สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 153 นับญาติ

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 153 นับญาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้ามาเล่นไพ่รึ” หญิงชราถาม

ชายชรานิ่งอึ้ง

ละ…เล่นไพ่รึ

หญิงชราแทะเมล็ดแตงโมพลางเอ่ย “วันนี้ไม่เล่นไพ่กระดาษนะ จะเล่นไพ่ปายโกว เริ่มต้นที่ห้าสิบทองแดง”

ไทเฮาตรัสว่าอะไรนะ ไพ่กระดาษรึ ไพ่ปายโกวอย่างนั้นรึ

ชายชรามองไทเฮาไม่ขยับ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น เขาพบว่าคนตรงหน้าแม้ว่าหน้าตาจะดุดันคล้ายไทเฮา แต่เสื้อผ้าอาภรณ์และบรรยากาศรอบตัวกลับไม่เหมือนไทเฮา

“มองอะไรอยู่ได้” หญิงชราถามขึ้นอย่างรำคาญ

“ท่าน…ไม่รู้จักข้ารึ” ชายชราชี้หน้าตัวเองพลางถาม

หญิงชราโดนเขาถามเช่นนี้ก็พินิจมองเขาอย่างละเอียด

รูปเป็นคนแต่นิสัยสุนัขเสียจริง

แต่ก็คุ้นๆ อยู่บ้าง

ไปเคยเห็นจากที่ไหนกันนะ

หญิงชราจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้แล้ว บางครั้งนึกบางอย่างขึ้นมาได้เป็นพักๆ แต่กลับเป็นเศษภาพกระจัดกระจายไปหมด

แต่ชายชราผู้นี้ให้ความรู้สึกไม่ธรรมดาต่อนางอยู่ไม่น้อย

แต่จะให้ธรรมดาได้หรือ

เมื่อก่อนจี้จิ่วอาวุโสเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก ปะทะกันกับราชครูจวงน้อยครั้งเสียที่ไหน

เขาเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมหัวโบราณ ต่อต้านไม่ให้วังหลังมายุ่งเรื่องการเมืองอย่างแน่วแน่ โดยเฉพาะสตรีที่ฟังข้อราชการอยู่หลังม่าน

ตั้งแต่ตอนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ จี้จิ่วอาวุโสก็เคยถวายฎีกาโน้มน้าวให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถอดถอนฮองเฮานับครั้งไม่ถ้วน เขาเรียกเสียนเต๋อฮองเฮาในฎีกาว่าฮองเฮาปีศาจผู้ที่ทำให้วังหลังเกิดความสับสนวุ่นวาย พระญาติฝ่ายฮองเฮามายุ่งย่ามการเมือง จิตใจโหดเหี้ยม เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา

เสียนเต๋อฮองเฮาเคยถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนจับเข้าตำหนักเย็นอยู่ระยะหนึ่ง ก็เพราะของกำนัลที่จี้จิ่วอาวุโสเอามาคารวะ

ถึงแม้ว่าไม่ถึงครึ่งปีนางจะออกจากตำหนักเย็นมาได้ด้วยความสามารถในการทำสงครามอันแกร่งกล้าของนาง แต่นางได้เงินครึ่งปีน้อยลง ซ้ำนางยังใช้เงินออมในอดีตไปไม่น้อยแล้วด้วย

ตัดเงินตัดทองนางก็เหมือนฆ่าบิดามารดานางชัดๆ!

หลังจากนั้นมาเสียนเต๋อฮองเฮาก็มองจี้จิ่วอาวุโสเป็นหนามยอกอกมาโดยตลอด

จี้จิ่วอาวุโสถูกเนรเทศไปยังชายแดนห้าปี ตกระกำลำบาก ตากแดดจนผ่ายผอม แก่ขึ้นเป็นสิบกว่าปีด้วยฝีมือของเสียนเต๋อฮองเฮา

ทั้งสองคนเชือดเฉือนกันจวบจนฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคตไป เสียนเต๋อฮองเฮาก็กำจัดไท่จื่อ แล้วสนับสนุนโอรสของจิ้งเฟยให้ขึ้นครองราชย์ และนางกลายเป็นไทเฮาที่มีอำนาจล้นพ้นในราชสำนัก

ในที่สุดระหว่างทั้งคู่จึงเรียกได้ว่ารู้แพ้รู้ชนะกันชั่วคราว

เหตุใดต้องใช้คำว่าชั่วคราวน่ะหรือ เป็นเพราะจี้จิ่วอาวุโสควบคุมดูแลกั๋วจื่อเจียนไว้ ซ้ำกั๋วจื่อเจียนยังรวบรวมเด็กหนุ่มมากความสามารถของแคว้นจ้าวเอาไว้ทั้งหมด

หากกล่าวให้เกินจริงหน่อยก็คือจี้จิ่วอาวุโสกุมอนาคตของแคว้นเจาเอาไว้

จวงไทเฮาใช้ทุกวิถีทางเพื่อหาทางรวบรวมอำนาจมากมายของกั๋วจื่อเจียนมาไว้ในมือ ตอนนั้นอันจวิ้นอ๋องใกล้จะกลับแคว้นมาแล้ว จวงไทเฮาเสนอกับฝ่าบาทว่าให้แต่งตั้งตำแหน่งจี้จิ่วหนุ่มน้อยเพิ่มขึ้นมาในกั๋วจื่อเจียนอีกตำแหน่งหนึ่ง

ฝ่าบาทเห็นด้วยก็เห็นด้วยอยู่หรอก ทว่าคนที่ถูกแต่งตั้งเป็นจี้จิ่วหนุ่มน้อยกลับไม่ใช่หลานชายของจวงไทเฮา แต่เป็นเจาตูเสี่ยวโหว ท่านโหวน้อยแห่งแคว้นเจา

ท่านโหวน้อยผู้นี้เป็นศิษย์ของจี้จิ่วอาวุโส

จวงไทเฮาพระทัยว้าวุ่นอย่างไม่อาจอธิบายได้ราวกับม้ามาควบวิ่ง

ส่วนจี้จิ่วอาวุโสหัวเราะจนหน้าเบี้ยว

ยามนี้ดูเหมือนว่าจี้จิ่วอาวุโสจะชนะเสียแล้ว

ทว่าเพียงไม่นานก็มาถึงคืนวันส่งท้ายปีใหม่แล้ว จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่กั๋วจื่อเจียน เจาตูเสี่ยวโหวจึงถูกเปลวเพลิงคลอกตายทั้งเป็น

……

หลังจากชายชราลาออกจากราชการก็ไม่ได้หวนนึกถึงอดีตมาเนิ่นนานแล้ว ยามนี้พอมาเห็นไทเฮา ความรู้สึกนึกคิดจึงได้ถูกดึงกลับไปในราชสำนักอันโหดเหี้ยมทารุณครานั้นโดยไม่รู้ตัว

หญิงชราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าฉงน “เหตุใดเจ้าจึงไม่ตอบเล่าเหตุใดแววตาที่มองข้าจึงได้ซับซ้อนนัก แล้วก็พอข้าเห็นเจ้าปุ๊บ เหมือนว่าอารมณ์ข้าจะซับซ้อนขึ้นมาทันทีเลย!”

แถมยังเป็นความซับซ้อนที่อธิบายไม่ถูกอีก เหมือนว่าทั้งสองคนเป็นศัตรูเก่าก่อนกันมา นางแทบจะไปหามีดมาฟันเขาให้รู้แล้วรู้รอด!

เดี๋ยวนะ

หามีดมาฟันเขาอย่างนั้นรึ

หญิงชรามองชายชราอย่างสงสัยแวบหนึ่ง

พวกนางสองคนรู้จักกัน ข้อนี้ไม่ว่าจะเป็นแววตาของเขาหรือว่าคำพูดคำจาของเขาล้วนเอามายืนยันได้

เขากลัวนางมาก

แววตาที่ไม่กล้ามองตรงมาที่นาง คล้ายว่าจะมีความรู้สึกผิดเจือปนอยู่รางๆ

แถมพอเห็นหน้านางก็คุกเข่าให้เลย นี่เขารู้สึกผิดต่อนางมากเท่าใดกันแน่นะ

“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร!” หญิงชราเกิดความคิดแล่นวาบขึ้นในหัว นางโยนเมล็ดแตงโมลงบนโต๊ะ “เจ้าคือชายเจ้าชู้ที่ทิ้งข้าไปตอนนั้นแล้วกลับมาหาข้าในครานี้ใช่หรือไม่”

ชายชรา “…!!!”

กู้เจียวกับกู้เสี่ยวซุ่นกลับกันมาก่อน เมื่อทั้งสองคนเดินผ่านห้องโถงมาก็พบว่าเรือนท้ายมีคนเพิ่มมาคนหนึ่ง

กู้เจียวชำเลืองมองดูแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ที่สำคัญคือบนใบหน้าไร้รอยรองเท้า นางจึงจำไม่ได้

“ท่านย่า” กู้เจียวใช้สายตาถาม

หญิงชราถลึงตาอย่างไม่สบอารมณ์ใส่ไอ้ชายเจ้าชู้บางคนที่กำลังตัวสั่นหงึกๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านปู่ของพวกเจ้าน่ะ”

กู้เจียว “…”

กู้เสี่ยวซุ่น “…”

เซียวลิ่วหลังกับกู้เหยี่ยนและเสี่ยวจิ้งคงเดินเข้าห้องมาทีหลัง พวกเขาหอบหิ้วของห่อเล็กห่อใหญ่ไว้ในมือ ด้านหลังยังมีรถม้าทุกของไหว้ปีใหม่อีกหนึ่งคัน

พวกเขาพากันขนของไหว้ปีใหม่บนรถม้าลงมาด้วยกันกับคนขับรถ

เซียวลิ่วหลังหอบโหลน้ำมันงาเดินมาด้านใน พอผ่านห้องโถงมาเขาก็นิ่งอึ้งเหมือนกันกับกู้เจียวและกู้เสี่ยวซุ่น

ภายในลานบ้านมีหญิงชรา กู้เจียวและกู้เสี่ยวซุ่นนั่งอยู่ รวมถึงชายชราที่ไม่ได้ตัวสั่นงันงกเหมือนเก่าแล้วแต่สีหน้ายังซีดเผือดอยู่

ช่วยไม่ได้นี่นา ‘ถูก’ ทำให้ต้องสวมหมวกเขียวให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสียแล้ว เขาจึงเกิดความหวั่นวิตกภายในใจขึ้นมา!

“ท่านปู่น่ะ” กู้เจียวเอ่ยแนะนำ

เซียวลิ่วหลัง “…”

ไม่ได้พบแค่เดี๋ยวเดียวเจ้าก็เก็บท่านปู่มาที่บ้านอีกคนแล้วรึ

กู้เจียวผู้โดนใส่ร้าย คราวนี้ข้าไม่ได้เป็นคนเก็บนะ

เซียวลิ่วหลังมองชายชราแวบหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน

ชายชรายามนี้หัวสมองขาวโพลน แม้แต่ตัวเองมาเพื่อยืนยันกับเซียวลิ่วหลังก็จำไม่ได้เสียแล้ว เอาแต่ขออภัยโทษกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนอยู่ในใจ…กระหม่อมกับไทเฮาเป็นเพียงเจ้านายและลูกน้องกันจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!

เพลิงโทสะของหญิงชราถูกข่มกลั้นไว้แล้ว นางจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ “เอาละ พูดออกมาตรงๆ เลย พูดเสียให้หมด พวกเรามีลูกด้วยกันสองคนหรือไม่”

ชายชราไถลลื่นลงมาจากเก้าอี้จนเกือบจะกระแทกพื้นอยู่รอมร่อ

เขาจับเก้าอี้พยุงตัวขึ้นนั่งพลางเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือด “มะ…ไม่มี”

หญิงชราพยักหน้า “ข้าก็คิดว่าไม่มีเหมือนกัน มิฉะนั้นแล้วข้าคงไม่มีทางหลบหนีไปกับลิ่วหลังมาไกลหลายพันลี้หรอก”

เซียวลิ่วหลังมองชายชรา ชายชราปาดเหงื่อเย็นออก

ปะทะกับจวงไทเฮามาทั้งชีวิต มีวันนี้นี่แหละที่รับมือรับไม้ไม่ถูกที่สุด เรียกได้ว่าไร้เรี่ยวแรงจะต่อกรคืนกลับไปเลยแม้แต่น้อย!

หญิงชราเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนสาวๆ เจ้าทิ้งข้าไป ยามนี้เจ้าแก่ชราแล้ว คิดอยากจะมาหาข้าให้หลานชายข้าเลี้ยงดู ฝันไปเสียเถอะ ไสหัวไปซะ!”

ชายชราโล่งอกโล่งใจมาก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าคำว่า ‘ไสหัวไป’ มันไพเราะน่าฟังถึงเพียงนี้!

ชายชราออกจากเรือนมาด้วยความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง

เขาต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างก่อนว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เขาจึงยังไม่กลับแต่พิงประตูรอท่า

ส่วนเซียวลิ่วหลังก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพียงไม่นานก็ออกมาหาดังที่คาด

ทั้งสองคนพบหน้ากันต่างไม่มีใครตกใจ เหมือนว่าคาดคะเนได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางจากไป อีกคนก็คาดเดาว่าอีกฝ่ายจะต้องออกมาแน่

เซียวลิ่วหลังไม่ได้วิตกเหมือนตอนอยู่หน้าตรอกวันนั้นแล้ว

ชายชราเกิดความรู้สึกหลากหลายยากจะอธิบาย “หญิงด้านในท่านนั้นคือไทเฮากระมัง เจ้าไปอยู่กับไทเฮาได้อย่างไร เจ้าจะไม่ยอมรับก็ได้ว่าเจ้าไม่ใช่อาเหิง แต่เจ้าจะปฏิเสธไม่ได้ว่านางคือไทเฮา และไทเฮายังไม่ตาย”

เซียวลิ่วหลังเงียบงันไป

ชายชราถามขึ้นอย่างเสียใจ “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าและไทเฮากันแน่ ไทเฮาความจำเสื่อม แต่เจ้าไม่นี่นา เจ้าบอกข้ามานะ!”

เซียวลิ่วหลังยังคงเงียบงัน

ชายชราหลับตาลงอย่างปวดร้าว “ได้ เจ้าไม่อยากบอกข้าก็จะไม่บังคับ วันหลังข้าจะมาหาเจ้าใหม่ เรื่องในวันนี้…ข้าจะเก็บเป็นความลับให้เจ้าเอง”

เซียวลิ่วหลังค้อมกายให้แล้วหันหลังจะเข้าบ้านไป

“ขาของเจ้าน่ะ…” สายตาเป็นห่วงของชายชรามองไปที่ขาขวาของเขา

เซียวลิ่วหลังหยุดฝีเท้าลง “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

นี่เป็นประโยคเดียวที่เขาพูดกับตน

ชายชรารู้สึกว่า บางทีที่เขาตามออกมาอาจจะเพื่อมาพูดประโยคนี้กับเขาก็เป็นได้

เขาไม่อยากให้ตนมาเป็นห่วง

ความทุกข์ระทมพลันตีตื้นขึ้นในใจชายชรา

เซียวลิ่วหลังเข้าเรือนมา ชายชราก็กลับไปที่รถ

อันที่จริง ‘ดอกผล’ ในวันนี้ที่ได้มาไม่ใช่แค่ได้พบไทเฮาเท่านั้น เขายังพบผู้มีพระคุณตัวน้อยของเขาด้วย

เหตุใดเขาจึงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านางกับอาเหิง…ไม่สิ ยามนี้ควรเรียกลิ่วหลังแล้ว

นึกไม่ถึงว่านางกับลิ่วหลังจะเป็นสามีภรรยากัน

นี่มันบุพเพอะไรกันหนอ

ภายในบ้าน คนทั้งครอบครัวเบียดเสียดกันมาดูหญิงชรา

“ท่านย่า ท่านปู่ไปจริงๆ แล้วนะ ท่านไม่เสียใจหรือ” เสี่ยวจิ้งคงถามขึ้น

ภายในบ้านหลังนี้มีเพียงกู้เจียว เซียวลิ่วหลังและกู้เสี่ยวซุ่นเท่านั้นที่รู้ว่าหญิงชราเป็นคนป่วยโรคเรื้อนที่โดนเก็บกลับมาบ้าน ทั้งสามคนไม่บอกใครทั้งนั้น แม้กระทั่งแม่นางเหยาและกู้เหยี่ยนด้วย

แน่นอนว่าเสี่ยวจิ้งคงย่อมไม่รู้ความจริงอยู่แล้ว

เขาจึงได้คิดว่าท่านย่าคือท่านย่าจริงๆ ท่านปู่ก็คือท่านปู่จริงๆ

หญิงชราแทะเมล็ดแตงโม “ข้าจะไปเสียใจอะไรล่ะ เขาไม่อยู่ต่างหากล่ะข้าจึงสงบสุข!”

ใครจะไปอยากมีชีวิตตอนแก่กับตาเฒ่าสารเลวนั่นกัน

ไปเล่นไพ่ทุกวี่ทุกวันดีกว่าตั้งเยอะ

เสี่ยวจิ้งคง “อ๋อ”

ตอนที่กู้เจียวทำกับข้าวในครัวนั้น เสี่ยวจิ้งคงก็วิ่งตึกตักเข้ามาหา เขาดึงชายเสื้อกู้เจียวพลางเอ่ย “เจียวเจียว ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้าเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไรรึ” กู้เจียวถาม

เสี่ยวจิ้งคงเอียงคอเล็กๆ ของเขามองนาง “พี่เขยมีชื่อเล่นด้วยล่ะ ชื่อว่าอาเหิง เหิงที่แปลว่าออกอาละวาดอันธพาล”

แม้ว่าพี่เขยจะไม่ยอมรับ แต่ในใจเขาตัดสินใจอย่างนี้ไปแล้วว่าเป็นเหิงที่แปลว่าออกอาละวาดอันธพาล!

กู้เจียวมองเขาอย่างขบขัน “อย่างนั้นรึ เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เสี่ยวจิ้งคงเอ่ย “ข้าได้ยินท่านปู่เรียกล่ะ วันนั้นข้าเจอท่านปู่ด้วย”

กู้เจียว “อย่างนั้นรึ”

เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ข้ากลับมาจากโรงเรียนกับพี่เขย พอมาถึงหน้าตรอกท่านปู่ก็เรียกพี่เขยว่าอาเหิง พี่เขยไม่สนใจเขา จูงข้าวิ่งทันทีเลย ข้าถามพี่เขยแล้ว พี่เขยยังจะแถข้างๆ คูๆ กับข้าอีกว่าท่านปู่จำผิดคน พี่เขยไม่กตัญญูเอาเสียเลย ต่อให้ไม่อยากรู้จักท่านปู่แต่จะทำเช่นนี้กับคนเฒ่าคนแก่อย่างเขาไม่ได้นะ ท่านอาจารย์เจี่ยงสอนพวกเราว่าต้องเคารพคนชรา โอบอ้อมอารีกับเด็ก…”

เสี่ยวจิ้งคงรู้สึกตั้งแต่วันนั้นแล้วว่ามันไม่ค่อยถูก วันนี้ท่านปู่มาหาถึงบ้านยิ่งทำให้เขามั่นใจในการคาดเดาของตัวเองเข้าไปใหญ่

พี่เขยนิสัยไม่ดีมีลับลมคมในวันนั้นจริงๆ ด้วย!

พี่เขยนิสัยไม่ดีเป็นหลานชายอกตัญญู

ต่อไปนี้เขาจะไม่ทำเช่นนี้เด็ดขาด

เสี่ยวจิ้งคงที่ฟ้องเสร็จก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงภาระอันหนักอึ้งบนบ่าของตัวเอง

เขาไปหยิบตำราภาษาต่างชาติที่ตัวเองรังเกียจนักหนาที่ห้องหนังสือ

พี่เขยนิสัยไม่ดีไม่น่านับถือเลย เหนื่อยใจนัก

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะขยันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว อนาคตจะได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย

กู้เจียวที่อยู่ภายในห้องครัวนึกย้อนคำพูดของเสี่ยวจิ้งคง

เคยเจออย่างนั้นรึ

ซ้ำยังเรียกชื่อเล่นอีก

ถ้าอย่างนั้น คนผู้นั้นก็รู้จักเซียวลิ่วหลังจริงๆ น่ะสิ

ดูจากปฏิกิริยาของเซียวลิ่วหลังแล้ว เป็นไปได้มากทีเดียวที่เซียวลิ่วหลังก็รู้จักอีกฝ่าย

แล้วจากการที่นางสังเกตคนคนนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้จักหญิงชราเช่นกัน ส่วนจะเป็นคู่รักกันจริงๆ หรือไม่นั้นยังไม่แน่ใจ

หญิงชราความทรงจำสับสนปนเปกันไปหมด เป็นไปได้ว่าจะจำคนผิด

แต่นี่ไม่สำคัญ

สิ่งสำคัญคือคนคนนั้นรู้จักเซียวลิ่วหลังและรู้จักหญิงชราด้วย แถมเซียวลิ่วหลังก็ยังรู้จักเขา ถ้าอย่างนั้นเซียวลิ่วหลังจะรู้จักหญิงชราหรือไม่ล่ะ

ตอนที่ช่วยหญิงชราและพานางมาที่บ้านโดยไม่พร่ำบ่นมาตลอด หาใช่เพราะเขาเกิดใจดีมีเมตตาขึ้นมา แต่เพราะเดิมทีพวกเขารู้จักกันอยู่แล้ว อย่างนั้นรึ

อันจวิ้นอ๋องก็รู้จักหญิงชราเช่นกัน…

กู้เจียวใช้กิ่งฟืนเขียนตัวอักษรลงบนกองขี้เถ้าว่า

หญิงชรา อันจวิ้นอ๋อง เซียวลิ่วหลัง จวนเซวียนผิงโหว อาเหิง

ทางด้านชายชรากลับมาขึ้นรถม้าก็เอาแต่ตกสู่ในภวังค์

จวงไทเฮากับจวนเซวียนผิงโหวเป็นปรปักษ์กัน และเป็นปรปักษ์กับตนเช่นกัน แต่เซียวลิ่วหลังทั้งเป็นคนของจวนเซวียนผิงโหวและเป็นลูกศิษย์ของตนด้วย

เซียวลิ่วหลังไปอยู่ข้างกายฮองเฮาปีศาจทำลายเมืองล่มจมนางนั้น ชายชราไม่สบายใจเลย

“ไม่ได้การ ข้าต้องจับตาดูนางไว้!”

อันที่จริงที่ชายชรากลับเมืองหลวงมาครานี้เพราะจะมาพบสหายรักคนหนึ่งที่อาการป่วยอยู่ในขั้นอันตราย พอไปเยี่ยมเสร็จก็กะว่าจะหลบเข้าป่าเข้าเขาเหมือนเดิม

ยามนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว

เขาจะแอบใช้เส้นสายที่เงียบสงบมาหลายปี ให้ช่วยเช่าบ้านหลังเล็กๆ ในตรอกปี้สุ่ยให้ บังเอิญนัก มันเป็นหลังข้างๆ เซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวพอดีเลย

ชายชราย้ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว

คนรับใช้ของเขามีไม่มาก มีเพียงหลิวเฉวียนกับคนขับรถคนหนึ่งที่จ้างมาชั่วคราวเท่านั้น

วันแรกที่ย้ายเข้ามาเขาก็พาดบันไดยืนอยู่บนกำแพงแอบสังเกตการเคลื่อนไหวของฮองเฮาปีศาจนั่น

หญิงชราเห็นเขาตั้งแต่แรกแล้ว

ตาเฒ่าชั่วช้านี่ ตอนหนุ่มๆ ทิ้งนางไป พอแก่แล้วอยากจะมาจีบนางกลับไปอย่างนั้นรึ

ฝันไปเถอะ!

หญิงชราข่มความพลุ่งพล่านที่จะไปฟันเขาตายเอาไว้ แล้วกลับไปนอนกลางวันในห้อง

ทว่านางนอนลงบนเตียงพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาล!

นางจึงไปห้องครัวคว้าเอามีดอีโต้ไปบ้านข้างๆ อย่างโมโห

ชายชราจับตาดูอยู่ครู่หนึ่งก็เกิดง่วงขึ้นมา จึงกลับไปนอนในห้องเช่นกัน

ที่ต่างกันก็คือเขาหลับไปแล้ว

ทว่าหลับไปได้ครู่เดียวก็รู้สึกความเย็นเยียบบนลำคอ ทันใดนั้นจึงตกใจตื่น เขาเห็นหญิงชราถือมีดอีโต้ชี้มาทางเขา

เขาตกใจยกใหญ่ “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”

หญิงชราถือมีดอีโต้จ่อคอเขาไว้ พร้อมกับเอ่ยอย่างอันธพาลองอาจทรงพลัง “เอาเงินส่วนตัวออกมาให้หมด!”

จี้จิ่วอาวุโสที่โดนจี้ปล้นอย่างสับสน “…!!!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *