ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต 33

Now you are reading ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต Chapter 33 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.33 – ราชาผู้พิชิต นามที่ผู้คนต่างก็ต้องกู่ร้องสรรเสริญ

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 ──ที่หมู่บ้านข้างเคียง──

 

“จงเชื่อฟังแต่โดยดีเจ้าพวกชาวบ้าน! ต่อพวกเรา[ลัทธิปลุกแผ่นดิน] ผู้จะนำมาซึ่งราชวงศ์ใหม่!!”

 

ชายสวมผ้าคลุมสีเหลืองตะโกนใส่ฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ใจกลางหมู่บ้าน

ด้านหลังมีผู้ชายเกราะเหล็กประมาณ20คน ทุกคนถืออาวุธ

รอบๆมีบ้านหลายหลังที่กำลังลุกไหม้ พวกคนของลัทธิที่อยู่ๆก็โผล่มาเป็นคนที่ปล่อยไฟออกมา แล้วยังไม่ทันมีเวลาไปดับ พวกผู้ชายของลัทธิก็ถืออาวุธมาขู่พวกชาวบ้าน

 

พอพวกชาวบ้านได้ยินชื่อของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ก็ตัวสั่น

เรื่องที่ลัทธิทำการเผาหมู่บ้านช่วงชิงผลผลิต พวกชาวบ้านเองก็รู้ดี

ที่ไม่สามารถรับมือพวกมันได้เป็นเพราะมีข้อมูลไม่เพียงพอกับเพราะ[เจ้าเมืองคิโทล]กำลังเคลื่อนไหวเพื่อจัดการลัทธิ ดังนั้นพวกชาวบ้านก็เลยไม่คิดสักนิดว่าจะมาโจมตีหมู่บ้านตรงๆในสถานการณ์ตอนนี้

“ท่านมหาจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ จะนำความสิ้นหวังมาให้กับราชอาณาจักรอาริเชียที่เน่าเฟะ!”

 

ผู้ชายชาวลัทธิตะโกนต่อโดยไม่สนความคิดแบบนั้นของพวกชาวบ้าน

 

“ท่านมหาจอมเวทได้รับสารมาว่า[จงใช้เวทมนตร์เก่าแก่ในการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ซะ] พวกเราจึงรับฟังและเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งที่ถูกต้องนั้น! ผู้ที่ต่อต้านมันก็คือ[ความชั่วร้าย]!!”

“…เจ้าพวกนั้นมันพูดซะใหญ่โตเชียว เอาไงดีล่ะ?”

 

ในใจกลางของชาวบ้านที่มารวมตัวกัน ก็มีชายร่างใหญ่พึมพำออกมา

 

“แน่นอนว่า[หมู่บ้านฮาซามะ]ของพวกเราไม่คิดจะเข้าร่วมกับลัทธิหรอก ถ้าพวกคุณจะทำตามพวกลัทธิ ก็ขอตัวกลับล่ะ?”

 

ผู้ชายเผ่ายักษ์–กัลลุงก้า หันไปมองชาวบ้านแล้วพูดออกมา

 

“…พวกเราเอง ก็ไม่คิดจะทำตามลัทธิหรอก”

 

ผู้ชายผมขาวที่อยู่ด้านหลังเขา–ผู้ใหญ่บ้าน ส่ายหน้า

 

“…ดีจริงๆที่มีพวกเจ้าอยู่ ถ้าแค่พวกเราบางทีคงจะทำได้แค่ตัวสั่นล่ะนะ”

“ทางนี้เองก็แค่มาขายไม้เองนะ”

 

พวกกัลลุงก้าเผ่ายักษ์ ตั้งแถวปกป้องชาวบ้าน

พวกเขามาที่หมู่บ้านนี้เพื่อขายไม้เมื่อประมาณ1ชั่วโมงก่อน

ในตอนนั้นหมู่บ้านก็โดน[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]โจมตีแล้ว

 

หน้าที่ของพวกกัลลุงก้านอกจากขายไม้แล้วก็ยังมีอีกอย่างหนึ่ง

เพื่อทำหน้าที่นั้นให้สำเร็จ พวกกัลลุงก้าจึงเข้าไปอยู่ร่วมกับพวกชาวบ้าน

 

“จะให้ยืมพลังงั้นเหรอ? พวกเผ่ายักษ์”

 

ชาวบ้านส่งเสียงข้ามหลังของกัลลุงก้ามา

 

“พวกที่ไล่อมนุษย์ไปชาวบ้าน…ถึงจะเป็นพวกชนชั้นสูงของอาริเชีย แต่ก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรานะ…”

“ไม่ต้องสนใจหรอกน่า เรื่องให้มองข้ามเผ่ามนุษย์ไปน่ะ องค์ราชาไม่เคยพูดไว้สักหน่อย”

“…องค์ราชา?”

“เดี๋ยวก็เข้าใจ อย่างพวกลัทธิน่ะไม่ใช่ปัญหาหรอก ถ้ามีพลังของราชาของพวกเราอยู่!”

 

เผ่ายักษ์จับอาวุธขึ้น

พวก[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ที่อยู่ห่างไปเล็กน้อยก็ยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

 

“อมนุษย์ เหรอ”

 

ผู้ชายชาวลัทธิที่สวมผ้าคลุมสีเหลืองบ้วนน้ำลายออกมา

 

“ถ้ามาร่วมกองทัพของพวกเรา จะให้ร่วมอยู่ปลายแถวของราชวงศ์ใหม่ก็ได้?”

“รอก่อนนะ ขอตรวจสอบอะไรสักเรื่องหน่อย”

 

กัลลุงก้าหยิบกระดาบไม้แผ่นเล็กๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เป็นของที่เขาได้มาจากโชมะตอนที่ออกจากหมู่บ้าน

 

[คุณกัลลุงก้า เผื่อเจอกับ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ระหว่างเดินทาง ยังไงก็ต้องหนีเท่านั้น

เพียงแต่ ถ้าอีกฝ่ายเป็นพวกชอบพูด ปากเบา บ้าจี้ตามได้ง่ายๆล่ะก็ อยากห้ถามคำถามนี้ให้หน่อย อาจจะได้ข้อมูลของพวกมันมาก็ได้]

 

เผ่ายักษ์กัลลุงก้า ได้รับข้อความแบบนั้นมาจากโชมะ

 

“…[ขอถาม ถ้าเข้าร่วมลัทธิแล้วจะได้อะไรดีๆงั้นหรือ?]”

“…อ๊า?”

 

ชายผ้าคลุมหรี่ตาอย่างแปลกใจ

 

“[ถ้าไม่มีข้อดีอะไร ต่อให้ชวนไปคนก็ไม่น่าจะเข้าร่วมใช่ไหมล่ะ การที่รวบรวมคนมาได้ แสดงว่าการเข้าร่วมลัทธิ ก็คงจะมีอะไรดีสักหน่อยสินะ]”

 

เผ่ายักษ์กัลลุงก้าพูดต่อโดยไม่สนสีหน้าของชายคนนั้น

 

“[ถ้าเกิดมนุษย์ของลัทธิเป็นพวกที่พูดเป้าหมายของตัวเองอย่างสูงส่ง ก็คงจะเหลิงแล้วตอบคำถามแน่ๆ มีค่าพอให้ลองดู]–อ๊ะ ตรงนี้ไม่ต้องอ่านก็ได้สินะ”

“พูดอะไรน่ะ? เผ่ายักษ์”

“ขอเอาใหม่ [ถึงจะเผาหมู่บ้านบังคับผู้คนให้เข้าร่วมก็เถอะ แต่การที่มีกลุ่มคนมารวมกันตอนแรกแสดงว่าต้องมีข้อดีอยู่แน่ๆ ถ้าได้รู้เรื่องนี้ก็อาจจะทำให้รู้จุดอ่อ] …อืมม ลายมือขององค์ราชานี่ยากแฮะ…อา อ่านแบบนี้สินะ”

 

เผ่ายักษ์กัลลุงก้ายกมือขึ่น เผ่ายักษ์คนอื่นๆก็สูดลมหายใจพร้อมกัน หนึ่งสอง แล้วก็

 

“[สุดยอดไปเลยนะ! แล้วถ้าเข้าร่วมลัทธิจะมีอะไรดีล่ะ!?]”

 

พวกเผ่ายักษ์ทำหน้าจริงจังถืออาวุธหันหน้าถามผู้ชายเสื้อคลุมออกไป

 

“…ได้สิ จะบอกให้ พวกชาวบ้านเองก็ฟังให้ดี”

 

ชายเสื้อคลุมยืดอกอย่างมั่นใจ

 

“พวกเรา[ลัทธิปลุกแผ่นดิน] สามารถควบคุมแมลงได้ด้วยพลังของท่าน[Great Horn]!”

“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วไม่ต้องบอกก็ได้”

“หุบปาก! แล้วก็เบิกตาดูให้ดี! นี่คือพลังของลัทธิยังไงล่ะ!!”

 

ชายผ้าคลุมหันไปกระพริบตาให้ข้างหลัง

ชายร่างเล็กที่อยู่ท่ามกลางพวกทหารก็แทงไม้เท้าลงบนพื้น

 

[วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊]

 

เสียงกระพือปีกดังขึ้น

เสียงปีกของแมลง

 

มีแมลงขนาดยักษ์ปรากฎตัวออกมาจากผ้าคลุมของชายคนนั้น

ขนาดก็สูงพอๆกับเด็ก เป็นตั๊กแตนที่มีลำตัวยาว ขากรรไกรยื่นออกมา แล้วก็ปีกที่ยาว–ไม่สิ ตั๊กแตนปาทังกาสินะ

 

“[ขออัญเชิญมาจากเพลิงสีดำทมิฬ อสูรรับใช้ผู้ยิ่งใหญ่]”

 

ทุกครั้งที่ชายร่างเล็กที่ถือไม้เท้าพึมพำ ก็มีตั๊กแตนปาทังกาขนาดใหญ่ออกมาจากข้างในผ้าคลุมเรื่อยๆ

เป็นจำนวน15ตัว

พวกมันตั้งแถวอยู่ซ้ายขวา แล้วผู้บริหารลัทธิที่สวมผ้าคลุมก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

 

“จงดูซะ! อสูรแมลงนี่ ถ้าใช้เจ้านี่ ก็สามารถกัดกินไร่นาได้ภายในเวลาเพียงชั่วครู่ เป็นการช่วงชิงของกิน เพื่อให้เกิดสภาวะอดอยาก การที่สามารถควบคุมอาหารของผู้คนได้ ก็เทียบได้กับการควบคุมคน นั่นล่ะคือข้อดีของการรับใช้[ลัทธิ]ล่ะ”

“งั้นเหรอ เข้าใจแล้วล่ะ”

 

กัลลุงก้าพยักหน้า

 

“ไว้กลับไปแล้วจะไปบอกราชาให้”

“ราชางั้นเหรอ?”

 

ผู้ชายของลัทธิเอียงคอสงสัย

 

“ราชาของเผ่ายักษ์…? ใครกันน่ะ เจ้านั่น”

“เป็นผู้ที่ลัทธิชั่วร้ายยอย่างพวกแกไม่มีทางเอื้อมถึงยังไงล่ะ เป็นผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงชายแดนอันรกร้างให้เป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ผู้มองทะลุไปถึงใจกลางที่ลึกที่สุดของโลก ที่แม้แต่เทพธิดาลำดับที่แปดบนสรวงสวรรค์ยังต้องหวาดเกรง!”

“อะ…อะไรนะ!?”

“อย่าง[แมลง]ของลัทธิน่ะ แค่คิดจะเข้ามาในเขตแดนของราชาก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกเดี๋ยวก็จะได้เข้าใจ ว่าต่อหน้าท่านผู้ที่จะปกครองทุกเผ่าพันธุ์แล้ว อย่างพวกแกน่ะทำอะไรไม่ได้หรอก!”

 

กัลลุงก้ากับพวกเผ่ายักษ์พร้อมใจกันตะโกนออกไป

พวกชาวบ้านส่งเสียงเอะอะโวยวาย

 

“ราชาแห่งอมนุษย์…เหรอ”

“ปกครองทุกเผ่าพันธุ์…หรือก็คือ มนุษย์ด้วยเหรอ?”

“พวกอสูรแมลงทำอะไรไม่ได้…งั้นเหรอ?”

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกลัทธิ…”

 

พวกผู้ชายของหมู่บ้านที่เคยหวาดกลัวก็หยิบอาวุธขึ้น

พวกเราโห่ร้องออกมาพร้อมกัน พวกชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังก็ส่งเสียงออกมา

ไม่เชื่อฟังลัทธิ ไม้ก้มหัวให้กับพวกที่บังคับให้คนอื่นทำตาม

 

“นั่นคือข้อสรุปของพวกแกเหรอ…!”

 

ชายผ้าคลุมยกแขนขึ้น

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจัดการที่นี่ให้สิ้น! หลังจากนั้นก็ขนคนที่น่าจะใช้งานได้ไป! พวกทหาร จัดการซะ!!”

“““โอ้!!”””

 

พวกทหารด้านหลังวิ่งออกไปตามสัญญาณของชายผ้าคลุม

ที่อยู่ในมือของพวกเราก็คือง้าวปลายแหลมกับขวานด้ามยาว

พวกทหารคำรามขู่พวกชาวบ้าน แล้วยกอาวุธขึ้น

 

เผ่ายักษ์5คนก็ออกมาข้างหน้าเพื่อปกป้องชาวบ้าน

ที่อยู่ในมือพวกเขาก็คือกระบองไม้ พอเห็นแบบนั้นพวกทหารก็แสยะยิ้มออกมา แล้วคิดว่าอย่างกระบอง แต่โดนง้าวหรือขวานก็หันแล้ว

 

“รู้ตัวเองซะบ้าง! เจ้าพวกอมนุษย์!!”

 

พวกทหารฟาดง้าวลงไปที่พวกเผ่ายักษ์ตรงๆ

เผ่ายักษ์ก็ใช้กระบองไม้ฟาดกลับไป พวกเขาไม่พูดอะไร ไม่ยิ้มอะไร

เพียงแค่เชื่อในตัวราชา แล้วฟาดอาวุธไปด้วยพละกำลังของยักษ์เท่านั้น

 

จากนั้นง้าวเหล็กก็ปะทะเข้ากับกระบองไม้–

 

แกร๊งงงงงง!!

 

““““หา!?””””

 

 

ง้าวของพวกทหารแตกออก

 

“ก็นะ ก็คงอย่างนั้นล่ะ”

 

พวกเผ่ายักษ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย

 

“…ตั้งแต่พวกเราออกมาจาก[เขตแดน]ก็ผ่านไปเท่าไหร่แล้ว?”

“…6ชั่วโมงครับ คุณกัลลุงก้า”

“…งั้น[Enchant(เสริมแกร่ง)]ขององค์ราชายังเหลืออยู่อีก1ชั่วโมงสินะ”

 

เวลาในการเสริมแกร่งของอาวูธ ได้รับการตรวจสอบไปแล้วตอนทำการบุกเบิกพื้นที่หมู่บ้าน

ในเขตแดนนั้นพลังเวทสำหรับ[เสริมแกร่ง]จะใช้งานพลังเวทจากพื้นดิน ดังนั้น[เสริมแกร่ง]ก็เลยไม่คลายออก

แล้วถึงจะเอาออกจากเขตแดน ผลก็ยังอยู่ต่อไปครึ่งวัน

 

ดังนั้นตอนที่ออกจากบ้าน ราชาของพวกเขาก็เลย[Enchant(เสริมแกร่ง)]กระบองเอาไว้ให้

กระบองที่พวกเขาถือ ตอนนี้ก็เป็น[กระบองโลหะ]–อยู่ในสถานะที่มีความยืดหยุ่นและความแข็งราวกับโลหะ หรือก็คือ แม้จะเบาแต่ก็แข็งอย่างมาก

 

“ชะ ช่วยไม่ได้ ท่านผู้ชี้นำ! ขอพลังอีกสักครั้ง!!”

 

ชายผ้าคลุม ตะโกนไปที่ชายร่างเล็กที่ถือไม้เท้า

 

“แมลงเอ๋ย! ไปกินให้หมด ถ้าไร่นากลายเป็นทุ่งโล่งแล้วก็คงจะไม่ต่อต้านอะไรแล้วล่ะ!!”

“[……ในนามของเพลิงแห่งความมืดมิด]”

 

ชายชุดคลุมแทงไม้เท้าลงบนพื้น

 

[วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊วี๊!!!]

 

เสียงปีกของแมลงดังขึ้น

ตั๊กแตนปาทังกากางปีกบินขึ้นไปบนอากาศ บินตรงไปยังพวกเผ่ายักษ์

 

“–อึก!?”

 

พวกเผ่ายักษ์เหวี่ยงกระบอง

 

แต่ว่าก็ไม่โดนตัวของตั๊กแตนปาทังกาที่ลอยอยู่บนอากาศ

พวกแมลงใช้ขาหลังถีบไปที่แขนของเผ่ายักษ์

 

“ฮิ ฮี๊!” “ตะ ตั๊กแตนเข้าไปที่นาแล้ว! ข้าวมันนนนน!”

 

พวกชาวบ้านตะโกนออกมา

ระหว่างที่เผ่ายักษ์กำลังตะลึง พวกตั๊กแตนหลายตัวก็มุ่งตรงไปที่นา

ที่นานั้นมีเมล็ดข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวอยู่

พวกตั๊กแตนปาทังกาไซส์คนนั้นเล็งโจมตีไปที่ข้าวสาลี

 

“ถ้าขัดขืนลัทธิก็ต้องเป็นแบบนี้ล่ะ…!”

 

ผู้บริหารของลัทธิลูบคอแล้วหัวเราะออกมา

 

“ไร่นาของพวกอมนุษย์ก็จะกินให้หมดสิ้น ระหว่างที่อดอยาก ก็จะนึกเสียใจที่ขัดขืนลัทธิ กับชีวิตอันแสนสั้น–”

 

“ยืนยันเป้าหมาย ปรับพลังเสร็จเรียบร้อย [ปลุกเผ่ามังกร]–[Breath(มังกรคำราม)]!!”

 

ลำแสงเพลิงผ่ากลางหมู่บ้านไป

เปลงเพลิงความร้อนสูงสีแดง–หนาเท่าแขนคน

 

หัวของพวกตั๊กแตนปาทังกาที่จะเข้าไปกัดกินนาก็ถูกเป่าหายไปทั้งหมด

 

“มาแล้วสินะครับ! ราชาของพวกเรา!”

 

เผ่ายักษ์กัลลุงก้าตะโกนออกมา

ทั้งเผ่ายักษ์รอบๆ หรือพวกคนในหมู่บ้าน ต่างก็หันไปมองข้างบน

 

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มีผู้ชายผมดำมายืมอยู่ใกล้ๆกับนา

เสื้อแจ๊กเก็ตโบกสะบัดไปตามลม หัวเข่าลงจอดบนพื้น

 

พวกชาวบ้านเบิกตากว้าง ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าคนคนนั้นโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าไม่บินมาจากบนฟ้า ก็ไม่มีทางที่จะมาปกป้องนาได้โดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัวหรอก

 

แถม เปลวเพลิงที่เผาแมลงนั่น

เกิดขึ้นภายในพริบตา ทันทีที่เสียง[–Breath]ดังขึ้น เพลิงขนาดยักษ์ก็ย่างตั๊กแตนปาทังกาเป็นจุล

ไม่น่าเชื่อ แมลงคือไพ่ตายของลัทธิ ที่ลัทธิสามารถขยายอำนาจได้ ก็เป็นเพราะพลังของแมลง

 

แต่สำหรับคนคนนั้นแล้ว…เจ้านั้นก็ไม่มีค่าพอที่จะนับเป็นศัตรูด้วยซ้ำ…

 

“อะไรกัน…แกเป็นใคร”

 

พวกชาวบ้านเห็นราวกับว่ากำลังมีแสงอันศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมาจากตัวของผู้ชายคนนั้น

 

“ราชาของพวกเรา! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ได้เสด็จลงมาช่วยแล้ว!”

 

พวกเผ่ายักษ์ของกัลลุงก้าตะโกนออกมา

พอได้ยินเสียงนั่น พวกชาวบ้านก็ส่งเสียงเอะอะโวยวาย

 

“ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์งั้นเหรอ!?”

“คนคนนั้น คือราชาผู้มองทะลุไปถึงใจกลางที่ลึกที่สุดของโลกสินะ!?”

“ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาบนสรวงสวรรค์!?”

“อา ก็จริงที่ รูปลักษณ์ตอนที่ลงมาจากท้องฟ้า ก็สมกับคำว่าราชาผู้พิชิตจริงๆด้วย!”

“พาบุตรสาวแห่งมังกรมาด้วยล่ะ! เป็นบุคคลที่สายเลือดที่สายเลือดมังกรยอมรับ!”

“พอได้ยินเสียงของพวกเรา…ก็ตัวสั่นนิดๆด้วย เสียงชมยังไม่พอ!!”

“จะทำให้โกรธไม่ได้เด็ดขาด ส่งเสียงเชียร์เพิ่มขึ้นไปอีก–!”

 

จากนั้นเผ่ายักษ์–และชาวบ้านชายหญิงเด็กหรือคนแก่ต่างก็หันไปมองผู้ชายผมดำแล้วเริ่มตะโกนออกมา

 

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิต! ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!”

“ศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์!!”

 

“อุว๊ากกกกกกกกกกกกก!”

 

“อา องค์ราชากำลังกุมหัวล่ะ!”

“ก็เพราะความโกรธที่มีต่อลัทธิ ทำให้เลือดขึ้นหน้ายังไงล่ะ!”

“เจ้าพวกลัทธิ! กล้าทำให้ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์โกรธ ช่างไม่รักชีวิตกันซะจริงๆ!!”

 

จากนั้น–

 

โชมะที่มาเพื่อช่วยเหลือ–ก็ได้รับการตอบรับด้วยคอมโบ[เสียงเรียกราชาผู้พิชิต]ทันที–

 

พวกชาวบ้านและเผ่ายักษ์ที่ได้รับความกล้าจากการมาถึงของราชาผู้พิชิตก็ได้เข้าไปปะทะกับพวกลัทธิ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด