Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Picking Up Attributes From Today ไปเก็บ…

บทที่ 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์

กาลเวลาเปลี่ยนดวงดาราก็ผันแปร ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหนก็ไม่มีอะไรอยู่ยั้งยืนยงได้ตลอด มันเป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถฝืนต้านทานมันได้

อมอสเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่พอเขาได้ยินเรื่องที่ว่าตระกูลของเขาที่เขาสร้างมากับมือหายไปกับหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนาน เขาก็อดเสียใจไม่ได้

“เอาเข้าจริงข้าเองก็ควรจะรู้ตัวได้ตั้งนานแล้วละ ตอนที่ข้าโดนสังหาร ตระกูลคล็อคก็ขาดเสาหลักที่เป็นที่มั่น จะสูญหายไปตามกาลเวลาก็ไม่แปลกหรอก” อมอสถอนหายใจออกมา ความเศร้าของเขาปิดไม่มิดจริงๆ

ตัวตนระดับเซียนเทพนั้นอยู่เหนือและสูงกว่าทุกเผ่าพันธุ์ พวกเขาสามารถสร้าง และค้ําชูตระกูลต่างๆได้ แต่พอพวกเขาตาย ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้สืบทอดตําแหน่งให้ทายาท ไม่ว่าจะตระกูลไหนก็อยู่ไม่รอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนก็ตาม

ตระกูลจะสําเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับระดับเซียนเทพ จะพังทลายยังไงก็ขึ้นอยู่กับเซียนเทพเช่นกัน

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วน

“โชคยังดีที่ข้ายังมีทายาทสืบตระกูลเช่นเจ้าอยู่ ข้าเองยังมีหวังที่จะสร้างตระกูลข้างข้ากลับมาได้ ใช่แล้ว สร้างตระกูลกลับมายังไงละ” สายตาเปร่งประกายของอมอสเด่นชัดขึ้นมา เจ้าหนู นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องแบกรับชะตากรรมและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการสร้างตระกูลคล็อคกลับมมาให้จงได้ เจ้าต้องขยันฝึกฝนและไม่เกียจคร้าน ข้าคนนี้จะสั่งสอนทุกๆอย่างที่ข้ารู้ให้กับเจ้า ให้คําปรึกษาแก่เจ้า และดูแลเจ้าเอง เราจะสร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเรากลับมาอีกครั้ง และให้ชื่อเสียงของตระกูลคล็อคกลับมาสั่นสะเทือนแดนสวรรค์อีกครั้ง”

เหมิงเหล่ยพูดไม่ออก

สร้างตระกูลกลับมาอีกครั้งเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะเนี่ย ฉันไม่ใช่คนตระกูลคล็อคซักหน่อย

แต่ถึงอย่างนั้น คําพูดพวกนี้ไม่ได้หลุดออกจากปากเขาไป เหมิงเหล่ยปรับอารมณ์ ก่อนจะพูด “เออ ท่านประธานครับ เรื่องภาระหน้าที่อันหนักหน่วงในการสร้างตระกูลคล็อคกลับมาเนีย ข้าคงต้องขอโทษด้วย เพราะข้าเกิดมาเป็นแค่สามัญชนธรรมดา เป็นชาวบ้านตาดําๆ ข้าเลยอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร… และถึงแม้ว่าข้าจะประสบความสําเร็จในการฝึกวิชาในอนาคตแล้วตั้งใจจะสร้างตระกูลสร้างสํานักขึ้นมา ข้าเองก็ตั้งใจจะสร้างในนามของข้าอยู่ดี อย่างเช่น ตระกูลเหมิงหรือสํานักเหมิงอะไรทองนองนี้ คงไม่ใช่ตระกูลคล็อคแล้ว หวังว่าท่านจะเข้าใจ”

“เจ้า…

อมอสโกรธจัดจนลมออกหู เขามองเหมิงเหล่ย แต่เหมิงเหล่ยกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สลดแต่กลับมองสวนกลับขึ้นมา

อมอสเลยต้องยอม “ก็ได้ ตามใจเจ้าเถอะ เพราะยังไง เจ้าเองก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลคลือคของข้าอยู่ดี สายเลือดของข้าไหลเวียนในตัวเจ้า เรื่องนี้มันไม่มีวันเปลี่ยน เพราะงั้น ตระกูลที่เจ้าสร้าง มันก็คือการสืบทอดเจตนารมณ์ของตระกูลคล็อคอยู่ดี ก็เหมือนเอาเหล้าเก่าไปใส่ในขวดใหม่นั้นละ”

“ท่านประธานเข้าใจก็ดีแล้วครับ”

เหมิงเหล่ยแอบหัวเราะออกมา

“เจ้าหนู แต่เจ้าควรรู้ไว้ ว่าข้านั้นเข้มงวดในด้านการฝึกมาก หากเจ้ากล้าที่จะอู้แม้แต่นิดเดียวละก็ ข้าจะถลกหนังเจ้าให้ดู”

ค่ําคืนผ่านไปอย่างสงบสุข

เช้าวันต่อมาเหมิงเหล่ยออกจากหุบเขาไปหลังจากที่กินอาหารเช้าแล้ว เขาออกเดินทางไปตามเป้าหมายในการล่าสัตว์เวทมนตร์เหมือนเดิม ตอนนี้เขาอยู่ในเขตของสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 แล้ว และสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 ส่วนมากมักจะมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง ดังนั้น การจะหาตัวสัตว์เวทมนตร์ซักตัวในระยะหลายกิโลเมตรนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก และมันก็เป็นสิ่งที่เหมิงเหล่ยทําอะไรไม่ได้ด้วย สิ่งที่เขาทําตอนนี้ คือขี่พรมวิเศษแล้วออกตามหาร่องรอยของสัตว์เวทมนตร์ไปเรื่อยๆ นี่น่าจะเป็นทางที่เร็วที่สุดแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ฆ่าสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 ไปได้แค่ 2 ตัวเท่านั้นตลอดช่วงเช้า ประสิทธิภาพในการล่าของเขาต่าลงกว่าแถบชายแดนมากๆ จนเขาเริ่มไม่พอใจ

เขาได้เงินมาแค่ 3 แสน 1 หมื่นเองหลังจากที่ออกล่าทั้งเช้า ซึ่งมันไม่คุ้มเอาซะเลยเขาเลยต้องเริ่มหาวิธีการหาเงินให้ไวขึ้นแบบใหม่

เหมิงเหล่ยกําลังคิดเงียบๆอยู่ดีๆ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากข้างหน้าอมอส ที่นั่งอยู่บนพรมวิเศษด้วยเหมือนกันก็สังเกตเห็นแล้วพูด “ตรงนั้นมีอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ”

“ได้เลย”

เหมิงเหล่ยไม่ขัด เขาควบคุมพรมวิเศษบินไปตามทิศทางของเสียง ตอนนี้ตาแก่อมอสหลุดออกมาจากพันธนาการผนึกที่ฝังตัวเองไว้ 20000 ปี เขาเลยอยากที่จะมองดูนั้นดูนี้โลกภายนอกให้ได้เยอะที่สุดที่ทําได้ ตลอดการเดินทางเขาจึงทําตัวเป็นเหมือนมาเที่ยวตากอากาศ ชมนกชมไม้ไปทั่ว ไม่ต่างอะไรจากบ้านนอกเข้ากรุงเลย

โฮก!

อวัว!!!

“หน่วยหนึ่ง เตรียมป้องกัน”

“หน่วย 2 โจมตีด้วยเวทมนตร์

“หน่วย 3 ซุ่มโจมตีได้เลย!!”

ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปใกล้ เสียงสั่งการต่อสู้ก็ดังลั่นมาแต่ไกล ต้นไม่โค่นลงมา แผ่นดินแตกกระจาย สัตว์เวทมนตร์คําราม เสียงคนตะโกน การต่อสู้แถวนี้คงดุเดือ
ดน่าดู

“5555 ดูนั้น ดูเหมือนกําลังล้อมล่าสัตว์เวทมนตร์กันอยู่ซินะ” อมอสลูบเคราพร้อมสีหน้าที่กระตือรือร้น เขาถาม “นี่เจ้าหนู ฟังจากเสียงแล้ว เจ้าคิดว่าสัตว์เวทมนตร์ ตัวใดกันที่กาลังโดนล่าอยู่ตอนนี้น่ะ”

เหมิงเหล่ยกรอกตา “แล้วข้าจะไปฟังออกได้ยังไงกันละ”
“นี้เจ้าเรียกตัวเองว่าเป็นจอมเวทมนตร์ได้ยังไงกัน หากเจ้ายังฟังไม่ออกว่ามันคือตัวอะไรน่ะหะ” อมอสมองขวางก่อนจะพูด “จอมเวทที่แท้จริงน่ะ จําเป็นจะต้องรอบรู้ และมีความสามารถที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งเวทมนตร์แต่พวกเขายังต้องมีความรู้ไว้ใช้แก้ปัญหาด้วย ถ้าเจ้าลองฟังดูดีๆ จะสังเกตว่ามันร้องคล้ายๆเสียงมังกร แต่ก็มีหางเสียงที่ดูคล้ายลิง เสียงทุ้มเหมือนเอาไม้กลองที่ลงบนกลองขนาดยักษ์ แต่มันก็มีเสียงแหลมหนาหนักเหมือนกับอะไรบางอย่างผิวบนอากาศเห็นได้ชัดเลยว่ามันต้องเป็นสัตว์เวทมนตร์ตระกูลมังกรวานรชัดๆ”

“ที่นี้ ถ้าเจ้าลองสังเกตดูขนาดของแรงสั่นไหวบนพื้นดิน กับความดังของเสียงร้องเจ้าจะพบว่า เจ้าตัวนี้ เป็นสายพันธ์มังกรวานรที่ขนาดใหญ่ที่สุด ถ้าข้าเดาไม่ผิด สัตว์เวทมนตร์ที่กําลังโดนล้อมล่าอยู่นั้น คือสัตว์เวทมนตร์ตระกูลวานรที่แข็งแกร่งและเหี้ยมหาญที่สุดในแดนสวรรค์ นามของมันคือ มังกรวานรยักษ์ยังไงละ”

“มังกรวานรยักษ์เหรอ”เหมิงเหล่ยขมวดคิ้วแล้วถาม “ระดับไหนกันละ”

“อะไรนะ ที่เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั้งมังกรวานรยักษ์อย่างงั้นเหรอ” อมอสดูไม่พอใจอีกรอบ เขาตาหนิก่อนจะพูด “ในฐานะนักเรียนของวิทยาลัยมังกรไฟของข้า มันมีเรียนวิชาพื้นฐานอย่างประวัติศาสตร์แดนสวรรค์ วิชาสัตว์เวทมนตรี แล้วก็อื่นๆรวมอยู่ด้วย แต่เจ้ากลับไม่รู้ด้วยเกี่ยวกับเรื่องสัตว์เวทมนตร์ระดับสูงที่โด่งดังอย่างมังกรวานรยักษ์อย่างงั้นเหรอ”

วิชาสัตว์เวทมนตร์เหรอ ฉันไม่เคยเข้าเรียนวิชานั้นเลย พอใจยัง?!

“ท่านประธานครับ วิชาสัตว์เวทมนตร์ตอนนี้เป็นวิชาเลือกแล้วครับ ตอนนี้มันเป็นวิชาที่แจกเกรดให้กับเด็กนักเรียนที่ทําผลงานออกมาไม่ดีแทนแล้วครับ ข้าเลยไม่เคยได้เข้าวิชานั้นเลย”

เหมิ่งเหล่ยยักไหล่แล้วพูด

“วิชาเลือกงั้นเหรอ!”

อมอสตะลึงก่อนจะหัวเสียอีกครั้ง “

อมอสตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเสีย “บ้าไปแล้ว บ้าที่สุด วิชาพื้นที่ฐานที่สําคัญอย่างวิชาสัตว์เวทมนตร์กลับกลายเป็นวิชาเลือกเนี่ยนะ ผู้นําของวิทยาลัยยุคนี้สมงสมองเป็นอะไรกันไปหมด”

เหมิงเหล่ยส่ายหัว แต่เขาก็เริ่มลดความสูงในการบินของพรมวิเศษลงแล้วเริ่ม เข้าไปในดงใบไม้ในป่าใหญ่

หน้าผาสูงหลายร้อยเมตรตั้งตระหง่านต่อหน้าของเขา น้ําตกสีขาวเหมือนม่าน ตกลงมาจากยอดหน้าผาส่งเสียงดังลั่นจนแทบไม่ดินเสียงอื่น ภาพที่ปรากฏมันสวยงาม ดั่งกวีที่ว่า “เห็นน้ําตกเหมือนผ้าขาวผืนยาวแขวนบนท้องฟ้า น้ําไหลเชี่ยวกราดลงมานับพันเมตร สงสัยเป็นสายน้ําแห่งดวงดาวบนท้องฟ้าล่วงลงสู่โลก” (บทกวีที่ว่าเป็นบทกวีที่แต่งชมความงามของน้ําตกหมูซานของกวีนามหลีไป)
ที่ใต้ของน้ําตกนั้น มีสระน้ําขนาดใหญ่ น้ําในนั้นไหลอย่างเชี่ยวกราด หมอกที่กระจัดกระจายไปทั่ว ผนวกกับพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ทําให้ที่นี้ดูน่าหลงไหลอย่างมาก

แต่เหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้ชื่นชมภาพที่งดงามนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่อยู่ตรงนั้นหน้ามันน่าตื่นเต้นซะมากกว่า ที่ข้างสระน้ําบริเวณผืนทรายหน้าสระ มีนักผจญภัยติดอาวุธครบมือหลาย10 คนกําลังยืนล้อมสัตว์ขนาดยักษ์อยู่

ลิงยักษ์ขนาดตัวมหึมามีกล้ามเป็นมัดๆหนักแน่นแข็งแรง แต่มันมีหัว กรงเล็งที่แหลมคม และปีกของมังกรยักษ์

มันเป็นลูกผสมของลิงกับมังกรที่สมบูรณ์แบบ

“นั้นน่ะเหรอ มังกรวานรยักษ์

เหมิงเหลี่ยมองไปที่สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาหน้าเขา ตัวของมันสูงใหญ่เกิน 10 เมตร พร้อมมาดที่น่ากลัว ความกลัวและความประหม่าซัดเข้าใส่เขาทันที มันคนละขั้นกับสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 เป็นโยชน์เลย

“แปลกแหะ มังกรวานรยักษ์เป็นสัตว์เวทมนตร์ระดับเก้านี้ ทําไมมันถึงโผล่เข้ามาในที่แบบนี้กันนะ… โอ๊ะ ข้าเข้าใจแล้ว แบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมกัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Picking Up Attributes From Today ไปเก็บ…

บทที่ 70 สัตว์เวทมนตร์ระดับ 9 มังกรวานรยักษ์

กาลเวลาเปลี่ยนดวงดาราก็ผันแปร ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหนก็ไม่มีอะไรอยู่ยั้งยืนยงได้ตลอด มันเป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถฝืนต้านทานมันได้

อมอสเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่พอเขาได้ยินเรื่องที่ว่าตระกูลของเขาที่เขาสร้างมากับมือหายไปกับหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนาน เขาก็อดเสียใจไม่ได้

“เอาเข้าจริงข้าเองก็ควรจะรู้ตัวได้ตั้งนานแล้วละ ตอนที่ข้าโดนสังหาร ตระกูลคล็อคก็ขาดเสาหลักที่เป็นที่มั่น จะสูญหายไปตามกาลเวลาก็ไม่แปลกหรอก” อมอสถอนหายใจออกมา ความเศร้าของเขาปิดไม่มิดจริงๆ

ตัวตนระดับเซียนเทพนั้นอยู่เหนือและสูงกว่าทุกเผ่าพันธุ์ พวกเขาสามารถสร้าง และค้ําชูตระกูลต่างๆได้ แต่พอพวกเขาตาย ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้สืบทอดตําแหน่งให้ทายาท ไม่ว่าจะตระกูลไหนก็อยู่ไม่รอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนก็ตาม

ตระกูลจะสําเร็จไหมก็ขึ้นอยู่กับระดับเซียนเทพ จะพังทลายยังไงก็ขึ้นอยู่กับเซียนเทพเช่นกัน

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วน

“โชคยังดีที่ข้ายังมีทายาทสืบตระกูลเช่นเจ้าอยู่ ข้าเองยังมีหวังที่จะสร้างตระกูลข้างข้ากลับมาได้ ใช่แล้ว สร้างตระกูลกลับมายังไงละ” สายตาเปร่งประกายของอมอสเด่นชัดขึ้นมา เจ้าหนู นับแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องแบกรับชะตากรรมและหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการสร้างตระกูลคล็อคกลับมมาให้จงได้ เจ้าต้องขยันฝึกฝนและไม่เกียจคร้าน ข้าคนนี้จะสั่งสอนทุกๆอย่างที่ข้ารู้ให้กับเจ้า ให้คําปรึกษาแก่เจ้า และดูแลเจ้าเอง เราจะสร้างตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเรากลับมาอีกครั้ง และให้ชื่อเสียงของตระกูลคล็อคกลับมาสั่นสะเทือนแดนสวรรค์อีกครั้ง”

เหมิงเหล่ยพูดไม่ออก

สร้างตระกูลกลับมาอีกครั้งเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะเนี่ย ฉันไม่ใช่คนตระกูลคล็อคซักหน่อย

แต่ถึงอย่างนั้น คําพูดพวกนี้ไม่ได้หลุดออกจากปากเขาไป เหมิงเหล่ยปรับอารมณ์ ก่อนจะพูด “เออ ท่านประธานครับ เรื่องภาระหน้าที่อันหนักหน่วงในการสร้างตระกูลคล็อคกลับมาเนีย ข้าคงต้องขอโทษด้วย เพราะข้าเกิดมาเป็นแค่สามัญชนธรรมดา เป็นชาวบ้านตาดําๆ ข้าเลยอาจจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร… และถึงแม้ว่าข้าจะประสบความสําเร็จในการฝึกวิชาในอนาคตแล้วตั้งใจจะสร้างตระกูลสร้างสํานักขึ้นมา ข้าเองก็ตั้งใจจะสร้างในนามของข้าอยู่ดี อย่างเช่น ตระกูลเหมิงหรือสํานักเหมิงอะไรทองนองนี้ คงไม่ใช่ตระกูลคล็อคแล้ว หวังว่าท่านจะเข้าใจ”

“เจ้า…

อมอสโกรธจัดจนลมออกหู เขามองเหมิงเหล่ย แต่เหมิงเหล่ยกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สลดแต่กลับมองสวนกลับขึ้นมา

อมอสเลยต้องยอม “ก็ได้ ตามใจเจ้าเถอะ เพราะยังไง เจ้าเองก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลคลือคของข้าอยู่ดี สายเลือดของข้าไหลเวียนในตัวเจ้า เรื่องนี้มันไม่มีวันเปลี่ยน เพราะงั้น ตระกูลที่เจ้าสร้าง มันก็คือการสืบทอดเจตนารมณ์ของตระกูลคล็อคอยู่ดี ก็เหมือนเอาเหล้าเก่าไปใส่ในขวดใหม่นั้นละ”

“ท่านประธานเข้าใจก็ดีแล้วครับ”

เหมิงเหล่ยแอบหัวเราะออกมา

“เจ้าหนู แต่เจ้าควรรู้ไว้ ว่าข้านั้นเข้มงวดในด้านการฝึกมาก หากเจ้ากล้าที่จะอู้แม้แต่นิดเดียวละก็ ข้าจะถลกหนังเจ้าให้ดู”

ค่ําคืนผ่านไปอย่างสงบสุข

เช้าวันต่อมาเหมิงเหล่ยออกจากหุบเขาไปหลังจากที่กินอาหารเช้าแล้ว เขาออกเดินทางไปตามเป้าหมายในการล่าสัตว์เวทมนตร์เหมือนเดิม ตอนนี้เขาอยู่ในเขตของสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 แล้ว และสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 ส่วนมากมักจะมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง ดังนั้น การจะหาตัวสัตว์เวทมนตร์ซักตัวในระยะหลายกิโลเมตรนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก และมันก็เป็นสิ่งที่เหมิงเหล่ยทําอะไรไม่ได้ด้วย สิ่งที่เขาทําตอนนี้ คือขี่พรมวิเศษแล้วออกตามหาร่องรอยของสัตว์เวทมนตร์ไปเรื่อยๆ นี่น่าจะเป็นทางที่เร็วที่สุดแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ฆ่าสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 ไปได้แค่ 2 ตัวเท่านั้นตลอดช่วงเช้า ประสิทธิภาพในการล่าของเขาต่าลงกว่าแถบชายแดนมากๆ จนเขาเริ่มไม่พอใจ

เขาได้เงินมาแค่ 3 แสน 1 หมื่นเองหลังจากที่ออกล่าทั้งเช้า ซึ่งมันไม่คุ้มเอาซะเลยเขาเลยต้องเริ่มหาวิธีการหาเงินให้ไวขึ้นแบบใหม่

เหมิงเหล่ยกําลังคิดเงียบๆอยู่ดีๆ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากข้างหน้าอมอส ที่นั่งอยู่บนพรมวิเศษด้วยเหมือนกันก็สังเกตเห็นแล้วพูด “ตรงนั้นมีอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ”

“ได้เลย”

เหมิงเหล่ยไม่ขัด เขาควบคุมพรมวิเศษบินไปตามทิศทางของเสียง ตอนนี้ตาแก่อมอสหลุดออกมาจากพันธนาการผนึกที่ฝังตัวเองไว้ 20000 ปี เขาเลยอยากที่จะมองดูนั้นดูนี้โลกภายนอกให้ได้เยอะที่สุดที่ทําได้ ตลอดการเดินทางเขาจึงทําตัวเป็นเหมือนมาเที่ยวตากอากาศ ชมนกชมไม้ไปทั่ว ไม่ต่างอะไรจากบ้านนอกเข้ากรุงเลย

โฮก!

อวัว!!!

“หน่วยหนึ่ง เตรียมป้องกัน”

“หน่วย 2 โจมตีด้วยเวทมนตร์

“หน่วย 3 ซุ่มโจมตีได้เลย!!”

ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าไปใกล้ เสียงสั่งการต่อสู้ก็ดังลั่นมาแต่ไกล ต้นไม่โค่นลงมา แผ่นดินแตกกระจาย สัตว์เวทมนตร์คําราม เสียงคนตะโกน การต่อสู้แถวนี้คงดุเดือ
ดน่าดู

“5555 ดูนั้น ดูเหมือนกําลังล้อมล่าสัตว์เวทมนตร์กันอยู่ซินะ” อมอสลูบเคราพร้อมสีหน้าที่กระตือรือร้น เขาถาม “นี่เจ้าหนู ฟังจากเสียงแล้ว เจ้าคิดว่าสัตว์เวทมนตร์ ตัวใดกันที่กาลังโดนล่าอยู่ตอนนี้น่ะ”

เหมิงเหล่ยกรอกตา “แล้วข้าจะไปฟังออกได้ยังไงกันละ”
“นี้เจ้าเรียกตัวเองว่าเป็นจอมเวทมนตร์ได้ยังไงกัน หากเจ้ายังฟังไม่ออกว่ามันคือตัวอะไรน่ะหะ” อมอสมองขวางก่อนจะพูด “จอมเวทที่แท้จริงน่ะ จําเป็นจะต้องรอบรู้ และมีความสามารถที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งเวทมนตร์แต่พวกเขายังต้องมีความรู้ไว้ใช้แก้ปัญหาด้วย ถ้าเจ้าลองฟังดูดีๆ จะสังเกตว่ามันร้องคล้ายๆเสียงมังกร แต่ก็มีหางเสียงที่ดูคล้ายลิง เสียงทุ้มเหมือนเอาไม้กลองที่ลงบนกลองขนาดยักษ์ แต่มันก็มีเสียงแหลมหนาหนักเหมือนกับอะไรบางอย่างผิวบนอากาศเห็นได้ชัดเลยว่ามันต้องเป็นสัตว์เวทมนตร์ตระกูลมังกรวานรชัดๆ”

“ที่นี้ ถ้าเจ้าลองสังเกตดูขนาดของแรงสั่นไหวบนพื้นดิน กับความดังของเสียงร้องเจ้าจะพบว่า เจ้าตัวนี้ เป็นสายพันธ์มังกรวานรที่ขนาดใหญ่ที่สุด ถ้าข้าเดาไม่ผิด สัตว์เวทมนตร์ที่กําลังโดนล้อมล่าอยู่นั้น คือสัตว์เวทมนตร์ตระกูลวานรที่แข็งแกร่งและเหี้ยมหาญที่สุดในแดนสวรรค์ นามของมันคือ มังกรวานรยักษ์ยังไงละ”

“มังกรวานรยักษ์เหรอ”เหมิงเหล่ยขมวดคิ้วแล้วถาม “ระดับไหนกันละ”

“อะไรนะ ที่เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั้งมังกรวานรยักษ์อย่างงั้นเหรอ” อมอสดูไม่พอใจอีกรอบ เขาตาหนิก่อนจะพูด “ในฐานะนักเรียนของวิทยาลัยมังกรไฟของข้า มันมีเรียนวิชาพื้นฐานอย่างประวัติศาสตร์แดนสวรรค์ วิชาสัตว์เวทมนตรี แล้วก็อื่นๆรวมอยู่ด้วย แต่เจ้ากลับไม่รู้ด้วยเกี่ยวกับเรื่องสัตว์เวทมนตร์ระดับสูงที่โด่งดังอย่างมังกรวานรยักษ์อย่างงั้นเหรอ”

วิชาสัตว์เวทมนตร์เหรอ ฉันไม่เคยเข้าเรียนวิชานั้นเลย พอใจยัง?!

“ท่านประธานครับ วิชาสัตว์เวทมนตร์ตอนนี้เป็นวิชาเลือกแล้วครับ ตอนนี้มันเป็นวิชาที่แจกเกรดให้กับเด็กนักเรียนที่ทําผลงานออกมาไม่ดีแทนแล้วครับ ข้าเลยไม่เคยได้เข้าวิชานั้นเลย”

เหมิ่งเหล่ยยักไหล่แล้วพูด

“วิชาเลือกงั้นเหรอ!”

อมอสตะลึงก่อนจะหัวเสียอีกครั้ง “

อมอสตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเสีย “บ้าไปแล้ว บ้าที่สุด วิชาพื้นที่ฐานที่สําคัญอย่างวิชาสัตว์เวทมนตร์กลับกลายเป็นวิชาเลือกเนี่ยนะ ผู้นําของวิทยาลัยยุคนี้สมงสมองเป็นอะไรกันไปหมด”

เหมิงเหล่ยส่ายหัว แต่เขาก็เริ่มลดความสูงในการบินของพรมวิเศษลงแล้วเริ่ม เข้าไปในดงใบไม้ในป่าใหญ่

หน้าผาสูงหลายร้อยเมตรตั้งตระหง่านต่อหน้าของเขา น้ําตกสีขาวเหมือนม่าน ตกลงมาจากยอดหน้าผาส่งเสียงดังลั่นจนแทบไม่ดินเสียงอื่น ภาพที่ปรากฏมันสวยงาม ดั่งกวีที่ว่า “เห็นน้ําตกเหมือนผ้าขาวผืนยาวแขวนบนท้องฟ้า น้ําไหลเชี่ยวกราดลงมานับพันเมตร สงสัยเป็นสายน้ําแห่งดวงดาวบนท้องฟ้าล่วงลงสู่โลก” (บทกวีที่ว่าเป็นบทกวีที่แต่งชมความงามของน้ําตกหมูซานของกวีนามหลีไป)
ที่ใต้ของน้ําตกนั้น มีสระน้ําขนาดใหญ่ น้ําในนั้นไหลอย่างเชี่ยวกราด หมอกที่กระจัดกระจายไปทั่ว ผนวกกับพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ทําให้ที่นี้ดูน่าหลงไหลอย่างมาก

แต่เหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้ชื่นชมภาพที่งดงามนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่อยู่ตรงนั้นหน้ามันน่าตื่นเต้นซะมากกว่า ที่ข้างสระน้ําบริเวณผืนทรายหน้าสระ มีนักผจญภัยติดอาวุธครบมือหลาย10 คนกําลังยืนล้อมสัตว์ขนาดยักษ์อยู่

ลิงยักษ์ขนาดตัวมหึมามีกล้ามเป็นมัดๆหนักแน่นแข็งแรง แต่มันมีหัว กรงเล็งที่แหลมคม และปีกของมังกรยักษ์

มันเป็นลูกผสมของลิงกับมังกรที่สมบูรณ์แบบ

“นั้นน่ะเหรอ มังกรวานรยักษ์

เหมิงเหลี่ยมองไปที่สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาหน้าเขา ตัวของมันสูงใหญ่เกิน 10 เมตร พร้อมมาดที่น่ากลัว ความกลัวและความประหม่าซัดเข้าใส่เขาทันที มันคนละขั้นกับสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 เป็นโยชน์เลย

“แปลกแหะ มังกรวานรยักษ์เป็นสัตว์เวทมนตร์ระดับเก้านี้ ทําไมมันถึงโผล่เข้ามาในที่แบบนี้กันนะ… โอ๊ะ ข้าเข้าใจแล้ว แบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมกัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+