วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1041 งดงามยิ่งนัก

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1041 งดงามยิ่งนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอพวกเขาเข้ามา อีกฝ่ายก็รีบลุกจากโซฟาในทันที

อาจจะด้วยความไม่คุ้นเคย เขาดูเขินอายและกระอักกระอ่วนเล็กน้อย โม่ไฉ่เวยเองก็ไม่รู้จักเขา และหันไปสบตากับพวกจิ่งหนิง และอดจะมองหน้ากันไม่ได้

ในตอนนี้เอง ในที่สุดเชวซู่ก็โผล่ออกมาจากด้านหลัง

“พวกเธอกลับมาแล้วเหรอ”

เซวซู่เดินเข้ามาและไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาไปทำอะไรมามือจึงเปียกไปหมด

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือที่เปียกและแนะนำพร้อมกับรอยยิ้ม: “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกพวกเธอว่า ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ วันนี้ฉันเชิญเขามา ขอแนะนำ ท่านนี้เวินเหวินจวิน นักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เหวินจวิน นี่คือภรรยาของผมโม่ไฉ่เวย สองคนนี้คือลูกสาวและลูกเขยของภรรยาผม จิ่งหนิง ลู่จิ่งเซิน และนี่คือลูก ๆ ของพวกเขา”

หลังจากเซวซู่แนะนำเป็นรายบุคคลแล้ว เวินเหวินจวินก็เดินเข้ามาและยื่นมือออกมา

“เคยได้ยินชื่อเสียงของประธานลู่มานาน วันนี้ได้พบ ไม่ธรรมดาจริง ๆ นับเป็นโชค ๆ”

ลู่จิ่งเซินก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเขาและยกมุมปากเป็นมุมโค้ง

“คุณเวินเป็นเทพแห่งวงการพฤกษศาสตร์ ผมเองก็อยากจะพบมานานแล้วเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอ ต้องเป็นผู้น้อยคนนี้เป็นฝ่ายชื่นชมถูกจะถูกนะครับ”

เซวซู่ยิ้มและพูด: “เอาละ คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ทุกคนนั่งลงเถอะ”

ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งลงบนโซฟา

ตอนนี้โม่ไฉ่เวยเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ก่อนหน้านี้เซวซู่บอกว่าเรื่องอย่างต้นเงินทอง เขาไม่เชี่ยวชาญ จะต้องไหว้วานเวินเหวินจวินเพื่อนสนิทของเขาให้เป็นคนทำ

วันนี้ดูแล้ว เขาคงจะเป็นคนเชิญอีกฝ่ายมา

เมื่อมีแขกมาที่บ้าน โม่ไฉ่เวยในฐานะเจ้าบ้านจึงต้องต้อนรับดูแลแขกให้ดี

ดังนั้น หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว เธอจึงเข้าครัวและสั่งให้คนงานปอกผลไม้

ส่วนในห้องรับแขก เซวซู่เองก็ไม่อ้อมค้อมเขาแสดงเจตจำนงของตนเองในทันที

“เหวินจวิน จุดประสงค์ที่ผมเชิญคุณมาครั้งนี้ ก็ได้บอกกับคุณแล้วทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ต้นเงินทอง นี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของเพื่อนคนหนึ่งของเด็กสองคนนี้ ดังนั้นจึงได้เชิญคุณมาช่วย ทำการวิจัยว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะขยายพันธุ์ของมัน”

เวินเหวินจุนพยักหน้า

“ผมเข้าใจ ในเมื่อเป็นเพื่อนของประธานลู่ ผมจะพยายามเต็มที่ แต่เจ้าต้นเงินทองนี่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเห็นข้อมูลในหนังสือและฐานข้อมูล แต่ก็ยังไม่เคยเห็นของจริง และไม่มีประสบการณ์กับพืชประเภทนี้ ดังนั้นผมยังความเข้าใจอย่างเต็มที่ สู้คุณพาผมไปดูต้นเงินทอง นั่น ให้ทำความเข้าใจเสียหน่อยว่ามันเป็นยังไงกันแน่”

เซวซู่พยักหน้า

“ได้ครับ เช่นนั้นเชิญพวกคุณตามผมมา”

ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน

และทุกคนก็ลุกขึ้นตาม

ตอนนี้ทุกคนต่างมีเรื่องต้องคุยกัน จิ่งหนิงจึงได้ให้คนรับใช้พาอานอานและจิ้งเจ๋อน้อยไปเล่นที่ห้องเล่นเกม

พวกเขาไปที่เรือนปลูกดอกไม้ด้านหลังและเซวซู่ก็คุยกับเวินเหวินจวินเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อถึงเรือนปลูกดอกไม้ เขาเปิดประตูเล็ก ๆ และพบกับต้นเงินทองที่อยู่ในภาชนะหยก

วินาทีที่เวินเหวินจวินเห็นต้นเงินทองก็ตาลุกวาวเป็นประกายในทันที

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและรีบเดินเข้าไปก้มลงพินิจพิเคราะห์ต้นเงินทองอย่างละเอียด

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน ทั้งสองยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลและไม่เข้าไปรบกวน

ส่วยเซวซู่ก็ยืนอยู่ข้างเขาและมองดูเขาตรวจสอบดูต้นเงินทองและถามขึ้น: “เหวินจวิน ของสิ่งนี้มันบอบบางมาก วิธีการเลี้ยงดูก็แปลกไม่เคยได้ยินมาก่อน คุณดูสิ คุณคิดว่าจะขยายพันธุ์ออกมาสักหน่อได้ไหม”

เวินเหวินจวินยกมือขึ้นและขัดจังหวะเขา

เขาไม่พูดอะไรและหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ใช้แว่นขยายส่องเพื่อดูให้ละเอียดยิ่งขึ้น

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร

เห็นเพียงเขาเดินไปเดินมาและตรวจสอบต้นเงินทองโดยรวม ผ่านไปครู่หนี่งจึงได้ตบเข่าดังฉาด

“มหัศจรรย์! มหัศจรรย์จริง ๆ!”

ทุกคนต่างสับสน มองไปที่เขาและถาม “ทำไมเหรอ?”

เวินเหวินจวินหันกลับมา

ตอนนี้เองก็เห็นว่ามีสีแดงบาง ๆ บนใบหน้าของเขา ราวกับว่าเขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เขาชี้ไปที่ต้นเงินทอง และถามอย่างตื่นเต้น: “พวกคุณรู้ไหมว่าเจ้าสิ่งนี้สูญพันธุ์ไปนานแค่ไหนแล้ว? สองร้อยกว่าปี เป็นเวลาสองร้อยกว่าปีแล้ว เมื่อก่อนผมเห็นในหนังสือ บอกว่าต้นเงินทองมีสีทอง ที่ได้ชื่อว่าต้นเงินทอง ก็เพราะผลของมัน มีรูปร่างเหรียญในสมัยนั้น สีสันดูเหมือนสีทอง ดังนั้นจึงได้ชื่อนี้มา”

“ของสิ่งนี้นั้นบอบบางมาก หากไม่ใส่ใจมันจะเฉา หากมันเหี่ยวเฉาหน่อนั้นก็จะใช้ไม่ได้อีก แต่เพราะอุณหภูมิความชื้นของหยก อีกทั้งมันยังดูดซับน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ดังนั้นการเลี้ยงดูโดยใช้ภาชนะหยกและน้ำสะอาด พวกคุณทำแบบนี้ถูกแล้วล่ะ”

เซวซู่ได้ยินเขาพูดจาดูดีแบบนี้แล้วอดที่จะเกิดความหวังขึ้นมาในใจไม่ได้

“อย่างนั้นในเมื่อคุณพูดแบบนี้ คุณมีวิธีจะทำให้มันแตกหน่อออกมาไหม? เอาผลนี้ไป”

เวินเหวินจวินขมวดคิ้วโดยไม่คาดคิดเมื่อเขาพูดแบบนี้

“ผมไม่เคยได้ยินเรื่องการขยายพันธุ์มันมาก่อนนะ? ยิ่งกว่านั้นผลของมันก็มีค่ามาก ถ้าหากว่าปลูกไม่ขึ้นก็เท่ากับเสียเปล่า พวกคุณยอมได้เหรอครับ?”

“มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของคน ย่อมต้องยอมได้”

เวินเหวินจวินหัวเราะออกมาในทันที

“พวกคุณยอมเป็นพอ แบบนี้ ช่วงเวลานื้ผมคงต้องอาศัยอยู่ที่นี่และทำการศึกษาสักพักว่าจะปลูกมันอย่างไร เมื่อผมศึกษาจนได้หนทางแล้ว จะบอกพวกคุณอีกที”

เขาพูดจาอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ เซวซู่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็รู้ว่าถึงแม้เขาจะปากดี แต่ในใจก็มีความคิดอะไรบางอย่างแล้ว

ที่สุดแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงเข้าอุปนิสัยเช่นนี้เป็นอย่างดี

เขาจึงพูดขึ้นทันที: “ไม่มีปัญหา ขอเพียงคุณช่วยผมทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ผมจะถือว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง วันหน้าหากคุณมีเรื่องอะไร ขอเพียงคุณเอ่ยปากก็พอ”

ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงก็พูดขึ้น: “พวกเราก็เช่นกันค่ะ”

เวินเหวินจวินยิ้มและโบกมือไปมา “ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะช่วยพวกคุณทำการศึกษาเพื่อปลูกมัน แต่เมื่อสำเร็จแล้ว พวกคุณต้องรับปากผมเรื่องหนึ่ง”

จิ่งหนิงถาม: “เรื่องอะไรคะ? เชิญคุณพูดมาได้เลย”

“หลังจากจบเรื่องแล้ว พวกคุณจะต้องยอมให้ยกให้ผมหนึ่งหน่อ เพื่อเป็นการศึกษา”

จิ่งหนิงตกตะลึง

เขาหันไปมองลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินพยักหน้านิ่ง ๆ

เธอจึงยิ้มและพูด: “ได้ค่ะ”

เวินเหวินจวินดูมีความสุขมาก

“ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา เหล่าเชว คุณช่วยหาภาชนะหยกแบบนี้มาให้ผมทันที แล้วก็สถานที่ตรงนี้ของคุณยังดูไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ของสิ่งนี้เจริญเติบโตในพื้นที่ชื้นเย็นมาก ที่ตรงนี้แสงยังแรงไป และอุณหภูมิยังไม่เหมาะสม ที่นี่พวกคุณมีสถานที่ที่เหมือนห้องเย็นบ้างไหม?”

เซวซู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ห้องเย็น?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1041 งดงามยิ่งนัก

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1041 งดงามยิ่งนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอพวกเขาเข้ามา อีกฝ่ายก็รีบลุกจากโซฟาในทันที

อาจจะด้วยความไม่คุ้นเคย เขาดูเขินอายและกระอักกระอ่วนเล็กน้อย โม่ไฉ่เวยเองก็ไม่รู้จักเขา และหันไปสบตากับพวกจิ่งหนิง และอดจะมองหน้ากันไม่ได้

ในตอนนี้เอง ในที่สุดเชวซู่ก็โผล่ออกมาจากด้านหลัง

“พวกเธอกลับมาแล้วเหรอ”

เซวซู่เดินเข้ามาและไม่รู้ว่าเมื่อครู่เขาไปทำอะไรมามือจึงเปียกไปหมด

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือที่เปียกและแนะนำพร้อมกับรอยยิ้ม: “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกพวกเธอว่า ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ วันนี้ฉันเชิญเขามา ขอแนะนำ ท่านนี้เวินเหวินจวิน นักพฤกษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เหวินจวิน นี่คือภรรยาของผมโม่ไฉ่เวย สองคนนี้คือลูกสาวและลูกเขยของภรรยาผม จิ่งหนิง ลู่จิ่งเซิน และนี่คือลูก ๆ ของพวกเขา”

หลังจากเซวซู่แนะนำเป็นรายบุคคลแล้ว เวินเหวินจวินก็เดินเข้ามาและยื่นมือออกมา

“เคยได้ยินชื่อเสียงของประธานลู่มานาน วันนี้ได้พบ ไม่ธรรมดาจริง ๆ นับเป็นโชค ๆ”

ลู่จิ่งเซินก็ยื่นมือออกไปจับมือกับเขาและยกมุมปากเป็นมุมโค้ง

“คุณเวินเป็นเทพแห่งวงการพฤกษศาสตร์ ผมเองก็อยากจะพบมานานแล้วเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอ ต้องเป็นผู้น้อยคนนี้เป็นฝ่ายชื่นชมถูกจะถูกนะครับ”

เซวซู่ยิ้มและพูด: “เอาละ คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ทุกคนนั่งลงเถอะ”

ดังนั้นพวกเขาจึงนั่งลงบนโซฟา

ตอนนี้โม่ไฉ่เวยเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ก่อนหน้านี้เซวซู่บอกว่าเรื่องอย่างต้นเงินทอง เขาไม่เชี่ยวชาญ จะต้องไหว้วานเวินเหวินจวินเพื่อนสนิทของเขาให้เป็นคนทำ

วันนี้ดูแล้ว เขาคงจะเป็นคนเชิญอีกฝ่ายมา

เมื่อมีแขกมาที่บ้าน โม่ไฉ่เวยในฐานะเจ้าบ้านจึงต้องต้อนรับดูแลแขกให้ดี

ดังนั้น หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว เธอจึงเข้าครัวและสั่งให้คนงานปอกผลไม้

ส่วนในห้องรับแขก เซวซู่เองก็ไม่อ้อมค้อมเขาแสดงเจตจำนงของตนเองในทันที

“เหวินจวิน จุดประสงค์ที่ผมเชิญคุณมาครั้งนี้ ก็ได้บอกกับคุณแล้วทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ต้นเงินทอง นี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของเพื่อนคนหนึ่งของเด็กสองคนนี้ ดังนั้นจึงได้เชิญคุณมาช่วย ทำการวิจัยว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะขยายพันธุ์ของมัน”

เวินเหวินจุนพยักหน้า

“ผมเข้าใจ ในเมื่อเป็นเพื่อนของประธานลู่ ผมจะพยายามเต็มที่ แต่เจ้าต้นเงินทองนี่ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเห็นข้อมูลในหนังสือและฐานข้อมูล แต่ก็ยังไม่เคยเห็นของจริง และไม่มีประสบการณ์กับพืชประเภทนี้ ดังนั้นผมยังความเข้าใจอย่างเต็มที่ สู้คุณพาผมไปดูต้นเงินทอง นั่น ให้ทำความเข้าใจเสียหน่อยว่ามันเป็นยังไงกันแน่”

เซวซู่พยักหน้า

“ได้ครับ เช่นนั้นเชิญพวกคุณตามผมมา”

ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน

และทุกคนก็ลุกขึ้นตาม

ตอนนี้ทุกคนต่างมีเรื่องต้องคุยกัน จิ่งหนิงจึงได้ให้คนรับใช้พาอานอานและจิ้งเจ๋อน้อยไปเล่นที่ห้องเล่นเกม

พวกเขาไปที่เรือนปลูกดอกไม้ด้านหลังและเซวซู่ก็คุยกับเวินเหวินจวินเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อถึงเรือนปลูกดอกไม้ เขาเปิดประตูเล็ก ๆ และพบกับต้นเงินทองที่อยู่ในภาชนะหยก

วินาทีที่เวินเหวินจวินเห็นต้นเงินทองก็ตาลุกวาวเป็นประกายในทันที

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาและรีบเดินเข้าไปก้มลงพินิจพิเคราะห์ต้นเงินทองอย่างละเอียด

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซิน ทั้งสองยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลและไม่เข้าไปรบกวน

ส่วยเซวซู่ก็ยืนอยู่ข้างเขาและมองดูเขาตรวจสอบดูต้นเงินทองและถามขึ้น: “เหวินจวิน ของสิ่งนี้มันบอบบางมาก วิธีการเลี้ยงดูก็แปลกไม่เคยได้ยินมาก่อน คุณดูสิ คุณคิดว่าจะขยายพันธุ์ออกมาสักหน่อได้ไหม”

เวินเหวินจวินยกมือขึ้นและขัดจังหวะเขา

เขาไม่พูดอะไรและหยิบแว่นขยายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ใช้แว่นขยายส่องเพื่อดูให้ละเอียดยิ่งขึ้น

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร

เห็นเพียงเขาเดินไปเดินมาและตรวจสอบต้นเงินทองโดยรวม ผ่านไปครู่หนี่งจึงได้ตบเข่าดังฉาด

“มหัศจรรย์! มหัศจรรย์จริง ๆ!”

ทุกคนต่างสับสน มองไปที่เขาและถาม “ทำไมเหรอ?”

เวินเหวินจวินหันกลับมา

ตอนนี้เองก็เห็นว่ามีสีแดงบาง ๆ บนใบหน้าของเขา ราวกับว่าเขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เขาชี้ไปที่ต้นเงินทอง และถามอย่างตื่นเต้น: “พวกคุณรู้ไหมว่าเจ้าสิ่งนี้สูญพันธุ์ไปนานแค่ไหนแล้ว? สองร้อยกว่าปี เป็นเวลาสองร้อยกว่าปีแล้ว เมื่อก่อนผมเห็นในหนังสือ บอกว่าต้นเงินทองมีสีทอง ที่ได้ชื่อว่าต้นเงินทอง ก็เพราะผลของมัน มีรูปร่างเหรียญในสมัยนั้น สีสันดูเหมือนสีทอง ดังนั้นจึงได้ชื่อนี้มา”

“ของสิ่งนี้นั้นบอบบางมาก หากไม่ใส่ใจมันจะเฉา หากมันเหี่ยวเฉาหน่อนั้นก็จะใช้ไม่ได้อีก แต่เพราะอุณหภูมิความชื้นของหยก อีกทั้งมันยังดูดซับน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ดังนั้นการเลี้ยงดูโดยใช้ภาชนะหยกและน้ำสะอาด พวกคุณทำแบบนี้ถูกแล้วล่ะ”

เซวซู่ได้ยินเขาพูดจาดูดีแบบนี้แล้วอดที่จะเกิดความหวังขึ้นมาในใจไม่ได้

“อย่างนั้นในเมื่อคุณพูดแบบนี้ คุณมีวิธีจะทำให้มันแตกหน่อออกมาไหม? เอาผลนี้ไป”

เวินเหวินจวินขมวดคิ้วโดยไม่คาดคิดเมื่อเขาพูดแบบนี้

“ผมไม่เคยได้ยินเรื่องการขยายพันธุ์มันมาก่อนนะ? ยิ่งกว่านั้นผลของมันก็มีค่ามาก ถ้าหากว่าปลูกไม่ขึ้นก็เท่ากับเสียเปล่า พวกคุณยอมได้เหรอครับ?”

“มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของคน ย่อมต้องยอมได้”

เวินเหวินจวินหัวเราะออกมาในทันที

“พวกคุณยอมเป็นพอ แบบนี้ ช่วงเวลานื้ผมคงต้องอาศัยอยู่ที่นี่และทำการศึกษาสักพักว่าจะปลูกมันอย่างไร เมื่อผมศึกษาจนได้หนทางแล้ว จะบอกพวกคุณอีกที”

เขาพูดจาอย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ เซวซู่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็รู้ว่าถึงแม้เขาจะปากดี แต่ในใจก็มีความคิดอะไรบางอย่างแล้ว

ที่สุดแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงเข้าอุปนิสัยเช่นนี้เป็นอย่างดี

เขาจึงพูดขึ้นทันที: “ไม่มีปัญหา ขอเพียงคุณช่วยผมทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ ผมจะถือว่าเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง วันหน้าหากคุณมีเรื่องอะไร ขอเพียงคุณเอ่ยปากก็พอ”

ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงก็พูดขึ้น: “พวกเราก็เช่นกันค่ะ”

เวินเหวินจวินยิ้มและโบกมือไปมา “ไม่ต้องหรอกครับ ผมจะช่วยพวกคุณทำการศึกษาเพื่อปลูกมัน แต่เมื่อสำเร็จแล้ว พวกคุณต้องรับปากผมเรื่องหนึ่ง”

จิ่งหนิงถาม: “เรื่องอะไรคะ? เชิญคุณพูดมาได้เลย”

“หลังจากจบเรื่องแล้ว พวกคุณจะต้องยอมให้ยกให้ผมหนึ่งหน่อ เพื่อเป็นการศึกษา”

จิ่งหนิงตกตะลึง

เขาหันไปมองลู่จิ่งเซิน ลู่จิ่งเซินพยักหน้านิ่ง ๆ

เธอจึงยิ้มและพูด: “ได้ค่ะ”

เวินเหวินจวินดูมีความสุขมาก

“ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา เหล่าเชว คุณช่วยหาภาชนะหยกแบบนี้มาให้ผมทันที แล้วก็สถานที่ตรงนี้ของคุณยังดูไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ของสิ่งนี้เจริญเติบโตในพื้นที่ชื้นเย็นมาก ที่ตรงนี้แสงยังแรงไป และอุณหภูมิยังไม่เหมาะสม ที่นี่พวกคุณมีสถานที่ที่เหมือนห้องเย็นบ้างไหม?”

เซวซู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ห้องเย็น?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+