สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 76 บุตรสาว

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 76 บุตรสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดูเหมือนพวกเขาจะลืมไปแล้วสินะว่ากู้เสี่ยวซุ่นน่ะเป็นเด็กมือซนตั้งแต่เกิด

และก็ด้วยเรื่องนี้ ตอนเด็กๆ เขาจึงมักถูกแม่นางหลิวตีสั่งสอนบ่อยๆ

ตอนที่รถม้าเคลื่อนตัวผ่านกู้เสี่ยวซุ่นไป เขาก็กางมือไปเปิดม่านเล่นๆ แต่ปรากฏว่า “เอ๋ นั่นมันกู้เย่ว์เอ๋อร์นี่นา”

แม้กู้เสี่ยวซุ่นจะเด็กกว่ากู้เย่ว์เอ๋อร์แค่สองเดือน แต่ตามหลักแล้วเย่ว์เอ๋อร์คือพี่สาวของเขา แต่กู้เสี่ยวซุ่นไม่เคยเรียกนางว่าพี่เลย

กู้เย่ว์เอ๋อร์เมื่อเห็นดังนั้นก็ทำท่าลุกลี้ลุกลน

แม้นางจะไม่อยากออกจากบ้าน แต่นางก็ไม่อยากโดนพ่อตีเหมือนกัน

หวงจงรีบหยุดรถม้า

เขากระโดดลงจากรถ จากนั้นเดินเข้ามาที่กู้เสี่ยวซุ่น แล้วปัดมือที่กำลังจับผ้าม่านรถม้าของกู้เสี่ยวซุ่นออก เอ่ยถามด้วยเสียงดุ “เด็กน้อยที่ไหนกัน”

แม้กู้เสี่ยวซุ่นจะสวมชุดเครื่องแบบของสำนักบัณฑิต แต่ดูเหมือนทุกอณูเส้นขนบนตัวเขาบ่งบอกว่าเขาคือเด็กทโมน

นอกจากจะเป็นบัณฑิตแล้ว อีกตัวตนหนึ่งของเขาก็คือเจ้าตัวแสบแห่งหมู่บ้านนี่เอง

เมื่อครู่เสี่ยวซุ่นเห็นแล้วว่ากู้เย่ว์เอ๋อร์กำลังนั่งร้องไห้อยู่ในรถม้าคันนั้น

แวบแรกที่เห็น เขารู้ว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอน กู้เย่ว์เอ๋อร์เองก็เข้าสู่วัยที่ควรออกเรือนได้แล้ว คนในบ้านเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องนี้ คนที่เข้ามา ถ้าห่วยเกินไปพวกเขาก็ไม่เอา ส่วนคนดีๆ แน่นอนว่าไม่เหลือมาถึงพวกเขาหรอก

แล้วนี่อะไรกัน ตาแก่คนนี้ หรือเขาคิดจะหลอกกู้เย่ว์เอ๋อร์ไปขายสินะ

กู้เสี่ยวซุ่นเมื่อนึกได้ดังนั้นจึงบันดาลโทสะ “บังอาจเข้ามาเหยียบเรือนแล้วคว้าคนของข้าไปโดยไม่ขออนุญาตข้าก่อนเนี่ยนะ เย่ว์เอ๋อร์ ลงมาเดี๋ยวนี้!”

เย่ว์เอ๋อร์นั่งตัวแข็งทื่อ

กู้เสี่ยวซุ่นจึงก้าวเท้าเข้าไปในรถ แล้วลากนางลงมา

หวงจงเป็นคนมีวิทยายุทธ แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมาแย่งคนของเขาไปแน่นอน จึงคว้าแขนของกู้เสี่ยวซุ่นแล้วเอ่ยด้วยเสียงดุดัน “เจ้าหนู พูดกันดีๆ ก็ได้”

กู้เสี่ยวซุ่นถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ลุงข้าขอเงินเจ้าไปเท่าไหร่ล่ะ เขาถึงยอมขายลูกสาวในไส้ได้ลงคอ”

“ลูกสาวของลุงเจ้างั้นรึ นางเป็นลูกของกู้ซานหลังนามว่ากู้เจียวมิใช่รึ! เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าเป็นบุตรตระกูลกู้งั้นรึ” หวงจงทำท่าตะลึง คิดในใจ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ขณะนั้นเอง ทั้งกู้ฉังไห่ แม่นางโจว และแม่นางหลิวก็รีบวิ่งเข้ามา

กู้ฉังไห่ตะเบ็งเสียง “เสี่ยวซุ่น! มานี่เดี๋ยวนี้!”

กู้เสี่ยวซุ่นไม่สนใจกู้ฉังไห่ จากนั้นปราดตามองหวงจงด้วยสายตาแปลกประหลาด จากนั้นเขาดึงม่านออกแล้วคว้ากู้เย่ว์เอ๋อร์ออกมา “ทำไมข้าจะจำพี่สาวตนเองไม่ได้ แหกตาเล็กๆ ของเจ้าดูสิ นี่มันลูกสาวของนายใหญ่ตระกูลกู้ นามกู้เย่ว์เอ๋อร์!”

ณ วันท้องฟ้าแจ่มใส ถนนหนทางในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนเดินพลุกพล่าน

ท่านโหวกู้นั่งอยู่ที่ร้านน้ำชาตรงห้องรับรองชั้นสอง เขานั่งจิบชาพลางฟังคนรถที่คาบข่าวมารายงาน

เขานั่งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ มีทั้งแสงแดดและเสียงพลุกพล่านจากด้านนอกลอดเข้ามาตลอดเวลา เมื่อเทียบกับเมืองหลวงแล้ว ดูเหมือนความพลุกพล่านในเมืองแห่งนี้จะมีกลิ่นอายความเป็นชุมชนมากกว่า

“…ตระกูลของพวกเขามีนามว่ากู้เช่นเดียวกันขอรับ” คนรถเอ่ย

ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ท่านโหวกู้เลือกใช้งานคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด แม้แต่คนรถก็ไม่เว้น

คนรถเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่ได้ยินมาจากบ้านพวกตระกูลกู้ให้ท่านโหวได้ฟัง

ตอนที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีนามสกุลเหมือนกันดูจะไม่ตกใจอะไรมาก แต่พอได้รู้เรื่องเหตุการณ์วันนั้นที่อุ้มเด็กสลับกัน ท่านโหวถึงกับตกใจจนทำถ้วยน้ำชาตกลงพื้นจนเกิดเสียงดังสนั่น

คนรถสะดุ้งโหยง พลางเอ่ยถาม “ท่านโหว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ”

ท่านโหวกู้กระแอมกระเอื้อน จากนั้นวางมาดตามเดิม “ข้าไม่เป็นไร แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”

คนรถเอ่ยตอบ “กำลังเดินทางมาขอรับ องครักษ์หวงให้ข้าน้อยรุดหน้านำข่าวมาบอกท่านก่อน อีกสักประเดี๋ยวก็คงตามมาพร้อมกับเด็กคนนั้นขอรับ”

ท่านโหวกู้พยักหน้า “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

”ขอรับท่านโหว“

คนรถเดินออกไป

ในที่สุดก็ตามหาเด็กจนเจอ ยังดีที่ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ดูเหมือนสวรรค์จะลิขิตให้เขาได้พบเจอกับนางจริงๆ

ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเหมือนใคร จะเหมือนกับเขามากกว่าหรือไปทางแม่นางเหยามากกว่า

ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปช้าเหลือกัน จนท่านโหวกู้รู้สึกว่านั่งรอต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินลงมาที่ชั้นล่าง

ขณะที่เขาก้าวเท้าออกมาจากร้านน้ำชาไม่กี่ก้าว ก็ชนเข้ากับเณรน้อยที่กำลังถือขนมอยู่

เณรน้อยร้องโอ๊ยเสียงดัง และล้มหน้าคะมำลงไป จนกล่องขนมตกลงพื้นและกลิ้งกระจายไปทั่ว

เณรน้อยมองขนมที่ได้มาอย่างยากลำบากตกพื้นต่อหน้าต่อตาราวกับคนสติหลุด

“เกิดอะไรขึ้นรึจิ้งคง”

กู้เจียวที่กำลังยืนซื้อถังหูลู่อยู่ร้านข้างๆ เดินเข้ามาในเหตุการณ์ก็พบว่าเณรน้อยล้มลงไปบนพื้น จึงรีบเข้าไปช่วย

เณรน้อยจิ้งคงหันไปมองกู้เจียว จากนั้นหันไปมองขนมที่นอนบนพื้น จากนั้นเริ่มเบ้ปากและร้องไห้ออกมา “หมดกัน ขนม ขนมดอกกุ้ยฮวาของข้า…”

นี่เป็นวันแรกที่เณรน้อยจิ้งคงได้ออกมาเที่ยวเล่นนอกวัด เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอผู้คนมากมาย และเป็นครั้งแรกที่เขาต่อแถวซื้อขนมดอกกุ้ยฮวา

เขาหวงขนมนั้นมากจึงไม่กล้าเปิดกิน สุดท้ายกลับอดเสียอย่างนั้น

กู้เจียวมองดูขนมดอกกุ้ยฮวาที่ตกหล่นอยู่บนพื้น พลางเอ่ยกับเณรน้อย “เจ็บไหม มีตรงไหนเป็นแผลรึเปล่า”

เณรน้อยเอามือกุมเข้าไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตนเอง แล้วทำหน้าเศร้า “เจ็บตรงนี้”

กู้เจียว “…”

ขนมกุ้ยฮวาเกาที่ว่านั้นเขาซื้อมาจากร้านหลี่จี้ เขารอต่อแถวอยู่กว่าครึ่งชั่วยามกว่าจะได้ซื้อ แน่นอนว่าเขารู้สึกเสียใจ

แต่ช่วยเล่นหูเล่นตาให้มันน้อยๆ หน่อยจะได้ไหม

กู้เจียวหยิบผ้าขึ้นมาแล้วเช็ดให้ที่มือของเขา “ครั้งหน้าก็ระวังๆ หน่อย”

“ข้าระวังแล้ว ไม่ใช่ความผิดข้าแต่อย่างใด เขาต่างหากที่มาชนข้า!” เณรน้อยเอ่ยจบก็ชี้ไปทางท่านโหวกู้ที่กำลังทำท่าลังเลว่าจะอยู่ต่อหรือจะออกไปดี

ว่ากันตามจริงแล้ว เป็นท่านโหวเองที่รีบร้อนเดินออกมา เณรน้อยยืนถือขนมอยู่เฉยๆ รอกู้เจียวซื้อถังหูลู่ให้เขา

เพียงแต่ว่า ท่านโหวกู้ไม่ได้ตั้งใจจะเดินชนเณรน้อย แต่เป็นเพราะเณรน้อยตัวเล็กเกินไปจนเขามองไม่เห็น

ตอนที่เขากำลังจะตามคนมาช่วยพยุงเณรน้อยที่ล้มอยู่ให้ขึ้นมา กู้เจียวก็โผล่มาพอดี

ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ดันต้องได้มาเจอแม่สาวน้อยคนนี้ทุกทีสินะ ท่านโหวกู้อดคิดสงสัยไม่ได้

กู้เจียวมองท่านโหวกู้ด้วยสายตาเย็นชา ทำเอาเขารู้สึกผิดขึ้นมาในทันใด แต่ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นท่านโหวนั้นได้ค้ำเขาไว้ จะให้เขายอมรับผิดต่อหน้าเด็กๆ มันใช่เรื่องเสียที่ไหนล่ะ

ท่านโหวกู้กระแอมเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “ใครใช้ให้เณรน้อยมายืนเกะกะขวางทางกันล่ะ เจ้าพาเขาออกมาทำไมไม่ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ เอาล่ะๆ วันนี้ข้าอารมณ์ดี เลยจะให้อภัยพวกเจ้า เอาเงินนี่ไป น่าจะซื้อขนมดอกกุ้ยฮวาได้ซักร้อยกล่องกระมัง!”

พอเอ่ยจบก็โยนถุงเงินลงบนพื้นต่อหน้าเด็กทั้งสอง

หากเป็นคนทั่วไป พอเห็นเงินขนาดนี้คงรีบก้มหัวคำนับขอบคุณยกใหญ่ แต่กู้เจียวและเณรน้อยจิ้งคงแทบไม่กระดิก

ท่านโหวกู้มองหางตาใส่ พลางตะโกน “หึ แล้วแต่พวกเจ้านะ!”

พูดจบก็ก้าวเท้าออกไป

เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาดูมีราคา แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าออกตัวแทนเด็กสองคนนั้นอยู่แล้ว

และในตอนนั้นเองที่เขากำลังจะเดินสวนไป กู้เจียวก็ค่อยๆ ยื่นเท้าออกไป จนเขาสะดุดล้ม

ท่านโหวกู้ทรงตัวไม่อยู่จึงล้มหน้าคว่ำลงไปบนพื้นอย่างจัง!

เขาเกิดบันดาลโทสะ หันหน้าไปหากู้เจียวและถลึงตาใส่ “นางเด็กบ้า อยากตายรึไง”

“ใครใช้ให้มายืนเกะกะขวางทางกันล่ะ” กู้เจียวย้อนคำที่เขาพูดไว้

หลังจากแก้แค้นสำเร็จ กู้เจียวก็รีบพาเณรน้อยออกไปจากตรงนั้น

คราวนี้ท่านโหวกู้ไม่ปล่อยนางไว้แน่ และในตอนนั้นเอง นายตรวจประจำเมืองเดินผ่านมาพอดี

ท่านโหวกู้จึงสั่งให้นายตรวจไปตามจับเด็กสองคนนั้น!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *