ราชาเหนือราชัน 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน

Now you are reading ราชาเหนือราชัน Chapter 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน

“ใครกัน?” สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬตะโกนเสียงดัง

เมื่อพิจารณาถึงผู้มาใหม่ซึ่งสามารถสร้างบาดแผลให้แก่รองจ้าวตําหนักของตนได้ง่ายดายเพียงใดนั่นหมายความว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา

ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ชายร่างสูง และแข็งแกรงยืนอยู่อย่างเงียบเชียบร่างกายซึ่งเปล่งประกายออร่าอันแหลมคมราวกับดาบที่สามารถหลุดออกจากฝักดาบได้ทุกเวลาท่าให้สามารถมองเห็นคนผู้นี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้มาใหม่เพิกเฉยต่อสมาชิกนิกายหุบเขสทองค่าเขามองไปยังตงจื่อก่อนจะครับ“ยกโทษให้ลูกน้องผู้เชื่องช้าด้วยคุณหนูท่านปลอดภัยไหม?”

ยอดฝีมือเป็นลูกน้องของตงลือ สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬล้วนตกตะลึงพวกเขาเพียงคิดว่าผู้เยาว์ทั้งสองเป็นเพียงหัวขโมยแต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองมีภูมิหลังอันน่าหวาดหวั่น

“ข้าปลอดภัยดี ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ท่านลุงอู่หลาย” ตงจื่อตอบ

ในตอนนั้นเอง นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกําลังจับมือกับเซี่ยงเส้าหยุนอยู่เซี่ยงเส้าหยุนเองก็เพิ่งรู้ตัวและปล่อยมืออย่างรวดเร็วด้วยบางเหตุผล ตงลื่อรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในหัวใจเมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหยุนปล่อยมือ

“ดี ดี หากข้ามาชไป และเกิดสิ่งเลวร้ายแม้แต่ชีวิตของข้าเองก็คงไม่พอที่จะชดใช้”ผู้มาใหม่กล่าวก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววสังหาร และถาม “คุณหนูให้ข้าสังหารพวกมันทั้งหมดไหม?”

“ท่านช่างพูดจาใหญ่โตเหลือเกิน เราเป็นสมาชิกของนิกายหุบเขาทมิฬเจ้านิกายและเหล่าผู้คุ้มครองอาวุโสของเราเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาข้าขอแนะนําให้ท่านชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนจะกระทําสิ่งใด”ผู้อาวุโสของนิกายหุบเขาทมิฬกล่าว

“เช่นนั้นหรือ? แน่นอน” ผู้มาใหม่ตอบก่อนจะหายไปในทันที ด้วยก้าวพริบตา เขาได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสที่กล่าวก่อนจะเอื้อมือไปจับคอและบิด

แคร่ก!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสูงได้ถูกสังหารก่อนจะมีผู้ใดรู้ตัว ผู้คนโดยร อบต่างตกใจและล่าถอยไปโดยไว สําหรับรองจ้าวนิกายนั้นโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่เขากล่าว “พี่ใหญ่ โปรดระงับความโกรธของท่านก่อนเถอะ เรายังไม่ได้ทําอะไรคุณหนูของท่านเลย”

ท่านรองจ้าวนิกายทราบดี หากทําให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาโกรธ จะไม่มีผู้ใดเหลือรอดทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องจากที่ห่างไกล “ใครกล้าสังหารสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬ? นี่เจ้าเบื่อหน่ายการมีชีวิตแล้วหรือ?”

เจ้าของเสียงได้มาถึง เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่องนภา ขณะลอยตัวบนฟ้าและจ้องมองชายรูปร่างกํายาที่มีนางว่าอู่หลาย

“นั่นมันผู้คุ้มครองอาวุโส! เราปลอดภัยแล้ว!”

“ผู้คุ้มครองอาวุโส เราจะสอนบทเรียนให้มัน มันสังหารผู้อาวุโสที่หก!”

“ถูกต้อง! สําหรับที่กล้ามาท้าทายสมาชิกหุบเขาทมิฬ เราจะต้องสอนบทเรียนด้วยพลังของนิกายเรา!”

สมาชิกของนิกายหุบเขาทมิฬต่างปิติ ขณะเริ่มตะโกนที่ละคน แม้แต่รองจ้าวนิกายเองก็มีใบหน้าสุขสันต์ ด้วยผู้คุ้มครองอาวุโสมาถึงได้ทันเวลา

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่จงคุกเข่า และขอขมามาเสีย หรือมิเช่นนั้น..” ผู้คุ้มครองอาวุโสเรียกร้อง

ด้วยเพิ่งบรรลุระดับราชาเมื่อไม่นานมานี้ และด้วยช่วงเวลาอันภาคภูมิใจทําให้เขามีความหยิ่งผยอง และไม่เกรงกลัวสิ่งใด

“ข้าล่ะเกลียดผู้ที่กล่าวเกินตนเสียเหลือเกิน จงกล่าวขอขมาเสีย!” อู่หลายเงยหน้าขึ้นและตะโกนใส่ผู้คุ้มครองอาวุโสด้วยชี้ไปยังผู้อาวุโสนั่นก่อนจะสร้างพลังงานในรูปดาบในอากาศและเนื้อนลงที่ผู้คุ้มครองอาวุโส

สิ่งเดียวที่ผู้คุ้มครองอาวุโสเห็นคือแสงวูบเดียวก่อนที่ความเจ็บปวดจะแผ่ซ่านไปทั้งหน้าอกชุดเกราะที่ปกคลุมล่าตัวได้หลุดออกและโลหิตได้พุ่งกระจายราวกับน้ำพุหลังจากคร่ำคราญอย่างน่าสังเวชเขาก็ได้ทรดตัวลงกับพื้น

เหล่าสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬต่างตกตะลึงอีกครั้ง พวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับผู้คุ้มครองอาวุโสแล้วเหตุใดจึงถูดจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้เล่า? นี่เขาเป็นผู้ฝึกยทธ์ระดับราชาจริงหรือ?

แท้จริงแล้ว ผู้คุ้มครองอาวุโสยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาแต่ด้วยความห่างชั้นของระดับ ผู้คุ้มครองอาวุโสเพิ่งจะบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาและไม่อาจเป็นคู่มือให้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาขั้นสูงเฉกเช่นอู่หลายได้สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬทั้งหมดต่างตัวสั่นเทาและไม่กล้าทําสิ่งใดอีกต่อไป

“คุณหนู จะให้ข้า…?” อู่หลายถามตงซื้อ

เหล่าสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬต่างรู้สึกว่าขาอ่อนแรง บางคนเริ่มอ้อนวอนขอความเมตตา

“ลืมมันไปเสีย พวกเขาไม่ได้ทําอะไรข้าอยู่แล้ว ปล่อยไปเถิด” ตงจอกล่าวอย่างเมตตา

“พวกเจ้ารออะไรอยู่? ไปให้พ้น!” อู่หลายตะโกนอย่างเย็นชา

สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬที่ยังรอดชีวิตต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศไม่มีสักคนที่จะกล้าอยู่ด้วยความลับที่ซุกซ่อนภายในถ้ำและการเก็บเกี่ยวของทั้งสองไม่มีผู้ใดกล้าคิดเรื่องนี้อีกท้ายที่สุดไม่มีสิ่งใดสําคัญไปกว่าการมีชีวิตรอด

“คุณหนู ให้ข้าพาท่านกลับ” อู่หลายกล่าว

“ข้ายังไม่ต้องการกลับไปตอนนี้” ตงจอกล่าวขณะจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนนางไม่เต็มใจจะแยกทางกับเด็กหนุ่ม

“หากท่านยังไม่กลับไปสาวใช้ที่ดูแลท่านจะต้องถูกทําโทษ” อู่หลายเตือนสตินั้นดูเหมือนจะทําให้ตงลื่อคิดซ้ำสองความลังเลปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้า

ใกล้เคียง เซี่ยงเส้าหยนรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่ตนจะอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าว “ข้าไปล่ะไปเถิดไม่ต้องสนใจข้า”

ขณะที่กําลังจะลา

“ไม่ อย่าไป!” ตงจอกระชากแขนเซี่ยงเส้หยุน และกล่าว

“หึม เจ้ายังต้องการสิ่งใดจากข้าอีก?” เซี่ยวเส้หยุนถามด้วยความลังเล

“มะ-ไม่มี” ตงจื่อไม่อาจแสดงความรู้สึกที่แท้จริงได้

“หากเป็นเช่นนั้น นี่ก็เป็นหน้าที่ของเรา”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยความเป็นห่วงขณะค่อยแกะแขนของตงจื่อออก

เซี่ยงเส้าหยุนไม่ลังเลที่จะจากไป ท้ายที่สุดเขาก็ทราบว่าเด็กสาวผู้นี้มีความสามารถในการเก็บความขุ่นเคืองในใจ หากรอจนกว่าจะได้สติจะต้องทรมานกับการสัมผัสอันลามก

“ราชันเซี่ยง คอยเดี่ยว!” ตงจอตะโกนอีกครั้ง

เซี่ยงเส้าหยุนหันกลับ และกล่าว “เพียงกล่าวในสิ่งที่คิด หยุดทําให้ข้าเสียเวลาได้แล้วขากําลังยุ่ง”

“ระวังปากของเจ้าเสีย เจ้าหนู!” อู่หลายตะโกนขณะจองมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุนเมื่อเห็นว่าผู้เยาว์คนนี้หยาบคายเพียงใด ทันใดนั้นการเผยตัวของราชาก็กวาดไปยังเซี่ยงเส้าหยุน

ตงลื่อรีบโบกมือให้อู่หลายหยุด จากนั้น นางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ชะ-ชื่อเต็มของข้าคือตงลื่อว่าน”

“มีอะไรอีกไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

“มะ ไม่มี” หัวใจของตงลื่อว่านปวดร้าว เมื่อเห็นว่าเซี่ยงเส้าหยุนไม่ใส่ใจ

“เอาล่ะ ตงลื่อว่านใช่ไหมใช่นี่ละชื่อที่คล้ายสตรีแน่นอนเราจะพบกันอีกครั้งหากมีโอกาสตอนนี้ก็ลากันไปเสีย”เซี่ยงเส้าหยุนโบกมือและจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อตงลื่อว่านเห็นเซี่ยงเส้าหยุนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว นางถามตัวเองด้วยความเศร้าโศกนี่เราน่ารังเกียจถึงเพียงนี้เลยหรือ?”

“คุณหนู เราจะต้องไปกันแล้ว” อู่หลายกล่าว

“อืม ไปกันเถอะ” ตงลื่อว่านตอบอย่างเศร้าหมอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาเหนือราชัน 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน

Now you are reading ราชาเหนือราชัน Chapter 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 150 : ชื่อเต็มของข้าคือ ตงจื้อว่าน

“ใครกัน?” สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬตะโกนเสียงดัง

เมื่อพิจารณาถึงผู้มาใหม่ซึ่งสามารถสร้างบาดแผลให้แก่รองจ้าวตําหนักของตนได้ง่ายดายเพียงใดนั่นหมายความว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา

ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ชายร่างสูง และแข็งแกรงยืนอยู่อย่างเงียบเชียบร่างกายซึ่งเปล่งประกายออร่าอันแหลมคมราวกับดาบที่สามารถหลุดออกจากฝักดาบได้ทุกเวลาท่าให้สามารถมองเห็นคนผู้นี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ผู้มาใหม่เพิกเฉยต่อสมาชิกนิกายหุบเขสทองค่าเขามองไปยังตงจื่อก่อนจะครับ“ยกโทษให้ลูกน้องผู้เชื่องช้าด้วยคุณหนูท่านปลอดภัยไหม?”

ยอดฝีมือเป็นลูกน้องของตงลือ สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬล้วนตกตะลึงพวกเขาเพียงคิดว่าผู้เยาว์ทั้งสองเป็นเพียงหัวขโมยแต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสองมีภูมิหลังอันน่าหวาดหวั่น

“ข้าปลอดภัยดี ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ท่านลุงอู่หลาย” ตงจื่อตอบ

ในตอนนั้นเอง นางเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกําลังจับมือกับเซี่ยงเส้าหยุนอยู่เซี่ยงเส้าหยุนเองก็เพิ่งรู้ตัวและปล่อยมืออย่างรวดเร็วด้วยบางเหตุผล ตงลื่อรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในหัวใจเมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหยุนปล่อยมือ

“ดี ดี หากข้ามาชไป และเกิดสิ่งเลวร้ายแม้แต่ชีวิตของข้าเองก็คงไม่พอที่จะชดใช้”ผู้มาใหม่กล่าวก่อนที่ดวงตาของเขาจะฉายแววสังหาร และถาม “คุณหนูให้ข้าสังหารพวกมันทั้งหมดไหม?”

“ท่านช่างพูดจาใหญ่โตเหลือเกิน เราเป็นสมาชิกของนิกายหุบเขาทมิฬเจ้านิกายและเหล่าผู้คุ้มครองอาวุโสของเราเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาข้าขอแนะนําให้ท่านชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนจะกระทําสิ่งใด”ผู้อาวุโสของนิกายหุบเขาทมิฬกล่าว

“เช่นนั้นหรือ? แน่นอน” ผู้มาใหม่ตอบก่อนจะหายไปในทันที ด้วยก้าวพริบตา เขาได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสที่กล่าวก่อนจะเอื้อมือไปจับคอและบิด

แคร่ก!

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสูงได้ถูกสังหารก่อนจะมีผู้ใดรู้ตัว ผู้คนโดยร อบต่างตกใจและล่าถอยไปโดยไว สําหรับรองจ้าวนิกายนั้นโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่เขากล่าว “พี่ใหญ่ โปรดระงับความโกรธของท่านก่อนเถอะ เรายังไม่ได้ทําอะไรคุณหนูของท่านเลย”

ท่านรองจ้าวนิกายทราบดี หากทําให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาโกรธ จะไม่มีผู้ใดเหลือรอดทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องจากที่ห่างไกล “ใครกล้าสังหารสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬ? นี่เจ้าเบื่อหน่ายการมีชีวิตแล้วหรือ?”

เจ้าของเสียงได้มาถึง เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่องนภา ขณะลอยตัวบนฟ้าและจ้องมองชายรูปร่างกํายาที่มีนางว่าอู่หลาย

“นั่นมันผู้คุ้มครองอาวุโส! เราปลอดภัยแล้ว!”

“ผู้คุ้มครองอาวุโส เราจะสอนบทเรียนให้มัน มันสังหารผู้อาวุโสที่หก!”

“ถูกต้อง! สําหรับที่กล้ามาท้าทายสมาชิกหุบเขาทมิฬ เราจะต้องสอนบทเรียนด้วยพลังของนิกายเรา!”

สมาชิกของนิกายหุบเขาทมิฬต่างปิติ ขณะเริ่มตะโกนที่ละคน แม้แต่รองจ้าวนิกายเองก็มีใบหน้าสุขสันต์ ด้วยผู้คุ้มครองอาวุโสมาถึงได้ทันเวลา

“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร แต่จงคุกเข่า และขอขมามาเสีย หรือมิเช่นนั้น..” ผู้คุ้มครองอาวุโสเรียกร้อง

ด้วยเพิ่งบรรลุระดับราชาเมื่อไม่นานมานี้ และด้วยช่วงเวลาอันภาคภูมิใจทําให้เขามีความหยิ่งผยอง และไม่เกรงกลัวสิ่งใด

“ข้าล่ะเกลียดผู้ที่กล่าวเกินตนเสียเหลือเกิน จงกล่าวขอขมาเสีย!” อู่หลายเงยหน้าขึ้นและตะโกนใส่ผู้คุ้มครองอาวุโสด้วยชี้ไปยังผู้อาวุโสนั่นก่อนจะสร้างพลังงานในรูปดาบในอากาศและเนื้อนลงที่ผู้คุ้มครองอาวุโส

สิ่งเดียวที่ผู้คุ้มครองอาวุโสเห็นคือแสงวูบเดียวก่อนที่ความเจ็บปวดจะแผ่ซ่านไปทั้งหน้าอกชุดเกราะที่ปกคลุมล่าตัวได้หลุดออกและโลหิตได้พุ่งกระจายราวกับน้ำพุหลังจากคร่ำคราญอย่างน่าสังเวชเขาก็ได้ทรดตัวลงกับพื้น

เหล่าสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬต่างตกตะลึงอีกครั้ง พวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับผู้คุ้มครองอาวุโสแล้วเหตุใดจึงถูดจัดการได้รวดเร็วเช่นนี้เล่า? นี่เขาเป็นผู้ฝึกยทธ์ระดับราชาจริงหรือ?

แท้จริงแล้ว ผู้คุ้มครองอาวุโสยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาแต่ด้วยความห่างชั้นของระดับ ผู้คุ้มครองอาวุโสเพิ่งจะบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาและไม่อาจเป็นคู่มือให้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาขั้นสูงเฉกเช่นอู่หลายได้สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬทั้งหมดต่างตัวสั่นเทาและไม่กล้าทําสิ่งใดอีกต่อไป

“คุณหนู จะให้ข้า…?” อู่หลายถามตงซื้อ

เหล่าสมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬต่างรู้สึกว่าขาอ่อนแรง บางคนเริ่มอ้อนวอนขอความเมตตา

“ลืมมันไปเสีย พวกเขาไม่ได้ทําอะไรข้าอยู่แล้ว ปล่อยไปเถิด” ตงจอกล่าวอย่างเมตตา

“พวกเจ้ารออะไรอยู่? ไปให้พ้น!” อู่หลายตะโกนอย่างเย็นชา

สมาชิกนิกายหุบเขาทมิฬที่ยังรอดชีวิตต่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศไม่มีสักคนที่จะกล้าอยู่ด้วยความลับที่ซุกซ่อนภายในถ้ำและการเก็บเกี่ยวของทั้งสองไม่มีผู้ใดกล้าคิดเรื่องนี้อีกท้ายที่สุดไม่มีสิ่งใดสําคัญไปกว่าการมีชีวิตรอด

“คุณหนู ให้ข้าพาท่านกลับ” อู่หลายกล่าว

“ข้ายังไม่ต้องการกลับไปตอนนี้” ตงจอกล่าวขณะจ้องมองเซี่ยงเส้าหยุนนางไม่เต็มใจจะแยกทางกับเด็กหนุ่ม

“หากท่านยังไม่กลับไปสาวใช้ที่ดูแลท่านจะต้องถูกทําโทษ” อู่หลายเตือนสตินั้นดูเหมือนจะทําให้ตงลื่อคิดซ้ำสองความลังเลปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้า

ใกล้เคียง เซี่ยงเส้าหยนรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่ตนจะอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มและกล่าว “ข้าไปล่ะไปเถิดไม่ต้องสนใจข้า”

ขณะที่กําลังจะลา

“ไม่ อย่าไป!” ตงจอกระชากแขนเซี่ยงเส้หยุน และกล่าว

“หึม เจ้ายังต้องการสิ่งใดจากข้าอีก?” เซี่ยวเส้หยุนถามด้วยความลังเล

“มะ-ไม่มี” ตงจื่อไม่อาจแสดงความรู้สึกที่แท้จริงได้

“หากเป็นเช่นนั้น นี่ก็เป็นหน้าที่ของเรา”เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยความเป็นห่วงขณะค่อยแกะแขนของตงจื่อออก

เซี่ยงเส้าหยุนไม่ลังเลที่จะจากไป ท้ายที่สุดเขาก็ทราบว่าเด็กสาวผู้นี้มีความสามารถในการเก็บความขุ่นเคืองในใจ หากรอจนกว่าจะได้สติจะต้องทรมานกับการสัมผัสอันลามก

“ราชันเซี่ยง คอยเดี่ยว!” ตงจอตะโกนอีกครั้ง

เซี่ยงเส้าหยุนหันกลับ และกล่าว “เพียงกล่าวในสิ่งที่คิด หยุดทําให้ข้าเสียเวลาได้แล้วขากําลังยุ่ง”

“ระวังปากของเจ้าเสีย เจ้าหนู!” อู่หลายตะโกนขณะจองมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุนเมื่อเห็นว่าผู้เยาว์คนนี้หยาบคายเพียงใด ทันใดนั้นการเผยตัวของราชาก็กวาดไปยังเซี่ยงเส้าหยุน

ตงลื่อรีบโบกมือให้อู่หลายหยุด จากนั้น นางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ชะ-ชื่อเต็มของข้าคือตงลื่อว่าน”

“มีอะไรอีกไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

“มะ ไม่มี” หัวใจของตงลื่อว่านปวดร้าว เมื่อเห็นว่าเซี่ยงเส้าหยุนไม่ใส่ใจ

“เอาล่ะ ตงลื่อว่านใช่ไหมใช่นี่ละชื่อที่คล้ายสตรีแน่นอนเราจะพบกันอีกครั้งหากมีโอกาสตอนนี้ก็ลากันไปเสีย”เซี่ยงเส้าหยุนโบกมือและจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อตงลื่อว่านเห็นเซี่ยงเส้าหยุนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว นางถามตัวเองด้วยความเศร้าโศกนี่เราน่ารังเกียจถึงเพียงนี้เลยหรือ?”

“คุณหนู เราจะต้องไปกันแล้ว” อู่หลายกล่าว

“อืม ไปกันเถอะ” ตงลื่อว่านตอบอย่างเศร้าหมอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+