Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ 

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์  at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์

“อาวุธเทวะอย่างงั้นเหรอ มันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ” เหมิงเหล่ยตกใจ

“สุดยอดเหรอ” อมอสผงะเล็กน้อยก่อนจะพูด “อาวุธเทวะ คืออาวุธที่มีแต่เทพเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มันมีพลังที่ไม่อาจเทียบได้ และได้รับพรจากสวรรค์เพื่อให้สามารถทลายโลกสะเทือนสวรรค์ได้ ก่อนหน้านี้ ข้าได้บรรลุวิชาสายเลือดมังกรไฟของข้าแล้ว ร่างกายของข้าเข้าใกล้เสียเลือดบริสุทธิ์ของราชามังกรไฟมาก อีกเพียงแค่ก้าวเล็กๆเท่านั้น ข้าก็จะได้เป็นหนึ่งในราชามังกร”

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังโดนหอกเล่มนี้ พุ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฆ่าตายอยู่ดี เจ้าลองคิดดซิว่าหอกนี้มันร้ายแรงขนาดไหน” อมอสถอนหายใจเบาๆ “การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเทพที่อยู่บนจุดสูงสุดได้ง่ายเหมือนกับฆ่าหมูฆ่าวัว ต่อให้หาทั่วทั้งแดนสวรรค์ ก็มีเพียงอาวุธเทวะเท่านั้นละที่มีความสามารถแบบนั้นได้ ดังนั้น ข้าจึงตั้งชื่อมันว่า หอกสังหารเทพไงละ”

“มันคืออาวุธเทพจริงๆเหรอเนี่ย”

เหมิงเหล่ยแตะหอกสีด่านั้นอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาในดวงตา แต่แล้วหลังจากนั้น ความหงุดหงิดก็แทรกเข้ามาทันที “เป็นอาวุธเทพแล้วมันทําไมละ ต่อให้ดีเทพประเสิศแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี”

อมอสลูบเคราแล้วยิ้ม “อาวุธเทพน่ะ มันมีชีวิต มีสติและปัญญาเป็นของมันเอง เจ้าไม่สามารถใช้มันได้หรอกหากมันไม่ยอมรับความสามารถของเจ้าซะก่อน หากไม่เชื่อเจ้าก็ลองหยดเลือดลงบนหอกดูซิ ดูว่ามันจะยอมรับเจ้าไหม”

“หยดเลือดลงบนหอกเพื่อใช้งานมันเหรอ” เหมิงเหลี่ยมองหน้าอมอส “ไม่ใช่ว่าหอกนี่มีเจ้าของอยู่แล้วเหรอ แล้วถ้ามันมีเจ้าของอยู่แล้วละทําไง ข้ายังไม่อยากตาย เพราะไปแย่งของชาวบ้านนะ”

“ไม่มีหรอก” อมอสส่ายหัวแล้วยิ้ม “ถึงมันจะมีเจ้าของ แต่เจ้าของคนนั้นทิ้งมันไว้ที่นี้มาเกิน 2 หมื่นปีแล้วนะ ข้าเดาว่าเจ้าของหอกเล่มนี้น่าจะตายหรือไม่ก็ทิ้งหอกนี้ไปแล้วละ ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ลองดูเถอะ ถึงเจ้าจะเอาหอกนี่ไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าลองมันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่”

“อย่างงั้นเหรอ”

เหมิงเหล่ยเริ่มลังเล เขาเองยังไม่เชื่อคําพูดของชายแก่มากนัก แต่สรรพคุณของอาวุธเทวะที่อยู่ตรงหน้ามันเย้ายวนใจจนทนไม่ไหว

“เอาวะ อย่างมากสุดก็แค่ตายวะ แต่ถ้าฉันรอดแล้วได้มันมาละก็ หึหึ ฉันจะโด่งดังล้นฟ้า อยากรวยก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยละ!”

เหมิงเหล่ยกัดฟัน แล้วใช้เล็บกรีดเลือดของตัวเองออกมา

ติ้ง

เลือดของเหมิงเหล่ยหยดลงบนหอก และมันก็ซึมลงไปในหอกเหมือนน้ําซึมเข้าบ่อทราย หลังจากนั้น หอกสีด่านั้นก็เริ่มสั่นไหว

เปรี้ยะ ๆ !

กระแสสายฟ้าสีม่วงแลบทะลุออกมาจากตัวหอกก่อนที่จะฟาดเข้าใส่เหมิงเหล่ยอย่างแรง มันเร็วเกินกว่าที่เขาจะหลบพ้น กระแสสายฟ้านั้นไหลผ่านร่างของเขาทันที

เปรี้ยง!!

“อ…ทําไมมันถึงเป็นเช่นนี้กันละ?!”

อมอสสีหน้าเปลี่ยนทันที “ข้ารู้สึกได้ว่าตราวิญญาณของเจ้าของเก่าหอกสังหารเทพที่หลงเหลืออยู่ข้างในตัวหอกมันสลายหายไปตั้งแต่ 1หมื่น 4 พัน ปีก่อนแล้วนั้นหมายความว่าหอกนี้มันไร้นายมาตั้งนานแล้ว แล้วทําไมมันถึงเป็นแบบนี้อยู่อีกละ

เจ้านายเก่าของอาวุธเทวะนั้น ต้องเป็นเทพแน่ๆ ไม่ผิดแหงๆ

แล้วของที่เป็นของเทพ จะมาอยู่ในมือของมนุษย์ธรรมดาได้ยังไงกัน

ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกว่าตราวิญญาณภายในหอกสังหารเทพมันจางหายไปเมื่อนานมาแล้ว อมอสเองก็ไม่กล้าให้เหมิงเหล่ยลองทําสัญญากับหอกสังหารเทพที่เป็นถึงอาวุธเทวะหรอก

ถ้าหากเจ้าของเก่าที่เป็นเทพรู้เข้าละก็ ไม่เพียงแต่เหมิงเหล่ยจะตาย แต่อมอสเองก็คงได้โดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆ เขาตายมาแล้วรอบนึง แล้วเขาก็ไม่อยากตายรอบที่ 2 ด้วย

ดังนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของอมอสจริงๆ เขาไม่มั่นใจว่าที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นหนึ่งในขั้นตอนของการทําพันธะสัญญา เป็นเจ้าของหอกสังหารเทพ หรือว่าเหมิงเหล่ยดันไปเจอคําสาปบางอย่างที่อยู่ภายในหอกสังหารเทพเข้า

อมอสไม่รู้เลยว่ามันเป็นทางไหน เพราะงั้นอย่างเดียวที่เขาทําได้ตอนนี้คือภาวนา

“โอ้ เทพมังกร โปรดเมตตาเขาด้วย

เปรี้ยง!!!

สายฟ้าสีม่วงยังคงฟาดใส่เหมิงเหลี่ยอย่างไม่หยุดยั้ง มีเพียงอย่างเดียวที่ทําให้อมอสมั่นใจคือพลังชีวิตของเหมิงเหล่ยที่ตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่

“เทพมังกร โปรดเมตตาเขาด้วย เด็กคนนั้นเป็นลูกหลานของข้า โปรดอย่าให้เขาตายเลย…”

และดูเหมือนว่าเทพมังกรจะฟังคําขอของเขา เวลามันผ่านอย่างเชื่องช้า สายฟ้าสีม่วงนั้นก็เริ่มอ่อนกําลังลง และแล้วสุดท้ายก็เหมือนนกนางแอ่นกลับรัง สายฟ้าสีม่วงที่เคยห่อหุ้มตัวของเหมิงเหล่ยย้อนกลับเข้าหาหอกสีดา ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง

เอ่อก—-

เหมิงเหล่ยเรอออกมาพร้อมควันดําลอยออกมาจากปาก ตอนนี้สภาพของเขาดูไม่จืดเอามากๆ ผมของเขาตั้งชี้ตรง ตัวของเขาดําเป็นตอตะโก สภาพของเขาตอนนี้เหมือนนาจาเวอร์ชั่นคนดำยังไงอย่างงั้น

“เจ้าหนู เป็นยังไงบ้าง” อมอสถามขึ้นมาอย่างกังวล

เหมิงเหล่ยหันมามองเขา ร่างกายของเขายังคงช่าหนักมากจนขยับได้แค่ทีละน้อยเหมือนหุ่นยนต์ เขายิ้มออกมาเบาๆเผยให้เห็นฟันขาวๆตัดกับผิวดําๆ “ดูเหมือนจะสา
เร็จ”

“ดูเหมือนเหรอ สําเร็จเหรอ”

อมอสงง “สรุปสําเร็จไหม เอาดีๆ”

เหมิงเหล่ยไม่ตอบ กลับกัน เขามองไปที่หอกสีด่าก่อนที่จะกระดิกนิ้วเล็กน้อย จากนั้นเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น หอกสีดําที่เหมิงเหล่ยออกแรงเท่าไรก็ดึงไม่ขึ้นเลย แม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลับเคลื่อนไหว หอกนั้นดึงตัวเองออกมาจากหัวของมังกรก่อนจะลอยบนฟ้าแล้วบินเข้าหาเหมิงเหล่ย

“ไปเลย” เหมิงเหล่ยใช้ความรู้สึกที่ผูกกับหอกสีดําานั้น ชี้ไปที่ฟ้าและออกคําสั่ง

ปิ้ว!!

ทันใดนั้นเองหอกสีดําก็พุ่งไปด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า เข้าหากําแพงหินอย่างแรงจนเกิดเสียงแตกของหินออกมา ตรงจุดปะทะนั้นเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ พร้อมกับหอกที่ปักลึกลงไป

“มานี้!” เหมิงเหล่ยกระดิกมือ แล้วหอกสีดํา(จะเรียกว่าหอกทมิฬ) ก็พุ่งกลับมาหาเขาก่อนจะลอยอยู่ตรงหน้าเหมิงเหล่ยเงียบๆอย่างว่าง่าย

“อาวุธเทวะ มันคืออาวุธเทวะของจริงเลย!” สายตาของอมอสเปล่งประกายออกมา ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา “ข้าคนนี้สรรค์สร้างอาวุธมาแล้วนับไม่ถ้วน และรู้จักช่างทําอาวุธผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ แต่ข้าไม่เคยสร้างอาวุธเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมและขยับได้ตามใจนึกได้แบบนี้มาก่อน สิ่งที่ทําได้มีเพียงแค่อาวุธเทวะเท่านั้น”

“มันเป็นสมบัติล้ําค่าเลยละ” เหมิงเหล่ยควงหอกทมิฬไปมาเหมือนกับว่าควงสาวที่รัก “แถมมันยังเป็นอาวุธธาตุสายฟ้าด้วย ตรงกับธาตุของข้าพอดี เหมาะสมกันจริงๆ”

เหมิงเหล่ยนั้นรู้ตัวเองดี ว่าในบรรดาเวทสายฟ้าที่ตัวเองมี เขาชอบที่จะชายเวทหอกอัสนีที่สุด มันเป็นเวทที่ทรงพลังและเหมาะสมกับการใช้งานโจมตีเป้าหมายเดี่ยวมากที่สุด
หอกที่ไม่ว่าแทงยังไงก็ตาย
มันจะสุดยอดขนาดไหนกันละ

ดังนั้น หอกสังหารเทพจึงเข้ามือของเหมิเหล่ยเป็นอย่างดี เหมือนกับว่าเกิดมาคู่กันเลยก็ว่าได้

“มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่แข็งแกร่งมากมาย พยายามเสี่ยงชีวิตแทบตายต่อสู้แย่งชิง เพื่อที่จะได้ครอบครองอาวุธเทวะแค่ชิ้นเดียวและบางทีอาจจะไม่ได้ด้วย” อมอสหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “ส่วนเจ้าแค่อายุ 20 กว่า แต่กลับได้มันมาโดยไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่งกว่ายาก ดังนั้น เจ้าจงจําไว้เลย ว่าจงใช้มันอย่างเหมาะสม และ ซ่อนมันเอาไว้จนกว่าจะถึงคราวจําเป็นอย่าเอามันออกมาใช้ให้คนอื่นเห็นง่ายๆนะ”

“ก็เหมือนกับไม่ใส่ทองออกมาเดินกลางตลาด เรื่องนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

เหมิงเหล่ยพยักหน้าก่อนที่จะควงหอกสุดที่รักของตัวเองต่อ

“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ”

อมอสลูบเคราของตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจและความยินดี แต่ทันใดนั้น สิ่งที่เหมิงเหล่ยจะพูดต่อไป กลับทําให้เขาหน้าแทบมีด เหมิงเหล่ยคิดออกมาเสียงดังไปหน่อย “ข้าละอยากรู้จริงๆว่าหอกสังหารเทพนี้มันจะแงะอะไรออกมา จากศพมังกรได้บ้างน้า หึ หึ เป็นศพของมังกรระดับเซียนเทพซะด้วย ถ้าเอาแกนมังกรออกมาได้ละก็ ฉันต้องขายได้รวยเละแน่ๆเลย”

อมอสเลือดขึ้นหน้าทันที หน้าของเขาแดงปรีดด้วยความมโกรธเหมือนหม้อเผาไฟ เขามองอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะตะโกนใส่เหมิงเหล่ยทันที “ไอ้เด็กอกตัญญเอ๊ย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์ 

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์  at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 67 หยดเลือดเพื่อพิสูจน์

“อาวุธเทวะอย่างงั้นเหรอ มันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ” เหมิงเหล่ยตกใจ

“สุดยอดเหรอ” อมอสผงะเล็กน้อยก่อนจะพูด “อาวุธเทวะ คืออาวุธที่มีแต่เทพเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มันมีพลังที่ไม่อาจเทียบได้ และได้รับพรจากสวรรค์เพื่อให้สามารถทลายโลกสะเทือนสวรรค์ได้ ก่อนหน้านี้ ข้าได้บรรลุวิชาสายเลือดมังกรไฟของข้าแล้ว ร่างกายของข้าเข้าใกล้เสียเลือดบริสุทธิ์ของราชามังกรไฟมาก อีกเพียงแค่ก้าวเล็กๆเท่านั้น ข้าก็จะได้เป็นหนึ่งในราชามังกร”

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังโดนหอกเล่มนี้ พุ่งมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ฆ่าตายอยู่ดี เจ้าลองคิดดซิว่าหอกนี้มันร้ายแรงขนาดไหน” อมอสถอนหายใจเบาๆ “การจะฆ่าสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเทพที่อยู่บนจุดสูงสุดได้ง่ายเหมือนกับฆ่าหมูฆ่าวัว ต่อให้หาทั่วทั้งแดนสวรรค์ ก็มีเพียงอาวุธเทวะเท่านั้นละที่มีความสามารถแบบนั้นได้ ดังนั้น ข้าจึงตั้งชื่อมันว่า หอกสังหารเทพไงละ”

“มันคืออาวุธเทพจริงๆเหรอเนี่ย”

เหมิงเหล่ยแตะหอกสีด่านั้นอีกครั้ง ความรู้สึกตื่นเต้นปรากฏขึ้นมาในดวงตา แต่แล้วหลังจากนั้น ความหงุดหงิดก็แทรกเข้ามาทันที “เป็นอาวุธเทพแล้วมันทําไมละ ต่อให้ดีเทพประเสิศแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี”

อมอสลูบเคราแล้วยิ้ม “อาวุธเทพน่ะ มันมีชีวิต มีสติและปัญญาเป็นของมันเอง เจ้าไม่สามารถใช้มันได้หรอกหากมันไม่ยอมรับความสามารถของเจ้าซะก่อน หากไม่เชื่อเจ้าก็ลองหยดเลือดลงบนหอกดูซิ ดูว่ามันจะยอมรับเจ้าไหม”

“หยดเลือดลงบนหอกเพื่อใช้งานมันเหรอ” เหมิงเหลี่ยมองหน้าอมอส “ไม่ใช่ว่าหอกนี่มีเจ้าของอยู่แล้วเหรอ แล้วถ้ามันมีเจ้าของอยู่แล้วละทําไง ข้ายังไม่อยากตาย เพราะไปแย่งของชาวบ้านนะ”

“ไม่มีหรอก” อมอสส่ายหัวแล้วยิ้ม “ถึงมันจะมีเจ้าของ แต่เจ้าของคนนั้นทิ้งมันไว้ที่นี้มาเกิน 2 หมื่นปีแล้วนะ ข้าเดาว่าเจ้าของหอกเล่มนี้น่าจะตายหรือไม่ก็ทิ้งหอกนี้ไปแล้วละ ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ลองดูเถอะ ถึงเจ้าจะเอาหอกนี่ไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าลองมันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่”

“อย่างงั้นเหรอ”

เหมิงเหล่ยเริ่มลังเล เขาเองยังไม่เชื่อคําพูดของชายแก่มากนัก แต่สรรพคุณของอาวุธเทวะที่อยู่ตรงหน้ามันเย้ายวนใจจนทนไม่ไหว

“เอาวะ อย่างมากสุดก็แค่ตายวะ แต่ถ้าฉันรอดแล้วได้มันมาละก็ หึหึ ฉันจะโด่งดังล้นฟ้า อยากรวยก็ต้องเสี่ยงกันหน่อยละ!”

เหมิงเหล่ยกัดฟัน แล้วใช้เล็บกรีดเลือดของตัวเองออกมา

ติ้ง

เลือดของเหมิงเหล่ยหยดลงบนหอก และมันก็ซึมลงไปในหอกเหมือนน้ําซึมเข้าบ่อทราย หลังจากนั้น หอกสีด่านั้นก็เริ่มสั่นไหว

เปรี้ยะ ๆ !

กระแสสายฟ้าสีม่วงแลบทะลุออกมาจากตัวหอกก่อนที่จะฟาดเข้าใส่เหมิงเหล่ยอย่างแรง มันเร็วเกินกว่าที่เขาจะหลบพ้น กระแสสายฟ้านั้นไหลผ่านร่างของเขาทันที

เปรี้ยง!!

“อ…ทําไมมันถึงเป็นเช่นนี้กันละ?!”

อมอสสีหน้าเปลี่ยนทันที “ข้ารู้สึกได้ว่าตราวิญญาณของเจ้าของเก่าหอกสังหารเทพที่หลงเหลืออยู่ข้างในตัวหอกมันสลายหายไปตั้งแต่ 1หมื่น 4 พัน ปีก่อนแล้วนั้นหมายความว่าหอกนี้มันไร้นายมาตั้งนานแล้ว แล้วทําไมมันถึงเป็นแบบนี้อยู่อีกละ

เจ้านายเก่าของอาวุธเทวะนั้น ต้องเป็นเทพแน่ๆ ไม่ผิดแหงๆ

แล้วของที่เป็นของเทพ จะมาอยู่ในมือของมนุษย์ธรรมดาได้ยังไงกัน

ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกว่าตราวิญญาณภายในหอกสังหารเทพมันจางหายไปเมื่อนานมาแล้ว อมอสเองก็ไม่กล้าให้เหมิงเหล่ยลองทําสัญญากับหอกสังหารเทพที่เป็นถึงอาวุธเทวะหรอก

ถ้าหากเจ้าของเก่าที่เป็นเทพรู้เข้าละก็ ไม่เพียงแต่เหมิงเหล่ยจะตาย แต่อมอสเองก็คงได้โดนลูกหลงไปด้วยแน่ๆ เขาตายมาแล้วรอบนึง แล้วเขาก็ไม่อยากตายรอบที่ 2 ด้วย

ดังนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของอมอสจริงๆ เขาไม่มั่นใจว่าที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นหนึ่งในขั้นตอนของการทําพันธะสัญญา เป็นเจ้าของหอกสังหารเทพ หรือว่าเหมิงเหล่ยดันไปเจอคําสาปบางอย่างที่อยู่ภายในหอกสังหารเทพเข้า

อมอสไม่รู้เลยว่ามันเป็นทางไหน เพราะงั้นอย่างเดียวที่เขาทําได้ตอนนี้คือภาวนา

“โอ้ เทพมังกร โปรดเมตตาเขาด้วย

เปรี้ยง!!!

สายฟ้าสีม่วงยังคงฟาดใส่เหมิงเหลี่ยอย่างไม่หยุดยั้ง มีเพียงอย่างเดียวที่ทําให้อมอสมั่นใจคือพลังชีวิตของเหมิงเหล่ยที่ตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่

“เทพมังกร โปรดเมตตาเขาด้วย เด็กคนนั้นเป็นลูกหลานของข้า โปรดอย่าให้เขาตายเลย…”

และดูเหมือนว่าเทพมังกรจะฟังคําขอของเขา เวลามันผ่านอย่างเชื่องช้า สายฟ้าสีม่วงนั้นก็เริ่มอ่อนกําลังลง และแล้วสุดท้ายก็เหมือนนกนางแอ่นกลับรัง สายฟ้าสีม่วงที่เคยห่อหุ้มตัวของเหมิงเหล่ยย้อนกลับเข้าหาหอกสีดา ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง

เอ่อก—-

เหมิงเหล่ยเรอออกมาพร้อมควันดําลอยออกมาจากปาก ตอนนี้สภาพของเขาดูไม่จืดเอามากๆ ผมของเขาตั้งชี้ตรง ตัวของเขาดําเป็นตอตะโก สภาพของเขาตอนนี้เหมือนนาจาเวอร์ชั่นคนดำยังไงอย่างงั้น

“เจ้าหนู เป็นยังไงบ้าง” อมอสถามขึ้นมาอย่างกังวล

เหมิงเหล่ยหันมามองเขา ร่างกายของเขายังคงช่าหนักมากจนขยับได้แค่ทีละน้อยเหมือนหุ่นยนต์ เขายิ้มออกมาเบาๆเผยให้เห็นฟันขาวๆตัดกับผิวดําๆ “ดูเหมือนจะสา
เร็จ”

“ดูเหมือนเหรอ สําเร็จเหรอ”

อมอสงง “สรุปสําเร็จไหม เอาดีๆ”

เหมิงเหล่ยไม่ตอบ กลับกัน เขามองไปที่หอกสีด่าก่อนที่จะกระดิกนิ้วเล็กน้อย จากนั้นเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น หอกสีดําที่เหมิงเหล่ยออกแรงเท่าไรก็ดึงไม่ขึ้นเลย แม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันกลับเคลื่อนไหว หอกนั้นดึงตัวเองออกมาจากหัวของมังกรก่อนจะลอยบนฟ้าแล้วบินเข้าหาเหมิงเหล่ย

“ไปเลย” เหมิงเหล่ยใช้ความรู้สึกที่ผูกกับหอกสีดําานั้น ชี้ไปที่ฟ้าและออกคําสั่ง

ปิ้ว!!

ทันใดนั้นเองหอกสีดําก็พุ่งไปด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า เข้าหากําแพงหินอย่างแรงจนเกิดเสียงแตกของหินออกมา ตรงจุดปะทะนั้นเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ พร้อมกับหอกที่ปักลึกลงไป

“มานี้!” เหมิงเหล่ยกระดิกมือ แล้วหอกสีดํา(จะเรียกว่าหอกทมิฬ) ก็พุ่งกลับมาหาเขาก่อนจะลอยอยู่ตรงหน้าเหมิงเหล่ยเงียบๆอย่างว่าง่าย

“อาวุธเทวะ มันคืออาวุธเทวะของจริงเลย!” สายตาของอมอสเปล่งประกายออกมา ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา “ข้าคนนี้สรรค์สร้างอาวุธมาแล้วนับไม่ถ้วน และรู้จักช่างทําอาวุธผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ แต่ข้าไม่เคยสร้างอาวุธเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมและขยับได้ตามใจนึกได้แบบนี้มาก่อน สิ่งที่ทําได้มีเพียงแค่อาวุธเทวะเท่านั้น”

“มันเป็นสมบัติล้ําค่าเลยละ” เหมิงเหล่ยควงหอกทมิฬไปมาเหมือนกับว่าควงสาวที่รัก “แถมมันยังเป็นอาวุธธาตุสายฟ้าด้วย ตรงกับธาตุของข้าพอดี เหมาะสมกันจริงๆ”

เหมิงเหล่ยนั้นรู้ตัวเองดี ว่าในบรรดาเวทสายฟ้าที่ตัวเองมี เขาชอบที่จะชายเวทหอกอัสนีที่สุด มันเป็นเวทที่ทรงพลังและเหมาะสมกับการใช้งานโจมตีเป้าหมายเดี่ยวมากที่สุด
หอกที่ไม่ว่าแทงยังไงก็ตาย
มันจะสุดยอดขนาดไหนกันละ

ดังนั้น หอกสังหารเทพจึงเข้ามือของเหมิเหล่ยเป็นอย่างดี เหมือนกับว่าเกิดมาคู่กันเลยก็ว่าได้

“มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่แข็งแกร่งมากมาย พยายามเสี่ยงชีวิตแทบตายต่อสู้แย่งชิง เพื่อที่จะได้ครอบครองอาวุธเทวะแค่ชิ้นเดียวและบางทีอาจจะไม่ได้ด้วย” อมอสหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “ส่วนเจ้าแค่อายุ 20 กว่า แต่กลับได้มันมาโดยไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย โอกาสแบบนี้หาได้ยากยิ่งกว่ายาก ดังนั้น เจ้าจงจําไว้เลย ว่าจงใช้มันอย่างเหมาะสม และ ซ่อนมันเอาไว้จนกว่าจะถึงคราวจําเป็นอย่าเอามันออกมาใช้ให้คนอื่นเห็นง่ายๆนะ”

“ก็เหมือนกับไม่ใส่ทองออกมาเดินกลางตลาด เรื่องนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

เหมิงเหล่ยพยักหน้าก่อนที่จะควงหอกสุดที่รักของตัวเองต่อ

“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ”

อมอสลูบเคราของตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจและความยินดี แต่ทันใดนั้น สิ่งที่เหมิงเหล่ยจะพูดต่อไป กลับทําให้เขาหน้าแทบมีด เหมิงเหล่ยคิดออกมาเสียงดังไปหน่อย “ข้าละอยากรู้จริงๆว่าหอกสังหารเทพนี้มันจะแงะอะไรออกมา จากศพมังกรได้บ้างน้า หึ หึ เป็นศพของมังกรระดับเซียนเทพซะด้วย ถ้าเอาแกนมังกรออกมาได้ละก็ ฉันต้องขายได้รวยเละแน่ๆเลย”

อมอสเลือดขึ้นหน้าทันที หน้าของเขาแดงปรีดด้วยความมโกรธเหมือนหม้อเผาไฟ เขามองอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะตะโกนใส่เหมิงเหล่ยทันที “ไอ้เด็กอกตัญญเอ๊ย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+