Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ

ดวงจันทร์สะท้อนแสงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงดาราเปล่งประกายยามค่ําคืน

หุบเขาอาบแสนจันทร์ยามนิทราดั่งผืนผ้าทมิฬพาดผ่าน เสียงร้องของสัตว์เวทมนตร์ดังออกมาบางครั้ง ทําให้หุบเขานั้นเงียบและสงบมากกว่าที่เคย

ไอน้ําสีขาวลอยขึ้นไปบนอากาศ และ เปลวไฟจากแคมป์ที่ลุกโชน

น้ํามันเนื้อสีเหลืองทองมันวาวของเนื้อสัตว์เวทมนตร์ย่างส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ น้ํามันนั้นหยดติ่ง ทิ้งลงไปบนกองไฟทําให้เกิดเสียงฉ่ฉ่า ชวนเรียกน้ําลายและน้ําย่อยของเหมิงเหล่ยให้ทํางาน

“ก่อกองไฟข้างแม่น้ํา กินข้าวท่ามกลางแสงจันทร์” อมอสลอยอยู่กลางอากาศ มองบรรยากาศรอบๆตัวของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “กองไฟ เนื้อย่าง แล้วก็เหล้าเอล แหมๆ ช่างเป็นภาพที่ชวนคิดถึงเสียจริง”

“555

เหมิงเหล่ยหัวเราะออกมา เขาเข้าใจความรู้สึกของอมอสดี ถ้าเกิดเขาต้องติดอยู่ที่ใดที่นึ่งเป็นเวลากว่า 2 หมื่นปี แต่แล้ววันนึ่งมีใครบางคนพาเขาออกมาข้างนอก เขาเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

“หึหึ เนื้อสุกแล้ว”เหมิงเหล่ยหยิบมีดออกมาพร้อมแล้วตัดชิ้นเนื้อออกมาก่อนจะส่งให้กับอมอสแล้วพูด “ท่านประธานไม่ได้กินเนื้อมานานแล้วซินะครับ นี้ครับ ลองที่ผมทําดู

“ไอ้หนู นี้เจ้าล้อข้าเล่นอยู่อย่างงั้นเหรอ” อมอสมองหน้าเข้า “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้าเหลือแต่วิญญาณอยู่เนี่ย”

“เออ วะ…”

เหงื่อไหลเย็นก่อตัวขึ้นบนหน้าผากเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะตอบอย่างเป็นๆ “คือข้า ขอโทษด้วย ข้าลืมไปเลย แหะๆ ถ้างั้นข้าไม่เกรงใจละนะ”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบเนื้อกลิ่นหอมชิ้นโตแล้วสวาปามอย่างมีความสุข ว่ากันว่าอาหารจะอร่อยขึ้นหลายเท่าถ้าเราหิวอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงๆ เพราะตอนนี้ เหมิงเหล่ยมีความสุขกับการกินสุดๆ

อีกอย่าง เนื้อของงจระเข้หัววัวนั้นสะสมพลังเวทมนตร์ไว้จํานวนมาก แถมการที่มันอาศัยอยู่ในบ่อน้ําพุร้อน ทําให้สัมผัสของเนื้อมันอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

“นี้มัน ยอดเยี่ยม ของโคตรดีเลยจริงๆ”

เหมิงเหล่ยเตี๋ยวเนื้อตุ้ยในปาก

“หึม” อมอสมองเหมิงเหล่ยที่กําลังปากมอมอยู่ตอนนี้แล้วเขาก็กลืนน้ําลายไม่ได้ ตอนนี้เขาอยากที่จะกระโดดเข้าไปหยิบเนื้อซักชิ้นแล้วกัดเข้าไปค่าโตๆมาก

แต่น่าเสียดายที่สภาพเขาตอนนี้เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น กินอาหารยังกินไม่ได้เลย

อีก ทําไมชีวิตมันน่าเศร้าขนาดนี้ อา คงต้องทําอะไรซักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองซินะ

“เจ้าหน เจ้ามีทั้งพรสวรรค์เวทมนตร์ธาตุไฟแล้วก็ธาตุดินเลยใช่ไหม”

“3 ธาตุเลยตั้งหาก!”

“3ธาตุงั้นเหรอ”

“ใช่แล้วข้ามีพรสวรรค์ถึง 3 ธาตุเลย ดิน ไฟ แล้วก็สายฟ้า”

“เจ้ามีพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าด้วยอย่างงั้นเหรอ ไม่เลวเลยนี่ ก็ดูเหมาะสมอยู่นะ”

“เหมาะสมเหรอ คิดว่างั้นนะ”

“แล้วพรสวรรค์ธาตระดับไหนเหรอ มีพรสวรรค์ธาตุใดเป็นระดับสูงบ้างไหม มีแค่พรสวรรค์ธาตุระดับสูงเท่านั้นนะที่สามารถกลายไปเป็นระดับเซียนเทพได้นะ ถ้าเจ้าไม่มีละก็ ต่อให้พยายามยังไงแต่อนาคตก็ไปได้ไม่ไกลหรอก”

“ก็งั้นๆแหล่ะ มีแค่ธาตุสายฟ้ากับธาตุไฟของข้าที่เป็นระดับ ดีเลิศ ส่วนธาตุดินของข้าเป็นแค่ระดับสูงเอง ข้าเทียบกับท่านประธานไม่ได้หรอก”

(@_O) “อะไรนะ?” (O_O)

อมอสตกใจหนักมาก ถึงแม้ว่าเขาจะคาดหวังกับเหมิงเหล่ยพอสมควร แต่เขาก็ยังอึ้งกับพรสวรรค์ที่เหมิงเหลี่ยมอยู่ดี “ระดับดีเลิศ 2 ธาตุระดับ สูง ธาตุนึงงั้นเหรอ เจ้าหนู นี้เจ้าพูดเล่นรึเปล่าเนี่ย”

“ข้าจะล้อท่านเล่นเพื่ออะไรละ”

เหมิงเหลี่ยมันเต็มปาก “ข้ามีพรสวรรค์เวทมนตร์โดดเด่นที่สุดในเด็กปี 1 ที่เข้าวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟมา แถมข้ายังได้ทุนการศึกษา 5000 เหรียญ ต่อปีเชียวนะ”

อมอสไม่รู้จะพูดยังไงดี เขาอึ้งไปอยู่ซักพักใหญ่ๆก่อนจะพูดแบบกระอักกระอัก “พรสวรรค์เวทมนตร์ระดับดีเลิศเดิมที่ก็หายากอยู่แล้ว แถมยังมีพรสวรรค์ระดับดีเยี่ยม ถึง 2 ธาตุอีก เจ้านี่มีดวงโง่ๆเข้าข้างมากมายที่เดียวนะ”

ดวงโง่ๆเข้าข้างเหรอ

ใช้ค่ายังไงของตาแก่นี้วะเนี่ย

ฉันก็แค่เก็บธาตุมาได้เอง ถ้าเก่งมากก็ไปเก็บพรสวรรค์ธาตุเอาเอง

เหมิงเหล่ยเบะปากแล้วไม่สนใจตาแก่ที่ไม่รู้จักสรรหาค่ามาใช้อีก

“แล้วก็อีกอย่าง ข้าสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของเจ้าค่อนข้างแข็งแกร่งที่เดียวนะ เจ้าหน เจ้าคงจะสามารถฝึกตนได้ไวมากเลยซิท่า ตอนนี้เจ้าพัฒนาระดับขั้นได้ถึงระดับไหนกันแล้วละ

“ก็งั้นๆแหล่ะ คิดว่านะ ขายังเป็นแค่จอมเวทระดับ 7 อยู่เลย”

“เจ้าเป็นได้แค่จอมเวทอยู่แล้วซิ เจ้ามีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ที่วิเศษขนาดนี้” อมอสพูดแล้วถามอย่างไม่พอใจ “เจ้าหนู เจ้าคงจะอู่ขี้เกียจแทนที่จะฝึกดีๆซินะ”

“ตั้งระดับ 7 เลยนะ???”

เหมิงเหล่ยเริ่มไม่พอใจ “ท่านประธาน ท่านพูดถูก ข้าอายุแค่ 15 เอง ข้าเข้าสู่หนทางเวทมนตร์ตั้ง ครึ่งปีแล้ว แต่ข้ายังเป็นได้แค่จอมเวทระดับ 7 เอง ข้าว่าข้าคงต้อนขยันมากกว่านี้แล้วละ เดี๋ยวข้าจะตามเพื่อนไม่ทัน”

“อะไรนะ เจ้าอายุ 15 เหรอ แล้วเจ้าพึ่งเข้าสู่หนทางเวทมนตร์แค่ครึ่งปีเองงั้น เหรอ?!”

อมอสตกใจมากจนกรามแทบค้าง (ถ้ายังมีกรามอยู่อะนะ) เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะด้วยซ้ํา “เจ้าพึ่งเข้าสู่หนทางเวทมนตร์มาได้แค่ครึ่งปีเองงั้นเหรอ พระเจ้ามังกรช่วย เป็นไปได้ไงกัน แม้แต่ข้าเองก็ต้องใช้เวลาตลอด 4 ปี ครึ่งกว่าที่จะเป็นระดับ 7 ได้เชียวนะ”

เป็นไปไม่ได้สําหรับคนอื่น แต่ฉันน่ะมีเครื่องมีขี้โกงอยู่ยังไงละ จะเอาฉันไปเทียบกับคนอื่นได้ไงกัน

เหมิงเหล่ยอยู่เงียบๆแล้วกินเงียบๆแทน เขานั่นเอาเนื้อสุดอร่อยขึ้นมากินเพิ่มอีก พยายามฉายภาพของอัจฉริยะที่ทําตัวติดดินซ่อนรูปของพลังที่แข็งแกร่งเอาไว้

แต่อมอสไม่ได้เชื่อที่เหมิงเหล่ยพูด เขามองหน้าเหมิงเหล่ยแล้วพูดย้ํา “นี้เจ้าหนู ไม่ใช่ว่าเจ้ากําลังคุยโม้ข้านะ ถ้าเจ้าอายุ 15 ปีนี้จริงๆ ทําไมเจ้าถึงพึ่งเข้าสู่หนทางแห่งเวทมนตร์มาได้ครึ่งปีเองละ”

“เออ ว่าไงนะ”

เหมิงเหล่ยผงะ

“ในฐานะทายาทของตระกูลคล็อค เจ้าจะต้องเข้าสู่หนทางเวทมนตร์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเริ่มศึกษาเวทมนตร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แล้วก็สมัครเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ตอนอายุ 14 แล้วก็เรียนจบตอนอายุ 20 ไม่ใช่เหรอ”

อมอสมองด้วยสายตาดุดันแล้วพูดสวนเข้าใส่ “แต่เจ้ากลับมาบอกว่าตัวเองพึ่งจะเข้าสู่หนทางแห่งเวทมนตร์ได้เพียงแค่ครึ่งปีกว่าๆงั้นเหรอ?! เจ้ามันพูดโป้ปดโกหกกันนี่ ไอ้ลูกหลานไม่รักดีเอ้ย กล้าดียังไงมาหลอกข้า โอหังซะจริงๆ”

“เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวๆๆๆ ตระกูลคล็อคงั้นเหรอ” เหมิงเหล่ยรีบขัดเสียงต่อว่าของอมอส แล้วพูด “คือท่านประธาน ท่านคงเข้าใจผิดแล้วแน่ๆ ข้าไม่ใช่คนของตระกูลคล็อค จะว่าไปปแล้ว ตระกูลคล็อคคือตระกูลไหนกันละท่าน ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อของตระกูลนั้นในอาณาจักรมังกรไฟเลยนะ?!”

เหมิงเหล่ยเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันเพราะว่าเขาเองก็ไม่ค่อยรู้จักตระกูลต่างในอาณาจักรมังกรไฟ

“ยังจะพูดโกหกอีกอย่างงั้นเหรอ?!” อมอสขึ้นเสียง “ตระกูลคล็อค คือตระกูลที่ข้าสร้างขั้นมากับมือเป็นตระกูลที่รวบรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์ และอัจฉริยะนับไม่ถ้วนและเป็นตระกูลอันดับต้นๆ 1 ใน สามของราชอาณาจักรมังกรไฟเชียวนะ แต่เจ้ากล้าปากดีมาบอกว่าตระกูลของข้าไม่มีตัวตนงั้นเหรอ กล้าดีเกินไปแล้วนะ?!”

“เอาละๆ เข้าใจแล้ว”

เหมิงเหล่ยรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่พูดต่อแต่เขาหยิบเอาโทรศัพท์เวทมนตร์ออกมา แล้วโทรหาฮาร์ตทันที

“เจ้าจะทําอะไรน่ะ” อมอสมองเขม็ง

“ใจเย็นๆแล้วรอซักหน่อยนะท่านประธาน

หลังจากนั้นซักพัก หน้าอ้วนๆของฮาร์ตก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ เขาหาวหลายรอบพร้อมขยี้ตาด้วยความงัวเงีย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาพึ่งตื่นจากฝันหวานๆมา

“พี่ชาย โทรมามีเรื่องอะไรดึกดื่นป่านนี้เนี่ย” ฮาร์ตหาวซ้ําใส่ “เจ้าไม่รู้เหรอว่าโทรมารบกวนคนตอนจะนอนน่ะมันเสียมารยาทมากนะ”

“ขอโทษทีนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เลยตอนกลับไปดีไหม” หลังจากที่เหมิงเหล่ยขอโทษแล้วเขาก็เข้าเรื่องถามฮาร์ตทันที

“ฮาร์ต คือ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม เจ้าพอจะรู้จักตระกูลที่ชื่อ คล็อค ไหม”

“ตระกูลคล็อคเหรอ”ฮาร์ตส่ายหัว “ไม่รู้จักอะ”

เหมิงเหลี่ยมองหน้าอมอส ก่อนจะพยายาทวนความจําของฮาร์ต “คิดให้ดีอีกรอบนะ ข้าได้ยินว่าตระกูลนั้นติดอันดับ 1 ใน สามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรด้วยตระกูลถูกสร้างขึ้นโดย อมอส คล็อค ประธานวิทยาลัยคนที่ 2 วิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟน่ะ”

“ตระกูลที่ถูกสร้างโดยประธานคนที่ 2 เหรอ” ฮาร์ตขยี้ตาแล้วพูดแห้งๆ “พี่ชาย เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ นั้นมันเมื่อ หมื่นกว่าปีที่แล้วโน้นนนนนนเลยนะ จะไปอยู่ถึงตอนนี้ ได้ยังไง ตระกูลนั้นมันสูญหายไปนานแล้ว!!”

“สูญหายเหรอ?”

“ใช่ หายไปแล้วแน่ๆ ตระกูลนั้นไม่ได้มีอยู่ในอาณาจักรตั้งนานแล้ว อย่าว่าแต่ติดอันดับ 3 ตระกูลเลย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 69 ชิงอมอส กับ ตระกูลที่สาบสูญ

ดวงจันทร์สะท้อนแสงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงดาราเปล่งประกายยามค่ําคืน

หุบเขาอาบแสนจันทร์ยามนิทราดั่งผืนผ้าทมิฬพาดผ่าน เสียงร้องของสัตว์เวทมนตร์ดังออกมาบางครั้ง ทําให้หุบเขานั้นเงียบและสงบมากกว่าที่เคย

ไอน้ําสีขาวลอยขึ้นไปบนอากาศ และ เปลวไฟจากแคมป์ที่ลุกโชน

น้ํามันเนื้อสีเหลืองทองมันวาวของเนื้อสัตว์เวทมนตร์ย่างส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ น้ํามันนั้นหยดติ่ง ทิ้งลงไปบนกองไฟทําให้เกิดเสียงฉ่ฉ่า ชวนเรียกน้ําลายและน้ําย่อยของเหมิงเหล่ยให้ทํางาน

“ก่อกองไฟข้างแม่น้ํา กินข้าวท่ามกลางแสงจันทร์” อมอสลอยอยู่กลางอากาศ มองบรรยากาศรอบๆตัวของเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “กองไฟ เนื้อย่าง แล้วก็เหล้าเอล แหมๆ ช่างเป็นภาพที่ชวนคิดถึงเสียจริง”

“555

เหมิงเหล่ยหัวเราะออกมา เขาเข้าใจความรู้สึกของอมอสดี ถ้าเกิดเขาต้องติดอยู่ที่ใดที่นึ่งเป็นเวลากว่า 2 หมื่นปี แต่แล้ววันนึ่งมีใครบางคนพาเขาออกมาข้างนอก เขาเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

“หึหึ เนื้อสุกแล้ว”เหมิงเหล่ยหยิบมีดออกมาพร้อมแล้วตัดชิ้นเนื้อออกมาก่อนจะส่งให้กับอมอสแล้วพูด “ท่านประธานไม่ได้กินเนื้อมานานแล้วซินะครับ นี้ครับ ลองที่ผมทําดู

“ไอ้หนู นี้เจ้าล้อข้าเล่นอยู่อย่างงั้นเหรอ” อมอสมองหน้าเข้า “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้าเหลือแต่วิญญาณอยู่เนี่ย”

“เออ วะ…”

เหงื่อไหลเย็นก่อตัวขึ้นบนหน้าผากเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะตอบอย่างเป็นๆ “คือข้า ขอโทษด้วย ข้าลืมไปเลย แหะๆ ถ้างั้นข้าไม่เกรงใจละนะ”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบเนื้อกลิ่นหอมชิ้นโตแล้วสวาปามอย่างมีความสุข ว่ากันว่าอาหารจะอร่อยขึ้นหลายเท่าถ้าเราหิวอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงๆ เพราะตอนนี้ เหมิงเหล่ยมีความสุขกับการกินสุดๆ

อีกอย่าง เนื้อของงจระเข้หัววัวนั้นสะสมพลังเวทมนตร์ไว้จํานวนมาก แถมการที่มันอาศัยอยู่ในบ่อน้ําพุร้อน ทําให้สัมผัสของเนื้อมันอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

“นี้มัน ยอดเยี่ยม ของโคตรดีเลยจริงๆ”

เหมิงเหล่ยเตี๋ยวเนื้อตุ้ยในปาก

“หึม” อมอสมองเหมิงเหล่ยที่กําลังปากมอมอยู่ตอนนี้แล้วเขาก็กลืนน้ําลายไม่ได้ ตอนนี้เขาอยากที่จะกระโดดเข้าไปหยิบเนื้อซักชิ้นแล้วกัดเข้าไปค่าโตๆมาก

แต่น่าเสียดายที่สภาพเขาตอนนี้เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น กินอาหารยังกินไม่ได้เลย

อีก ทําไมชีวิตมันน่าเศร้าขนาดนี้ อา คงต้องทําอะไรซักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองซินะ

“เจ้าหน เจ้ามีทั้งพรสวรรค์เวทมนตร์ธาตุไฟแล้วก็ธาตุดินเลยใช่ไหม”

“3 ธาตุเลยตั้งหาก!”

“3ธาตุงั้นเหรอ”

“ใช่แล้วข้ามีพรสวรรค์ถึง 3 ธาตุเลย ดิน ไฟ แล้วก็สายฟ้า”

“เจ้ามีพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าด้วยอย่างงั้นเหรอ ไม่เลวเลยนี่ ก็ดูเหมาะสมอยู่นะ”

“เหมาะสมเหรอ คิดว่างั้นนะ”

“แล้วพรสวรรค์ธาตระดับไหนเหรอ มีพรสวรรค์ธาตุใดเป็นระดับสูงบ้างไหม มีแค่พรสวรรค์ธาตุระดับสูงเท่านั้นนะที่สามารถกลายไปเป็นระดับเซียนเทพได้นะ ถ้าเจ้าไม่มีละก็ ต่อให้พยายามยังไงแต่อนาคตก็ไปได้ไม่ไกลหรอก”

“ก็งั้นๆแหล่ะ มีแค่ธาตุสายฟ้ากับธาตุไฟของข้าที่เป็นระดับ ดีเลิศ ส่วนธาตุดินของข้าเป็นแค่ระดับสูงเอง ข้าเทียบกับท่านประธานไม่ได้หรอก”

(@_O) “อะไรนะ?” (O_O)

อมอสตกใจหนักมาก ถึงแม้ว่าเขาจะคาดหวังกับเหมิงเหล่ยพอสมควร แต่เขาก็ยังอึ้งกับพรสวรรค์ที่เหมิงเหลี่ยมอยู่ดี “ระดับดีเลิศ 2 ธาตุระดับ สูง ธาตุนึงงั้นเหรอ เจ้าหนู นี้เจ้าพูดเล่นรึเปล่าเนี่ย”

“ข้าจะล้อท่านเล่นเพื่ออะไรละ”

เหมิงเหลี่ยมันเต็มปาก “ข้ามีพรสวรรค์เวทมนตร์โดดเด่นที่สุดในเด็กปี 1 ที่เข้าวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟมา แถมข้ายังได้ทุนการศึกษา 5000 เหรียญ ต่อปีเชียวนะ”

อมอสไม่รู้จะพูดยังไงดี เขาอึ้งไปอยู่ซักพักใหญ่ๆก่อนจะพูดแบบกระอักกระอัก “พรสวรรค์เวทมนตร์ระดับดีเลิศเดิมที่ก็หายากอยู่แล้ว แถมยังมีพรสวรรค์ระดับดีเยี่ยม ถึง 2 ธาตุอีก เจ้านี่มีดวงโง่ๆเข้าข้างมากมายที่เดียวนะ”

ดวงโง่ๆเข้าข้างเหรอ

ใช้ค่ายังไงของตาแก่นี้วะเนี่ย

ฉันก็แค่เก็บธาตุมาได้เอง ถ้าเก่งมากก็ไปเก็บพรสวรรค์ธาตุเอาเอง

เหมิงเหล่ยเบะปากแล้วไม่สนใจตาแก่ที่ไม่รู้จักสรรหาค่ามาใช้อีก

“แล้วก็อีกอย่าง ข้าสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของเจ้าค่อนข้างแข็งแกร่งที่เดียวนะ เจ้าหน เจ้าคงจะสามารถฝึกตนได้ไวมากเลยซิท่า ตอนนี้เจ้าพัฒนาระดับขั้นได้ถึงระดับไหนกันแล้วละ

“ก็งั้นๆแหล่ะ คิดว่านะ ขายังเป็นแค่จอมเวทระดับ 7 อยู่เลย”

“เจ้าเป็นได้แค่จอมเวทอยู่แล้วซิ เจ้ามีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ที่วิเศษขนาดนี้” อมอสพูดแล้วถามอย่างไม่พอใจ “เจ้าหนู เจ้าคงจะอู่ขี้เกียจแทนที่จะฝึกดีๆซินะ”

“ตั้งระดับ 7 เลยนะ???”

เหมิงเหล่ยเริ่มไม่พอใจ “ท่านประธาน ท่านพูดถูก ข้าอายุแค่ 15 เอง ข้าเข้าสู่หนทางเวทมนตร์ตั้ง ครึ่งปีแล้ว แต่ข้ายังเป็นได้แค่จอมเวทระดับ 7 เอง ข้าว่าข้าคงต้อนขยันมากกว่านี้แล้วละ เดี๋ยวข้าจะตามเพื่อนไม่ทัน”

“อะไรนะ เจ้าอายุ 15 เหรอ แล้วเจ้าพึ่งเข้าสู่หนทางเวทมนตร์แค่ครึ่งปีเองงั้น เหรอ?!”

อมอสตกใจมากจนกรามแทบค้าง (ถ้ายังมีกรามอยู่อะนะ) เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะด้วยซ้ํา “เจ้าพึ่งเข้าสู่หนทางเวทมนตร์มาได้แค่ครึ่งปีเองงั้นเหรอ พระเจ้ามังกรช่วย เป็นไปได้ไงกัน แม้แต่ข้าเองก็ต้องใช้เวลาตลอด 4 ปี ครึ่งกว่าที่จะเป็นระดับ 7 ได้เชียวนะ”

เป็นไปไม่ได้สําหรับคนอื่น แต่ฉันน่ะมีเครื่องมีขี้โกงอยู่ยังไงละ จะเอาฉันไปเทียบกับคนอื่นได้ไงกัน

เหมิงเหล่ยอยู่เงียบๆแล้วกินเงียบๆแทน เขานั่นเอาเนื้อสุดอร่อยขึ้นมากินเพิ่มอีก พยายามฉายภาพของอัจฉริยะที่ทําตัวติดดินซ่อนรูปของพลังที่แข็งแกร่งเอาไว้

แต่อมอสไม่ได้เชื่อที่เหมิงเหล่ยพูด เขามองหน้าเหมิงเหล่ยแล้วพูดย้ํา “นี้เจ้าหนู ไม่ใช่ว่าเจ้ากําลังคุยโม้ข้านะ ถ้าเจ้าอายุ 15 ปีนี้จริงๆ ทําไมเจ้าถึงพึ่งเข้าสู่หนทางแห่งเวทมนตร์มาได้ครึ่งปีเองละ”

“เออ ว่าไงนะ”

เหมิงเหล่ยผงะ

“ในฐานะทายาทของตระกูลคล็อค เจ้าจะต้องเข้าสู่หนทางเวทมนตร์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบเริ่มศึกษาเวทมนตร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แล้วก็สมัครเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ตอนอายุ 14 แล้วก็เรียนจบตอนอายุ 20 ไม่ใช่เหรอ”

อมอสมองด้วยสายตาดุดันแล้วพูดสวนเข้าใส่ “แต่เจ้ากลับมาบอกว่าตัวเองพึ่งจะเข้าสู่หนทางแห่งเวทมนตร์ได้เพียงแค่ครึ่งปีกว่าๆงั้นเหรอ?! เจ้ามันพูดโป้ปดโกหกกันนี่ ไอ้ลูกหลานไม่รักดีเอ้ย กล้าดียังไงมาหลอกข้า โอหังซะจริงๆ”

“เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวๆๆๆ ตระกูลคล็อคงั้นเหรอ” เหมิงเหล่ยรีบขัดเสียงต่อว่าของอมอส แล้วพูด “คือท่านประธาน ท่านคงเข้าใจผิดแล้วแน่ๆ ข้าไม่ใช่คนของตระกูลคล็อค จะว่าไปปแล้ว ตระกูลคล็อคคือตระกูลไหนกันละท่าน ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อของตระกูลนั้นในอาณาจักรมังกรไฟเลยนะ?!”

เหมิงเหล่ยเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันเพราะว่าเขาเองก็ไม่ค่อยรู้จักตระกูลต่างในอาณาจักรมังกรไฟ

“ยังจะพูดโกหกอีกอย่างงั้นเหรอ?!” อมอสขึ้นเสียง “ตระกูลคล็อค คือตระกูลที่ข้าสร้างขั้นมากับมือเป็นตระกูลที่รวบรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์ และอัจฉริยะนับไม่ถ้วนและเป็นตระกูลอันดับต้นๆ 1 ใน สามของราชอาณาจักรมังกรไฟเชียวนะ แต่เจ้ากล้าปากดีมาบอกว่าตระกูลของข้าไม่มีตัวตนงั้นเหรอ กล้าดีเกินไปแล้วนะ?!”

“เอาละๆ เข้าใจแล้ว”

เหมิงเหล่ยรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่พูดต่อแต่เขาหยิบเอาโทรศัพท์เวทมนตร์ออกมา แล้วโทรหาฮาร์ตทันที

“เจ้าจะทําอะไรน่ะ” อมอสมองเขม็ง

“ใจเย็นๆแล้วรอซักหน่อยนะท่านประธาน

หลังจากนั้นซักพัก หน้าอ้วนๆของฮาร์ตก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ เขาหาวหลายรอบพร้อมขยี้ตาด้วยความงัวเงีย เห็นได้ชัดเลยว่าเขาพึ่งตื่นจากฝันหวานๆมา

“พี่ชาย โทรมามีเรื่องอะไรดึกดื่นป่านนี้เนี่ย” ฮาร์ตหาวซ้ําใส่ “เจ้าไม่รู้เหรอว่าโทรมารบกวนคนตอนจะนอนน่ะมันเสียมารยาทมากนะ”

“ขอโทษทีนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เลยตอนกลับไปดีไหม” หลังจากที่เหมิงเหล่ยขอโทษแล้วเขาก็เข้าเรื่องถามฮาร์ตทันที

“ฮาร์ต คือ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม เจ้าพอจะรู้จักตระกูลที่ชื่อ คล็อค ไหม”

“ตระกูลคล็อคเหรอ”ฮาร์ตส่ายหัว “ไม่รู้จักอะ”

เหมิงเหลี่ยมองหน้าอมอส ก่อนจะพยายาทวนความจําของฮาร์ต “คิดให้ดีอีกรอบนะ ข้าได้ยินว่าตระกูลนั้นติดอันดับ 1 ใน สามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรด้วยตระกูลถูกสร้างขึ้นโดย อมอส คล็อค ประธานวิทยาลัยคนที่ 2 วิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟน่ะ”

“ตระกูลที่ถูกสร้างโดยประธานคนที่ 2 เหรอ” ฮาร์ตขยี้ตาแล้วพูดแห้งๆ “พี่ชาย เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ นั้นมันเมื่อ หมื่นกว่าปีที่แล้วโน้นนนนนนเลยนะ จะไปอยู่ถึงตอนนี้ ได้ยังไง ตระกูลนั้นมันสูญหายไปนานแล้ว!!”

“สูญหายเหรอ?”

“ใช่ หายไปแล้วแน่ๆ ตระกูลนั้นไม่ได้มีอยู่ในอาณาจักรตั้งนานแล้ว อย่าว่าแต่ติดอันดับ 3 ตระกูลเลย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+