจะแค่ตวัดภู่กันเล็กน้อยเหมือนคนอื่นก็แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของศิลปะนั้นได้อย่างที่คนอื่นทําไม่ได้ การร่ายเวทของเหมิงเหล่ยนั้น เป็นธรรมชาติและไหลลื่นมาก มีความเป็นศิลปะสูงทีเดียว”

 

“หัวหน้าแผนกเดิร์คพูดถูก!”

 

อาจารย์ทุกคนพยักหน้า

 

นั้นมันแค่เวทมนตร์ระดับแรกเองไม่ใช่เหรอ จะดีจะเด่นอะไรนัก หนา อายุ 7 ขวบ ข้าก็ร่ายเวทแบบนั้นได้แล้วเถอะ” ชายหนุ่มครึ่งมังกรบ่นขึ้นมา ยิ่งอาจารย์ชมมากเท่าไร พวกเขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

 

เหมิงเหล่ยยกเลิกเวทลูกบอลสายฟ้าแล้วเริ่มร่ายเวทมนตร์ที่ 2 หลังจากผ่านไปปไม่นานแสงสีเงินก็เริ่มก่อตัวและสร้างเป็นหอก สายฟ้าที่ทรงพลังรุนแรงปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาเหมือนกับพร้อมจะผ่าศัตรู

 

“อาคมธาตุสายฟ้า หอกอัสนี้”

 

“ดี ดีมาก”

 

“ใช้เวทมนตร์ได้เร็วมาก”

 

“ไม่มีพลังเวทรัวไหลออกมาเลย”

 

“ใช้พลังเวทน้อยมากๆ”

 

“รูปทรงของหอสมบูรณ์แบบไปเลย”

 

“การใช้เวทที่ 2 เวทระดับ 2 หอกอัสนี ทําได้ดี คะแนนเต็ม

 

ท่ามกลางเสียงชื่นชม เหมิงเหล่ยก็ถอนเวทหอกอัสนี้แล้วเริ่มร่าย เวทที่ 3 พลังวิญญาณของเขาถาโถมออกมาเหมือนพายุคลัง ธาตุ สายฟ้าในอากาศในระยะ 10 เมตรถูกดึงดูดและรวมเข้าหาเหมิงเหเลย

 

“พลังระดับนี้มัน” เดิร์ค ตาเป็นประกาย “เขากําลังจะใช้เวท มนตร์ระดับ 3 ซินะ”

 

“นั้นมันเวทมนตร์ระดับ 3 กําแพงอัสนี” อาจารย์โฮลาที่โอ้พูดขี้ นมา “เด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยนะระหว่างที่เรียนน่ะ เขาทําตัวจืดจางมากๆ จนแทบไม่รู้สึกเลยว่ามีเขานั่งเรียนอยู่ด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะสําเร็จเวทมนตร์ระดับ 3 ได้ด้วย” 

 

“ถ้าเขาใช้เวทระดับ 3 ได้ หมายความว่าเขาเป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วอย่างงั้นเหรอ”

 

“การจะเปลี่ยนจากมือใหม่เป็นจอมเวทระดับ 3 ในเวลาแค่ 3 เดือนเนี่ย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้นมาก่อนเลยนะ”

 

“อัจฉริยะเสียจริงๆเลย”

 

เหล่าอาจารย์ต่างตกตะลึงในพลังเวทที่ปลดปล่อยออกมา เขาสา มารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้เต็มปากเลยด้วย

 

มีพลังวิญญาณ ระดับ 3 พลังเวทระดับ 3 แถมยังใช้เวทระดับ 3 ได้อีก ถูกต้องตามเงื่อนไขครบหมดแล้ว

 

ถ้าเกิดมีพลังวิญญาณกับพลังเวทมากพอแต่ใช้เวทระดับ 3 ไม่ได้ ก็เป็นจอมเวทระดับ 3 ไม่ได้เหมือนกันนั้นเป็นสาเหตุว่าทําไมพวก ครึ่งมังกรหลายคนที่มีพลังเวทอยู่ในตัวมมหาศาลถึงไม่ได้เป็นจอม เวท

 

ถึงแม้ว่าจอมเวทระดับ 3 จะอยู่นับรวมกับการเป็นจอมเวทระ ดับต่ํา แต่การเป็นจอมเวทระดับ 3 ได้ในเวลาแค่ 3 เดือนนั้นเรียก ว่าปาฏิหาริย์ ไม่ซิ เกือบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ํา

 

เพราะว่าคนๆนั้นต้องฝึกฝนทั้งพลังวิญญาณ พลังเวท รวมทั้ง เรียนรู้เวทมนตร์ไปพร้อมๆกันไม่มีส่วนไหนที่ใช้เวลาน้อยเลย

 

3 เดือนงั้นเหรอ

 

มันจะไปพอได้ยังไงกันละ จอมเวทระดับ 3 มีหลายๆคนที่ทั้งชี วิตก็ไปไม่ถึงขั้นนั้นด้วยซ้ํา

 

“ชิ ไม่เห็นจะเก่งอะไรตรงไหนเลย”

 

พอเห็นเหมิงเหล่ยโดนชมเข้ามากๆ พวกครึ่งมังกรหลายคนก็อิ จฉาตาร้อนเป็นแถบๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดการร่ายเวทของเหมิงเหล่ย

 

เหมิงเหล่ยนั้นรวมพลังเวทมหาศาลไว้ที่ตัวเองก่อนจะสร้างเป็ นกําแพงเวทสายฟ้าที่ครอบคลุมระยะ 3 เมตรรอบๆตัว

 

กําแพงโล่ที่ว่านั้นเป็นพลังสายฟ้าที่รวมตัวกันจนกลายเป็น ของแข็ง ทุกกระบวนการนั้นราบลื่นและเป็นธรรมชาติเหมือนกับห ยดปรอทลงบนพื้นยังไงอย่างงั้น

 

“ใช้เวลาแค่ 19 วินาที”

 

“ระยะเวลาร่ายเวทถือว่าเร็วมากๆ ไม่มีเวทมนตร์รั่วไหล ใช้พลัง เวทไปน้อยมาก การร่ายอาคมกําแพงอัสนีถือว่าสมบูรณ์แบบ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+