ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 11

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 11 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.11 – การ[สาบานเป็นพี่น้อง]ของ3คนที่มาจากคนละเผ่าพันธุ์

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 “สวัสดีค่ะ ท่านโชมะอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”

 

พอริเซ็ตไปตักน้ำกลับมาที่บ้าน ก็ได้เจอกับพวกผู้หญิงในหมู่บ้าน

ทุกคนนั้นมีเขาค่ะ

เป็นเหล่าคุณแม่ของพวกเด็กๆที่ท่านโชมะช่วยเอาไว้ค่ะ

 

“ท่านโชมะกำลังหลับอยู่ค่ะ”

 

ริเซ็ตเอานิ้วแตะที่ริมฝีปาก แล้วพูดให้ทุกคนฟัง

ดูเหมือนว่าท่านโชมะกำลังเหนื่อยอยู่ค่ะ

 

เมื่อกี้ลองเคาะประตูไปแล้วไม่ตอบกลับมาก็เลยแอบส่องในห้องดูก็เห็นว่าหลับอยู่ ไม่ผิดแน่ค่ะ

เมื่อวาน ก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายตั้งแต่ถูกพามาจากต่างโลกก็ต้องต่อสู้กับอสูร แล้วก็ไปเปิดประตูของ[สุสานจักรพรรดิมังกร] เรียกได้เลยว่าเป็นราชาผู้พิชิตแห่งการเจอเรื่องเลยล่ะค่ะ

สำหรับริเซ็ตแล้ว…ก็อยากจะถามของกินที่ชอบกับไม่ชอบเลยค่ะ

 

“พอดีเลยค่ะ ทุกคน คือว่าหลังจากนี้มีเรื่องที่กำลังจะไปคุยด้วยเลยค่ะ คือว่า เกี่ยวกับเรื่องของท่านโชมะ”

“อา อืม ท่านโชมะสินะ”

 

พวกผู้หญิงในหมู่บ้าน ก็ไม่รู้ทำไมหรอกแต่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ”

“ก็ช่วยพวกเด็กๆเอาไว้นี่นา ทุกคนในหมู่บ้านก็ต้องยินดีต้อนรับสิคะ”

“อืม เพราะอย่างนั้นทุกคนถึงได้มาที่นี่ค่ะ”

“……อา”

 

…แปลกจังเลยนะคะ

ริเซ็ตยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยแท้ๆ

ดูเหมือนทุกคนจะยอมรับท่านโชมะซะแล้วค่ะ…

 

“แหม พอดีทำอาหารมาเยอะเกินน่ะจ๊ะ ถ้ายังไงก็เอาไปทานสิจ๊ะ”

 

ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นจากที่ใส่ลูกชิ้นมาให้

เป็นของที่ทำขึ้นจากเนื้อหมูป่าค่ะ ท่านโชมะ จะชอบไหมนะ

 

“บ้านเราเอง ก็มีบ๊ะจ่างทำมืออยู่ อร่อยนะจ๊ะ?”

“อ๊ะ นี่ชานะ เป็นของที่เด็ดมาเมื่อวานซืน ของใหม่สดๆเลยจ๊ะ”

“อ๊ะ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

 

แซด แซดแซดแซด

พอริเซ็ตพามาถึงที่บ้าน เหล่าคุณเพื่อนบ้านก็เอาอาหารมาวางเรียงบนโต๊ะให้

เร็วมากค่ะ ขนาดกาใส่น้ำชาก็เตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ

 

“““ถ้าอย่างนั้น ก็ขอฝากตัวกับท่านโชมะด้วยนะจ๊ะ”””

 

จากนั้นทุกคนก็บอกลาแล้วจากไป

 

“…สิ่งที่เรียกว่าราชาเนี่ย ต่อให้ไม่พูดอะไรก็ทำให้ผู้คนเคลื่อนไหวได้สินะคะ”

“ขอโทษ พี่ริส”

 

หลังจากคุณเพื่อนบ้านจากไป ก็มีฮารุกะที่กำลังทำหน้ากังวลยืนอยู่

ผมสีแดงโดนสายลมยามเย็นพัดจนกระแทกใบหน้าไปมา

 

“พวกเด็กๆ…ทุกคนพูดเรื่องพลังของท่านโชมะไปหมดแล้วค่ะ”

“…เรื่องแบบนั้น”

 

รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเลย

ทั้งๆที่ริเซ็ตสัญญากับท่านโชมะไปแล้วแท้ๆ…เรื่องแบบนั้นมัน…

 

“…ต้องไปขอโทษท่านโชมะ”

“เราก็จะไปขอโทษด้วย ก็ท่านโชมะอาจจะเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิมังกรนี่นา”

“…นั่นสินะคะ”

 

การกลับมาของท่านจักรพรรดิมังกร

องค์ราชาที่แท้จริงที่คอยปกป้องทุกคนอย่างไม่แบ่งแยกมนุษย์หรืออมนุษย์อย่างพวกริเซ็ต

ที่ทุดคนต้อนรับท่านโชมะก็เป็นเพราะแบบนั้น

 

“แต่ว่า…ทั้งๆที่นั่นคือความรับผิดชอบที่ริเซ็ตต้องแบกรับไว้แท้ๆ”

“พี่ริสจะแบกรับอะไรมากเกินไปแล้ว”

 

ฮารุกะตบหลังของริเซ็ตดัง ปั๊ปปั๊ป

 

“พี่ริสก็เป็นคนหนึ่งในหมู่บ้าน ก็เหมือนกับพี่สาวของเราล่ะ จะสายเลือดมังกร หรือลูกหลานของจักรพรรดิมังกร เรื่องแบบนั้นไม่ต้องไปใส่ใจก็ได้”

 

ฮารุกะพูดตอบกลับมาแบบทุกที

ตลอดมาตั้งแต่ตอนที่ริเซ็ตเดินหลงไปมากับคุณแม่จนมาได้มาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้

ทั้งผู้คนในหมู่บ้านนี้ ก็ไม่บังคับให้ริเซ็ตทำอะไร ทุกคน เป็นคนดีค่ะ

 

“แต่ว่า…พวกผู้คนนอกหมู่บ้าน”

“ก็แค่ที่พวกพ่อค้ามันก็พูดกันไปเองล่ะ”

“…[ที่หมู่บ้านของพวกอมนุษย์มีคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของจักรพรรดิมังกรอยู่ แต่ว่า ทำอะไรไม่เห็นได้เลย ในบรรดาผู้มีสายเลือดของจักรพรรดิมังกร]–”

 

คำพูดต่อจากนี้–ริเซ็ตเองก็รู้ดีอยู่แล้ว

[ในบรรดาผู้มีสายเลือดของจักรพรรดิมังกรแล้วไร้ประโยชน์สุดๆ]–ค่ะ

 

ในสถานที่ที่ห่างไกลจากที่นี่ ท่าน[สมเด็จจักรพรรดิมังกร]ที่อยู่ ณ ศูนย์กลาง

เพราะความไม่พอใจที่มีต่อ[เหล่านักปราชญ์]ที่อยู่รอบๆจักรพรรดิและคนคนนั้น ก็เลยทำให้ต้องออกมาอย่างนี้

 

“ถ้าพูดแบบนั้น เราเองก็เป็นผู้ใหญ่บ้านที่ไร้ประโยชน์เหมือนกันนะ? ก็แค่[ผู้ใหญ่บ้านฝึกหัด]ที่สืบสายเลือดจากท่านบรรพบุรุษที่ก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นมาเท่านั้นเอง”

“ให้ตายสิ ฮารุกะเนี่ยล่ะก็”

 

พอได้เห็นฮารุกะที่ยิ้มออกมา ความกังวลก็หายไปหมดสิ้น
ริเซ็ตกับฮารุกะนั้นตั้งแต่เกิดมาก็ถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันเหมือนกับพี่น้อง

สำหรับริเซ็ตที่ไม่มีครอบครัวแล้ว ก็เหมือนกับน้องสาวคนสำคัญ เป็นครอบครัวที่อยากจะปกป้อง เพราะครอบครัวจริงๆนั้นพอมาถึงที่หมู่บ้านนี้ไม่นานก็จากไป

 

“คิดเรื่องดีๆออกแล้วค่ะ!”

 

อยู่ๆก็พูดออกมา

ฮารุกะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือตรงหน้าของรีเซ็ต

 

“เรากับพี่ริส แล้วก็ท่านโชมะ มาเป็นพี่น้องกันก็พอนี่นา!”

“…คะ?”

 

ไม่เห็นจะเข้าใจเลยค่ะ

บางครั้งฮารุกะก็คิดถึงเรื่องอะไรที่เกินกว่าที่ริเซ็ตจะคิดได้

 

“สาบานเป็นพี่น้อง ยังไงล่ะ!”

“…พี่น้องร่วมสาบาน?”

“อืม ทั้งพี่ริสทั้งเรา ทั้งท่านโชมะ ต่างก็ไม่มีครอบครัวที่สืบเสียเลือดในโลกนี้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นเรา3คนมาสาบานเป็นพี่น้องกันก็ได้นี่นา ถ้าทำแบบนั้นพวกเราก็จะสามารถคอยรับใช้ในฐานะน้องสาวของท่านโชมะตลอดไปเลยนะ? จะขอโทษที่พวกเด็กทำให้ความลับรั่วไหวก็ได้ สามารถคอบสนับสนุนท่านโชมะในฐานะมิตรแท้ในหมู่บ้านได้ด้วยนะ?”

 

ฮารุกะหัวเราะ นิฮิฮิ ออกมาเหมือนทุกที

 

“แถมถ้าเป็นครอบครัวกันแล้วท่านโชมะก็จะอยู่กับพวกเราตลอดด้วย พี่ริสเอง ก็อยากจะเป็นครอบครัวกับคนที่มี[สายเลือดมังกร]เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”

“ฮารุกะ…เด็กอย่างเธอนี่มัน”

 

ริเว็ตยื่นมือออกไปไถผมของฮารุกะ

ความจริงแล้วริเซ็ตเองก็คิดว่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันเพื่อให้ท่านโชมะคุ้นชินกับหมู่บ้าน

แต่ว่าคิดวิธีนี้ไม่ถึงเลย

 

“สมกับเป็นคุณผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ค่ะ สุดยอดมากค่ะ ฮารุกะ”

 

ฮารุกะพูดว่า“หยุดนะ”ไปพร้อมกับหัวเราะ

ผมที่เป็นลอนนิดหน่อยของฮารุกะนั้น ทั้งนุ่มลื่น และมีสัมผัสที่ดีค่ะ ไม่เปลี่ยนไปจากตอนยังเด็กเลย ใช่แล้วค่ะ ริเซ็ตกับฮารุกะยังมีความทรงจำร่วมกันแบบนี้ค่ะ แต่ว่าท่านโชมะนั้น ไม่มีความทรงจำร่วมกับใครในโลกใบนี้เลยค่ะ

ถ้าอย่างนั้น ริเซ็ตกับฮารุกะก็จะเป็นครอบครัว แล้วสร้างความทรงจำดีๆในโลกใบนี้กับท่านโชมะค่ะ

 

“ฮารุกะเนี่ยบางครั้งก็คิดเรื่องที่สุดยอดออกมาได้จริงๆนะคะ”

“ถึงปกติจะไม่ได้คิดอะไรก็เถอะนะ!”

 

ฮารุกะยืดหน้าอกใหญ่ขึ้นแล้วพูดอย่างพึงพอใจ

ถึงปกติจะต้องให้ริเซ็ตเป็นคนพูดว่า[จะทำอะไรก็คิดให้มากกว่านี้ก่อนสิคะ?]ก็เถอะ

 

“ทุกคนก็เอาอาหารมาให้ด้วยสิคะ มาเตรียมฉลองกันไหมคะ”

“เป็นที่ระลึกในฐานะพี่น้อง สินะ จริงๆแล้วถ้าเป็นเดือนหน้า ดอกท้อก็จะบานเต็มต้นเหมาะแก่การฉลองมากกว่าอีกนะ”

 

ฮารุกะชี้ไปที่สวนของบ้าน

ต้นท้อเป็นต้นที่คุณแม่ของริเซ็ตปลูกเอาไว้ค่ะ

ได้ยินมาว่า ที่พระราชวังขององค์จักรพรรดิเองก็มีต้นแบบเดียวกันอยู่

แต่ว่า ริเซ็ตรอเดือนหน้าไม่ได้แล้วค่ะ

ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วริเซ็ต–ก็อยากจะมาครอบครัวที่แสนดีมาตลอด

 

“…ถ้าท่านโชมะเห็นด้วยล่ะก็ ก็คงต้องเอาตามนั้นล่ะนะคะ”

“คิดมากจังเลยนะ พี่ริส”

“เธอต่างหากที่คิดน้อยไปค่ะ ฮารุกะ”

“คิดเรื่องสนุกๆกันดีกว่าค่ะ อย่างเช่น ได้ท่านโชมะมาตั้งชื่อให้”

“อา นั่นสินะคะ [ท่านจักรพรรดิมังกร]เองก็มีพลังแบบนั้นอยู่สินะคะ”

“ถ้าท่านโชมะตื่นแล้วก็มาคุยกันเถอะ”

“นั่นสินะคะ”

 

ริเซ็ตกับฮารุกะจับมือกันแล้วเข้าไปในบ้าน

จากนั้นก็รอการตื่นของท่านโชมะอย่างตื่นเต้น

 

──มุมมองโชมะ──

 

หลังจากตื่นพอออกมาจากห้อง–ก็มีอาหารวางเรียงอยู่ที่โต๊ะข้างๆ

คนที่อยู่ตรงโต๊ะก็คือ ริเซ็ตกับฮารุกะ

 

“ทุกคนในหมู่บ้านเอาอาหารมาให้ค่ะ”

“ดังนั้นแล้วก็เลยจะมาจัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านโชมะน่ะ”

 

พูดแบบนั้นแล้วทั้ง2คนก็โบกมือเรียก

พอถูกบอกแบบนั้นผมก็เลยไปนั่งฝั่งตรงข้ามของริเซ็ตกับฮารุกะ

 

“แต่ว่า จะนอนต่ออีกสักนิดก็ได้นะคะ? ท่านโชมะ”

“ไม่หรอก ขืนนอนมากกว่าได้นอนตอนกลางคืนไม่หลับพอดี แถมอุตส่าห์เตรียมไว้ให้ขนาดนี้แล้วด้วยสิ”

“ค่ะ”

 

ริเซ็ตหัวเราะออกมา แล้วก็รินชาลงถ้วย

หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองฮารุกะ แล้วพยักหน้า–

 

““ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ””

 

ทั้งสองคนก้มหน้าลงจนเกือบติดกับโต๊ะ

จากนั้นทั้งสองคนก็พูดให้ฟัง

พวกเด็กๆบอกครอบครัวเกี่ยวกับ[พลังมังกร]ของผมไปแล้ว เพราะเหตุนั้นคนในหมู่บ้านจึงยินดีต้อนรับเป็นอย่างมาก พวกคุณแม่ของเหล่าเด็กๆก็เอาอาหารมาให้เป็นการขอบคุณ และอีกมากมาย

 

“ริเซ็ตจะไปต่อว่าให้ค่ะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ”

“ช่างมันเถอะ เรื่องนั้น”

 

เดิมที มันก็ไม่น่าจะเก็บเป็นความลับได้อยู่แล้ว

เพราะคิดว่าถ้าอยู่ๆก็มีคนที่มีพลังเหมือนกับ[จักรพรรดิมังกร]ปรากฎตัวขึ้นมาคนในหมู่บ้านจะวุ่นวายกันไปหมด ก็เลยว่าจะปิดเป็นความลับ

 

“ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ อืม เพราะแบบนั้นคนในหมู่บ้านถึงยินดีต้อนรับด้วยสิ อืม ไม่ต้องใส่ใจหรอก”

“…ดีจัง”

 

ริเซ็ตทรุดตัวลงบนเก้าอี้

เป็นคนที่เอาจริงเอาจังจริงนะ ริเซ็ตเนี่ย

ทั้งๆที่ฮารุกะที่อยู่ข้างๆยิ้มประมาณว่า”ก็นะ”แล้วแท้ๆ จะรู้สึกสบายใจแบบนั้นก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยังไงคนที่ได้รับการดูแลมันก็ผมอยู่แล้ว

 

“คงต้องไปขอบคุณสำหรับอาหารกับคนในหมู่บ้านด้วยสินะ”

“เรื่องนั้นไว้หลังฉลองก็ได้ค่ะ”

“ฉลอง?”

“ค่ะ ริเซ็ตกับฮารุกะ อยากจะขอใช้โอกาสนี้ฉลองต้อนรับให้กับท่านโชมะค่ะ”

 

พูดแบบนั้นเสร็จแล้วริเซ็ตกับฮารุกะก็ก้มหัวลงอีกครั้ง

 

“ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านฮาซามะค่ะ ท่านโชมะ”

“ขอฝากตัวอีกครั้งนะ ท่านโชมะ”

“…อะ อืม”

 

อะไรล่ะเนี่ย

ทำไมทั้งสองคนถึงมองมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแบบนั้น…?

“ก่อนอื่นก็มาแนะนำตัวกันใหม่เถอะค่ะ”

“…นั่นสินะ”

 

บางมีนั่นก็อาจจะจำเป็นจริงๆก็ได้

เพราะยุ่งๆก็เลยยังไม่มีโอกาสได้คุยกันจริงๆจังๆเลย

 

“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจากริเซ็ต”

“เข้าใจแล้วค่ะ อะแฮ่ม”

 

ริเซ็ตมองตรงมาที่ผมแล้วพูดออกมา

 

“ฉันชื่อว่าริเซ็ต รูจ อายุ15ปีค่ะ เป็นลูกหลานห่างๆของท่าน[จักรพรรดิมังกร] ทำหน้าที่คอยปกป้องหมู่บ้านนี้ค่ะ มีความมั่นใจในฝีมือดาบอยู่ค่ะ”

“เราชื่อฮารุกะ คัลมิเรีย อายุ15ปีเช่นกัน เป็นผู้ใหญ่บ้านฝึกหัดแห่งหมู่บ้านฮาซามะน่ะ งานก็คือคุ้มกันเด็กๆกับปกป้องหมู่บ้านเหมือนพี่ริส เป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่ริซ ถูกเลี้ยงดูกันมาเหมือนกับพี่น้อง ขอฝากตัวด้วยนะ ท่านโชมะ”

 

ต่อจากนั้นฮารุกะก็แนะนำตัว

ต่อไปก็ผมสินะ เอ–

 

“ผมชื่อคิริว โชมะ–ถ้าให้พูดในแบบโลกนี้ก็โชมะ คิริวล่ะมั้ง เรียกโชมะก็ได้ครับ เป็นคนจากต่างโลก ในโลกเดิมทำงานเป็นคนที่คอยจัดการกับคอมพิวเตอร์–อืม เอกสารน่ะ อา่ยุ28ปี จนก็จะหาที่อยู่ได้ ก็ขอรบกวนไปสักพักนะครับ”

““เอ๊ะ?””

 

เอ๊ะ?

ริเซ็ตกับฮารุกะเอียงคออย่างแปลกใจ

 

“ท่านโชมะ ไม่ได้จะอยู่ที่นี่ตลอดไปเหรอคะ?”

“ที่นี่ ตลอดไป?”

“บ้านของริเซ็ตน่ะค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดออกมาด้วยสีหน้าเขินอายพ่่ทท

 

“ไม่หรอก แบบนั้นมันไม่ดีหรอก ถ้าเป็นไปได้ ก็ขอยืมบ้านว่างๆสักหน่อยจะดีกว่า”

“ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆดังนั้นไม่มีบ้านที่ว่างอยู่หรอกค่ะ ที่ที่ท่านโชมะจะพักได้สบายๆ ก็มีแค่บ้านหลังนี้”

พูดแบบนั้นแล้วริเซ็ตก็ดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึก

 

“…แถม ท่านโชมะก็ไม่ใช่อื่นคนไกลค่ะ รู้สึกราวกับว่าเป็นพี่น้องที่สืบสายเลือดเดียวกัน รู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ ดังนั้น ถ้าเป็นท่านโชมะ ก็ไม่เป็นไรค่ะ”

“เรื่องแบบนั้นบางที…”

 

คงจะเพราะว่าใช้[ปลุกเผ่ามังกร]ไปต่อหน้าริเซ็ต

พอใช้สกิลนั้นไป ผมก็จะสามารถใช้พลังมังกรได้ชั่วคราว

ความรู้สึกของริเซ็ตคงตอบสนองกับสิ่งนั้นก็เลยคิดว่าเป็นญาติกัน

 

“…ตอนนี้ก็ด้วย?”

“ตอนนี้ก็ด้วยค่ะ”

 

–ตอนนี้ไม่ได้ใช้[ปลุกเผ่ามังกร]

 

“ถ้ามีท่านโชมะอยู่ด้วยก็รู้สึกสบายใจค่ะ ดังนั้น ถ้าจะมาอยู่ด้วยกัน…จะยินดีมากค่ะ”

 

เขินจนทนไม่ไหวเหรอ ริเซ็ตหน้าแดงแล้วก็ก้มหน้าลง

 

“ยอมแพ้จะดีกว่านะ ท่านโชมะ”

 

ฮารุกะหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วหัวเราะ

 

“ที่พี่ริสเชื่อใจคนอื่นขนาดนี้ฮารุกะก็พึ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่ล่ะ แล้วพี่ริสก็เป็นคนที่ยึดติดใน[หลักเกณฑ์]ด้วยล่ะนะ”

“หลักเกณฑ์?”

“ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็จะไม่วันลืมบุญคุณที่ได้รับล่ะมั้งนะ แล้วถ้าเกิดท่านโชมะมีปัญหา พี่ริสก็ต้องตอบแทนแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

“…อืมม”

 

ตามจริง ก็รู้สึกขอบคุณข้อเสนอของริเซ็ตมาก

ผมเองก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องของโลกใบนี้ด้วย

ถ้าใช้พลังของ[คิริวโอ โชมะ] ก็จะสามารถต่อสู้ได้ แต่นอกจากนั้นก็ยังไม่รู้

 

จะไปหาอาหารมาจากไหน จะดื่มน้ำอะไร ซักล้างเสื้อผ้าที่ไหน กินอะไรได้บ้าง เรื่องเสื้อผ้าอีก? ที่ไหนปลอดภัย ที่ไหนอันตราย–เรื่องแบบนั้น ไม่รู้เลยสักนิด

ดังนั้นถ้าได้อยู่กับริเซ็ตก็จะให้ช่วยบอกให้หน่อย ถึงจะไม่ได้หวังมากก็เถอะ

 

“หนุ่มวัยสามสิบที่ไม่รู้เรื่องอะไรของโลกนี้เลยกับสาวสวยอยู่ด้วยกันมันจะดีเหรอ…?”

“…สาวสวย!? ริเซ็ต…เป็นสาวสวย…”

“แถมไม่อยากให่ริเซ็ตถูกว่าอะไรด้วย ถ้าทำให้ความรู้สึกของคนในหมู่บ้านแย่ลง จนถูกไล่ขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่ๆ”

“…ท่านโชมะ…เห็นเป็นแบบนั้นเหรอคะ…ริเซ็ต ก็เป็นแค่ผู้สืบสายเลือดมังกรไม่ได้เรื่องแท้ๆ…”

“นี่นี่ พี่ริส อย่านิ่งสิ”

 

พอถูกฮารุกะตบไหล่ ริเซ็ตก็เงยหน้าขึ้นมา

หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าราวกับจะปัดอะไรบางอย่าง

 

“ตรงจุดนั้น พวกริเซ็ตมีข้อเสนอค่ะ”

 

ริเซ็ตยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วพูดออกมา

 

“ริเซ็ตกับฮารุกะแล้วก็ท่านโชมะมา[สาบานเป็นพี่น้อง]กันไหมคะ?”

“อ๊ะ ขี้โกงอะ คนที่คิดเรื่องนั้นคือเราแท้ๆ!”

 

ฮารุกะพยักหน้าให้กับคำพูดของริเซ็ต

 

“การ[สาบานเป็นพี่น้อง]ในโลกนี้ก็เหมือนกับการเป็นครอบครัวที่มีสายเลือดร่วมกันค่ะ ถ้าท่านโชมะเป็นพี่น้องกับริเซ็ตและฮารุกะ จะอยู่ด้วยกันก็ไม่มีปัญหาค่ะ พวกคนในหมู่บ้านเอง ก็จะต้อนรับท่านโชมะอย่างดีแน่นอนค่ะ”

“…พี่น้องร่วมสาบานเหรอ”

 

ในโลกเดิมก็เคยเห็นแค่ในนิทานเท่านั้นล่ะ

แต่ว่าในโลกแบบนี้มีเรื่องแบบนั้นอยู่จริงๆสินะ

แถมถ้าสาบานเป็นพี่น้อง รอบข้างก็จะปฎิบัติเหมือนเป็นครอบครัวจริงๆด้วย–

 

“เอาตามตรง…ก็ช่วยได้มากเลยนะ”

 

ถ้าเป็นพี่น้อง ถึงผมกับริเซ็ตจะอยู่ร่วมกัน ก็อาจจะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆก็ได้

ถ้าผม ริเซ็ตแล้วก็ฮารุกะเป็นพี่น้องกันจริงๆทุกคนในหมู่บ้านก็จะยอมรับผมง่ายขึ้น

แล้วผมเอง ก็จะสามารถใช้สกิลปกป้องหมู่บ้านโดยไม่ต้องคิดมากได้

ในฐานะการ give&take ก็ดีใช้ได้

 

“แต่ว่า จะดีจริงๆเหรอ? ในฐานะพี่น้องแล้ว อายุมันจะห่างกันเกินไปหรือเปล่า…”

“สำหรับริเซ็ตการได้มีครอบครัวก็ดีใจมากแล้วค่ะ”

“เราเองก็ยินดีมากที่ได้มีครอบครัวเพิ่มล่ะ”

 

เป็นเอกฉันท์

 

“หรือว่าท่านโชมะจะไม่อยากเป็นพี่น้องกับริเซ็ตเหรอคะ?”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”

 

สำหรับผมแล้วริเซ็ตเป็นคนแรกที่เจอบนโลกนี้

ได้รับข้อมูลมามากมาย รู้กระทั่งเรื่องที่เธอกังวลกับการสืบ[สายเลือดมังกร]

เพราะรู้สึกขอบคุณที่ช่วยไว้ ก็เลยเชื่อใจเธอ

 

ฮารุกะนั้นถึงจะยังไม่ค่อยรู้จักก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าเป็นเด็กซื่อๆ ทั้งการยินดีต้อนรับด้วย

นอกจากทั้ง2คนแล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นไกด์ในโลกนี้อีกแล้ว

แต่ว่า…ผมจะเหมาะสมกับ2คนนี้หรือเปล่านะ

 

“ขอบคุณนะ ริเซ็ต ฮารุกะ”

 

ผมพูดออกมา

ผมก้มหัวลงเกือบติดโต๊ะ

 

“ขอรับข้อเสนอนั้นไว้ละกันครับ”

““ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ!””

 

แป๊ะ ริเซ็ตกับฮารุกะแปะมือเข้าด้วยกัน

 

“แล้วจะต้องทำยังไงล่ะ?”

“ตามพิธีแล้วก่อนอื่นก็เริ่มจากการดื่มชาถ้วยเดียวกันค่ะ จากนั้นก็กรีดนิ้วของแต่ละคนเล็กน้อย ผสมเลือดเข้าด้วยกัน แล้วกล่าวคำสาบานค่ะ”

“เข้าใจแล้วครับ คุณพี่ริเซ็ต”

“ยังไม่เริ่มพิธี่เลยนะคะ?”

 

ถูกจ้องซะแล้ว

 

“แล้วทำไมถึงเรียกริเซ็ตว่า[พี่ริเซ็ต]ล่ะคะ? คิดยังไงท่านโชมะก็อายุมากกว่านี่คะ?”

“การจะถูกเรียกว่าพี่ สำหรับผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้แล้วมันออกจะเกินไปน่ะครับ”

 

แถมถ้าเกิดริเซ็ตเปลี่ยนโลกใบนี้ได้จนเป็นใหญ่เป็นโต ถ้าเกิดผมอยู่ในจุดยืนที่เหมือนกว่าเธอ มันจะน่ารำคาญเอา

เพื่อให้เห็นว่าเป็นลูกน้องของริเซ็ต ผมก็เลยคิดว่าเป็น[น้องชาย]มันจะดีกว่า

 

“ในโลกใบนี้[พี่น้องร่วมสาบาน]ก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับพี่น้องจริงๆล่ะ ยังไงอายุมากกว่าก็ต้องใหญ่กว่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเหรอ”

“ก็เป็นแบบนั้นหรอกครับ…แต่ว่า”

 

มู๊ ริเซ็ตทำแก้มป่อง

“ยอมรับไม่ได้ค่ะ ทั้งๆที่ริเซ็ตอยากจะได้พี่ชายที่สุดยอดมาตลอดแท้ๆ”

“คิดว่าคงจะไม่มีพี่ชายที่สุดยอดอยู่หรอกนะ”

“มู๊”

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่? พี่ริส”

 

ฮารุกะที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำท่ายิ้มเยาะมองมาทางนี้

 

“พี่สาวขี้อ้อน ก็ดีออกนะคะ”

“นั่นล่ะค่ะ!”

 

ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ

 

“แล้วถ้าพี่ริสเป็นพี่สาวของท่านโชมะ ก็จะมีอำนาจเหนือกว่าใช่ไหมล่ะ? หรือก็คือท่านโชมะก็ไม่สามารถต่อต้านพี่ริสได้ ดังนั้นจะอ้อน หรือขอร้องอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“โทษที ผมขอเป็นพี่ชายคนโตละกันครับ”

 

ผมรีบขัดดันที

พอคิดดูแล้ว ถ้าให้ริเซ็ตเป็นพี่สาว มันคงจะอธิบายยากน่าดู

 

“ขอพูดใหม่ละกัน โทษทีนะ เรียงตามอายุ โอเคกันสินะ?”

“ค่ะ! ตกลงค่ะ”

“เราก็ไมค้านค่ะ”

 

ริเซ็ตกับฮารุกะพยักหน้า

ทั้ง2คนซื่อตรงจริงๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มพิธีกันเถอะค่ะ”

 

ริเซ็ตสูดลมหายใจลึก จากนั้นก็เริ่มชงชา

ไม่เหมือนกับเมื่อกี้ เป็นการชงชาลงในถ้วยใบใหญ่ ในนั้นก็มีใบไม้สีชมพูลอยอยู่

ท่าทางจะเป็นใบสมุนไพรที่ใช้ในการชำระล้าง เป็นของที่จะใช้ในตอนทำพิธีสาบาน

 

หลังจากรินชาเสร็จริเซ็ตก็จิบชาแล้วส่งถ้วยมาให้ผม แค่ดื่มเจ้านี่ก็พอสินะ แล้วผมก็แตะปากเข้าที่ด้านตรงข้ามของถ้วย แล้วก็จิบชาเข้าไปหนึ่งอึก

รสชาติดีจริงๆ

 

ก็โลกเดิมนั้นได้ดื่มแต่ชาขวดล่ะนะ

ไม่ได่ดื่มชาชงมานานแล้ว

 

ต่อไปฮารุกะเองก็ทำแบบเดียวกัน

จากนั้นริเซ็ตก็ชี้นิ้วขึ้นเหนือถ้วยชา จากนั้นก็เอามีดแตะ
“…อื้ม”

 

แปะ หยดเลือดเล็กๆหยดใส่ชา

เลือดสีแดง

เหมือนกันกับผม ถึงจะอยู่คนละโลก แต่สีเลือดพวกริเซ็ตก็เหมือนกัน ดื่มอะไรเหมือนกัน กินอะไรเหมือนกัน

ถึงจะเป็นอมนุษย์ ก็ไม่ได้มีอะไรต่างกันมาก

 

“ท่านโชมะเองก็เชิญค่ะ”

 

ริเซ็ตเช็ดมีดด้วน้ำในถ้วยอื่นแล้วยื่นมาให้ผม

ถึงจะไม่ชินกับของมีคมก็เถอะ…แต่ว่า

 

“…ครับ”

 

ผมค่อยๆค่อยๆ…แทงมีดไปที่ปลายนิ้ว ชนหยดเลือดหยดลงไปในชา ฟู้

 

“เอ้”

 

สุดท้ายฮารุกะก็เอามืดจิ้มไปที่นิ้ว–

 

แปะแปะแปะแปะ

 

“ปะ เป็นอะไรไหม!?”

“อื้ม เลียเอาเดี๋ยวก็หายล่ะ”

 

ฮารุกะเลียนิ้วอย่างไม่สนใจอะไร

ผ่านไปสักพักพอเอานิ้วออกมาจากปากก็มีแค่เลือดซึมๆออกมา ดูเหมือนเผ่ายักษ์จะมีอัตราการฟื้นฟูแผลที่เร็ว แต่ว่า จะบ้าบิ่นเกินไปแล้ว ทำเอาเป็นห่วงเลย คุณน้องสาวโว้ย

 

“สุดท้ายก็กล่าวคำพูดสาบานค่ะ ท่องตามริเซ็ตนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ”

“ได้สิ”

 

ริเซ็ตมานั่งที่ด้านขวา ฮารุกะก็มานั่งที่ด้านซ้ายของผม

เก้าอี้ของแต่ละคนเรียงติดกัน แล้วเรา3คนก็จับมือกัน

จากนั้นพวกเราก็เริ่มท่องคำพูดเดียวกัน–

 

“พวกเรา ถึงแม้จะเกิดมาคนละโลก”

 

“แต่ก็จะขอผูกสายสัมพันธ์เป็นพี่น้อง ณ ที่แห่งนี้”

 

“เป็นพี่น้องแห่งจิตวิญญาณ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

 

“ฝ่าฟันยุคมืดนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็จะช่วยโลกนี้”

 

“จะสนิทสนมกลมเกลียวกัน”

 

“เวลาตายก็จะขอตายในเวลาไล่เรี่ยกัน”

 

“ได้คิดว่า[ดีจริงๆที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน]”

 

ผม ริเซ็ต แล้วฮารุกะก็มองหน้ากัน

 

“““ขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ว่าจะเป็นพี่น้องแบบนั้นครับ/ค่ะ”””

 

ปั๊ปปั๊ป ぱんぱん。

 

ผม ริเซ็ต แล้วก็ฮารุกะจับมือของแต่ละคน

มือที่ประสานกันก็มีแสงลอยออกมา–แล้วก็หายไป

 

“…ทะ เท่านี้ริเซ็ต ท่านโชมะแล้วก็ฮารุกะก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วค่ะ”

“พี่น้องร่วมสาบานสินะ”

“ครอบครัวค่า”

 

พูดแบบนั้นเสร็จ ก็ไม่รู้ว่าทำไมริเซ็ตกับฮารุกะถึงจ้องไปที่ฝ่ามือของตัวเอง

 

“…รู้สึก…ชาไปเลยค่ะ”

“พลังเวทของท่านพี่โชมะ สุดยอดไปเลยนะ”

“เอ๊ะ? เพราะผมเหรอ?”

 

พอถามไป ทั้งสองคนก็พยักหน้าไปมา

ผมเห็นแค่มีแสงสว่างวาปขึ้นมาเอง…

 

“คือว่า…นะคะ ท่านพี่โชมะ”

 

ริเซ็ตแก้มแดงเล็กน้อยมองมาที่ผม

 

“อ๊ะ ไม่สิ…คือว่า จะดีไหมคะ? เป็นพี่น้องกันแล้วจะขอเรียกว่า[ท่านพี่] คงจะไม่เสียมารยาทสินะคะ? ท่านพี่ที่เป็นผู้สิบทอดของท่านจักรพรรดิมังกร…อ๊ะ พูดออกไปอีกแล้วค่ะ…”

“ได้สิครับ ท่านพี่ น่ะ”

“…ค ค่ะ”

 

ริเซ็ตสะบัดผมสีเงิน แล้วก็สูดลมหายใจลึก–

 

“ท่านจักรพรรดิมังกรในตำนาน มีการจดบันทึกไว้ว่ามีการตั้งชื่อใหม่ให้กับครอบครัวหรือลูกน้องค่ะ มันสามารถทำได้ด้วยพิธีที่จะใช้พลังเวทค่ะ”

“ตั้งชื่อ?”

 

จะว่าไปสกิลที่ได้มาจาก[สุสานจักรพรรดิมังกร]ก็มีชื่อว่า[[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]]สินะ

ถ้านี่คือสกิลในการ[เพิ่มชื่อ]ตามตัวอักษรล่ะก็ จักรพรรดิมังกรอาจจะใช้เจ้านี่ก็ได้

 

“บางทีท่านพี่โชมะ อาจจะทำเรื่องแบบเดียวกันนี้กับพวกริเซ็ตที่เป็นน้องสาวแล้วได้ค่ะ”
“ตอนที่เกิดอาการชาเมื่อกี้ ก็เป็นหลักฐานถึงการเชื่อมกับท่านพี่ที่บอกว่าสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ค่ะ?”

“นั่นสินะคะ ฮารุกะ ริเซ็ตก็คิดแบบนั้นค่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง สมกับเป็นท่านพี่เลยนะ”

 

ไม่สิ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ

เดิมทีไอ้วิธีการใช้งาน[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]ก็ยังไม่รู้ด้วยสิ เพราะคิดว่าจะคืนสกิลนี้ให้กับริเซ็ต ก็เลยไม่อยากจะใช้ถ้าไม่จำเป็น

 

“ไม่ได้แล้วค่ะ อาหารจะเย็นหมดแล้วค่ะ”

 

พูดแบบนั้นแล้วริเซ็ตก็ปรบมือตัวเองดังแปะ

 

“เรื่องยากๆเอาไว้ทีหลังละกันค่ะ มากินข้าวมื้อแรกในฐานะพี่น้องกันเถอะค่ะ ทานละนะคะ”

““ทานละนะครับ/คะ!””

 

ผมกับฮารุกะมองหน้ากัน แล้วก็เอาปรบมือด้วยกัน

รู้สึกเขินยังไงไม่รู้ การได้กินข้าวกับครอบครัวเนี่ย กี่ปีแล้วกันนะ

 

หลังจากนั้นผม ริเซ็ตแล้วก็ฮารุกะก็คุยเรื่องของกันและกันไปพร้อมๆกับกินข้าว ระหว่างนั้นริเซ็ตก็คิดที่จะพูดเกี่ยวกับ[ยุคมืด]–

ฮารุกะที่เบื่อจะฟังเรื่องน่าเบื่อก็เลยพูดบอกว่าไว้จะไปขอบคุณสำหรับอาหารกับทุกคนในหมู่บ้านหลังจากนี้– ความรู้สึกยินดีที่ได้อาหารอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกบนโลกนี้–ผมก็เลยตัดสินใจลับๆไม่ให้ทั้งสองคนรู้…ว่าจะ“ทำงานตอบอทนในส่วนของค่าอาหาร”

 

แต่ว่า ผมเหนื่อยแล้ว…ตอนที่กินหมดไปครึ่งหนี่ง ผมก็ขอตัวไปพักก่อน

 

“ฝันดีนะคะ ท่านพี่โชมะ”

“พักผ่อนให้สบายนะ ท่านพี่โชมะ!”

 

“ราตรีสวัสดิ์ ริเซ็ต ฮารุกะ”

 

ผมโบกมือให้ทั้งสองคนแล้วออกจากห้อง

เหมือนกับเป็นครอบครัวจริงๆงั้นเหรอ…รู้สึกเขินจริงๆ จั๊กจี้ยังไงไม่รู้–

 

ในฐานะพนักงานบริษัทวัยเกือบสามสิบแล้ว มันสุดๆแล้วล่ะ

…หวังว่าหลังจากนี้จะชินได้นะ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด