ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 6

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 6 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.6 – ลมหายใจแห่งราชาที่จะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 ──มุมมองโชมะ──

 

 

 

 

[แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!]

 

อสูรตัวที่ใหญ่กว่าตัวอื่นคำรามออกมา

พร้อมกับเหวี่ยงดาบไปมาด้วยแขนข้างเดียว น่ากลัวแฮะ

 

[แก! แกเองเหลอ คนที่ตัดแขนของข้า!!]

“…แกจริงๆด้วยสินะ”

 

ก็อบลินสีดำที่ผมตัดแขนขาดไปเมื่อวาน

สุดยอดไปเลยแฮะ พลังชีวิตของอสูรเนี่ย ขนาดแขนขาดก็ยังไม่ตาย…

 

“ก็ไม่ได้ใจเด็ดขนาดจะฆ่าให้ตายนี่นะ…”

“ท่านโชมะเป็นคนจัดการเจ้านั้นจริงๆสินะคะ?”

 

อ๊ะ…ความแตกแล้ว

ไม่สิ ปิดยังไงก็ไม่อยู่สินะ ตอนนี้ผมก็ใช้[ปลุกเผ่ามังกร]อยู่ด้วย

เกล็ดมังกรก็เห็นเต็มๆตา ความสามารถร่างกายนี้ก็เกิดจากการปลุกขึ้นมา

 

ที่ใช้เวลาตามริเซ็ตมานานก็เพราะทางมันไม่ค่อยดีบวกกับผมใช้ความสามารถร่างกายยังไม่คล่อง

วิ่งเต็มแรงก็เกือบจะชนต้นไม้เอา ก็เลยหักเลี้ยวซะจนตกแม่น้ำ

 

ก็โลกก่อนทำแต่งานเลยไม่ได้ออกกำลังกายเลย ถึงจะมีความสามารถร่างกายสูง แต่ก็ตอบสนองได้ไม่ทันอยู่ดี

ถึงจะใช้พลังของมังกรได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็จะไร้เทียมทาน

 

“ถ้าใช้พลังได้คล่องก็คงจะจัดการหมอนี่ได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะนะ…”

 

แต่ว่า ก็อบลินที่อยู่ตรงหน้าก็ยังแกว่งดาบตะโกนไปมาได้อย่างสบายๆ

ดูเหมือนว่าถ้าเกิดไปดูถูกพลังชีวิตของอสูรล่ะก็คงแย่แน่ๆ

 

“นี่ดันไปสร้างปัญหาให้ริเซ็ตกับพวกเด็กๆไหมเนี่ย”

“ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าได้ท่านโชมะตัดแทนให้ข้างหนึ่งถึงได้ยังต่อสู้ไหวค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดอยู่ข้างๆผม

 

“[ก็อบลิน ลอร์ด]นี้อาศัยอยู่ในป่าลึก เป็นคนสนิทของ[อัศวินดำ]ค่ะ ถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์…ริเซ็ตคนเดียว คงไม่สามารถปกป้องพวกเด็กๆไปด้วยได้หรอกค่ะ”

“ถ้าพูดแบบนั้นก็ดี แต่ว่า ช่วยบอกสักเรื่องจะได้ไหมครับ?”

“ค่ะ ไม่ว่าอะไรก็เชิญค่ะ ท่านโชมะ”

“เมื่อกี้ริเซ็ตปล่อยไฟจากมือสินะ เจ้านั่น ทำยังไงน่ะ?”

 

ผมถาม

ริเซ็ตทำหน้าตกใจเล็กน้อย

 

“จริงๆแล้วมันเป็นเวทมนต์พื้นฐานแรกสุดค่ะ รวบรวมพลังเวท…ไปไว้ที่มือ แล้วก็ร่ายคาถาสร้างขึ้นมาค่ะ คาถานั้นก็เหมือนกับกุญแจที่จะทำให้เปิดใช้งาน ดังนั้นรายละเอียดจะเป็นยังไงก็ได้ค่ะ จินตนาการคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ริเซ็ตสามารถใช้ได้…ก็เป็นพื้นฐานของพื้นฐานจริงๆค่ะ–”

[ผู้ดอะไรกานอยู่ด้ายยยย!!]

 

ก็อบลินสีดำตัวใหญ่–[ลอร์ด]ตะโกนออกมา

 

[แก! เป็นคราย!? จะเมื่อวานหรือวันนี้ ทำไมถึงเอาแต่ขัดขวางข้าอยู่ด้ายยย!?]

“ไม่รู้ว้อย”

[ศัตรูของข้า! ศัตรูของข้าาาา!]

“…ถ้าไม่คิดจะคุยก็อย่าพูดสิวะ”

 

น่าหงุดหงิดจริงๆ

ทางนี้ก็เหนื่อยเป็นนะ

 

ทั้งๆที่คิดว่าลาออกจากงานก็จะได้เป็นอิสระแล้ว แต่ก็ถูกอัญเชิญมาต่างโลก

แถมยังบอกว่าเป็นความผิดพลาดเลยไม่ได้ความสามารถอะไรมาอีก

แถมยังเป็นโลกยุคมืดที่มีอสูรเกิด ในระดับเวรี่ฮาร์ด

 

“…พอลาออกจากงาน อยู่ๆก็มาอยู่กลางป่าในต่างโลก…นี่นะ”

 

แน่นอนว่าไม่ได้เสียใจสักนิดที่ลาออกจากงาน

ถ้ายังอยู่ในที่แบบนั้นก็รู้สึกว่าคงจะตายในฐานะสิ่งมีชีวิตอยู่ดี ดังนั้น ถึงจะย้อนเวลากลับไปใหม่ ก็จะทำแบบเดิม

 

ทั้งเรื่องที่ถูกอัญเชิญอีก…เอาเถอะ ก็ช่วยไม่ได้นี่นา

คุณเทพธิดาเอง ก็ไม่ได้ตั้งใจแกล้งด้วย แถมยังอธิบายเรื่องราวให้ จดหมายก็ทิ้งไว้ให้

 

ริเซ็ตก็เป็นคนดี รับฟังคำพูดของผม นอกจากนั้นยังแอบไปได้ยินหน้า[สุสานจักรพรรดิมังกร]ว่า”ไม่อยากจะต่อสู้”อีก ขืนไปปล่อยให้เธอไปสู้ผมได้รู้สึกแย่แหงๆ ถึงจะไม่รู้วิธีสู้ แต่ก็พอจะเป็นเหยื่อล่อให้ได้ ดังนั้นก็เลยมาที่นี่

 

…เอ๊ะ? ไม่เข้าใจเข้าแล้วสิ นี่ผมกำลังหงุดหงิดอยู่กับอะไรเนี่ย?

 

[ฆ่า! แก! แกต้องตายยย!]

 

ลอร์ดคำรามน้ำลายฟูมปาก

พอเห็นเจ้านี่ ก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงได้โกรธ

 

“…อา งั้นเหรอ นาย ไม่ฟังที่ผมพูดเลยสินะ”

[หา?]

“ถึงจะฟังรู้เรื่อง ถึงจะพูดภาษาคนได้ แต่นาย ไม่ได้สนใจผมเลยสินะ? ถึงจะถามว่า[เป็นใคร]ก็เถอะ แต่ได้ยินไปแล้วจะทำไมล่ะ ยังไงนายก็จะฆ่าผมอยู่แล้วนี่”

 

กึ๊กกึ๊ก ราวกับมีเสียงดังขึ้นจากภายในหัว

ตอนที่ลาออกจากงาน ผมโกรธจัด

 

รู้สึกว่าจริงๆแล้วก็โกรธจัดมานานมากแล้ว ไม่เข้าใจ นึกไม่ออกเลย

ราวกับความทรงจำถูกผนึกอยู่อย่างนั้น

 

[อะไล!? แกพูดเลื่องอะไล!?]

“จะให้พูดเหรอ ก็อบลินดำ ทำไมนายถึงอย่างจะฆ่าพวกเราล่ะ? ทำไมถึงได้โจมตีพวกเด็กๆล่ะ?”

[เพราะว่ายุคของมนุด มันจบลงแล้วยังไงล่ะ!]

 

เห

 

[วิชาที่“จักรพรรดิเพลิงทมิฬ”อันยิ่งไหย่หลงเหลือเอาไว้ก็คือเส้นทางสัมหลับพวกข้าสู่โลกใบนี้ พวกแกจะต้องลาบคาบ มันคือโชคชะตาที่แน่นอนอยู่แล้ว! โลกใบนี้มันก็เป็นแบบนั้นล่ะ!]

“โลกใบนี้มันเป็นแบบนั้น งั้นเหรอ”

 

ก่อนหน้านี้ก็เลยได้ยินมาสินะ คำพูดนั้น จากใครกันนะ

มาพูดแบบนั้นเอาตอนที่กำลังหงุดหงิด มันก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่

 

“มันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่านะ ลองพิสูจน์ดูหน่อยไหม”

[แกนั่นล่ะทำไม!?]

“หืมม?”

[พลังนั่น มันเป็นของ“ราชาปลอม”สินะ!? แล้วทำไมถึงเป็นพวกเดียวกับอมนุดย์ล่ะ!?]

“จะไปรู้เหรอฟะ”

 

ผมหันดาบเข้าใส่ก็อบลินลอร์ดสีดำ

พวกอสูรตัวอื่นไม่ขยับ เพราะว่าริเซ็ตระวังหลังให้ผมอยู่

 

พวกเด็กๆอยู่ระหว่างผมกับริเซ็ต

ทุกคนนั้นตัวเล็กประมาณเด็กประถมต้น

…เหตุผลที่เป็นพวกเดียวกับเด็กพวกนี้? เรื่องแบบนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้วสิ

 

“ถ้าให้พูดตามตรง ผมก็เกือบสามสิบแล้ว อีกไม่นานก็จะเป็นตาลุงอยู่แล้วน่ะ”

[หา?]

“ตาลุงเนี่ย ต้องใส่ใจกับเด็กที่ร้องไห้ให้มากเลยนะ ถ้าอยู่ๆส่งเสียงทักไปก็จะกลายเป็นคนน่าสงสัยอีก จะไปช่วยตรงๆเลยก็ไม่ได้…แต่ว่า! ถ้ามีเด็กกำลังจะถูกฆ่าตรงหน้า มันก็ต้องไปช่วยอยู่แล้วสิ! ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องอะไรน่าอายหรอกนะ! ไอ้ปีศาจ!!”

[พูดอะไลบ้าๆ!!]

 

กิ๊ง!

ดาบสนิมที่ฟาดลงมาของก็อบลิน ลอร์ดสีดำถูกหยุดไว้ด้วยดาบ

ดาบที่คุณเทพธิดาให้มาก็หักลง

 

ไม่ไหวจริงๆสินะ

ผมไม่มีฝีมือดาบสักนิด แค่รับไว้ด้วยพลังมังกรก็สุดฝีมือแล้ว

 

“…ต้องลองใช้เวทมนต์ดูงั้นเหรอ”

 

วิธีการใช้ริเซ็ตได้บอกมาเมื่อกี้แล้ว

ก่อนอื่นก็รวมพลังเวทไว้ที่มือ

เพราะว่า[ปลุกเผ่ามังกร]นั้นใช้พลังเวทเป็นแหล่งพลังงาน ดังนั้นผมเองก็มีพลังเวทแน่ๆ

 

ก่อนอื่น…ก็รู้สึกถึงสิ่งที่น่าจะเป็นพลังเวท…

……อืม มีอะไรอุ่นๆ ไหลเวียนอยู่ในร่าง เจ้านี้ล่ะมั้ง

งั้นต่อไปก็จินตนาการสูดมันเข้าไปในร่าง…

สูด ซู๊ด ลมหาย เข้าไป

 

“–ท่านโชมะ!?”

“““พี่ชาย!!?”””

[ไลกัน!? กานไหลของพลังเวทนี่—-!?]

 

–นี่มันอะไรกัน

นี่คือพลังเวทงั้นเหรอ? รู้สึกคิดถึงแบบแปลกๆ

รู้สึกเหมือนเคยเจอในโลกเดิม…เหรอ?

 

ไม่มีทางน่า ถ้าเกิดเคยโลกของผมคงเต็มไปด้วยดาบกับเวทมนต์แล้ว ทั้งๆที่พัฒนาวิทยาการไปถึงขั้นนั้น ก็คงไม่พลาดของอย่างพลังเวทอยู่แล้วล่ะ โลกของผมคงจะไม่มีเวทมนต์ ถ้ามีก็คงจะน้อยมาก

 

ส่วนโลกใบนี้ รู้สึกได้เลยว่ามีอยู่มากมายราวกับเป็นอากาศ

ไหลเข้ามาในร่างเหมือนกับต้นไม้ทำการดูดน้ำขึ้นมา

…พอทำแบบนั้นก็เริ่มเข้าใจวิธีการใช้[ปลุกเผ่ามังกร] ราวกับความทรงจำเก่าแก่ในร่างกำลังหลั่งไหลออกมา รู้ดีว่าต้องทำยังไงต่อ

ก่อนอื่นก็รวมพลังเวทไว้ที่มือทั้งสองข้าง

 

[บ้าน่า! หยุด หยุดนะว้อยยยยยย!!!]

“…ต่อจากนี้ ก็ต้องร่ายคาถา…”

 

ดูเหมือนจะใช้เป็นแค่กุญแจในการใช้งาน ริเซ็ตบอกเอาไว้ว่า จินตนาการนั้นสำคัญที่สุด

จินตนาการเหรอ…

 

ถ้าพูดถึงมังกร มันก็ต้องเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกสิ่งสินะ

ทั้งในเกมและนิทาน มังกรก็เป็นอสูรที่ทรงพลังและเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน แล้วในโลกใบนี้ก็เป็นถึงราชา

ถ้าพูดถึงสิ่งที่ราชาองค์นั้นจะปล่อยออกมา–

 

“จงมา–เพลิงมารที่เผาพลาญซึ่งทุกสิ่งอย่างเอ๋ย จนมาปรากฎพร้อมกับลมหายใจนี้–”

[หนีไปซะ! ทุกคนหนีปายยยยยยยยยย!!!]

 

ไม่ปล่อยให้หนีหรอก

ผมเอาสองมือที่เต็มไปด้วยพลังเวท วางไว้ตรงเบื้องหน้าของใบหน้า

จากนั้นก็สูดหายใจ แล้ว–พ่นออกมารวดเดียว!

 

 

 

“จงแผดเผาศัตรูของข้าให้เป็นจุล–ลมหายใจแห่งมังกรเอ๋ย! [Breath(มังกรคำราม)]!!”

 

 

 

ลำแสงเพลิงพุ่งออกมาจากปากของผม

ตามจริงก็คือจากช่องว่างระหว่างมือทั้งสองที่ตั้งอยู่หน้าใบหน้าของผม

 

พุ่งออกไปขยายออกตรงข้างหน้าของผมประมาณ30เซน คลุมไปทั่วร่างของ[ก็อบลิน ลอร์ดดำ]

 

[กว๊ากกกกกกกก!!]

 

กรัดร้องอย่างทรมาน

เปลวเพลิงปกคลุมทั่วร่างของมัน–ไม่ใช่แค่นั้น

เปลงเพลิงที่พ่นออกไปนั้นยังเป่าร่างซีกขวาของ[ก็อบลิน ลอร์ดดำ]ไปด้วย

นี่มันอะไรกัน

ราวกับเป็น[ลมหายใจมังกรที่พ่นออกมาจากปากของคน]เลยไม่ใช่เหรอ

 

“ริเซ็ต! พวกเด็กๆด้วยหลีกออกไปก่อน!”

“คะ ค่ะ!” “““ครับ/ค่ะ! พี่ชาย!”””

 

พอเห็นว่าพวกริเซ็ตหลบไปแล้ว ผมก็หันไปซ้ายและขวา

เพื่อให้เปลวเพลิงโดนพวกก็อบลินตั้งแต่พวกก็อบลินด้านขวาสุดไปจนถึงซ้ายสุดทั้งหมด

 

[[[[โกบุ๊!!!!!?]]]]

 

ตอนที่ย่างไปได้5ตัว–พลังเวทก็หมด

พร้อมกันนั้น[ปลุกเผ่ามังกร]ก็คลายออก

ดูเหมือนจะพ่นไฟออกไปมากเกินไป ยิ่งพลังทำลายสูงก็ยิ่งกินพลังเวทเยอะสินะ

ทั้งเปลวเพลิงทั้งเกล็ดมังกรก็หายไป ผมกลับเป็นแบบปกติ

 

[–ฮิ ฮี๊]

 

ก็อบลินยังเหลือรอดอยู่2ตัว จับดาบหันมาทางนี้

ท่าทางจะไม่คิดหนี

 

“ฝากได้เลยค่ะ! ท่านโชมะ!”

 

ดาบของริเซ็ต ตัดเข้าไปที่ลำคอของก็อบลินที่เหลือรอด

 

[–กุกะ]

 

พวกก็อบลินล้มลงบนพื้นแล้วไม่ไหวติง

ดูเหมือนจะจบแล้ว

 

“…เฮ้อ”

 

…กลัวจัง

ก็อบลิน เหรอ ในโลกแฟนตาซีก็เป็นอสูรที่อ่อนที่สุดสินะ

การที่ตรึงมือกับพวกนี้ แสดงว่าพลังของผมมันก็ไม่ดีเด่อะไร ขนาดใช้พลังเวทจนหมดก็ยังจัดการให้หมดไม่ได้

 

พวกผู้ถูกอัญเชิญตัวจริงเนี่ย คงจะไม่ใช่แบบนี้สินะ

แล้วก็…เนี่ย แขนยังสั่นอยู่เลย

 

ถึงจะปล่อยตัวไปตามอารมณ์ก็เถอะ แต่พอใจเย็นลงก็เป็นแบบนี้ บางทีผมคงจะไม่เหมาะกับการต่อสู้

–ถึงเมื่อกี้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธก็เถอะ

 

“…พี่ชาย”

 

พอรู้สึกตัว เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ก็มองมาที่ผม

 

“ขอบคุณที่ช่วยค่ะ! พี่ชาย เก่งสินะคะ!”

“…ไม่หรอก”

 

ผมสะบัดฝุ่นที่ก้นแล้วลุกขึ้นยืน

ยื่นมือออกไป–จะลูบหัวของเด็ก แต่ก็ต้องหยุด

ในโลกเดิมถ้าทำแบบนี้กับเด็กที่เจอกันครั้งแรกก็เป็นอาชญากรแน่ๆ แต่ทำได้สินะ

เด็กผู้หญิงเองก็หลับตายื่นหัวมาให้ผมแล้ว ถึงบนหัวจะมีเขาสีงาช้างงอกออกมาก็เถอะ

 

“ช่วยลูบเถอะค่ะ ท่านโชมะ”

 

ริเซ็ตเห็นผมแบบนั้นแล้วหัวเราะออกมา

 

“ว่ากันว่าการถูกคนที่แข็งแกร่งลูบเขาจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นด้วยค่ะ”

“ที่เขาเหรอ?”

“ค่ะ หมู่บ้านฮาซามะที่ดูแลริเซ็ตนั้นเป็นหมู่บ้านของ[เผ่ายักษ์]ค่ะ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าของเผ่ายักษ์ค่ะ”

 

–เผ่ายักษ์

มีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ มีสินะ

เด็กตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าผมยื่นเขามาให้แล้วหัวเราะออกมา

 

“เอเฮะเฮะ–”

“…เอ เด็กดีเด็กดี”

 

ได้คำอนุญาตแล้วผมก็เลยลูบหัวเด็กผู้หญิง

เขานั้นแข็งและอุ่น รู้เลยว่าไม่ใช่ของที่สร้างขึ้นมา

งั้นเหรอ โลกใบนี้นอกจากคนที่สืบสายเลือดของมังกรแล้ว ก็ยังมีคนที่สืบสายเลือดของยักษ์สินะ–

 

ปิ๊ง

 

มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นในหัวของผม

…เอ๊ะ?

จะว่าไปแล้ว…เมื่อวานตอนที่ยืนยันตัวตนของมังกรก็มี[ปลุกเผ่ามังกร]โผล่ออกมาสินะ

งั้นในตอนนี้ที่ผมยืนยันตัวตนของยักษ์แล้ว ก็หมายความว่า–

 

 

 

[ปลุกเผ่ายักษ์]

 

สกิลที่สามารถใช้ได้ด้วยการยืนยันตัวตนของยักษ์

สามารถใช้พลังและความสามารถในการฟื้นฟูของยักษ์ได้

 

 

 

เพิ่มมาแล้ว

 

…ในโลกใบนี้ ผมเป็นอะไรกันแน่เนี่ย…

 

“–พระองค์ท่าน? เป็นอะไรเหรอคะ?”

“ใครเป็นพระองค์ท่านกันฟะ”

 

อย่าเรียกคนด้วยชื่ออะไรแบบนั้นสิ ริเซ็ต

 

“พระองค์ท่าน!” “พระองค์ท่าน–” “พระองค์โชมะ–!”

 

พวกเด็กๆเองก็อย่ามาล้อมแล้วทำท่าบันไซสิ!

 

“อ๊ะ ไม่สิ ขอโทษค่ะ เห็นท่านโชมะกำลังทำท่าทางคิดมากก็เลย…”

“แค่คิดเรื่องต่อจากนี้น่ะครับ”

“ต่อจากนี้ เหรอคะ”

“ก็ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้สักนิดเลยน่ะครับ”

 

ถึงจะความแตกกับพวกเด็กๆว่าเป็นคนต่างโลกก็เถอะ แต่ปิดไปก็ไม่ได้อะไรแล้ว

เล่นปล่อยพลังไปซะขนาดนั้น

 

แถมถ้าเป็นคนต่างโลกก็คงจะไม่คิดว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับ[จักรพรรดิมังกร]

 

“ก็ไม่ได้จะขอเป็นรางวัลที่ช่วยหรอกนะ แต่อยากจะขอสักสองเรื่องได้ไหมครับ?”

 

ผมพูดออกไป

 

“อย่างแรก ระหว่างที่เดินกันอยู่ อยากให้ช่วยบอกเรื่องราวของโลกนี้ที”

 

ผมจะต้องเอาตัวรอดในโลกแห่งนี้

เพื่อการนั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลความรู้

ทำยังไงถึงจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ดีที่สุด ต้องทำยังไงถึงจะรีบๆชินกับงานแล้วใช้เวลาที่เหลือแบบสบายๆได้ ตอนนี้คือช่วงที่ควรจะเก็บเกี่ยวข้อมูลให้มากที่สุด

 

“อีกหนึ่งอย่าง…คือว่า ถ้าได้จะดีมากเลยครับ ในช่วงหลายวันนี้…อยากจะขออยู่ในหมู่บ้านได้ไหมนะ?”

 

ทางนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก ก็เป็นคนนอกนี่นา

แต่ว่า

 

“ค่ะ! ริเซ็ตเองก็ยินดีเป็นอย่างมากค่ะ!”

““ครับ/ค่ะ พี่ชาย!!””

 

ริเซ็ตกับพวกเด็กๆพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด