วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่ แต่จะเป็นห้องเย็นไม่ได้นะ แต่เป็นสถานที่ที่เย็นเหมือนห้องเย็น เป็นห้องที่เย็นชื้นอย่างนั้น”

เซวซู่ใช้ความคิดแล้วส่ายหน้า

“คุณสร้างความลำบากให้ผมแล้ว ผมมีห้องใต้ดินนะ แต่มันไม่ได้เย็นชื้นน่ะสิ ต้องเข้าใจนะครับว่า พวกเราที่นี่คือทะเลทราย การที่คุณต้องการสถานที่เย็นชื้นกลางทะเลทรายแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา เวินเหวินจวินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี? หากไม่มีสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ของสิ่งนี้ไม่มีทางแพร่พันธุ์ได้แน่”

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงขรึม: “จะต้องเป็นสถานที่แบบนั้นเท่านั้นใช่ไหมครับ?”

“ใช่”

ลู่จิ่งเซินใช้ความคิดและพูด: “ถ้าเป็นอย่างนั้น สู่พวกเราเปลี่ยนสถานที่ดีไหม? ผมมีวิลล่าแห่งหนึ่งในประเทศ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นั่นค่อนข้างสอดคล้องกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป”

“ในประเทศ?”

เวินเหวินจวินสีหน้าเปลี่ยนไปและส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ผมไม่ไปที่นั่น”

ลู่จิ่งเซินตกตะลึง

จิ่งหนิงถามขึ้น: “เพราะอะไรคะ?”

สีหน้าของเวินเหวินจวินดูไม่ดีนัก เซวซู่ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงพูดไกล่เกลี่ย: “ในประเทศไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม คุณเอาของสิ่งนี้ไป รอจนคุณทำการศึกษามันจนเสร็จแล้วส่งคืนกลับมาให้เรา”

เวินเหวินจวินตาลุกวาว

“แบบนี้ก็ได้”

แต่วินาทีต่อมาเขาก็นิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันไปมองลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงที่อยู่ด้านข้าง

“แต่พวกคุณจะวางใจเหรอ? ของสิ่งนี้คือของล้ำค่าประเภทที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณได้มันมาได้ยังไง แต่ผมมั่นใจว่าบนโลกนี้มีของสิ่งนี้อยู่ไม่มาก หากผมเอามันไปแล้วไม่ส่งคืน พวกคุณจะเสียมากกว่าได้”

จิ่งหนิงใช้ความคิดและยิ้มแล้วพูด: “ไม่กลัว ในเมื่อจะใช้ใครก็ต้องเชื่อใจ พวกเราเชื่อใจคุณเวินค่ะ”

เวินเหวินจวินหัวเราะทันที

“ได้ เช่นนั้นผมของไม่เกรงใจ พวกคุณวางใจ ผมจะปฏิบัติกับเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของผมเอง หากมีข่าวจะรีบบอกให้คุณทราบทันที”

“ได้”

ในเมื่อการพูดคุยตกลงกันแล้วจึงไม่มีอะไรให้พูดคุยอีก

เวินเหวินจวินเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการ เมื่อพูดคุยเสร็จก็คิดที่จะทำในทันทีโดยไม่รีรอ

ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะอยู่ค้างเพียงสักคืน และให้คนมาคนของไปและใช้เวลาข้ามคืนบนเครื่องบินเพื่อกลับไปยังที่พักในเมืองของเขา

ในตอนเย็นจิ่งหนิงโทรหาเฉียวฉีเพื่อบอกเล่าเรื่องราวกับเธอ

เฉียวฉีไม่พูดอะไรและเห็นด้วยกับวิธีการของเธอ

พวกเขาไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะเกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉียวฉี จะละเลยไม่ได้ แต่ในเมื่อขอให้คนอื่นช่วยแล้วก็จำต้องไว้ใจเขา

ยิ่งกว่านั้น มันก็เป็นเพียงแค่หน่อหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรสักเท่าไหร่

ตอนนนี้พวกเฉียวฉีก็มีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ และจะได้ชิ้นที่สองมาในไม่ช้า

ตามที่เธอเล่า สถานการณ์ทางเตียนหนาน มันราบรื่นกว่าที่คิดไว้ พวกเขาได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแล้ว เพียงใช้เงินจำนวนหนึ่งก็จะขายหยกชิ้นนั้นให้ และจะทำซื้อขายกันในตอนเย็น

สำหรับกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแล้ว ขอเป็นอะไรที่ใช้เงินจัดการได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าและวางใจลงบ้าง

ทันทีหลังจากนั้น เธอพูดถึงหนานกงจิ่นกับเฉียวฉีอีกครั้ง

เรื่องที่หนานกงจิ่นมาถึงที่นี่และจงใจพยายามเข้าใกล้พวกเขา จนถึงตอนนี้ จิ่งหนิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเส้นสนกลในอะไร

ไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายที่เขาทำ

เฉียวฉีได้ยินแล้วก็ตกใจมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้จักหนานกงจิ่นมากนัก

ดังนั้นจึงคิดไม่ออกว่าเขาไปถึงที่นั่นเพื่ออะไร?

จิ่งหนิงจึงถอนหายใจ

“ในเมื่อคิดไปก็คิดไม่ออก งั้นก็อย่าไปคิดเลย ยังไงซะทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไร จะกลัวก็แต่สะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหว ถึงเวลานั้น ฉันจะแจ้งข่าวพวกเธอนะ”

“ได้”

หลังจากวางสาย จิ่งหนิงก็เล่าเรื่องนี้ให้ลู่จิ่งเซินฟัง

ลู่จิ่งเซินมีปฏิกิริยาเหมือนกับเฉียวฉี นั่นก็คือทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน

เธอจึงไม่คิดมากอีก

ตกดึกเธอจึงเข้านอนอย่างสบายใจ

เช้าวันต่อมาในที่สุดหิมะก็หยุดตก

หิมะตกถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงแม้จะตกเม็ดไม่ใหญ่ แต่ก็ปกคลุมทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นสีขาวบาง ๆ

เพราะด้านนอกนั้นหนาวมากดังนั้นจิ่งหนิงและพวกจึงไม่คิดจะออกไปข้างนอกและนั่งล้อมวงเตาผิงและพูดคุยกันอยู่ในห้องรับแขก

คุยไปคุยมาไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องของอานอาน

จากการที่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ โม่ไฉ่เวยรู้สึกชอบเด็กดีอย่างอานอานขึ้นมาด้วยใจจริง

และรู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องที่เธอไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันหลายวันมานี้ทำให้เธอเห็นว่าลู่จิ่งเซินดีกับจิ่งหนิงจริง ๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่มีไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่ผ่านมาของลู่จิ่งเซินอีก

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตนเองเคยถูกทำร้ายมาก่อน ดังนั้นจึงกลัวว่าจิ่งหนิงจะเป็นแบบเธอที่ถูกคนทำร้ายและหลอกลวง ดังนั้นจึงได้มีความคิดแบบนั้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลู่จิ่งเซินเป็นที่รักของจิ่งหนิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรจะพูด

ส่วนเรื่องแม่ที่ให้กำเนิดอานอาน ในเมื่อตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าต่อไปในอนาคตคงจะไม่ปรากฏตัวแล้ว

ต่อให้ปรากฏตัวออกมา ก็เชื่อว่าคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของพวกเขาสองคนมากนัก

เมื่อจิ่งเห็นเธอคิดแบบนี้จึงได้วางใจ

ที่จริงแล้วตัวเธอเองก็มองออกแล้วจึงไม่ได้รู้สึกอะไร

อานอานก็คือลูกของเธอ เธอรักเด็กคนนี้หมดหัวใจจนเธอไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ทั้งสองคุยกันครู่หนี่ง จิ่งหนิงที่กำลังตั้งท้องและง่วงนอนเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

เป็นสายจากท่านย่าประเทศ F

หลังจากเที่ยวเล่นอยู่บ้านตระกูลจิ้นอยู่นาน ท่านย่ากับท่านปู่ก็เตรียมตัวจะกลับประเทศแล้ว

ที่โทรมาก็เพียงอยากจะบอกให้พวกเขารู้ไว้เท่านั้น

จิ่งหนิงได้ข่าวแล้วจึงได้ยิ้มและกำชับกับท่านย่าเล็กน้อย

ท่านย่ากลับเป็นห่วงเธอ ช่วงนี้เธอกำลังท้อง เดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก เมื่อได้ข่าวว่าหลายวันนี้อากาศไม่ดี อีกทั้งยังมีพยากรณ์อากาศว่าหิมะตกใจช่วงนี้จึงได้โทรมาถามเธอว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่

จิ่งหนิงหัวเราะและเล่าถึงสถานการณ์ช่วงนี้ของเธอให้ฟังและไม่ให้หญิงชราต้องเป็นห่วง

หญิงชรารู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่ากินอิ่มนอนหลับสบายที่นี่ และได้รับการดูแลอย่างดี

แต่เธอก็ยังคงกำชับว่าทางที่ดีที่สุดคืออย่าออกไปไหนเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

จิ่งหนิงไม่คิดมากอะไรและรับปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วจึงวางสายไป

หลังวางสาย ลู่จิ่งเซินก็เข้ามาพอดีและเห็นเธอถือโทรศัพท์มือถือจึงถาม: “ใครโทรมา?”

จิ่งหนิงพูด: “ท่านย่าค่ะ ท่านย่ากับท่านปู่จะกลับประเทศแล้ว”

“เร็วขนาดนั้นเลย?”

ลู่จิ่งเซินคิดไม่ถึงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจอท่านย่าจิ้นกับท่านปู่นานแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน

Now you are reading วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน Chapter 1042 ทหารมาใช้ขุนพลต้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ใช่ แต่จะเป็นห้องเย็นไม่ได้นะ แต่เป็นสถานที่ที่เย็นเหมือนห้องเย็น เป็นห้องที่เย็นชื้นอย่างนั้น”

เซวซู่ใช้ความคิดแล้วส่ายหน้า

“คุณสร้างความลำบากให้ผมแล้ว ผมมีห้องใต้ดินนะ แต่มันไม่ได้เย็นชื้นน่ะสิ ต้องเข้าใจนะครับว่า พวกเราที่นี่คือทะเลทราย การที่คุณต้องการสถานที่เย็นชื้นกลางทะเลทรายแบบนี้ มันไม่ตลกเลยนะ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา เวินเหวินจวินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี? หากไม่มีสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ของสิ่งนี้ไม่มีทางแพร่พันธุ์ได้แน่”

ลู่จิ่งเซินพูดเสียงขรึม: “จะต้องเป็นสถานที่แบบนั้นเท่านั้นใช่ไหมครับ?”

“ใช่”

ลู่จิ่งเซินใช้ความคิดและพูด: “ถ้าเป็นอย่างนั้น สู่พวกเราเปลี่ยนสถานที่ดีไหม? ผมมีวิลล่าแห่งหนึ่งในประเทศ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่นั่นค่อนข้างสอดคล้องกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป”

“ในประเทศ?”

เวินเหวินจวินสีหน้าเปลี่ยนไปและส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ผมไม่ไปที่นั่น”

ลู่จิ่งเซินตกตะลึง

จิ่งหนิงถามขึ้น: “เพราะอะไรคะ?”

สีหน้าของเวินเหวินจวินดูไม่ดีนัก เซวซู่ดูเหมือนจะนึกอะไรได้ จึงพูดไกล่เกลี่ย: “ในประเทศไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม คุณเอาของสิ่งนี้ไป รอจนคุณทำการศึกษามันจนเสร็จแล้วส่งคืนกลับมาให้เรา”

เวินเหวินจวินตาลุกวาว

“แบบนี้ก็ได้”

แต่วินาทีต่อมาเขาก็นิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันไปมองลู่จิ่งเซินและจิ่งหนิงที่อยู่ด้านข้าง

“แต่พวกคุณจะวางใจเหรอ? ของสิ่งนี้คือของล้ำค่าประเภทที่มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าพวกคุณได้มันมาได้ยังไง แต่ผมมั่นใจว่าบนโลกนี้มีของสิ่งนี้อยู่ไม่มาก หากผมเอามันไปแล้วไม่ส่งคืน พวกคุณจะเสียมากกว่าได้”

จิ่งหนิงใช้ความคิดและยิ้มแล้วพูด: “ไม่กลัว ในเมื่อจะใช้ใครก็ต้องเชื่อใจ พวกเราเชื่อใจคุณเวินค่ะ”

เวินเหวินจวินหัวเราะทันที

“ได้ เช่นนั้นผมของไม่เกรงใจ พวกคุณวางใจ ผมจะปฏิบัติกับเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องของผมเอง หากมีข่าวจะรีบบอกให้คุณทราบทันที”

“ได้”

ในเมื่อการพูดคุยตกลงกันแล้วจึงไม่มีอะไรให้พูดคุยอีก

เวินเหวินจวินเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการ เมื่อพูดคุยเสร็จก็คิดที่จะทำในทันทีโดยไม่รีรอ

ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะอยู่ค้างเพียงสักคืน และให้คนมาคนของไปและใช้เวลาข้ามคืนบนเครื่องบินเพื่อกลับไปยังที่พักในเมืองของเขา

ในตอนเย็นจิ่งหนิงโทรหาเฉียวฉีเพื่อบอกเล่าเรื่องราวกับเธอ

เฉียวฉีไม่พูดอะไรและเห็นด้วยกับวิธีการของเธอ

พวกเขาไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงแม้ว่าของสิ่งนี้จะเกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉียวฉี จะละเลยไม่ได้ แต่ในเมื่อขอให้คนอื่นช่วยแล้วก็จำต้องไว้ใจเขา

ยิ่งกว่านั้น มันก็เป็นเพียงแค่หน่อหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไรสักเท่าไหร่

ตอนนนี้พวกเฉียวฉีก็มีแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ และจะได้ชิ้นที่สองมาในไม่ช้า

ตามที่เธอเล่า สถานการณ์ทางเตียนหนาน มันราบรื่นกว่าที่คิดไว้ พวกเขาได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแล้ว เพียงใช้เงินจำนวนหนึ่งก็จะขายหยกชิ้นนั้นให้ และจะทำซื้อขายกันในตอนเย็น

สำหรับกู้ซือเฉียนกับเฉียวฉีแล้ว ขอเป็นอะไรที่ใช้เงินจัดการได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

จิ่งหนิงได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าและวางใจลงบ้าง

ทันทีหลังจากนั้น เธอพูดถึงหนานกงจิ่นกับเฉียวฉีอีกครั้ง

เรื่องที่หนานกงจิ่นมาถึงที่นี่และจงใจพยายามเข้าใกล้พวกเขา จนถึงตอนนี้ จิ่งหนิงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเส้นสนกลในอะไร

ไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายที่เขาทำ

เฉียวฉีได้ยินแล้วก็ตกใจมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้จักหนานกงจิ่นมากนัก

ดังนั้นจึงคิดไม่ออกว่าเขาไปถึงที่นั่นเพื่ออะไร?

จิ่งหนิงจึงถอนหายใจ

“ในเมื่อคิดไปก็คิดไม่ออก งั้นก็อย่าไปคิดเลย ยังไงซะทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไร จะกลัวก็แต่สะกดทัพไว้ไม่เคลื่อนไหว ถึงเวลานั้น ฉันจะแจ้งข่าวพวกเธอนะ”

“ได้”

หลังจากวางสาย จิ่งหนิงก็เล่าเรื่องนี้ให้ลู่จิ่งเซินฟัง

ลู่จิ่งเซินมีปฏิกิริยาเหมือนกับเฉียวฉี นั่นก็คือทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน

เธอจึงไม่คิดมากอีก

ตกดึกเธอจึงเข้านอนอย่างสบายใจ

เช้าวันต่อมาในที่สุดหิมะก็หยุดตก

หิมะตกถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงแม้จะตกเม็ดไม่ใหญ่ แต่ก็ปกคลุมทำให้เมืองทั้งเมืองเป็นสีขาวบาง ๆ

เพราะด้านนอกนั้นหนาวมากดังนั้นจิ่งหนิงและพวกจึงไม่คิดจะออกไปข้างนอกและนั่งล้อมวงเตาผิงและพูดคุยกันอยู่ในห้องรับแขก

คุยไปคุยมาไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องของอานอาน

จากการที่ได้อยู่ด้วยกันหลายวันมานี้ โม่ไฉ่เวยรู้สึกชอบเด็กดีอย่างอานอานขึ้นมาด้วยใจจริง

และรู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องที่เธอไม่มีแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันหลายวันมานี้ทำให้เธอเห็นว่าลู่จิ่งเซินดีกับจิ่งหนิงจริง ๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่มีไม่ถือสาหาความกับเรื่องที่ผ่านมาของลู่จิ่งเซินอีก

สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตนเองเคยถูกทำร้ายมาก่อน ดังนั้นจึงกลัวว่าจิ่งหนิงจะเป็นแบบเธอที่ถูกคนทำร้ายและหลอกลวง ดังนั้นจึงได้มีความคิดแบบนั้นเท่านั้นเอง

ตอนนี้ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าลู่จิ่งเซินเป็นที่รักของจิ่งหนิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีอะไรจะพูด

ส่วนเรื่องแม่ที่ให้กำเนิดอานอาน ในเมื่อตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าต่อไปในอนาคตคงจะไม่ปรากฏตัวแล้ว

ต่อให้ปรากฏตัวออกมา ก็เชื่อว่าคงจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของพวกเขาสองคนมากนัก

เมื่อจิ่งเห็นเธอคิดแบบนี้จึงได้วางใจ

ที่จริงแล้วตัวเธอเองก็มองออกแล้วจึงไม่ได้รู้สึกอะไร

อานอานก็คือลูกของเธอ เธอรักเด็กคนนี้หมดหัวใจจนเธอไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือด

ทั้งสองคุยกันครู่หนี่ง จิ่งหนิงที่กำลังตั้งท้องและง่วงนอนเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

เป็นสายจากท่านย่าประเทศ F

หลังจากเที่ยวเล่นอยู่บ้านตระกูลจิ้นอยู่นาน ท่านย่ากับท่านปู่ก็เตรียมตัวจะกลับประเทศแล้ว

ที่โทรมาก็เพียงอยากจะบอกให้พวกเขารู้ไว้เท่านั้น

จิ่งหนิงได้ข่าวแล้วจึงได้ยิ้มและกำชับกับท่านย่าเล็กน้อย

ท่านย่ากลับเป็นห่วงเธอ ช่วงนี้เธอกำลังท้อง เดินทางไปไหนก็ไม่สะดวก เมื่อได้ข่าวว่าหลายวันนี้อากาศไม่ดี อีกทั้งยังมีพยากรณ์อากาศว่าหิมะตกใจช่วงนี้จึงได้โทรมาถามเธอว่าไม่สบายตรงไหนหรือไม่

จิ่งหนิงหัวเราะและเล่าถึงสถานการณ์ช่วงนี้ของเธอให้ฟังและไม่ให้หญิงชราต้องเป็นห่วง

หญิงชรารู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินว่ากินอิ่มนอนหลับสบายที่นี่ และได้รับการดูแลอย่างดี

แต่เธอก็ยังคงกำชับว่าทางที่ดีที่สุดคืออย่าออกไปไหนเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

จิ่งหนิงไม่คิดมากอะไรและรับปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วจึงวางสายไป

หลังวางสาย ลู่จิ่งเซินก็เข้ามาพอดีและเห็นเธอถือโทรศัพท์มือถือจึงถาม: “ใครโทรมา?”

จิ่งหนิงพูด: “ท่านย่าค่ะ ท่านย่ากับท่านปู่จะกลับประเทศแล้ว”

“เร็วขนาดนั้นเลย?”

ลู่จิ่งเซินคิดไม่ถึงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เจอท่านย่าจิ้นกับท่านปู่นานแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+