[นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ 30 ถ้าผู้หญิงทำผิดให้ยกโทษเอาไว้ก่อน

Now you are reading [นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ Chapter 30 ถ้าผู้หญิงทำผิดให้ยกโทษเอาไว้ก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…ที่นี่”

 

โลกที่ 002 จุดที่เราเคลื่อนย้ายมาคือป่าทึบ ในเวลาเดียวกันความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันประสบในโลกนี้ในรอบแรกของฉันเริ่มทะลักออกมา เนื่องจากที่นี่เป็นหนึ่งในโลกแรกๆ ที่ฉันไป ทุกสิ่งทุกอย่างจึงสร้างความประทับใจให้กับฉันอย่างมาก และดูเหมือนว่าฉันจะจำรายละเอียดปลีกย่อยได้ดีทีเดียว

 

“ว้าว! ตอนนี้พวกเราอยู่ต่างโลกล่ะ! แต่มันแตกต่างจากโลกที่เราอยู่ยังไงกันนะ? ที่นี่ก็ดูเหมือนป่าธรรมดาหนิ”

 

“ไม่ใช่ทุกอย่างในโลกอื่นจะแตกต่างจากโลกเดิมซักหน่อยจริงไหม? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเราคงทำอะไรไม่ถูกเมื่อมาที่นี่แน่ๆ”

 

“ก็จริงของนาย แต่มันก็น่าเสียดายนิดหน่อย …”

 

หูยาวๆ ของเทียห้อยลงขณะที่เธอยิ้มให้ฉันอย่างขมขื่น อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะมีทัศนคติเช่นนี้

 

“หึหึหึ อย่าพึ่งผิดหวังตอนนี้สิ ในไม่ช้าเธอจะได้เห็นความแตกต่างของโลกนี้แล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอ? มันคืออะไรล่ะ! ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นมัน!”

 

ดวงตาสีเขียวหยกของเทียเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่ฉันยิ้มให้เธอ ขณะที่คุยกับเทียฉันรู้สึกถึงการปรากฏตัวของอะไรบางอย่าง ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบผ่านต้นไม้และเข้าใกล้ตำแหน่งของเรา ทันใดนั้นสิ่งที่ปรากฏคือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ สูงแค่หน้าอกของฉันเท่านั้น

 

ชายหนุ่มที่มีใบหน้ากลมเหมือนสุนัขและปกคลุมไปด้วยขนปุยสีน้ำตาลคือผู้กล้าของโลกนี้ที่เราต้องร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้

 

“…”

 

“หืม? พวกเจ้าเป็นใคร?” เขาถาม

 

“ขออนุญาตแนะนำตัว คือว่าพวกเรา–“

 

“น่าร๊ากกกก!!!!”

 

“วูฟ!?”

 

“เฮ้ย เทีย!?”

 

เทียวิ่งผ่านฉันด้วยความเร็วถึงกับเกิดลมพัดแรง ขณะที่ฉันกำลังจะทักทายผู้กล้าเธอกระโดดขึ้นไปบนร่างของท่านผู้กล้าก่อนจะเริ่มสัมผัสและรู้สึกถึงเส้นขนทั้งหมดบนร่างกายของเขา

 

“เฮ้!? จู่ๆ ทำอะไรเนี่ย!!” ผู้กล้าอุทานออกมาอย่างตกใจ

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!? เฮ้ เอ็ด เด็กคนนี้คือตัวอะไรอะ!? เขาน่ารักมาก! นุ่มและฟูมากๆ เลย!?” เทียอุทานออกมา

 

“หยุดนะ ยัยบื้อเอ้ย! เธอกำลังทำตัวหยาบคายใส่เขาอยู่นะ!”

 

“เอ๋ ไม่เอาน่า พี่สาวอย่างฉันก็รักเด็กน้อยแบบนี้เหมือนกันนะรู้ไหม”

 

“ไม่ เขาไม่ใช่เด็กนะ!!”

 

“จริงเหรอ? แต่ดูสิ ตรงนี้มันรู้สึกดีใช่รึเปล่า? นี่ นี่ นี่ คุริคุริ~”

 

“วุฟ!! ไม่ ไม่เอาตรงนั้น! ข้ารู้สึกแปลกๆ เมื่อเจ้าลูบข้าตรงนั้น!”

 

“ตรงนี้สินะ! ฟุฟุ~ รู้สึกนุ่มมาก!”

 

“วุฟ!?”

 

“อา โถ่~ พอแล้ว! เอามือออกจากเขาได้แล้ว! เดี๋ยวนี้เลย!”

 

ฉันแยกเทียซึ่งยังคงสัมผัสและรู้สึกถึงร่างกายของผู้กล้า จากนั้นผู้กล้าซึ่งนอนอยู่บนพื้นตลอดเวลาก็ลุกขึ้นอย่างงุนงง อ้าปากค้าง

 

“อึก นั่นเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก….” ผู้กล้ากล่าว

 

“ฉันขอโทษแทนเพื่อนของฉันด้วยจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ Chemonian [คีโมเนี่ยน] และเธอก็ถูกดึงดูด …เทีย ขอโทษเขาด้วยเลย!”

 

“อือ~ ฉันขอโทษ เขาน่ารักมากฉันก็เลย…”

 

ฉันก้มศีรษะของเทียลงและขอโทษ เธอก็ขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงขอโทษเช่นกัน เทียมักจะบ้าดีเดือดทุกครั้งที่เธอเจออะไรน่ารักๆ ไม่ได้หมายความว่าเธอขาดสามัญสำนึก … ใช่ ฉันอยากให้เธอมีเหตุผลกว่านี้หน่อย

“หมายถึงข้า? อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าใจกว้างอยู่แล้ว! แต่เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้กับคนอื่นๆ! ถ้าคนไม่มีขนโดนแบบนั้นเข้า เขาอาจจะบาดเจ็บสาหัส!”

 

“ฮ่าฮ่า ฉันจะระวัง…”

 

(เฮ้เอ็ด? อะไรไม่มีขน?)

 

(ไว้เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะ)

 

เทียกระซิบบอกฉันโดยก้มหน้าลง ฉันก็ตอบแบบกระซิบเช่นกัน พอเงยหน้ามองหน้าผู้กล้า ขอบคุณพระเจ้า ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเราจริงๆ ถ้าฉันทำให้เขาโกรธที่นี่และเขาเกลียดเราหรืออะไรสักอย่าง ฉันคงสงสัยจริงๆ ว่าเราจะทำอะไรหลังจากนี้ …

 

“ว่าแต่ คุณมีโอกาสเป็นผู้สมัครเป็นผู้กล้ารึเปล่าครับ คุณวาฟเฟอร์”

 

(T/N: ในEngแปลตามตัวอักษรคือ “วาฟเฟิล” ส่วนของJPภาษาญี่ปุ่นคือ “วาฟฟูรู” ผมเลยจะใช้วาฟเฟอร์แทนไปก่อน ถ้าฟิลมันไม่ได้เดี๋ยวจะเปลี่ยนไปใช้ของJP)

 

“อืม? ใช่แล้ว ถึงเจ้าจะไม่มีขน แต่ก็รอบรู้ดีนี่”

 

“อ๋อ ฉันรู้แล้ว! หากคุณไม่ว่าอะไร ฉันกำลังสงสัยว่าเราจะไปกับคุณสักพักได้ไหม”

 

“อืม ก็ได้! ถ้าอยากจะมาด้วยก็ทำตามใจได้เลย!”

 

“ขอบคุณมาก”

 

เราได้รับอนุญาตให้ไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย และฉันก็ยื่นมือออกไปหาวาฟเฟอร์ นี่เป็นวิธีทักทายของคีโมเนี่ยน ในการขอจับมือ ซึ่งบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะวางฝ่ามือของตนบนมือของบุคคลที่มีระดับต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นการชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองและสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตร

 

“เจ้ามาจากที่ไหนกัน? เจ้าเป็นคนไม่มีขน แต่ก็รู้วิธีทักทายของเรางั้นเหรอ? ใช้ได้ ถ้างั้น พวกเจ้าก็มาช่วยข้าในการเดินทางได้! เอาล่ะไปกันเลย!”

 

สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เราแสดงออกด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูดของเรา วาฟเฟอร์อารมณ์ดีและเริ่มเดินนำเราไป เมื่อฉันวางอุ้งเท้าพองๆ ของเขา บนฝ่ามือของฉัน เราเดินตามหลังเขาที่กระดิกหางไปมา

 

(งั้นเอ็ด นายจะอธิบายให้ฉันฟังได้รึยัง เด็กคนนั้นคืออะไร นายรู้จักเด็กคนนั้นได้ยังไงน่ะ?)

 

พอเราอยู่คนเดียวได้แล้ว เทียก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉันแล้วกระซิบบอกฉัน ในรอบแรกของฉัน ฉันจะต้องหลงใหลเมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของเทียที่เข้ามาใกล้ฉันมาก แต่เนื่องจากนี่เป็นรอบที่สองของฉันและฉันก็แข็งแกร่งที่สุดและอยู่ยงคงกระพัน นั่นไม่ได้ผลอีกต่อไป… แม้ว่ามันจะทำให้ฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อย

 

(เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันจะอธิบายทีละอย่างนะ อย่างแรกเลย ฉันรู้เรื่องในโลกนี้มากพอสมควร… อย่างไรก็ตาม มันก็ค่อนข้างเหมือนกับความฝันแปลกๆ ที่เทียเคยเห็น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น)

 

(……………………)

 

เทียดูไม่พอใจกับคำอธิบายของฉันอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันไม่ต้องการพูดเรื่องยิบย่อยให้เธอด้วยคำอธิบายอีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงเพิกเฉยเธอและอธิบายต่อไป

 

(และวาฟเฟอร์เป็นคีโมเนี่ยน อย่างที่เห็น เขาเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ หรือ …. ก็คือสัตว์สองเท้าพูดได้)

 

(หมายความว่าเขาเป็นมนุษย์สัตว์งั้นเหรอ? ฉันคิดว่าเรื่องแบบนั้นมีอยู่ในนิทานเท่านั้นซะอีก)

 

(ในโลกของเทียก็อาจจะใช่ โอ้ แต่อย่าเรียกพวกเขาว่าสัตว์นะ มันเป็นคำที่เหยียดที่มนุษย์ใช้เรียกพวกคีโมเนี่ยนว่า “สิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ที่ไม่สามารถกลายเป็นคนได้” ดังนั้นถ้าเธอพูดผิดที่ เธอจะเจอปัญหาร้ายแรง)

 

(อือ… โอเค ฉันจะระวัง)

 

(ดี ดี … และกลับกัน ที่นี่มีเผ่าคีโมเนี่ยน ในโลกนี้กลับไม่มีเผ่าเอลฟ์ ดังนั้นอย่าแนะนำตัวเองเหมือนว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เช่นฉันเป็นเอลฟ์ หรือฉันอายุมากกว่า 100 ปี เพราะเค้าจะคิดว่าเธอบ้า)

 

“อะไรนะ!?” เทียอุทานออกมา

 

“หืม? มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?” วาฟเฟิลถาม

 

“โอ้ ไม่ มันไม่มีอะไร อย่าสนใจเลย” ฉันตอบกลับ

 

“จริงหรือ? งั้นก็ไม่เป็นไร”

 

ทันใดนั้นเทียก็ขึ้นเสียงของเธอ และฉันรีบหลอกวาฟเฟอร์ซึ่งหันกลับมาตามเสียงของเทีย เมื่อฉันทำสำเร็จและเราเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ฉันตบหน้าอกด้วยความโล่งใจและจ้องมองไปที่เทียเงียบๆ

 

(ยัยบ้า เธอขึ้นเสียงใส่ฉันทำไมเนี่ย?)

 

(เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเอลฟ์จะสูญพันธุ์ไปแล้ว! แต่ฉันก็ยังอยู่นี่!)

 

(ฉันรู้ ฉันรู้ แต่เทีย นี่ไม่ใช่โลกเดิมของเธอจริงไหม ยังไงก็ตาม ถ้าใครถามก็บอกไปว่า …ฉันเป็นมนุษย์ แล้วก็แนะนำตัวเองว่าเป็น ผู้หญิงอายุประมาณ 18 ปี โอเคนะ?)

 

(ให้ฉันอายุน้อยกว่าเอ็ดเหรอ!? ฉันคือโอเน่ซังต่างหาก! ไม่ ฉันจะไม่มีวันอายุน้อยกว่าเอ็ด!)

 

(ฮ้า….ก็ได้ๆ งั้นก็ให้เธออายุ 21 ละกัน พอฉันกลับไปที่ นั้น ฉันจะกลับมาในร่างของคนอายุ 20 ปี นั่นทำให้เธอแก่กว่าใช่มั้ยล่ะ?)

 

(มุวว~… ก็ได้ เป็นแบบนั้นฉันก็พอจะรับได้)

 

เทียพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจตามคำชักชวนของฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหมกมุ่นอยู่กับความแก่ ฉันหมายความว่า ถ้าเธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้มาก เธอควรจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้สักหน่อย

 

“เฮ้ พวกเจ้าสองคน! ได้เวลาเข้าเมืองแล้ว!”

 

“อา ครับ!”

 

แล้ววาฟเฟอร์ก็เรียกเรา และเราก็หยุดการพูดคุยส่วนตัวกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงและเสียงของผู้คนดังมาจากต้นไม้ หูยาวๆ ของเทีย กระตุกเมื่อได้ยินเสียงนั้น

 

“ฟุฟุ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่อะ…… เอ๊ะ……เมือง! เมืองใหญ่มาก! น่าตื่นเต้นสุดๆ! เอาเลย เอ็ด! ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ!” เทียพูดอย่างตื่นเต้น

 

“โว้ว! ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้ ถ้าเธอต้องการทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เธอต้องผ่อนคลายมากกว่านี้หน่อย” ฉันบอกเธอ

 

“วุฟ ฟุฟุ! การมีความกระตือรือร้นเป็นสิ่งที่ดี!”

 

จู่ๆ เทียก็ดึงมือฉันและเริ่มวิ่ง ฉันหัวเราะเบาๆ ขณะที่เราวิ่งสั้นๆ ด้วยกันและวิ่งผ่านส่วนที่เหลือของป่าในคราวเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ 30 ถ้าผู้หญิงทำผิดให้ยกโทษเอาไว้ก่อน

Now you are reading [นิยายแปล] ฉันได้สกิลใหม่ทุกครั้งหลังจากถูกขับไล่ และหลังจากผ่านมา 100 โลก ก็ไม่มีใครสามารถเทียบฉันได้ Chapter 30 ถ้าผู้หญิงทำผิดให้ยกโทษเอาไว้ก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…ที่นี่”

 

โลกที่ 002 จุดที่เราเคลื่อนย้ายมาคือป่าทึบ ในเวลาเดียวกันความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันประสบในโลกนี้ในรอบแรกของฉันเริ่มทะลักออกมา เนื่องจากที่นี่เป็นหนึ่งในโลกแรกๆ ที่ฉันไป ทุกสิ่งทุกอย่างจึงสร้างความประทับใจให้กับฉันอย่างมาก และดูเหมือนว่าฉันจะจำรายละเอียดปลีกย่อยได้ดีทีเดียว

 

“ว้าว! ตอนนี้พวกเราอยู่ต่างโลกล่ะ! แต่มันแตกต่างจากโลกที่เราอยู่ยังไงกันนะ? ที่นี่ก็ดูเหมือนป่าธรรมดาหนิ”

 

“ไม่ใช่ทุกอย่างในโลกอื่นจะแตกต่างจากโลกเดิมซักหน่อยจริงไหม? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเราคงทำอะไรไม่ถูกเมื่อมาที่นี่แน่ๆ”

 

“ก็จริงของนาย แต่มันก็น่าเสียดายนิดหน่อย …”

 

หูยาวๆ ของเทียห้อยลงขณะที่เธอยิ้มให้ฉันอย่างขมขื่น อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะมีทัศนคติเช่นนี้

 

“หึหึหึ อย่าพึ่งผิดหวังตอนนี้สิ ในไม่ช้าเธอจะได้เห็นความแตกต่างของโลกนี้แล้วล่ะ”

 

“จริงเหรอ? มันคืออะไรล่ะ! ฉันรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นมัน!”

 

ดวงตาสีเขียวหยกของเทียเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่ฉันยิ้มให้เธอ ขณะที่คุยกับเทียฉันรู้สึกถึงการปรากฏตัวของอะไรบางอย่าง ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบผ่านต้นไม้และเข้าใกล้ตำแหน่งของเรา ทันใดนั้นสิ่งที่ปรากฏคือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ สูงแค่หน้าอกของฉันเท่านั้น

 

ชายหนุ่มที่มีใบหน้ากลมเหมือนสุนัขและปกคลุมไปด้วยขนปุยสีน้ำตาลคือผู้กล้าของโลกนี้ที่เราต้องร่วมเดินทางไปด้วยในครั้งนี้

 

“…”

 

“หืม? พวกเจ้าเป็นใคร?” เขาถาม

 

“ขออนุญาตแนะนำตัว คือว่าพวกเรา–“

 

“น่าร๊ากกกก!!!!”

 

“วูฟ!?”

 

“เฮ้ย เทีย!?”

 

เทียวิ่งผ่านฉันด้วยความเร็วถึงกับเกิดลมพัดแรง ขณะที่ฉันกำลังจะทักทายผู้กล้าเธอกระโดดขึ้นไปบนร่างของท่านผู้กล้าก่อนจะเริ่มสัมผัสและรู้สึกถึงเส้นขนทั้งหมดบนร่างกายของเขา

 

“เฮ้!? จู่ๆ ทำอะไรเนี่ย!!” ผู้กล้าอุทานออกมาอย่างตกใจ

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!? เฮ้ เอ็ด เด็กคนนี้คือตัวอะไรอะ!? เขาน่ารักมาก! นุ่มและฟูมากๆ เลย!?” เทียอุทานออกมา

 

“หยุดนะ ยัยบื้อเอ้ย! เธอกำลังทำตัวหยาบคายใส่เขาอยู่นะ!”

 

“เอ๋ ไม่เอาน่า พี่สาวอย่างฉันก็รักเด็กน้อยแบบนี้เหมือนกันนะรู้ไหม”

 

“ไม่ เขาไม่ใช่เด็กนะ!!”

 

“จริงเหรอ? แต่ดูสิ ตรงนี้มันรู้สึกดีใช่รึเปล่า? นี่ นี่ นี่ คุริคุริ~”

 

“วุฟ!! ไม่ ไม่เอาตรงนั้น! ข้ารู้สึกแปลกๆ เมื่อเจ้าลูบข้าตรงนั้น!”

 

“ตรงนี้สินะ! ฟุฟุ~ รู้สึกนุ่มมาก!”

 

“วุฟ!?”

 

“อา โถ่~ พอแล้ว! เอามือออกจากเขาได้แล้ว! เดี๋ยวนี้เลย!”

 

ฉันแยกเทียซึ่งยังคงสัมผัสและรู้สึกถึงร่างกายของผู้กล้า จากนั้นผู้กล้าซึ่งนอนอยู่บนพื้นตลอดเวลาก็ลุกขึ้นอย่างงุนงง อ้าปากค้าง

 

“อึก นั่นเป็นประสบการณ์ที่แย่มาก….” ผู้กล้ากล่าว

 

“ฉันขอโทษแทนเพื่อนของฉันด้วยจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ Chemonian [คีโมเนี่ยน] และเธอก็ถูกดึงดูด …เทีย ขอโทษเขาด้วยเลย!”

 

“อือ~ ฉันขอโทษ เขาน่ารักมากฉันก็เลย…”

 

ฉันก้มศีรษะของเทียลงและขอโทษ เธอก็ขอโทษเขาด้วยน้ำเสียงขอโทษเช่นกัน เทียมักจะบ้าดีเดือดทุกครั้งที่เธอเจออะไรน่ารักๆ ไม่ได้หมายความว่าเธอขาดสามัญสำนึก … ใช่ ฉันอยากให้เธอมีเหตุผลกว่านี้หน่อย

“หมายถึงข้า? อย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าใจกว้างอยู่แล้ว! แต่เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้กับคนอื่นๆ! ถ้าคนไม่มีขนโดนแบบนั้นเข้า เขาอาจจะบาดเจ็บสาหัส!”

 

“ฮ่าฮ่า ฉันจะระวัง…”

 

(เฮ้เอ็ด? อะไรไม่มีขน?)

 

(ไว้เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะ)

 

เทียกระซิบบอกฉันโดยก้มหน้าลง ฉันก็ตอบแบบกระซิบเช่นกัน พอเงยหน้ามองหน้าผู้กล้า ขอบคุณพระเจ้า ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเราจริงๆ ถ้าฉันทำให้เขาโกรธที่นี่และเขาเกลียดเราหรืออะไรสักอย่าง ฉันคงสงสัยจริงๆ ว่าเราจะทำอะไรหลังจากนี้ …

 

“ว่าแต่ คุณมีโอกาสเป็นผู้สมัครเป็นผู้กล้ารึเปล่าครับ คุณวาฟเฟอร์”

 

(T/N: ในEngแปลตามตัวอักษรคือ “วาฟเฟิล” ส่วนของJPภาษาญี่ปุ่นคือ “วาฟฟูรู” ผมเลยจะใช้วาฟเฟอร์แทนไปก่อน ถ้าฟิลมันไม่ได้เดี๋ยวจะเปลี่ยนไปใช้ของJP)

 

“อืม? ใช่แล้ว ถึงเจ้าจะไม่มีขน แต่ก็รอบรู้ดีนี่”

 

“อ๋อ ฉันรู้แล้ว! หากคุณไม่ว่าอะไร ฉันกำลังสงสัยว่าเราจะไปกับคุณสักพักได้ไหม”

 

“อืม ก็ได้! ถ้าอยากจะมาด้วยก็ทำตามใจได้เลย!”

 

“ขอบคุณมาก”

 

เราได้รับอนุญาตให้ไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย และฉันก็ยื่นมือออกไปหาวาฟเฟอร์ นี่เป็นวิธีทักทายของคีโมเนี่ยน ในการขอจับมือ ซึ่งบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าจะวางฝ่ามือของตนบนมือของบุคคลที่มีระดับต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นการชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองและสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตร

 

“เจ้ามาจากที่ไหนกัน? เจ้าเป็นคนไม่มีขน แต่ก็รู้วิธีทักทายของเรางั้นเหรอ? ใช้ได้ ถ้างั้น พวกเจ้าก็มาช่วยข้าในการเดินทางได้! เอาล่ะไปกันเลย!”

 

สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เราแสดงออกด้วยการกระทำไม่ใช่คำพูดของเรา วาฟเฟอร์อารมณ์ดีและเริ่มเดินนำเราไป เมื่อฉันวางอุ้งเท้าพองๆ ของเขา บนฝ่ามือของฉัน เราเดินตามหลังเขาที่กระดิกหางไปมา

 

(งั้นเอ็ด นายจะอธิบายให้ฉันฟังได้รึยัง เด็กคนนั้นคืออะไร นายรู้จักเด็กคนนั้นได้ยังไงน่ะ?)

 

พอเราอยู่คนเดียวได้แล้ว เทียก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉันแล้วกระซิบบอกฉัน ในรอบแรกของฉัน ฉันจะต้องหลงใหลเมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของเทียที่เข้ามาใกล้ฉันมาก แต่เนื่องจากนี่เป็นรอบที่สองของฉันและฉันก็แข็งแกร่งที่สุดและอยู่ยงคงกระพัน นั่นไม่ได้ผลอีกต่อไป… แม้ว่ามันจะทำให้ฉันรู้สึกตกใจเล็กน้อย

 

(เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันจะอธิบายทีละอย่างนะ อย่างแรกเลย ฉันรู้เรื่องในโลกนี้มากพอสมควร… อย่างไรก็ตาม มันก็ค่อนข้างเหมือนกับความฝันแปลกๆ ที่เทียเคยเห็น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น)

 

(……………………)

 

เทียดูไม่พอใจกับคำอธิบายของฉันอย่างเห็นได้ชัด แต่ฉันไม่ต้องการพูดเรื่องยิบย่อยให้เธอด้วยคำอธิบายอีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงเพิกเฉยเธอและอธิบายต่อไป

 

(และวาฟเฟอร์เป็นคีโมเนี่ยน อย่างที่เห็น เขาเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ หรือ …. ก็คือสัตว์สองเท้าพูดได้)

 

(หมายความว่าเขาเป็นมนุษย์สัตว์งั้นเหรอ? ฉันคิดว่าเรื่องแบบนั้นมีอยู่ในนิทานเท่านั้นซะอีก)

 

(ในโลกของเทียก็อาจจะใช่ โอ้ แต่อย่าเรียกพวกเขาว่าสัตว์นะ มันเป็นคำที่เหยียดที่มนุษย์ใช้เรียกพวกคีโมเนี่ยนว่า “สิ่งมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ที่ไม่สามารถกลายเป็นคนได้” ดังนั้นถ้าเธอพูดผิดที่ เธอจะเจอปัญหาร้ายแรง)

 

(อือ… โอเค ฉันจะระวัง)

 

(ดี ดี … และกลับกัน ที่นี่มีเผ่าคีโมเนี่ยน ในโลกนี้กลับไม่มีเผ่าเอลฟ์ ดังนั้นอย่าแนะนำตัวเองเหมือนว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เช่นฉันเป็นเอลฟ์ หรือฉันอายุมากกว่า 100 ปี เพราะเค้าจะคิดว่าเธอบ้า)

 

“อะไรนะ!?” เทียอุทานออกมา

 

“หืม? มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?” วาฟเฟิลถาม

 

“โอ้ ไม่ มันไม่มีอะไร อย่าสนใจเลย” ฉันตอบกลับ

 

“จริงหรือ? งั้นก็ไม่เป็นไร”

 

ทันใดนั้นเทียก็ขึ้นเสียงของเธอ และฉันรีบหลอกวาฟเฟอร์ซึ่งหันกลับมาตามเสียงของเทีย เมื่อฉันทำสำเร็จและเราเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง ฉันตบหน้าอกด้วยความโล่งใจและจ้องมองไปที่เทียเงียบๆ

 

(ยัยบ้า เธอขึ้นเสียงใส่ฉันทำไมเนี่ย?)

 

(เพราะฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเอลฟ์จะสูญพันธุ์ไปแล้ว! แต่ฉันก็ยังอยู่นี่!)

 

(ฉันรู้ ฉันรู้ แต่เทีย นี่ไม่ใช่โลกเดิมของเธอจริงไหม ยังไงก็ตาม ถ้าใครถามก็บอกไปว่า …ฉันเป็นมนุษย์ แล้วก็แนะนำตัวเองว่าเป็น ผู้หญิงอายุประมาณ 18 ปี โอเคนะ?)

 

(ให้ฉันอายุน้อยกว่าเอ็ดเหรอ!? ฉันคือโอเน่ซังต่างหาก! ไม่ ฉันจะไม่มีวันอายุน้อยกว่าเอ็ด!)

 

(ฮ้า….ก็ได้ๆ งั้นก็ให้เธออายุ 21 ละกัน พอฉันกลับไปที่ นั้น ฉันจะกลับมาในร่างของคนอายุ 20 ปี นั่นทำให้เธอแก่กว่าใช่มั้ยล่ะ?)

 

(มุวว~… ก็ได้ เป็นแบบนั้นฉันก็พอจะรับได้)

 

เทียพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจตามคำชักชวนของฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหมกมุ่นอยู่กับความแก่ ฉันหมายความว่า ถ้าเธอหมกมุ่นกับเรื่องนี้มาก เธอควรจะทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กว่านี้สักหน่อย

 

“เฮ้ พวกเจ้าสองคน! ได้เวลาเข้าเมืองแล้ว!”

 

“อา ครับ!”

 

แล้ววาฟเฟอร์ก็เรียกเรา และเราก็หยุดการพูดคุยส่วนตัวกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงและเสียงของผู้คนดังมาจากต้นไม้ หูยาวๆ ของเทีย กระตุกเมื่อได้ยินเสียงนั้น

 

“ฟุฟุ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่อะ…… เอ๊ะ……เมือง! เมืองใหญ่มาก! น่าตื่นเต้นสุดๆ! เอาเลย เอ็ด! ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ!” เทียพูดอย่างตื่นเต้น

 

“โว้ว! ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้ ถ้าเธอต้องการทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ เธอต้องผ่อนคลายมากกว่านี้หน่อย” ฉันบอกเธอ

 

“วุฟ ฟุฟุ! การมีความกระตือรือร้นเป็นสิ่งที่ดี!”

 

จู่ๆ เทียก็ดึงมือฉันและเริ่มวิ่ง ฉันหัวเราะเบาๆ ขณะที่เราวิ่งสั้นๆ ด้วยกันและวิ่งผ่านส่วนที่เหลือของป่าในคราวเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+