ราชาเหนือราชัน 156 : เจตนากระบี่

Now you are reading ราชาเหนือราชัน Chapter 156 : เจตนากระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 156 : เจตนากระบี่

กระบวนท่าพื้นฐานการใช้กระบี่ประกอบด้วยการฟันแนวตั้ง เดือนแนวนอน เฉือน แทง และอีกหลายกระบวนท่า ท่าพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนจดจ่อกับมากกว่ากระบวนท่าที่ซับซ้อน เขาเหวี่ยงกระบี่ไปรอบด้านซ้ําไปซ้ํามา การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วราวกับเป็นกระบวนท่าโดยธรรมชาติ มีเพียงยอดฝีมือเท่านั้นจึงจะสามารถความไม่สมบูรณ์ของวิถีกระบี่

กระบี่เคลื่อนที่ไปตามร่างกาย ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามเจตจํานง กระบี่เป็นราวกับร่างกาย ร่างกายและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เคลื่อนไหวตามที่ใจต้องการ…เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิดถึงกระบี่ไม่หยุดขณะเหวี่ยงมันไปมารอบด้าน พยายามอย่างหนักเพื่อจะรวมกระบี่ราชันผ่าเมฆาเข้ากับร่างกาย และทําให้มันเป็นส่วนหนึ่งของเขาในแบบที่ต้องการ

น่าเสียดาย แม้จะเข้าใจในสิ่งที่ทํา แต่เขายังคงไม่พบในสิ่งที่ตามหา มันไม่ใช่เพราะความเข้าใจระหว่างตนเอง และกระบี่ราชันผ่าเมฆ่านั้นต่ําเกินไป แต่เพราะดูราวกับมีหมอกบดบังความรู้สึก และหยุดไม่ให้เข้าสู่สถานะนั่น

เป็นเวลากว่าสามวันที่เขาฝึกฝนกระบี่ แม้จะฝึกฝนกระบวนท่าเดิมซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขายังคงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนักนั่น

ผ่านไปสามวัน ลั่วหยงเฉิงได้มาเยี่ยมเยียนเซี่ยงเส้าหยุนเป็นครั้งคราว แต่เมื่อได้เห็นเซี่ยงเส้าหยุนกาลังฝึกฝนกระบี่ เขาจึงไม่เข้ามารบกวน ไม่ว่าอย่างไร การกำจัดโจรหมาป่าแดงจะต้องใช้เวลาพอสมควร ตามภารกิจที่เซี่ยงเส้าหยุนรับ ยังมีเวลาอีกสามเดือน

ในวันนี้ ลั่วหยงเฉิงได้มาเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัวพร้อมสุรา และอาหาร ดูเหมือนวางแผนจะมาสังสรรกับเซี่ยงเส้าหยน

“น้องเซียง นี่คือสราไผ่เขียวที่บ่มจากสถาบันไผ่เขียว ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องการมากขึ้นเมื่อได้ลิ้มลอง” ลั่วหยงเฉิงกล่าว เขาดูใกล้ชิดกว่าก่อนหน้า

สิ่งที่ชายสูงวัยห่วง คือการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อเซี่ยงเส้าหยุน ก่อนที่เขาจะบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาถือเป็นสิ่งสําคัญสูงสุดต่อลั่วหยงเฉิง

เซี่ยงเส้าหยุนวางกระบี่ไว้ข้างกาย และจิบสุราที่ลั่วหยงเฉิงเสนอ เมื่อกลืนมีความรู้สึกราวกับมีน้ําพุใสไหลอยู่ภายในร่างกาย เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “เป็นสุราชั้นยอด!”

มันเป็นสุราชั้นเลิศที่ไม่ค่อยพบเห็น บ่มโดยใช้น้ําค้างยามเช้าที่เก็บจากใบไผ่ และหน่อไม้เขียว สุราอาจไม่แรงเป็นพิเศษ แต่มันเย็น และสดชื่น สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และความเครียดได้

หลังจากฝึกฝนกระบในสามวันแม้จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เซียงเส้าหยุนกระวนกระวายใจมาก แต่ด้วยสุราไผ่เขียวได้มาชําระล้างอารมณ์ด้านลบของเขา ทําให้ผ่อนคลายได้
บ้าง

“ข้าดีใจที่เจ้าชอบมัน มีหลายคนกล่าวว่าพิษสุรานั้นอ่อนเกินไป แต่ไม่ค่อยมีผู้ใดตระหนักถึงประโยชน์ของมัน” ลั่วหยงเฉิงกล่าวพร้อมร้อยยิ้ม

“สําหรับข้าแล้ว อารมณ์ถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุดเมื่อดื่มด่ไปกับสุรา ผู้ที่กังวลถึงความแรงของสุรา ดังคํากล่าวที่ว่า ดื่มให้คลายกังวลได้อย่างไร? สําหรับเหล้าอ่อน ๆ นั้นเหมาะกับข้าในตอนนี้มาก ขอบคุณศิษย์พี่ลั่ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะจิบเหล้า
หลังจากปรับอารมณ์ เขาได้ข้อสรุปว่าการฝึกฝนกระบี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเร่งรีบ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป การทําความเข้าใจต่อกระบี่ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเท่านั้นจะสามารถทําให้การฝึกฝนเป็นไปได้อย่างราบรื่นในวิถีของกระบี่

เป็นเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้นที่เขาเริ่มฝึกยุทธ์ ส่วนกระบี่นั้นใช้เวลาน้อยกว่านั้น การอาศัยประสบการณ์เล็กน้อยเพื่อทําให้บรรลสถานะเอกภาพกระบี่มนุษย์นั้นเป็นเพียงความคิดที่ปรารถนา

“ฮ่าฮ่า นี่มันช่างน่าตกใจ นี่เจ้าเป็นนักดื่มคอทองแดงด้วยงั้นหรือ? ข้าเดาไม่ถูกจริง ๆ” ลั่วหยงเฉิงยิ้ม

ทั้งสองเริ่มดื่มอีกครั้ง ในช่วงท้ายของการดื่มสุรา ลั่วหยงเฉิงได้กล่าวหัวข้อหลักขึ้น “น้องเซี่ยง ข้าเห็นว่าเจ้าฝึกกระบี่มาหลายวันแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง หากเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าถาม?”

เซี่ยงเส้าหยุนส่ายหัว และยิ้มอย่างขมขึ้น “มันไม่ง่ายเลย อย่างไรเสียข้าก็วางแผนที่จะทําให้กระบี่สมบูรณ์เป็นอันดับแรก ก่อนจะไปล่าโจรหมาป่าแดง แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนแผนเสียแล้ว ข้าจะเริ่มล่าพวกมันพรุ่งนี้อีกครั้ง”

“ไม่ต้องเร่งรีบนักก็ได้ ข้ามาที่นี่เพราะมีโอกาสอันดีจะขอเสนอให้แก่เจ้า น้องชาย” ลั่วหยงเฉิงกล่าว น้ําเสียงจริงจัง

“นี่เรากาลังกล่าวถึงสิ่งใดกันอยู่?” เซี่ยงเส้าหยุนถามด้วยความประหลาดใจ โอกาสเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างปรารถนา ไม่ใช่สิ่งที่จะพบได้ง่าย เด็กหนุ่มอเสงัสยไม่ได้ว่าลั่วหยงเฉิงจะต้องมีเจตนาแอบแฝง

“น้องเซี่ยงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเมืองไผ่เขียวจากโจรหมาป่าแดง การกระทํานั้นจะส่งผลดีต่อชาวเมืองไผ่เขียว ดังนั้น ข้าจึงต้องทําทุกสิ่งที่สามารถทําได้ต่อเจ้า แต่การที่จะคว้าโอกาสไว้ในมือได้นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถ และความเข้าใจของเจ้าเอง” ลั่วหยงเฉิงกล่าว เขาหยุดก่อนจะกล่าวเสริม “ภายในสถาบันไผ่เขียว มีสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าป่ากระบี่ ที่นั้นเคยมีปรมาจารย์กระบี่อาศัยอยู่โดยทิ้งเจตจานงของกระบี้ไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้าใจกระบี่ได้อย่างลึกซึ้ง มันอาจเป็นสถานที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจต่อกระบี่ของเจ้า น้องชาย”

“ว้าว! มีที่ดี ๆ แบบนั้นด้วยหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนดีใจมาก

ด้วยถูกเรียกในนามเจตนากระบี่เป็นแนวคิดชั้นสูง ในความจริง ขั้นตอนที่ความสามัคคีต่อมนุษย์ และกระบี่ของกระบี่มนุษย์นับเป็นเจตนากระบี่เช่นกัน ถัดไปหลังจากนั้นจะเป็นการบังคับดาบ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สามารถควบคุมกระบี่ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะท่าให้มันบินโดยรอบ หรือสังหารศัตรดูเพียงคิดเท่านั้น ขั้นสุดท้ายจะเป็นช่วงที่ไม่ว่าเป็นต้องจับคมดาบไว้ แต่ทุกส่วนของร่างกายผู้ใช้จะเป็นกระบี่ คํากล่าวของผู้นั้น ทุกอิริยาบถ และทุกรกระเบียดนิ้วของร่างกายสามารเป็นกระปได้ เซี่ยงเส้าหยุนไม่ทราบว่าเจตนากระบี่ของตนเองอยู่ในขั้นใด แต่ป่ากระบี่ฟังดูเป็นสถานที่ดีเยี่ยมสําหรับทําความเข้าใจ

“ถูกต้อง แต่โชคไม่ดีนัก ศิษย์ของเรานั้นล้มเหลว รุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็ไม่มีผู้ใดทําความเข้าใจต่อเจตนากระบี่ได้เลย ทุกวันนี้มันจึงกลายเป็นพื้นที่ร้างภายในสถาบันของเรา” ลั่วหยงเฉิงถอนหายใจ

“แล้วป่ากระบี่อยู่ที่ใดกัน? ข้าถามเพราะพี่ลั่วแนะน่า” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

“เหอะ เหอะ แน่นอนว่าข้าจะพาเจ้าไป แต่…” ลั่วหยงเฉิงหยุดกล่าว เซี่ยงเส้าหยุนฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“แต่อะไร? โปรดกล่าวมาเถิด” เซียงเส้าหยุนถามภายใน เขาบ่นพึมพํา แน่นอน ไม่มีอาหารฟรีในโลกหรอก

“หากเจ้าสามารถเข้าใจถึงเจตนากระบี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสอนบทเรียน และแบ่งปันประสบการณ์ต่อเรา เมื่อเจ้าเข้าใจถ่องแท้แล้ว” ลั่วหยงเฉิงกล่าว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เซี่ยงเส้าหยุนจะต้องสอนพวกเขาเกี่ยวกับความเข้าใจถ่องแท้ต่อเจตนากระบี่ นี่อาจเป็นค่าขอที่ใจยักษ์ ด้วยไม่มีผู้ใดจะคายสิ่งที่ได้รับจากการทํางานอย่างหนัก

แต่เซี่ยงเส้าหยุนตอบรับอย่างไม่ลังเล “ข้าให้ค่ามั่น”

ตราบใดที่สามารถเข้าใจเจตนากระบี่ เขาจะไม่แบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้กับผู้ใดทั้งสิ้น

“เจ้าช่างเป็นคนตรงไปตรงมา! มากับข้า” ลั่วหลงเฉิงกล่าวอย่างชื่นชม

ดังนั้น ทั้งสองจึงมุ่งหน้าไปยังป่ากระบี่ภายในสถาบัน ป่ากระบี่อยู่ที่ด้านหลังของสถาบัน ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยป่าไผ่เขียวชอุ่ม

ขณะทั้งสองเดิน ศิษย์จากสถาบันไผ่เขียวปรากฏให้เห็นตลอดเวลานี้เป็นหนึ่งใจ จุดฝึกยุทธ์ที่พกเขาชื่นชอบ เนื่องจากต้องการเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อเจตนากระบี่ เมื่อพวกเขาเห็นลั่วหยงเฉิงเข้ามา พวกเขาต่างแสดงความเคารพ ความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นเมื่อพบเด็กหนุ่มอยู่ข้างกายลัวหยงเฉิง

“ที่นั่นคือป่ากระบี่” ลั่วหยงเฉิงกล่าวขณะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชาเหนือราชัน 156 : เจตนากระบี่

Now you are reading ราชาเหนือราชัน Chapter 156 : เจตนากระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ราชาเหนือราชัน ตอนที่ 156 : เจตนากระบี่

กระบวนท่าพื้นฐานการใช้กระบี่ประกอบด้วยการฟันแนวตั้ง เดือนแนวนอน เฉือน แทง และอีกหลายกระบวนท่า ท่าพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนจดจ่อกับมากกว่ากระบวนท่าที่ซับซ้อน เขาเหวี่ยงกระบี่ไปรอบด้านซ้ําไปซ้ํามา การเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วราวกับเป็นกระบวนท่าโดยธรรมชาติ มีเพียงยอดฝีมือเท่านั้นจึงจะสามารถความไม่สมบูรณ์ของวิถีกระบี่

กระบี่เคลื่อนที่ไปตามร่างกาย ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามเจตจํานง กระบี่เป็นราวกับร่างกาย ร่างกายและจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เคลื่อนไหวตามที่ใจต้องการ…เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิดถึงกระบี่ไม่หยุดขณะเหวี่ยงมันไปมารอบด้าน พยายามอย่างหนักเพื่อจะรวมกระบี่ราชันผ่าเมฆาเข้ากับร่างกาย และทําให้มันเป็นส่วนหนึ่งของเขาในแบบที่ต้องการ

น่าเสียดาย แม้จะเข้าใจในสิ่งที่ทํา แต่เขายังคงไม่พบในสิ่งที่ตามหา มันไม่ใช่เพราะความเข้าใจระหว่างตนเอง และกระบี่ราชันผ่าเมฆ่านั้นต่ําเกินไป แต่เพราะดูราวกับมีหมอกบดบังความรู้สึก และหยุดไม่ให้เข้าสู่สถานะนั่น

เป็นเวลากว่าสามวันที่เขาฝึกฝนกระบี่ แม้จะฝึกฝนกระบวนท่าเดิมซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขายังคงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการฝึกอย่างหนักนั่น

ผ่านไปสามวัน ลั่วหยงเฉิงได้มาเยี่ยมเยียนเซี่ยงเส้าหยุนเป็นครั้งคราว แต่เมื่อได้เห็นเซี่ยงเส้าหยุนกาลังฝึกฝนกระบี่ เขาจึงไม่เข้ามารบกวน ไม่ว่าอย่างไร การกำจัดโจรหมาป่าแดงจะต้องใช้เวลาพอสมควร ตามภารกิจที่เซี่ยงเส้าหยุนรับ ยังมีเวลาอีกสามเดือน

ในวันนี้ ลั่วหยงเฉิงได้มาเยี่ยมเยียนเป็นการส่วนตัวพร้อมสุรา และอาหาร ดูเหมือนวางแผนจะมาสังสรรกับเซี่ยงเส้าหยน

“น้องเซียง นี่คือสราไผ่เขียวที่บ่มจากสถาบันไผ่เขียว ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องการมากขึ้นเมื่อได้ลิ้มลอง” ลั่วหยงเฉิงกล่าว เขาดูใกล้ชิดกว่าก่อนหน้า

สิ่งที่ชายสูงวัยห่วง คือการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อเซี่ยงเส้าหยุน ก่อนที่เขาจะบรรลุเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาถือเป็นสิ่งสําคัญสูงสุดต่อลั่วหยงเฉิง

เซี่ยงเส้าหยุนวางกระบี่ไว้ข้างกาย และจิบสุราที่ลั่วหยงเฉิงเสนอ เมื่อกลืนมีความรู้สึกราวกับมีน้ําพุใสไหลอยู่ภายในร่างกาย เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “เป็นสุราชั้นยอด!”

มันเป็นสุราชั้นเลิศที่ไม่ค่อยพบเห็น บ่มโดยใช้น้ําค้างยามเช้าที่เก็บจากใบไผ่ และหน่อไม้เขียว สุราอาจไม่แรงเป็นพิเศษ แต่มันเย็น และสดชื่น สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และความเครียดได้

หลังจากฝึกฝนกระบในสามวันแม้จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เซียงเส้าหยุนกระวนกระวายใจมาก แต่ด้วยสุราไผ่เขียวได้มาชําระล้างอารมณ์ด้านลบของเขา ทําให้ผ่อนคลายได้
บ้าง

“ข้าดีใจที่เจ้าชอบมัน มีหลายคนกล่าวว่าพิษสุรานั้นอ่อนเกินไป แต่ไม่ค่อยมีผู้ใดตระหนักถึงประโยชน์ของมัน” ลั่วหยงเฉิงกล่าวพร้อมร้อยยิ้ม

“สําหรับข้าแล้ว อารมณ์ถือเป็นสิ่งสําคัญที่สุดเมื่อดื่มด่ไปกับสุรา ผู้ที่กังวลถึงความแรงของสุรา ดังคํากล่าวที่ว่า ดื่มให้คลายกังวลได้อย่างไร? สําหรับเหล้าอ่อน ๆ นั้นเหมาะกับข้าในตอนนี้มาก ขอบคุณศิษย์พี่ลั่ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะจิบเหล้า
หลังจากปรับอารมณ์ เขาได้ข้อสรุปว่าการฝึกฝนกระบี่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเร่งรีบ แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป การทําความเข้าใจต่อกระบี่ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเท่านั้นจะสามารถทําให้การฝึกฝนเป็นไปได้อย่างราบรื่นในวิถีของกระบี่

เป็นเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้นที่เขาเริ่มฝึกยุทธ์ ส่วนกระบี่นั้นใช้เวลาน้อยกว่านั้น การอาศัยประสบการณ์เล็กน้อยเพื่อทําให้บรรลสถานะเอกภาพกระบี่มนุษย์นั้นเป็นเพียงความคิดที่ปรารถนา

“ฮ่าฮ่า นี่มันช่างน่าตกใจ นี่เจ้าเป็นนักดื่มคอทองแดงด้วยงั้นหรือ? ข้าเดาไม่ถูกจริง ๆ” ลั่วหยงเฉิงยิ้ม

ทั้งสองเริ่มดื่มอีกครั้ง ในช่วงท้ายของการดื่มสุรา ลั่วหยงเฉิงได้กล่าวหัวข้อหลักขึ้น “น้องเซี่ยง ข้าเห็นว่าเจ้าฝึกกระบี่มาหลายวันแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง หากเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าถาม?”

เซี่ยงเส้าหยุนส่ายหัว และยิ้มอย่างขมขึ้น “มันไม่ง่ายเลย อย่างไรเสียข้าก็วางแผนที่จะทําให้กระบี่สมบูรณ์เป็นอันดับแรก ก่อนจะไปล่าโจรหมาป่าแดง แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนแผนเสียแล้ว ข้าจะเริ่มล่าพวกมันพรุ่งนี้อีกครั้ง”

“ไม่ต้องเร่งรีบนักก็ได้ ข้ามาที่นี่เพราะมีโอกาสอันดีจะขอเสนอให้แก่เจ้า น้องชาย” ลั่วหยงเฉิงกล่าว น้ําเสียงจริงจัง

“นี่เรากาลังกล่าวถึงสิ่งใดกันอยู่?” เซี่ยงเส้าหยุนถามด้วยความประหลาดใจ โอกาสเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนต่างปรารถนา ไม่ใช่สิ่งที่จะพบได้ง่าย เด็กหนุ่มอเสงัสยไม่ได้ว่าลั่วหยงเฉิงจะต้องมีเจตนาแอบแฝง

“น้องเซี่ยงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเมืองไผ่เขียวจากโจรหมาป่าแดง การกระทํานั้นจะส่งผลดีต่อชาวเมืองไผ่เขียว ดังนั้น ข้าจึงต้องทําทุกสิ่งที่สามารถทําได้ต่อเจ้า แต่การที่จะคว้าโอกาสไว้ในมือได้นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถ และความเข้าใจของเจ้าเอง” ลั่วหยงเฉิงกล่าว เขาหยุดก่อนจะกล่าวเสริม “ภายในสถาบันไผ่เขียว มีสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าป่ากระบี่ ที่นั้นเคยมีปรมาจารย์กระบี่อาศัยอยู่โดยทิ้งเจตจานงของกระบี้ไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้าใจกระบี่ได้อย่างลึกซึ้ง มันอาจเป็นสถานที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจต่อกระบี่ของเจ้า น้องชาย”

“ว้าว! มีที่ดี ๆ แบบนั้นด้วยหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนดีใจมาก

ด้วยถูกเรียกในนามเจตนากระบี่เป็นแนวคิดชั้นสูง ในความจริง ขั้นตอนที่ความสามัคคีต่อมนุษย์ และกระบี่ของกระบี่มนุษย์นับเป็นเจตนากระบี่เช่นกัน ถัดไปหลังจากนั้นจะเป็นการบังคับดาบ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สามารถควบคุมกระบี่ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะท่าให้มันบินโดยรอบ หรือสังหารศัตรดูเพียงคิดเท่านั้น ขั้นสุดท้ายจะเป็นช่วงที่ไม่ว่าเป็นต้องจับคมดาบไว้ แต่ทุกส่วนของร่างกายผู้ใช้จะเป็นกระบี่ คํากล่าวของผู้นั้น ทุกอิริยาบถ และทุกรกระเบียดนิ้วของร่างกายสามารเป็นกระปได้ เซี่ยงเส้าหยุนไม่ทราบว่าเจตนากระบี่ของตนเองอยู่ในขั้นใด แต่ป่ากระบี่ฟังดูเป็นสถานที่ดีเยี่ยมสําหรับทําความเข้าใจ

“ถูกต้อง แต่โชคไม่ดีนัก ศิษย์ของเรานั้นล้มเหลว รุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็ไม่มีผู้ใดทําความเข้าใจต่อเจตนากระบี่ได้เลย ทุกวันนี้มันจึงกลายเป็นพื้นที่ร้างภายในสถาบันของเรา” ลั่วหยงเฉิงถอนหายใจ

“แล้วป่ากระบี่อยู่ที่ใดกัน? ข้าถามเพราะพี่ลั่วแนะน่า” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

“เหอะ เหอะ แน่นอนว่าข้าจะพาเจ้าไป แต่…” ลั่วหยงเฉิงหยุดกล่าว เซี่ยงเส้าหยุนฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“แต่อะไร? โปรดกล่าวมาเถิด” เซียงเส้าหยุนถามภายใน เขาบ่นพึมพํา แน่นอน ไม่มีอาหารฟรีในโลกหรอก

“หากเจ้าสามารถเข้าใจถึงเจตนากระบี่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสอนบทเรียน และแบ่งปันประสบการณ์ต่อเรา เมื่อเจ้าเข้าใจถ่องแท้แล้ว” ลั่วหยงเฉิงกล่าว

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เซี่ยงเส้าหยุนจะต้องสอนพวกเขาเกี่ยวกับความเข้าใจถ่องแท้ต่อเจตนากระบี่ นี่อาจเป็นค่าขอที่ใจยักษ์ ด้วยไม่มีผู้ใดจะคายสิ่งที่ได้รับจากการทํางานอย่างหนัก

แต่เซี่ยงเส้าหยุนตอบรับอย่างไม่ลังเล “ข้าให้ค่ามั่น”

ตราบใดที่สามารถเข้าใจเจตนากระบี่ เขาจะไม่แบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้กับผู้ใดทั้งสิ้น

“เจ้าช่างเป็นคนตรงไปตรงมา! มากับข้า” ลั่วหลงเฉิงกล่าวอย่างชื่นชม

ดังนั้น ทั้งสองจึงมุ่งหน้าไปยังป่ากระบี่ภายในสถาบัน ป่ากระบี่อยู่ที่ด้านหลังของสถาบัน ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบ และเต็มไปด้วยป่าไผ่เขียวชอุ่ม

ขณะทั้งสองเดิน ศิษย์จากสถาบันไผ่เขียวปรากฏให้เห็นตลอดเวลานี้เป็นหนึ่งใจ จุดฝึกยุทธ์ที่พกเขาชื่นชอบ เนื่องจากต้องการเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่อเจตนากระบี่ เมื่อพวกเขาเห็นลั่วหยงเฉิงเข้ามา พวกเขาต่างแสดงความเคารพ ความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นเมื่อพบเด็กหนุ่มอยู่ข้างกายลัวหยงเฉิง

“ที่นั่นคือป่ากระบี่” ลั่วหยงเฉิงกล่าวขณะชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+