[นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ 10 การตะโกนชื่อสกิลก่อนใช้อาจฟังดูประหลาด แต่ฉันคิดว่าพูดนิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร

Now you are reading [นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ Chapter 10 การตะโกนชื่อสกิลก่อนใช้อาจฟังดูประหลาด แต่ฉันคิดว่าพูดนิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กำปั้นลงมาจากร่างกายใหญ่อันโตที่สูงกว่าเพดานบ้านของเทีย ถ้าฉันต้องรับมันตรงๆ ต่อให้ฉันจะเป็นผู้กล้า ฉันก็คงจะถูกบี้จนแบนในการโจมตีครั้งเดียว ….

 

“อะไรกัน เจ้าเศษเหล็ก ทำได้แค่นี้เหรอ?”

 

ไม่ว่าจะเหวี่ยงกำปั้นหนักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถโจมตีร่างกายของฉันได้ การโจมตีที่รุนแรงที่ไม่มีแม้แต่วิญญาณจะเหมือนกับสายลมต่อหน้าสกิลผู้ถูกขับไล่ [Invinsible] ของฉัน

 

อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของฉันกับโกเลมอดาแมนไทต์ ต่างกันหลายร้อยถึงหลายพันเท่า …… มันไร้สาระเกินไปที่จะเปรียบเทียบ แม้ว่าการโจมตีจะไม่โดนตัวฉัน แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ แรงกระแทกเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ฉันปลิวไปไกลกว่าขอบฟ้าแล้ว

 

แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่มันใช้หมัดต่อยมาหลายสิบครั้ง ฉันได้ใช้สกิลผู้ถูกขับไล่อันใหม่ที่นี่

 

“ได้เวลาคืนมันให้แกแล้ว!”

 

ฉันเดินเข้าไปในช่องว่างระหว่างหมัดของมัน แล้วกระโดดถีบโกเลมเข้าที่ท้อง จากนั้นด้วยเสียงคำราม ร่างกายขนาดใหญ่ของโกเลมก็เซและล้มลงกับพื้น

 

นี่คือ [Orbit Reflector] (กระจกสะท้อนโคจร) ซึ่งเป็นสกิลผู้ถูกขับไล่ นี่เป็นสกิลตอบโต้ที่สะสมความเสียหายที่คุณได้รับและส่งกลับคืนสู่คู่ต่อสู้โดยตรง หากสิ่งนี้ถูกเปิดใช้งาน แม้แต่แรงกระแทกเองก็สามารถไร้ผลได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงสามารถใช้เพื่อการป้องกันได้

 

<<ครืนนนนน~น~น~น~น~…>>

 

“โอ๊ะโอ๋ อย่างเพิ่งลุกสิ……”

 

โกเลมที่ควรจะแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า ยืนขึ้น ทำเสียงโลหะขูดกับโลหะอันเป็นเอกลักษณ์ มันต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่มีเพียงรอยบุบเล็ก ๆ บนร่างกายที่ไม่สามารถมองเห็นได้เว้นแต่คุณจะมองอย่างใกล้ชิด

 

“ฉันชอบที่จะอาชนะนะด้วยสกิลแบบรุนแรงมาโดยตลอด แต่ฉันเดาว่าความแข็งแกร่งของฉันตอนนี้ยังไม่เพียงพอแกสินะ อืม ฉันรู้แล้ว”

 

ฉันเตะมันลงกับพื้นเพราะฉันต้องการเวลาสักหน่อย ฉันสอดมือเข้าไปใน [Stranger’ s Box] และดึงด้ามดาบสีขาวสีเงินของฉันออกมา

 

ใช่แค่ด้ามจับ ดาบนี้ไม่มีใบดาบ แต่ฉันจะสร้างมันตอนนี้ล่ะ

 

“เอาล่ะนะ เจ้าเพื่อนยาก ดาบโลหิตเรนโซ”

 

ฉันจับมือซ้ายไว้ที่ระดับใบหน้าโดยกำหมัดแน่น และกระแทกด้ามดาบในมือขวาเข้ากับข้อมือซ้าย ปลายด้ามเจาะข้อมือของฉัน และเลือดของฉันก็ถูกดูดเข้าไปในด้าม จากนั้นฉันก็ยกดาบขึ้นอีกครั้ง และมีใบดาบสีแดงสดยื่นออกมาจากด้าม

 

<<ครืนนนนน~น~น~น~น~…>>

 

“อ๊ะ ฉันปล่อยให้แกรอนานเหรอ? ดูเหมือนว่าแกจะพร้อมแล้วนะ มาจบเรื่องนี้กันเถอะ”

 

โกเลมยืนกรานเต็มที่แล้วต่อยฉันอีกครั้ง อะไรนะ แกเป็นพวกงี่เง่าพวกนั้นเหรอ? ถ้าตั้งท่าแบบนั้นความหนาแน่นก็จะลดลงและความแข็งแรงก็จะลดลงด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นศาสตร์อย่างนึงเกี่ยวกับการชก แต่ที่แกทำก็น่าจะใช้ได้ล่ะมั้ง….

 

“ฮ่า!”

 

ฉันหายใจออกสั้นๆ อย่างแรง ฉันหลบกำปั้นของโกเลมอีกครั้งและก้าวเข้าไปตามทางของมัน ดูเหมือนมันคาดการณ์ไว้และคราวนี้ก็เตะ แต่ … มันสายเกินไปแล้วล่ะ

 

โดยไม่ตะโกนชื่อท่าพิเศษของฉัน ฉันเหวี่ยงดาบลงอย่างเงียบๆ โมเมนตัมของการฟันได้พัดเอาฝักดาบเปื้อนเลือดออกไป และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือใบดาบที่มองไม่เห็น

 

ใบดาบนั้นบางเหนือสิ่งอื่นใด มันเปราะบางเกินกว่าจะต้านทานแม้แต่ลมอ่อนๆ และแม้ว่าจะทิ้งไว้เพียงลำพัง มันก็สามารถทำลายตัวเองได้ในพริบตา

 

อย่างไรก็ตาม ความบางของมันทำให้สามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้ มันสามารถเจาะการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งต่าง ๆ และตัดผ่านวัตถุทางกายภาพใด ๆ

 

“Sword of Thin Life” (ดาบแห่งชีวิตโรยรา) สร้างขึ้นจากผลของสกิลผู้ถูกขับไล่ [Engineering Master Smith] (เจ้าแห่งการตีเหล็ก) และเทคนิคดาบที่ฉันพัฒนาขึ้นในระหว่างการเดินทางอันยาวนานผ่านโลกอื่น ถ้าเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน…

 

<<ซูว ซูว ซูว ซูว!>>

 

“ไม่มีอะไรที่ฟันไม่ขาด!”

 

ฉันเฝ้าดูโกเลมร่างมหึมาซึ่งถูกแยกออกเป็นสองส่วนร่วงหล่นลงบนพื้นขณะที่ฉันเหวี่ยงดาบแห่งชีวิตฯ อย่างรวดเร็วก่อนจะส่งคืนมันไปยัง [Stranger’ s Box]

 

――นอกจากนี้ การเหวี่ยงด้ามก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะใบดาบจะแตกทันทีที่ผ่าผ่านโกเลม แต่ไม่เป็นไร มันเจ๋งดี

 

“ฟิ้ว เสร็จแล้วล่ะเทีย”

 

“……………………”

 

“เทีย?”

 

ฉันเรียกเทียอีกครั้งซึ่งมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาของเธอเบิกกว้างและในที่สุดเธอก็ตอบฉัน

 

“เอ็ด …… นายแข็งแกร่งมาก ……?!”

 

“ใช่แล้ว! จะบอกอะไรให้นะ ฉันอาจจะเคยอ่อนแอตอนอยู่กับเทียเมื่อตอนนั้นใช่ไหม? แต่หลังจากที่ฉันถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ผู้กล้า ฉันฝึกฝนอย่างหนักจนแข็งแกร่งขึ้น”

 

“อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้ว …. นี่ เอ็ด?”

 

“หืม? อะไรเหรอ?”

 

“ถ้านายแข็งแกร่งมากขนาดนี้ บางทีนายอาจจะสามารถ …………………… ไม่สิ ไม่มีอะไร”

 

“ไม่ไม่ไม่ นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด เธอจะพูดอะไร? อา มันยากสำหรับฉันด้วยซ้ำที่จะเอาชนะจอมมาร เธอก็รู้”

 

ฉันเคยไปมาแล้วกว่าร้อยโลก แต่ฉันไม่เคยเผชิญหน้ากับจอมมารมาก่อน มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อพิจารณาว่าฉันถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ผู้กลางกลางทางทุกครั้ง

 

รากฐานของความแข็งแกร่งของฉันคือสกิลผู้ถูกขับไล่ของฉัน … และพลังที่พระเจ้ามอบให้ฉัน ถ้าพวกมันถูกบล็อก ฉันก็แค่เศษฝุ่นคนหนึ่งแย่จัง ตราบเท่าที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จอมมารมีความสามารถเช่นนั้น ถ้าฉันหยิ่งยโสว่าตัวเองสามารถชนะได้ ฉันอาจจะถูกฆ่าแบบไม่ทันตั้งตัว

 

แต่ถ้าหากเป็นจอมมารที่มายุ่งกับเทียฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะชกหน้ามัน ……

 

“นายช่วยพาฉันข้ามพรมแดนปีศาจทีได้ไหม”

 

“…… นั่นมัน…”

 

“ใช่ ฉันอยากไป … ที่ที่ฉันทิ้งอเล็กซิสและคนอื่นๆ ไว้ ให้ฉันเป็นคนสุดท้าย ฉันเองก็อยากจะจบลงตรงนั้นเหมือนกัน――”

 

“อย่าพูดว่า “สุดท้าย” ! นะ …………………..!”

 

“ฟุฟุ ทำไมทำเสียงแปลกๆ แบบนั้นล่ะ? แล้วทำไมนายดูเหมือนกำลังจะร้องไห้?”

 

“นั่น… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

 

ฉันโต้กลับเทียที่หัวเราะ นั่นสิ ฉันไม่รู้ทำไม ฉันไม่รู้ เหมือนกันแต่ฉัน…… ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้

 

“ถ้างั้นนายคิดอะไรอยู่ล่ะ? แน่นอน ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ไม่ต้องคิดถึงมันก็ได้ และแม้ว่านายจะทำได้ ฉันก็ไม่สามารถเสนอค่าตอบแทนได้มากนัก …. โอ้แล้วชุดนอนที่ฉันใส่อยู่ล่ะ? ฉันแน่ใจว่าพวกมันจะขายได้ราคาที่เหมาะสมถ้านายขายมันนะ ฮิฮิ”

 

“ฉันไม่ได้ต้องการมันสะหน่อย! ไม่ ฉันไม่ต้องการมันจริงๆ นะ”

 

ถ้าสิ่งที่ฉันคิดเป็นจริง ชุดนอนที่เทียใส่อยู่ก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชุดนอนของเพื่อน (ผู้หญิง) ที่เพิ่งถอดใหม่ๆ

 

แต่การถือมันไว้ใน [Stranger’s Box] นั้นเป็นไปได้ และถ้าคุณขอให้ฉันโยนมันทิ้ง นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ฉันมีมันมากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้อยู่แล้ว โอเค้? ใช่ ฉันไม่ต้องการมันอย่างแน่นอน

 

“โห ใจร้ายจัง!…แล้วจะไม่ไปจริงๆ เหรอ?”

 

เทียจ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่ฉ่ำวาว โถ่~ มันยากที่จะปฏิเสธเรื่องแบบนี้ ไม่เหมือนกับแววตาที่มุ่งมั่นในตอนนี้ ……

 

“……… กะ-ก็ได้~”

 

หลังจากลังเลอยู่นานและถอนหายใจยาว ในที่สุดฉันก็พังทลาย ฉันอาจไม่สามารถยืดอายุของเธอได้ แต่ฉันจะทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงได้ ดังนั้นจึงมีทางเลือกตั้งแต่แรกแล้ว

 

“แต่เธอต้องฟังฉันอย่างเต็มที่ เข้าใจไหม? อีกอย่าง ถ้าฉันคิดว่าเธอทำไม่ได้ ฉันจะกลับทันที โอเคนะ?”

 

“เย้!! ขอบคุณเอ็ด!”

 

เทียพูดด้วยรอยยิ้มราวกับดอกไม้บาน แต่เธอไม่ลุกขึ้นมากระโจนใส่ฉันอีกต่อไป ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะมองข้ามข้อเท็จจริงนี้ โดยนึกภาพในใจว่าฉันต้องการอะไรสำหรับการเดินทางและเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ใน [Stranger’s Box]

 

ดังนั้นการเดินทางครั้งสุดท้ายของฉันกับเทียจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่รอให้เวลาล่วงเลยไปแม้แต่คืนเดียว

 

(T/N: ขอโทษที่ลงช้านะครับเพราะตอนแปลๆอยู่เผลอกดปิดโปรแกรมไป ไฟล์เลยหายต้องทำใหม่555+ ;D)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ 10 การตะโกนชื่อสกิลก่อนใช้อาจฟังดูประหลาด แต่ฉันคิดว่าพูดนิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร

Now you are reading [นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ Chapter 10 การตะโกนชื่อสกิลก่อนใช้อาจฟังดูประหลาด แต่ฉันคิดว่าพูดนิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กำปั้นลงมาจากร่างกายใหญ่อันโตที่สูงกว่าเพดานบ้านของเทีย ถ้าฉันต้องรับมันตรงๆ ต่อให้ฉันจะเป็นผู้กล้า ฉันก็คงจะถูกบี้จนแบนในการโจมตีครั้งเดียว ….

 

“อะไรกัน เจ้าเศษเหล็ก ทำได้แค่นี้เหรอ?”

 

ไม่ว่าจะเหวี่ยงกำปั้นหนักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถโจมตีร่างกายของฉันได้ การโจมตีที่รุนแรงที่ไม่มีแม้แต่วิญญาณจะเหมือนกับสายลมต่อหน้าสกิลผู้ถูกขับไล่ [Invinsible] ของฉัน

 

อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของฉันกับโกเลมอดาแมนไทต์ ต่างกันหลายร้อยถึงหลายพันเท่า …… มันไร้สาระเกินไปที่จะเปรียบเทียบ แม้ว่าการโจมตีจะไม่โดนตัวฉัน แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ แรงกระแทกเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ฉันปลิวไปไกลกว่าขอบฟ้าแล้ว

 

แต่มันไม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่มันใช้หมัดต่อยมาหลายสิบครั้ง ฉันได้ใช้สกิลผู้ถูกขับไล่อันใหม่ที่นี่

 

“ได้เวลาคืนมันให้แกแล้ว!”

 

ฉันเดินเข้าไปในช่องว่างระหว่างหมัดของมัน แล้วกระโดดถีบโกเลมเข้าที่ท้อง จากนั้นด้วยเสียงคำราม ร่างกายขนาดใหญ่ของโกเลมก็เซและล้มลงกับพื้น

 

นี่คือ [Orbit Reflector] (กระจกสะท้อนโคจร) ซึ่งเป็นสกิลผู้ถูกขับไล่ นี่เป็นสกิลตอบโต้ที่สะสมความเสียหายที่คุณได้รับและส่งกลับคืนสู่คู่ต่อสู้โดยตรง หากสิ่งนี้ถูกเปิดใช้งาน แม้แต่แรงกระแทกเองก็สามารถไร้ผลได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงสามารถใช้เพื่อการป้องกันได้

 

<<ครืนนนนน~น~น~น~น~…>>

 

“โอ๊ะโอ๋ อย่างเพิ่งลุกสิ……”

 

โกเลมที่ควรจะแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า ยืนขึ้น ทำเสียงโลหะขูดกับโลหะอันเป็นเอกลักษณ์ มันต้องได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่มีเพียงรอยบุบเล็ก ๆ บนร่างกายที่ไม่สามารถมองเห็นได้เว้นแต่คุณจะมองอย่างใกล้ชิด

 

“ฉันชอบที่จะอาชนะนะด้วยสกิลแบบรุนแรงมาโดยตลอด แต่ฉันเดาว่าความแข็งแกร่งของฉันตอนนี้ยังไม่เพียงพอแกสินะ อืม ฉันรู้แล้ว”

 

ฉันเตะมันลงกับพื้นเพราะฉันต้องการเวลาสักหน่อย ฉันสอดมือเข้าไปใน [Stranger’ s Box] และดึงด้ามดาบสีขาวสีเงินของฉันออกมา

 

ใช่แค่ด้ามจับ ดาบนี้ไม่มีใบดาบ แต่ฉันจะสร้างมันตอนนี้ล่ะ

 

“เอาล่ะนะ เจ้าเพื่อนยาก ดาบโลหิตเรนโซ”

 

ฉันจับมือซ้ายไว้ที่ระดับใบหน้าโดยกำหมัดแน่น และกระแทกด้ามดาบในมือขวาเข้ากับข้อมือซ้าย ปลายด้ามเจาะข้อมือของฉัน และเลือดของฉันก็ถูกดูดเข้าไปในด้าม จากนั้นฉันก็ยกดาบขึ้นอีกครั้ง และมีใบดาบสีแดงสดยื่นออกมาจากด้าม

 

<<ครืนนนนน~น~น~น~น~…>>

 

“อ๊ะ ฉันปล่อยให้แกรอนานเหรอ? ดูเหมือนว่าแกจะพร้อมแล้วนะ มาจบเรื่องนี้กันเถอะ”

 

โกเลมยืนกรานเต็มที่แล้วต่อยฉันอีกครั้ง อะไรนะ แกเป็นพวกงี่เง่าพวกนั้นเหรอ? ถ้าตั้งท่าแบบนั้นความหนาแน่นก็จะลดลงและความแข็งแรงก็จะลดลงด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นศาสตร์อย่างนึงเกี่ยวกับการชก แต่ที่แกทำก็น่าจะใช้ได้ล่ะมั้ง….

 

“ฮ่า!”

 

ฉันหายใจออกสั้นๆ อย่างแรง ฉันหลบกำปั้นของโกเลมอีกครั้งและก้าวเข้าไปตามทางของมัน ดูเหมือนมันคาดการณ์ไว้และคราวนี้ก็เตะ แต่ … มันสายเกินไปแล้วล่ะ

 

โดยไม่ตะโกนชื่อท่าพิเศษของฉัน ฉันเหวี่ยงดาบลงอย่างเงียบๆ โมเมนตัมของการฟันได้พัดเอาฝักดาบเปื้อนเลือดออกไป และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือใบดาบที่มองไม่เห็น

 

ใบดาบนั้นบางเหนือสิ่งอื่นใด มันเปราะบางเกินกว่าจะต้านทานแม้แต่ลมอ่อนๆ และแม้ว่าจะทิ้งไว้เพียงลำพัง มันก็สามารถทำลายตัวเองได้ในพริบตา

 

อย่างไรก็ตาม ความบางของมันทำให้สามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้ มันสามารถเจาะการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งต่าง ๆ และตัดผ่านวัตถุทางกายภาพใด ๆ

 

“Sword of Thin Life” (ดาบแห่งชีวิตโรยรา) สร้างขึ้นจากผลของสกิลผู้ถูกขับไล่ [Engineering Master Smith] (เจ้าแห่งการตีเหล็ก) และเทคนิคดาบที่ฉันพัฒนาขึ้นในระหว่างการเดินทางอันยาวนานผ่านโลกอื่น ถ้าเอาทั้งสองอย่างมารวมกัน…

 

<<ซูว ซูว ซูว ซูว!>>

 

“ไม่มีอะไรที่ฟันไม่ขาด!”

 

ฉันเฝ้าดูโกเลมร่างมหึมาซึ่งถูกแยกออกเป็นสองส่วนร่วงหล่นลงบนพื้นขณะที่ฉันเหวี่ยงดาบแห่งชีวิตฯ อย่างรวดเร็วก่อนจะส่งคืนมันไปยัง [Stranger’ s Box]

 

――นอกจากนี้ การเหวี่ยงด้ามก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะใบดาบจะแตกทันทีที่ผ่าผ่านโกเลม แต่ไม่เป็นไร มันเจ๋งดี

 

“ฟิ้ว เสร็จแล้วล่ะเทีย”

 

“……………………”

 

“เทีย?”

 

ฉันเรียกเทียอีกครั้งซึ่งมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาของเธอเบิกกว้างและในที่สุดเธอก็ตอบฉัน

 

“เอ็ด …… นายแข็งแกร่งมาก ……?!”

 

“ใช่แล้ว! จะบอกอะไรให้นะ ฉันอาจจะเคยอ่อนแอตอนอยู่กับเทียเมื่อตอนนั้นใช่ไหม? แต่หลังจากที่ฉันถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ผู้กล้า ฉันฝึกฝนอย่างหนักจนแข็งแกร่งขึ้น”

 

“อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้ว …. นี่ เอ็ด?”

 

“หืม? อะไรเหรอ?”

 

“ถ้านายแข็งแกร่งมากขนาดนี้ บางทีนายอาจจะสามารถ …………………… ไม่สิ ไม่มีอะไร”

 

“ไม่ไม่ไม่ นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด เธอจะพูดอะไร? อา มันยากสำหรับฉันด้วยซ้ำที่จะเอาชนะจอมมาร เธอก็รู้”

 

ฉันเคยไปมาแล้วกว่าร้อยโลก แต่ฉันไม่เคยเผชิญหน้ากับจอมมารมาก่อน มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อพิจารณาว่าฉันถูกไล่ออกจากปาร์ตี้ผู้กลางกลางทางทุกครั้ง

 

รากฐานของความแข็งแกร่งของฉันคือสกิลผู้ถูกขับไล่ของฉัน … และพลังที่พระเจ้ามอบให้ฉัน ถ้าพวกมันถูกบล็อก ฉันก็แค่เศษฝุ่นคนหนึ่งแย่จัง ตราบเท่าที่ฉันไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จอมมารมีความสามารถเช่นนั้น ถ้าฉันหยิ่งยโสว่าตัวเองสามารถชนะได้ ฉันอาจจะถูกฆ่าแบบไม่ทันตั้งตัว

 

แต่ถ้าหากเป็นจอมมารที่มายุ่งกับเทียฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะชกหน้ามัน ……

 

“นายช่วยพาฉันข้ามพรมแดนปีศาจทีได้ไหม”

 

“…… นั่นมัน…”

 

“ใช่ ฉันอยากไป … ที่ที่ฉันทิ้งอเล็กซิสและคนอื่นๆ ไว้ ให้ฉันเป็นคนสุดท้าย ฉันเองก็อยากจะจบลงตรงนั้นเหมือนกัน――”

 

“อย่าพูดว่า “สุดท้าย” ! นะ …………………..!”

 

“ฟุฟุ ทำไมทำเสียงแปลกๆ แบบนั้นล่ะ? แล้วทำไมนายดูเหมือนกำลังจะร้องไห้?”

 

“นั่น… ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!”

 

ฉันโต้กลับเทียที่หัวเราะ นั่นสิ ฉันไม่รู้ทำไม ฉันไม่รู้ เหมือนกันแต่ฉัน…… ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้

 

“ถ้างั้นนายคิดอะไรอยู่ล่ะ? แน่นอน ถ้านายทำไม่ได้ นายก็ไม่ต้องคิดถึงมันก็ได้ และแม้ว่านายจะทำได้ ฉันก็ไม่สามารถเสนอค่าตอบแทนได้มากนัก …. โอ้แล้วชุดนอนที่ฉันใส่อยู่ล่ะ? ฉันแน่ใจว่าพวกมันจะขายได้ราคาที่เหมาะสมถ้านายขายมันนะ ฮิฮิ”

 

“ฉันไม่ได้ต้องการมันสะหน่อย! ไม่ ฉันไม่ต้องการมันจริงๆ นะ”

 

ถ้าสิ่งที่ฉันคิดเป็นจริง ชุดนอนที่เทียใส่อยู่ก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชุดนอนของเพื่อน (ผู้หญิง) ที่เพิ่งถอดใหม่ๆ

 

แต่การถือมันไว้ใน [Stranger’s Box] นั้นเป็นไปได้ และถ้าคุณขอให้ฉันโยนมันทิ้ง นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ฉันมีมันมากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้อยู่แล้ว โอเค้? ใช่ ฉันไม่ต้องการมันอย่างแน่นอน

 

“โห ใจร้ายจัง!…แล้วจะไม่ไปจริงๆ เหรอ?”

 

เทียจ้องมาที่ฉันด้วยดวงตาที่ฉ่ำวาว โถ่~ มันยากที่จะปฏิเสธเรื่องแบบนี้ ไม่เหมือนกับแววตาที่มุ่งมั่นในตอนนี้ ……

 

“……… กะ-ก็ได้~”

 

หลังจากลังเลอยู่นานและถอนหายใจยาว ในที่สุดฉันก็พังทลาย ฉันอาจไม่สามารถยืดอายุของเธอได้ แต่ฉันจะทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงได้ ดังนั้นจึงมีทางเลือกตั้งแต่แรกแล้ว

 

“แต่เธอต้องฟังฉันอย่างเต็มที่ เข้าใจไหม? อีกอย่าง ถ้าฉันคิดว่าเธอทำไม่ได้ ฉันจะกลับทันที โอเคนะ?”

 

“เย้!! ขอบคุณเอ็ด!”

 

เทียพูดด้วยรอยยิ้มราวกับดอกไม้บาน แต่เธอไม่ลุกขึ้นมากระโจนใส่ฉันอีกต่อไป ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะมองข้ามข้อเท็จจริงนี้ โดยนึกภาพในใจว่าฉันต้องการอะไรสำหรับการเดินทางและเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ใน [Stranger’s Box]

 

ดังนั้นการเดินทางครั้งสุดท้ายของฉันกับเทียจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่รอให้เวลาล่วงเลยไปแม้แต่คืนเดียว

 

(T/N: ขอโทษที่ลงช้านะครับเพราะตอนแปลๆอยู่เผลอกดปิดโปรแกรมไป ไฟล์เลยหายต้องทำใหม่555+ ;D)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+