สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 421-2 เจียวเจียวคนหน้าเนื้อใจเสือ (2)

Now you are reading สามีข้าคือขุนนางใหญ่ Chapter บทที่ 421-2 เจียวเจียวคนหน้าเนื้อใจเสือ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 421 เจียวเจียวคนหน้าเนื้อใจเสือ (2)

“ไม่รู้จักพยุงไทเฮาเลยสักนิด” จวงกุ้ยเฟยมองกู้เจียวพลางพึมพำขึ้น แม้นางจะมองออกว่าร่างกายไทเฮาแข็งแรงดีมาก ไม่ต้องให้ใครช่วยพยุงก็ตาม

“ไทเฮา ตรงนี้แดดแรงนัก ไปนั่งในศาลาดีกว่านะเพคะ” จวงกุ้ยเฟยเอ่ย

จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ “จะไปเจ้าก็ไปเอง ข้ามาเพื่อตากแดด”

จวงกุ้ยเฟยไม่เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก

หนิงอ๋องเข้าไปไกล่เกลี่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “แดดดีเพียงนี้ หลังจากเข้าฤดูหนาวแล้วเกรงว่าจะไม่ได้ผิงแล้ว เสด็จแม่นั่งเถิด”

จวงกุ้ยเฟยจึงนั่งลงอีกด้านของจวงไทเฮา หนิงอ๋องและชายานั่งลงตรงข้ามกับทั้งสามคน

ฉินกงกงยกชาและขนมมาให้

ฉินกงกงไม่รู้ว่าจะเจอจวงกุ้ยเฟยกับหนิงอ๋องและชายาเข้า เขาเตรียมแต่สิ่งที่กู้เจียวชอบกินมาทั้งนั้น

จวงกุ้ยเฟยมองเนื้อแห้งรสหม่าล่า ถั่วลิสงอบกรอบ ถั่วหมักรสเผ็ดบนโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “ฉินกงกง ของพวกนี้ไทเฮาจะเสวยได้รึ”

จวงไทเฮาไม่ค่อยกินเผ็ดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“เอ่อ คือ…” ฉินกงกงอยากจะพูดแต่ยั้งไว้

จวงกุ้ยเฟยสั่งกับนางกำนัลของตน “ไปเอาถั่วเหลืองกวนกับขนมแห้วมา”

เพียงไม่นานนางกำนัลก็ยกถั่วเหลืองกวนกับขนมแห้วมาจากห้องเครื่อง สีสันแวววาวสดใส หน้าตาประณีต มองดูก็รู้ว่ารสชาติต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

จวงกุ้ยเฟยยิ้มพลางคีบถั่วเหลืองกวนใส่จานตรงหน้าจวงไทเฮาพลางเอ่ย “ไทเฮาลองชิมอันนี้ดูเพคะ”

กู้เจียวหยิบมาชิมคำหนึ่ง

สีหน้าจวงกุ้ยเฟยค่อนข้างผิดคาด ไทเฮายังไม่ทันเสวยเลย ถึงตาเจ้าตั้งแต่เมื่อใด

กู้เจียววางขนมลงแล้วเอ่ย “หวานเกินไป ไทเฮาเสวยไม่ได้”

สีหน้าจวงกุ้ยเฟยทะมึนขึ้นมาทันที นางวางตะเกียบลงบนโต๊ะ “ก็ดีกว่าของเผ็ดๆ พวกนั้นก็แล้วกัน!”

จวงไทเฮามองจวงกุ้ยเฟยอย่างรำคาญ “ไม่ได้ให้เจ้ากินเสียหน่อย! พูดมากอะไรนักหนา!”

จวงกุ้ยเฟยสะอึก

โชคดีที่บัณฑิตแห่งกั๋วจื่อเจียนทั้งสามและท่านหญิงน้อยสองคนวิ่งเล่นกันมาทางนี้พอดี จึงพอจะคลายความกระอักกระอ่วนลงได้บ้าง

พวกเขาวิ่งกันจนเหงื่อออกเต็มหน้า

จวงกุ้ยเฟยไม่อนุญาตให้ท่านหญิงน้อยทั้งสองไปเล่นอีก เดี๋ยวจะเสียกิริยามารยาทของชนชั้นสูง

“เจ้าเจ็ดก็จริงๆ เลย พี่ชายอย่างเจ้าควรดูแลเขาหน่อย อย่าเอาแต่ชวนเขาไปเล่นซน ฝ่าบาทมาเห็นเข้าจะทรงไม่พอพระทัย”

ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าเอ่ยกับหนิงอ๋อง

หนิงอ๋องมองฉินฉู่อวี้ที่วิ่งซนเข้าออกพุ่มไม้ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มจนใจ “เสด็จพ่อตรัสว่าเจ้าเจ็ดอ้วนเกินไป ให้เขาได้ขยับบ้างก็จะดียิ่ง”

จวงกุ้ยเฟยหงุดหงิดใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ปกตินางไม่ใช่คนแบบนี้ แต่หลายวันมานี้มีระดูอารมณ์จึงร้อนรนไม่เป็นสุข เห็นใครก็ขวางหูขวางตาไปหมด

บัณฑิตน้อยทั้งสามของกั๋วจื่อเจียนวิ่งไปไกลอีกแล้ว ท่านหญิงน้อยทั้งสองอยากตามไปด้วย แต่ติดที่จวงกุ้ยเฟยดุจึงจำต้องรั้งอยู่ที่นี่

กู้เจียวเดิมทีคิดว่าฉินฉู่อวี้ได้เล่นสนุกตามใจตัวเองนั้นเป็นปกติของเด็กในราชวงศ์อยู่แล้ว เห็นท่านหญิงน้อยสองคนนี้แล้วจึงได้รู้ว่าท่าทางหวาดกลัวของเขาแบบนั้นคือผิดปกติ

ท่านหญิงน้อยสองคนรู้ความกันมากแล้ว พวกนางเป็นธิดาของสนมสองคนของหนิงอ๋อง อายุห่างกันแค่ครึ่งปีเท่านั้น

พวกนางต่างสนิทกับหนิงอ๋องที่สุด อิงแอบแนบอกหนิงอ๋องนิ่งไม่ยอมไปไหน

นั่นเป็นการอิงแอบที่มาจากภายในใจ เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าพวกนางหนิงอ๋องเป็นบิดาที่ดีที่รักเอ็นดูลูกสาว

“อยากกินขนมหรือไม่” หนิงอ๋องถามธิดาทั้งสองอย่างอ่อนโยน

ท่านหญิงน้อยทั้งสองพากันพยักหน้า

หนิงอ๋องให้พวกนางหยิบเอาเอง

ท่านหญิงน้อยคนหนึ่งหยิบถั่วเหลืองกวน อีกคนกลับหยิบเนื้อเค็มรสหม่าล่า

นางเผ็ดจนต้องแลบลิ้นออกมา

หนิงอ๋องแววตาเปี่ยมรอยยิ้ม

กู้เจียวเท้าแก้มด้วยมือข้างหนึ่ง มองหนิงอ๋องเอาใจลูกสาวอย่างสงบท่ามกลางความวุ่นวาย เขาหัวเราะราวกับน้ำแข็งในเหมันตฤดูหลอมละลาย เขาสูงส่งมีอำนาจ ใบหน้าปานสวรรค์ประทาน ซ้ำยังแผ่กลิ่นอายเข้มงวดออกมาด้วย

กู้เจียวอดนึกถึงอันจวิ้นอ๋องขึ้นมาไม่ได้ อันจวิ้นอ๋องก็เป็นบุรุษที่อ่อนโยนดุจหยกเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับหนิงอ๋องแล้วมีกลิ่นอายเด็กหนุ่มกว่ามาก หนิงอ๋องมีความเข้มแข็งเด็ดขาดที่เหนือกว่ารวมถึงเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ด้วย

บุรุษเช่นนี้ น้อยนักที่สตรีจะไม่หลงใหล

กู้เจียวมองไปยังหนิงอ๋องเฟยที่อยู่ด้านข้าง

เด็กน้อยทั้งสองดูจะใกล้ชิดนางเช่นกัน จะดื่มน้ำก็ไปหานาง จะเช็ดหน้าก็ไปหานาง หลังจากออดอ้อนข้างกายหนิงอ๋องแล้วทั้งคู่ก็ไปหานางต่อ

หนิงอ๋องเฟยป้อนน้ำและเช็ดมือให้นาง ราวเป็นมารดาแท้ๆ เลยทีเดียว

ทว่าอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตัวเอง ไม่มีความรู้สึกแสลงใจบ้างเลยหรือ

กู้เจียวนึกถึงอาการป่วยของหนิงอ๋องเฟย

สิ่งที่ทรมานที่สุดในโลกนี้มิใช่เรื่องตนขุ่นข้องหมองใจ หากเป็นเรื่องที่ตนขุ่นข้องหมองใจแต่จำต้องแสร้งว่าไม่เป็นอะไรต่างหาก เรื่องเช่นนั้นเจ็บปวดเสียกว่าเป็นเท่าตัว

จวงไทเฮาเอ่ยกับแม่นมที่อยู่ข้างกาย “พาท่านหญิงน้อยไปเล่นเถิด เด็กน้อยอย่ากะเกณฑ์เข้มงวดเกินไป”

“เพคะ!” พวกแม่นมไม่กล้าขัดคำสั่งของจวงไทเฮา จึงพาท่านหญิงน้อยสองคนไปหาบัณฑิตทั้งสามแห่งกั๋วจื่อเจียนเพื่อเล่นด้วยกัน

ไม่รู้ว่ากู้เจียวตาฝาดหรือไม่ นางรู้สึกว่าหนิงอ๋องเฟยคล้ายกับพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ช่วงที่พวกนางผิงแดดในสวนหลวงมีเหตุการณ์เล็กๆ เกิดขึ้น นึกไม่ถึงว่าไท่จื่อกับไท่จื่อเฟยก็เดินผ่านทางนี้มาเช่นกัน

ท่านย่าอยู่ตรงนี้ พวกเขาไม่มีทางผ่านไปโดยไม่ทักทายแน่

คนในราชวงศ์ไม่ว่าจะคิดในใจอย่างไร แต่สีหน้าล้วนไม่อาจเผยมันออกมา ไท่จื่อกับหนิงอ๋องมองดูแล้วเหมือนพี่น้องที่เอื้ออารีย์ต่อกันดี

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฉินฉู่อวี้แย่งอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ยึดมาจากข้าศึก (พุทราที่เพิ่งเด็ดจากต้น) ของสวี่โจวโจวไป แล้ววิ่งหนีอุตลุดทั่วสวนหลวงไปชนทั้งสองคนล้มเข้าโดยไม่ทันระวัง

คนหนึ่งคือไท่จื่อเฟยที่นั่งลงไม่ทัน อีกคนคือหนิงอ๋องเฟยที่เพิ่งจะลุกขึ้น

ระหว่างไท่จื่อกับทั้งสองมีฉินฉู่อวี้คั่นอยู่ มีเพียงหนิงอ๋องที่อยู่ใกล้ทั้งสองคนที่สุด

เนื่องจากฉินฉู่อวี้วิ่งมาชนเข้า ไท่จื่อเฟยจึงใกล้กับเขามากกว่าเดิม เขายื่นมือไปพยุงไท่จื่อเฟยไว้เบาๆ

ทว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาคล้ายจะไม่ได้มองไท่จื่อเฟยแม้แต่สักนิดเดียว ทิ้งผลประโยชน์ที่อยู่ใกล้ๆ ไปแสวงหาผลประโยชน์ที่อยู่ไกล ก้าวขึ้นหน้าดุจธนู กอดหนิงอ๋องเฟยที่หน้าเกือบทิ่มพื้นเอาไว้

“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง!” เขากอดชายาไว้แน่น

หนิงอ๋องเฟยหอบหายใจด้วยความอกสั่นขวัญแขวน “ข้าไม่เป็นไรเพคะ”

ไท่จื่อเฟยกลับไม่ได้โชคดีเพียงนี้ นางล้มลงกับพื้น แขนกับขาถลอกปอกเปิกไปหมด

“ฉินฉู่อวี้! เจ้าอยากโดนตีอีกแล้วใช่หรือไม่!”

เสียงตวาดอย่างเดือดดาลของไท่จื่อดังขึ้นในสวนหลวง

“อ๊ะ!” ตัวการอย่างฉินฉู่อวี้หลบอยู่หลังกู้เจียวกับจวงไทเฮาทันที

ไท่จื่อจะอ้อมไปตีฉินฉู่อวี้ก็ไม่ได้ ผนวกกับไท่จื่อเฟยล้มกระแทกแรงมาก เขาไม่มีเวลามาสนใจอย่างอื่น รีบประคองไท่จื่อเฟยขึ้นมาทันที

ไท่จื่อเฟยขาพลิกเดินไม่ได้แล้ว

“ข้าให้คนไปเรียกเกี้ยวให้” หนิงอ๋องบอก

“ไม่ต้องหรอก!” ไท่จื่อเฟยบาดเจ็บสาหัสมาก ไท่จื่อไม่อยากรอแม้เพียงเค่อเดียว เขาโน้มตัวลงอุ้มไท่จื่อเฟยขึ้นมาด้วยท่าเจ้าสาว แล้วขอตัวลากับจวงไทเฮาและคนอื่นๆ ก่อนจะสาวเท้ากลับวังบูรพาอย่างรวดเร็ว

นอกจากประโยคที่บอกว่าจะเรียกเกี้ยวเมื่อครู่นี้แล้ว หนิงอ๋องก็เอาแต่ห่วงใยอาการบาดเจ็บของหนิงอ๋องเฟยตลอด เป็นจวงกุ้ยเฟยที่ทนดูไม่ได้ จึงพึมพำขึ้นมาเบาๆ “เหมือนจะล้มแรงมากทีเดียว”

การแสดงออกของหนิงอ๋องช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน เขาเป็นบิดาที่สมบูรณ์แบบ และเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบด้วยเช่นกัน

ปลายนิ้วกู้เจียวเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นพลางเอ่ย “ข้าเป็นหมอ ข้าจะไปดูทางวังบูรพาหน่อย”

จวงไทเฮามองกู้เจียวอย่างแปลกใจ

กู้เจียวไปกลับเร็วมาก หนิงอ๋องกับชายาและจวงกุ้ยเฟยยังอยู่ มีเพียงฉินฉู่อวี้ที่ถูกดุสองสามคำแล้วไปรับโทษกับเสด็จพ่อตัวเอง

“เหตุใดจึงกลับมาเร็วนักเล่า ไท่จื่อเฟยเจ็บหนักหรือไม่” จวงกุ้ยเฟยถาม

“เอ่อ ข้าไปผิดจังหวะนิดหน่อย ยามนี้ไท่จื่อกับไท่จื่อเฟย…” กู้เจียวมองหนิงอ๋องแวบหนึ่ง “ไม่ ค่อย สะ ดวก”

มือที่ถือถ้วยชาของหนิงอ๋องพลันชะงักไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *