Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ 1

Now you are reading Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่นากาาาา”

 

ในช่วงเวลาเช้าตรู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ อันแสนสงบสุข อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องเรียกอันแสนสดใสของเด็กสาวที่ได้ดังลั่นออกมาจากบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมชายป่า ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังเสียงดังสนั่นดังตามขึ้นมา

 

ปั้ง!!!

 

เด็กสาวผมสีชมพูผู้เป็นเจ้าของเสียงอันแสนสดใสนั้นได้มองตรงไปยังเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่กำลังนอนกระสับกระส่ายและยื่นมือของเขาออกไปในอากาศเบื้องหน้าราวกับว่าเขากำลังพยายามที่จะยื่นมือออกไปไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่เขาเห็นในความฝันอยู่ชั่วขณะก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปหยุดอยู่ที่ขอบเตียงของเด็กหนุ่มผมสีดำผู้ที่เป็นเจ้าของห้องและจ้องมองเขาอยู่เงียบๆ สักพักหนึ่ง

 

“งื้มมม~~~~”

 

เด็กสาวผมสีชมพูที่เห็นว่าเด็กหนุ่มผมดำไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยได้ส่งเสียงเบาๆ ออกมาเหมือนกับว่าเธอกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจคว้าไปที่ข้อเท้าของเด็กหนุ่มผมสีดำและออกแรงเหวี่ยงอย่างแรงจนทำให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นออกจากเตียงนอนและร่วงหล่นลงไปกระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นไม่แพ้เสียงเปิดประตูเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่น้อย

 

ตุ๊บ!!

 

“โอ๊ย!?”

 

“ตื่นได้แล้วพี่นากา~ หนูหิวข้าวแล้วอ่ะ!”

 

“…..”

 

เด็กหนุ่มผมสีดำผู้ที่ถูกเรียกว่า นากา ได้ใช้นัยน์ตาที่ข้างหนึ่งเป็นสีแดงและอีกข้างหนึ่งที่เป็นสีน้ำเงินของเขาจ้องมองเด็กสาวผมสีชมพูอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะคว้าเอาผ้าห่มของตนที่ร่วงหล่นลงมาข้างๆ กันขึ้นมาคลุมหัวตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะได้กลับไปนอนต่อ

 

ซึ่งการกระทำของเด็กหนุ่มตาสองสีที่ชื่อว่านากานั้นก็ได้ทำให้เด็กสาวผมสีชมพูยื่นมือออกไปกระชากผ้าห่มของเขาออกและจับแก้มของเขาเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงมันไปมาตามจังหวะคำพูดของเธอ

 

“พี่นากา~~ ตื่น~ได้~แล้ว~ ไม่งั้นเดี๋ยว~ จะไปโรงเรียนสาย~ เอานะ~~”

 

“โอ๊ยๆ ! ตื่นแล้วๆ … ไม่เห็นต้องรีบอะไรขนาดนั้นเลยไม่ใช่หรอไง ยังไงอาจารย์เขาก็ไม่เคยจะมาทันตอนเช้าอยู่แล้วแท้ๆ ไม่ใช่หรือไง!”

 

เด็กหนุ่มผมดำที่ถูกเด็กสาวผมสีชมพูก่อกวนจนคิดได้ว่าเขาคงจะไม่ได้กลับไปนอนต่ออย่างสงบแล้วแน่ๆ ได้ร้องโวยวายออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนและเดินไปเปิดหน้าต่างห้องนอนของตนเองออกเพื่อที่ได้จะรับแสงแดดและสายลมในยามเช้าพร้อมกับพูดบ่นเด็กสาวผมสีชมพูที่ดูเหมือนว่าจะเป็นน้องสาวของเขาเองไปด้วย

 

“เธอเนี่ยน๊า วันหน้าวันหลังถ้าจะปลุกก็ช่วยปลุกเบาๆ หน่อยไม่ได้หรื–”

 

เด็กหนุ่มผมดำที่กำลังพูดบ่นน้องสาวตัวแสบของเขาอยู่นั้นได้ชะงักนิ่งไปเมื่อสิ่งที่เขาพบเห็นอยู่ด้านนอกไม่ใช่บรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าแบบที่เขาคาดหวังเอาไว้ แต่กลับเป็นบรรยากาศมืดสนิทที่ท้องฟ้ายังคงประดับไปด้วยหมู่ดาวแพรวพราวซะแทน

 

“เดี๋ยวนะพรีมูล่า นี่มันกี่โมงเนี่ย…?”

 

“เอ๋~? ก็น่าจะราวๆ ตีห้าได้ละมั้งนะ~ ทำไมหรอพี่นากา?”

 

“ยังจะถามว่าทำไมอีกหร๊อ!!”

 

โป๊ก!

 

“แอ๊ก!?”

 

นากาตะโกนว่าน้องสาวตัวแสบของเขาที่มีชื่อว่า พรีมูล่า ออกมาเสียงดังพร้อมกับเอาสันมือของเขาสับลงไปที่กลางกบาลของอีกฝ่ายเข้าไปจังๆ จนทำให้เด็กสาวผมสีชมพูถึงกับต้องก้มลงไปกุมหัวของตัวเองและพูดร้องโวยวายออกมาในทันที

 

“เจ็บอ่าาาา คนเขาตั้งใจจะมาปลุกแท้ๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วยอ้ะ แถมไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้พี่นากาก็นอนไปตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรอ วันนี้นอนน้อยลงหน่อยนึงจะเป็นไรไปอ้ะ!”

 

“เฮ้อ… ให้ตายสิ เธอเนี่ยน๊า…”

 

คำพูดโวยวายของพรีมูล่าที่ฟังดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยแม้แต่น้อยนั้นได้แต่ทำให้นากาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เพราะถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะเป็นน้องสาวของเขาก็ตามที แต่ว่าจริงๆ แล้วอายุของพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากขนาดนั้นจนทำให้บางทีนากาได้แต่รู้สึกสงสัยว่าในหัวของน้องสาวของตนมีอะไรผิดปกติหรือไม่เธอถึงได้ชอบพูดจาอะไรแปลกๆ แบบนี้ออกมาอยู่เสมอๆ

 

“เอาเถอะ… ยังไงซะวันนี้อาจารย์เขาก็นัดพวกเราไปปรึกษาเรื่องการเรียนต่อหรือเรื่องที่ว่าพวกเราคิดจะเอายังไงกันต่อหลังจากเรียนจบการศึกษาชั้นต้นกันตอนสายๆ อยู่แล้วล่ะนะ…”

 

ถึงแม้ว่านากาจะร้องโวยวายใส่น้องสาวของเขาไปไม่ใช่น้อย แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักที่พรีมูล่ามาปลุกเขาตั้งแต่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแบบนี้ และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อผ้าออกมาจากในตู้และเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ในขณะที่ทางด้านพรีมูล่าที่ล้มตัวลงไปนอนแผ่อยู่กับผ้าห่มของนากาก็ได้ใช้กำปั้นทุบไปที่ฝ่ามือของเธอและเอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียงดัง

 

“อ้ะ ใช่แล้ว! ที่หนูรีบมาปลุกพี่นากาตั้งแต่เช้าแบบนี้ก็เพื่อให้พี่นากาได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนจะไปพบอาจารย์ไง! ไงล่ะ~ รู้สึกขอบคุณหนูขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่าา~~”

 

“ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะนึกออกตอนที่พี่พูดขึ้นมาเมื่อกี้นี้หรือไงหะ!?”

 

“โอ๊ยยย หนูขอโทษษษษ หนูแค่ล้อเล่นเฉยๆ เองอ๊าาาา”

 

พรีมูล่าที่เพิ่งจะพูดทวงบุญคุณด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ขึ้นมานั้นได้แต่ร้องโวยวายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อพี่ชายของเธอที่เพิ่งจะเดินหายออกไปจากห้องนอนได้โผล่กลับออกมาดึงแก้มของเธอจนยืดเพื่อเป็นการลงโทษที่พูดจากวนประสาทไม่รู้จักเวลา ซึ่งนากาก็ได้ดึงแก้มของพรีมูล่าเล่นอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาและเดินตรงหายเข้าไปในห้องอาบน้ำพร้อมกับเอ่ยปากพูดถามขึ้นมาด้วย

 

“เฮ้อ… แล้วข้าวเช้าจะเอาเป็นอะไรล่ะ เดี๋ยวเอาไว้พี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะไปทำให้”

 

“เอาไข่ดาววว~~”

 

“เฮ้อ… ให้ตายสิ เธอก็แค่ขี้เกียจคิดเองไม่ใช่หรือไงเนี่ย…”

 

“อ่ะอ้ะ พี่นากาถอนหายใจบ่อยๆ ไม่ดีต่อสุขภาพน๊า~”

 

“เฮ้อ… ช่างเถอะ”

 

 

ป๊องแป๊ง–ป๊องแป๊ง–

 

“หนูกินเสร็จแล้ว~”

 

“อื้ม เอาจานของเธอมานี่มา เดี๋ยวพี่เอาไปล้างให้เอง”

 

หลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักหนึ่ง พรีมูล่าที่จัดการข้าวไข่ดาวของเธอจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้ช้อนส้อมในมือเคาะไปที่โต๊ะอาหารเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายของเธอ

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาได้ยื่นมือไปหยิบจานอาหารที่ว่างเปล่าของตนกับน้องสาวขึ้นมาเพื่อนำมันไปจัดการล้างทำความสะอาด ในขณะที่ทางด้านพรีมูล่าที่ว่างงานเองก็ได้เดินไปหยิบเอากาต้มน้ำออกมาจากตู้เก็บเพื่อที่จะได้นำมันมารินน้ำใส่ลงไปในปลอกกระสุนที่ทำจากโลหะสีทองนับสิบอันที่เธอตั้งเรียงมันเอาไว้เป็นแถวบนโต๊ะอาหารจนทำให้นากาที่สังเกตเห็นสิ่งที่น้องสาวของเขากำลังทำอยู่อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนขึ้นมา

 

“หืม? จะเตรียมกระสุนหรอพรีมูล่า ถ้ายังไงก็ตรวจดูให้ดีๆ อีกครั้งละกันว่าคริสตัลบนตัวกระสุนมันเป็นคริสตัลสำหรับฝึกน่ะ”

 

“ค่าๆ ถึงจะไม่รู้ว่าจะตรวจดูไปทำไมเพราะยังไงหนูก็มีแต่กระสุนฝึกอยู่แล้วแต่ก็ตรวจดูไปแล้วแหล่ะค่า~”

 

พรีมูล่าพูดตอบพี่ชายตัวเองกลับไปด้วยท่าทีหน่ายๆ เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วล่ะก็ พี่ชายผมดำของเธอคนนี้นี่แหล่ะที่เป็นคนไม่ยอมให้เธอทดลองใช้คริสตัลอย่างอื่นนอกจากคริสตัลสำหรับฝึกเลยแม้แต่สักครั้งเดียว

 

แต่ถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะมีท่าทีเบื่อหน่ายกับคำพูดของนากาก็ตาม แต่ว่าเธอก็ยังคงยกปลอกกระสุนบรรจุน้ำพวกนั้นขึ้นมาส่องดูให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาโบกผ่านตัวปลอกกระสุนเปล่าๆ ที่ถูกรินน้ำเอาไว้ภายในเหล่านั้นไปเมื่อเธอยืนยันได้แล้วว่าคริสตัลเม็ดเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงปลอกกระสุนยังคงเป็นคริสตัลสำหรับฝึกที่เธอคุ้นเคยดีอยู่

 

แกร๊ก…

 

ซึ่งทันทีที่ฝ่ามือของพรีมูล่าเลื่อนผ่านปลอกกระสุนเหล่านั้นไป น้ำธรรมดาๆ ที่ถูกรินเอาไว้ด้านในปลอกกระสุนก็ได้แข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็วจนทำให้นากาที่เดินมาดูหลังจากที่เขาล้างจานเสร็จแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดชมเด็กสาวผมสีชมพูขึ้นมา

 

“เดี๋ยวนี้เตรียมกระสุนได้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนี่นา พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนกว่าเธอจะทำได้สักนัดนึงก็ใช้เวลาตั้งเป็นนาทีแถมบางทียังเทน้ำหกเลอะเทอะไปหมดอีกต่างหาก”

 

“เรื่องนั้นมันตั้งแต่สมัยไหนกันแล้วล่ะน่ะพี่นากา~ ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่ก็เลยควบคุมพลังกับกะปริมาณน้ำไม่ถูกตะหากล่ะ… อ่ะ–”

 

พรีมูล่าที่กำลังพองแก้มพูดตอบพี่ชายของเธอกลับไปได้หยุดชะงักไปกลางคัน เมื่อเธอเหลือบไปเห็นน้ำที่อยู่ด้านในของกระสุนนัดหนึ่งที่มันไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งไปเหมือนกับกระสุนนัดอื่นๆ ด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้พรีมูล่าได้แต่ต้องพูดถามพี่ชายของเธอขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“เอ๋? ทำไมอันนี้มันไม่ยอมกลายเป็นน้ำแข็งอะพี่นากา?”

 

“แล้วพี่จะไปรู้กับเธอด้วยมั้ยเนี่ย… ลองทำดูอีกทีนึงสิ”

 

“ค่าาา~~”

 

คำแนะนำของนากาได้ทำให้พรีมูล่าทดลองโบกมือของเธอผ่านปลอกกระสุนบรรจุน้ำนัดนั้นดูอีกสองสามที แต่ว่าน้ำที่ถูกบรรจุไว้ด้านในของมันก็ยังไม่ยอมกลายเป็นน้ำแข็งสักทีจนทำให้พรีมูล่าตัดสินใจที่จะหยิบมันขึ้นมาส่องดูแทน

 

“เอ… สงสัยตัวคริสตัลมันจะไปกระแทกโดนอะไรเข้าจนพังแล้วล่ะมั้งอ่ะ ในบ้านเรามีอันสำรองหรือเปล่าอ่ะพี่นากา?”

 

“พี่จำไม่ได้ว่ามีนะ… เดี๋ยวเอาไว้เธอลองไปขอมาเพิ่มจากที่โรงเรียนดูก็ได้ล่ะมั้ง”

 

นากาพูดตอบพรีมูล่ากลับไปโดยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อยกับการที่น้องสาวของเขาสามารถทำให้น้ำธรรมดาๆ กลายเป็นน้ำแข็งได้ในชั่วพริบตาแบบนั้น เพราะว่ามนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีพลังอย่างหนึ่งที่ถูกเรียกกันว่า วิซ ที่สามารถปลดปล่อยออกมาจากร่างกายจนทำให้เกิดปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆ ภายนอกร่างกายได้

 

ซึ่งโดยปกติแล้วพลังที่ถูกเรียกว่าวิซนั้นจะถูกส่งออกมาภายนอกเพื่อทำปฏิกิริยากับสิ่งที่ถูกเรียกว่า คริสตัลวิซ เพื่อกระตุ้นให้ตัวคริสตัลที่ได้รับพลังไปทำงานตามแบบที่มันถูกปรับแต่งเอาไว้ อย่างเช่นการจุดไฟ การรวบรวมความชื้นเพื่อสร้างน้ำขึ้นมาจากอากาศ การบังคับให้มวลอากาศเคลื่อนตัวจนเกิดเป็นสายลม การทำให้พื้นดินยุบตัวลงไปเป็นหลุม หรือว่าการเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งอย่างที่พรีมูล่าเพิ่งจะทำลงไป

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าวิซของแต่ละคนจะสามารถใช้กับคริสตัลชนิดไหนก็ได้ เพราะว่าหลักๆ แล้วคริสตัลวิซจะถูกแบ่งออกเป็นหกประเภทด้วยกันตามแบบที่ตัวคริสตัลจะแสดงผลออกมาเมื่อใส่วิซลงไป ได้แก่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุน้ำแข็ง และธาตุสายฟ้า

 

และโดยทั่วไปแล้วถึงแม้ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะมีพลังวิซที่สามารถเข้ากันได้กับคริสตัลเพียงแค่หนึ่งหรือว่าสองธาตุก็ตาม แต่ว่าถ้าพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธีล่ะก็พวกเขาก็จะสามารถใช้คริสตัลวิซธาตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้ากับวิซของตนเองโดยกำเนิดได้ด้วยเช่นกัน

 

“เอาจริงๆ หายไปแค่นัดเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเนอะพี่นากา… ว่าแต่ไหนๆ ก็จะต้องไปที่โรงเรียนกันอยู่แล้ววันนี้พี่นากาจะลองทดสอบวิซดูอีกครั้งหนึ่งมั้ยอ่ะ?”

 

“เฮ้อ… ลองไปก็เท่านั้นนั่นแหล่ะ สู้เอาเวลาไปฝึกดาบต่อยังจะดีกว่าซะอีก…”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดของพรีมูล่าได้พูดตอบเธอกลับไปเบาๆ ด้วยท่าทีเหมือนกับไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถปกปิดน้ำเสียงของตนที่ฟังดูท้อแท้นิดๆ นั้นได้หมด

 

เพราะถึงแม้ว่าพระเจ้าจะสร้างมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ขึ้นมาให้มีพลังพิเศษที่เรียกพลังวิซก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นพระเจ้าผู้สร้างก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมดซะทีเดียว เนื่องจากว่าในโลกที่ทุกคนต่างก็มีพลังวิซที่แสนสะดวกสบายแบบนี้ก็ยังคงมีเด็กหนุ่มแบบเดียวกับนากา ผู้ที่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถสัมผัสหรือว่าปลดปล่อยพลังวิซที่ว่านั่นออกมาจากร่างกายได้เลยแม้แต่น้อยอยู่ด้วย

 

ซึ่งการที่โลกใบนี้มีพลังวิซที่สามารถใช้งานผ่านคริสตัลวิซที่แสนสะดวกสบายนั้นก็ทำให้พื้นฐานการดำรงชีวิตแทบจะทุกอย่างในโลกใบนี้วนเวียนอยู่กับการใช้พลังวิซผ่านตัวคริสตัลกันแทบจะทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นการจุดไฟขึ้นมาประกอบอาหาร การสร้างน้ำขึ้นมารดน้ำต้นไม้ การสร้างน้ำแข็งขึ้นมาให้ความเย็นสำหรับการถนอมอาหาร หรือแม้แต่กระทั่งการจุดตะเกียงเพื่อให้ความสว่างในยามค่ำคืนเองก็เช่นเดียวกัน

 

และถึงแม้ว่าในบางเรื่องนากาจะสามารถหาบางสิ่งมาใช้ทดแทนได้อย่างเช่นการจุดคบเพลิงแทนการใช้ตะเกียงวิซ การแบกถังไปตักน้ำแทนการรวบรวมความชื้นเพื่อสร้างน้ำขึ้นมาจากอากาศ หรือว่าการก่อกองไฟเพื่อตั้งเตาทำอาหาร แต่ว่ามันก็ค่อนข้างที่จะยุ่งยากและสิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับการใช้พลังวิซผ่านคริสตัลที่แสนจะสะดวกสบายแถมยังสามารถใช้งานซ้ำได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ไม่ได้เผลอทำตัวคริสตัลเสียหายไปก่อน จนทำให้ผู้คนส่วนมากที่รู้เรื่องที่ว่านากาไม่สามารถใช้วิซได้ต่างก็มองเขาไม่ต่างไปจากคนพิการสักเท่าไหร่นัก

 

“โถ่เอ๊ย~ พี่นากาเล่นพูดจาอ่อนแอแบบนี้นี่ถ้าเกิดว่าคุณแม่มาได้ยินเข้าเดี๋ยวก็ได้โดนโกรธเอาหรอก”

 

พรีมูล่าพูดบ่นพี่ชายของตัวเองขึ้นมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดที่จะเซ้าซี้ให้เขาทดลองใช้พลังวิซออกมาเลยแม้แต่น้อยและคว้าเอาเหล่ากระสุนน้ำแข็งของเธอมายัดเข้าใส่ซองกระสุนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทีละนัดจนครบแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบปืนยาวกระบอกหนึ่งที่ถูกวางทิ้งไว้บนชั้นวางจนฝุ่นจับขึ้นมา

 

ซึ่งเมื่อนากาได้เห็นพรีมูล่ากำลังพยายามที่จะปัดฝุ่นที่จับอยู่บนปืนยาวของเธอออกไปอยู่นั้นเขาก็ได้ถือโอกาสพูดถามเธอขึ้นมาในทันที

 

“นี่เธอไม่ได้หยิบมันออกมาทำความสะอาดเลยตั้งแต่ที่ปิดภาคเรียนไปใช่มั้ยเนี่ย?”

 

“แหะๆ ก็ตั้งแต่ปิดเทอมมาหนูไม่ได้เอามันมาใช้เลยนี่นา~”

 

“หรือมันก็หมายความว่าเธอไม่ได้ซ้อมยิงปืนเลยใช่มั้ยเนี่ยหะ?”

 

นากาพูดขึ้นมาพลางมองดูพรีมูล่าที่กำลังใช้ไม้ด้ามยาวแทงเข้าไปด้านในปากกระบอกปืนเพื่อทำความสะอาดฝุ่นด้านในของมันอยู่สักพักหนึ่งจนกระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าพรีมูล่าจัดการทำความสะอาดปืนยาวของเธอเสร็จแล้ว นากาจึงได้ลุกขึ้นเพื่อเดินไปหยิบเอาดาบไม้ของตนที่วางพิงกำแพงเอาไว้ใกล้ๆ กันขึ้นมาพร้อมกับพูดสั่งเธอขึ้นมา

 

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มีเวลาอีกสักพักนึงก่อนจะต้องไปโรงเรียนกันอยู่แล้ว ไหนมาลองดูกันสักหน่อยสิว่าเธอยังเอาตัวรอดเป็นอยู่หรือเปล่านะ”

 

“เอ๋!? ตอนนี้เลยเนี่ยนะ? หนูขี้เกียจอ่าาาา”

 

พรีมูล่าร้องโวยวายออกมาเมื่อเธอได้พบว่าพี่ชายของตนได้ทำท่าเหมือนกับว่าเขาจะจับเธอไปฝึกซ้อมการต่อสู้ตั้งแต่เช้าตรู่อย่างนี้ แต่ถึงอย่างนั้นนากาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจพรีมูล่าที่กำลังร้องงอแงอยู่เลยแม้แต่น้อยและเปิดประตูเดินออกไปยังสวนหลังบ้านอีกทั้งยังพูดขู่พรีมูล่าทิ้งท้ายเอาไว้อีกด้วย

 

“ถ้าเธอไม่คิดจะออกมางั้นวันนี้เธอก็ทำข้าวเย็นกินเองก็แล้วกัน”

 

“ง่ะ—!?”

 

พรีมูล่าที่ได้ยินคำขู่ของนากาได้ชะงักไปในทันทีและกะพริบตามองไล่หลังของนากาไปอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าเมื่อพรีมูล่าไม่เห็นว่าพี่ชายของตนจะมีท่าทีเหมือนกับว่าจะยอมเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านเลยแม้แต่น้อยนั้นเธอก็ได้แต่จำใจต้องถือปืนยาวของตัวเองเดินตามเขาออกไปด้านนอกด้วยกันแต่โดยดี

 

ซึ่งพรีมูล่าก็ได้แต่ทำคอตกเดินไปยังจุดที่เธอยืนเป็นประจำเวลาถูกนากาลากมาฝึกซ้อมการต่อสู้และรอให้พี่ชายของตัวเองเดินออกห่างไปสักระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยตะโกนบอกเขาไป

 

“พี่นากา~ ระยะแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ~”

 

“แค่นี้พอแล้วหรอ ไม่ใช่ว่าปกติเธอรอให้พี่เดินไปถึงนู่นเลยไม่ใช่หรือไง… เอาเถอะ ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลย”

 

“ค่าาาา~~”

 

พรีมูล่าพูดตอบพี่ชายของตนกลับไปด้วยน้ำเสียงลากยาวก่อนที่เธอจะยกปืนยาวของตนเองขึ้นมาเล็งไปทางนากาด้วยท่าทีคล่องแคล่วในขณะที่ทางด้านนากาเองก็ได้ยกดาบไม้ของเขาขึ้นมาถือด้วยท่าทีรัดกุมเช่นเดียวกันและรอให้น้องสาวของเขาเป็นคนยิงเปิดฉากก่อน

 

แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งพรีมูล่าที่เล็งปืนยาวมาทางเขาก็ได้ลดปืนในมือของเธอลงพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกไปทางด้านหลังของเขาด้วยท่าทีร่าเริง

 

“อ่ะ— โมโกะจังนี่นา~! อรุณสวัสดิ์~~”

 

“อ้าว… ว่าไงโม—-”

 

นากาที่กำลังจะหันไปทักทายเพื่อนสนิทของเขากับน้องสาวที่มีชื่อว่าโมโกะนั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนคนที่ว่าไม่น่าจะเพิ่งเดินออกมาจากป่าหลังบ้านของเขาให้พรีมูล่าได้มีโอกาสร้องทักทายได้ในช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ซึ่งในชั่วขณะที่นากากำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้นเองทางด้านพรีมูล่าก็ได้เผยรอยยิ้มซุกซนพร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ฮิ~”

 

ปั้ง!!

 

“—!?”

 

เสียงที่ดังลั่นออกมาจากปากกระบอกปืนยาวของน้องสาวตัวแสบนั้นได้ทำให้นากาได้แต่ต้องรีบหันกลับไปมองทางด้านพรีมูล่าในทันที ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้เขาได้พบว่าพรีมูล่าเพิ่งจะส่งกระสุนน้ำแข็งออกมาจากปากกระบอกปืนตรงมายังกลางอกของเขาเข้าซะแล้ว

 

ปึ๊ก!

 

แต่มันก็นับว่าเป็นโชคดีที่นากาได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถใช้วิซได้จนทำให้เขามีประสาทสัมผัสและความสามารถในการต่อสู้ที่มากกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยไล่เลี่ยกันในระดับหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่ได้นับว่าเก่งกาจหาตัวจับได้ยากถึงขั้นจะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านการต่อสู้ก็ตาม แต่ว่ามันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถใช้ดาบไม้ในมือเข้าปัดป้องกระสุนน้ำแข็งที่ถูกยิงเข้าใส่โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวได้ทัน

 

“นี่เธอ… เดี๋ยวนี้กล้าเล่นลูกไม้อะไรแบบนี้ด้วยหรอหะ!”

 

“ฮิฮิ~ หนูไม่ผิดซะหน่อย~ พี่นากาผิดเองที่หลงกลตะหาก~”

 

ครึ้ง…กริ๊ง~!

 

ถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะกำลังแลบลิ้นล้อเลียนพี่ชายของตัวเองอยู่อย่างอารมณ์ดีแต่ว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้ปล่อยให้จังหวะนี้เสียไปเปล่าๆ และขยับมือไปเลื่อนลูกเลื่อนที่ติดอยู่ด้านข้างตัวปืนอย่างคล่องแคล่วจนทำให้มันดีดเอาปลอกกระสุนที่ยังคงมีไอเย็นติดอยู่จางๆ ออกมาพร้อมกับก้าวเดินถอยหลังไปทางด้านหลังเพื่อทิ้งระยะห่างเพิ่มเติมจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะพุ่งตัวตามไปในทันที

 

“ก็อยากจะชมว่าวิธีการต่อสู้เปลี่ยนไปอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเกิดว่าเธอมีแผนแค่ยิงไปทิ้งระยะห่างไปล่ะก็ผลออกมามันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมหรอก!”

 

ครึ้ง กริ๊ง~ ครึ้ง กริ๊ง~ ครึ้ง กริ๊ง~

 

พรีมูล่าที่เห็นว่าพี่ชายของเธอกำลังพุ่งตัวย่นระยะเข้ามาด้วยความรวดเร็วนั้นได้ดึงลูกเลื่อนของปืนในมืออย่างต่อเนื่องจนทำให้มันดีดเอาตัวกระสุนที่ยังไม่ถูกใช้งานออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการกระทำของพรีมูล่าที่ดูเหมือนว่าจะกำลังลนลานจนทำตัวไม่ถูกนั้นก็ทำให้นากาได้แต่ต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“คิดจะทำอะไรของเธอน่ะพรีมูล่า ตกใจจนลนไปหมดแล้วหรือไ—-”

 

แกร็ก

 

“หือ!?”

 

นากาที่พุ่งตัวเข้าไปเพื่อหวังที่จะใช้ดาบไม้ในมือโจมตีพรีมูล่าได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความแปลกใจเพราะว่าในขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่ระยะที่สามารถใช้ดาบไม้โจมตีได้นั้น ขาของเขาก็กลับถูกอะไรบางอย่างกระชากเอาไว้จนทำให้เขาต้องหยุดฝีเท้าลงอย่างน่าเสียดายและได้แต่ก้มลงไปมองดูมันด้วยความสงสัย

 

“นี่มัน… กระสุนเมื่อกี้งั้นหรอ!?”

 

สิ่งที่นากาได้พบเมื่อเขาก้มลงไปมองดูที่เท้าของตัวเองนั้นก็คือแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ยึดรองเท้าของเขาเอาไว้กับพื้นอย่างแน่นหนา ซึ่งที่มาของแผ่นน้ำแข็งนั้นก็น่าจะมาจากการที่น้ำแข็งในกระสุนที่พรีมูล่าดีดออกมาจากตัวปืนเล่นเมื่อสักครู่นี้ได้ละลายตัวลงจนเจิ่งนองไปทั่วก่อนที่มันจะถูกพรีมูล่าเปลี่ยนมันให้เป็นน้ำแข็งอีกครั้งในตอนที่นากาเหยียบเข้าใส่มันนั่นเอง

 

“แต่กระสุนน้ำแข็งนั่นมันก็ไม่น่าจะละลายจนกลายเป็นแอ่งน้ำได้เร็วขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง!?”

 

“ก็เพราะว่าเจ้าพวกนั้นมันเป็นกระสุนฝึกยังไงล่ะพี่นากา~ เพราะต่อให้กระสุนน้ำแข็งพวกนี้มันจะดูแข็งแรงขนาดไหนก็เถอะแต่ถ้าเกิดว่าหนูไม่ได้ส่งวิซเข้าไปเพื่อรักษาสภาพมันเอาไว้ตลอดเวลาล่ะก็แค่ไม่กี่วินาทีมันก็ละลายหมดแล้วล่ะ แล้วทีนี้หนูก็แค่รอให้พี่นากาวิ่งมาจนถึงจุดที่มันละลายแล้วก็แอบส่งวิซเข้าไปทำให้มันเป็นน้ำแข็งอีกรอบก็แค่นั้นเอง~ คราวนี้หนูชนะแล้วน้า~~”

 

แกร๊ก ปั้ง!!

 

“หึ้ย–!?”

 

เพล้ง!

 

นากาที่เห็นกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่ากำลังพุ่งตรงเข้ามาได้พยายามที่จะสะบัดขาของตัวเองอย่างแรงจนทำให้แผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ยึดขาของเขาเอาไว้กับพื้นแตกกระจายออก แต่ว่าเมื่อดูจากระยะห่างระหว่างตัวเขากับพรีมูล่าแล้วมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นากาจะสามารถหลบหลีกหรือว่าใช้ดาบไม้ในมือของเขาปัดป้องกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่าได้ทัน

 

ปึ้ก!

 

“อ่ะ— นี่มัน….”

 

นากาที่กัดฟันรอรับความเจ็บปวดจากการถูกกระสุนน้ำแข็งกระแทกเข้าใส่ได้หลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะถึงแม้ว่าจะมีเสียงที่ฟังดูเหมือนกระสุนน้ำแข็งกระทบเป้าหมายดังขึ้นมาแล้วแต่ว่าตัวนากาเองก็กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าที่อากาศเบื้องหน้าของเขาได้มีกำแพงอากาศใสๆ สีเขียวอ่อนช่วยปกป้องตัวเขาเอาไว้จากกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่านั่นเอง

 

“เอ๋— เอ๋ะ—!? พี่นากาใช้วิซได้แล้วหรอ!?”

 

พรีมูล่าที่เห็นกำแพงอากาศที่ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของนากาได้พูดถามขึ้นมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงสิ่งที่ดูเหมือนกับกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนอันนี้ก็น่าจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิซธาตุลมอย่างแน่นอน

 

“เปล่านะ… อันนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่สักหน่อย… แล้วเธอเองก็เคยเห็นเจ้ากำแพงอากาศนี่อยู่บ่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

 

นากาที่ถูกพรีมูล่าพูดถามขึ้นมาได้พูดตอบเด็กสาวกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนที่เขาจะหันไปทางประตูหลังบ้านที่ในขณะที่ได้มีชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งกำลังยืนชี้ร่มสีดำตรงมาทางเขาอยู่

 

ซึ่งชายหนุ่มร่างเล็กที่มีเส้นผมสีขาวยาวที่ถูกมัดเอาไว้ทางด้านหลังที่สังเกตเห็นว่านากากำลังมองมาทางเขาอยู่ก็ได้ลดร่มสีดำเก่าๆ ในมือของเขาที่กำลังชี้ตรงไปทางนากาอยู่ลงจนทำให้กำแพงอากาศสีเขียวอ่อนที่ก่อตัวขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้าของนากาค่อยๆ สลายหายไปแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“ก็ถ้าเกิดว่าคู่ต่อสู้ของเธอไม่ใช่นากาแล้วเธอมัวแต่พูดซะยืดยาวแบบนั้นใครๆ เขาก็หาวิธีป้องกันได้กันทั้งนั้นนั่นแหล่ะ… ว่าไงทั้งสองคน… ตื่นเช้ากันจังนะ…”

 

“โถ่พี่อารอนอ้ะ! รอบนี้หนูกำลังจะชนะพี่นากาเขาอยู่แล้วแท้ๆ เชียว!”

 

“โอ๊ยๆ …ฮะฮะ…มันเจ็บนะพรีมูล่า…”

 

ชายหนุ่มผมขาวที่ชื่อว่าอารอนได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่ถึงอย่างนั้นพรีมูล่าก็ไม่ได้ลดความงอแงลงเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาต้องเดินเข้าไปเอาสันมือสับกระบาลพรีมูล่าเป็นครั้งที่สองของวันเพื่อให้เธอหยุดรังแกคนอื่นสักที

 

โป๊ก!

 

“แอ๊ก!?”

 

“ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรถึงรีบกลับมาที่หมู่บ้านแบบนี้ล่ะอารอน ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนายเพิ่งจะมาบอกพวกฉันว่าจะกลับไปดูคนไข้ที่เมืองรีมินัสอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?”

 

นากาที่ลงไม้ลงมือใส่น้องสาวของตัวเองเสร็จแล้วได้หันกลับไปหาอารอนและพูดถามขึ้นมา ซึ่งอารอนก็ได้ยกมือของเขาขึ้นเพื่อชี้ไปยังกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะรับแขกของห้องนั่งเล่นในบ้านของนากาก่อนจะพูดตอบเด็กหนุ่มผมสีดำกลับไป

 

“อ่า… ก็พอดีว่ามีคนฝากของมาให้พวกนายน่ะ… ฉันวางเอาไว้ให้บนโต๊ะนู้นแล้ว…”

 

“ฝากของมาให้งั้นหรอ…?”

 

“อื้ม… เห็นบอกว่าเป็นของขวัญสำหรับการเรียนจบน่ะ… แต่ว่าพวกคนส่งของในเมืองเขาไม่ยอมเอามาส่งให้เพราะว่าหมู่บ้านนี้มันอยู่ไกลเกินไป… ฉันก็เลยโดนเขาใช้ข้ออ้างต่างๆ นาๆ หว่านล้อมจนได้แต่ต้องรีบเดินทางกลับมาแบบนี้เนี่ยแหล่ะ…”

 

“หา? นี่อย่าบอกนะว่านายเพิ่งจะเดินทางไปถึงรีมินัสแล้วก็ต้องรีบเดินทางกลับมาส่งของให้พวกฉันเลยน่ะ?”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดอธิบายของอารอนได้หลุดปากพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะว่าระยะห่างจากหมู่บ้านของพวกเขาไปยังเมืองรีมินัสที่เป็นหนึ่งในเมืองหลวงนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลยซะด้วยซ้ำ

 

“จะบ้าหรอ… คนที่ฝากฉันมาส่งของให้นายเขาเตรียมรถมารับส่งฉันต่างหากล่ะ… ฉันหมายถึงรถยนต์ที่ไม่ใช่รถม้าด้วยน่ะนะ… ถ้านายสนใจจะลองไปดูก็ได้นะ… ก่อนหน้านี้พวกคนขับเขาจอดรถเอาไว้ที่หน้าคลินิกของฉันแล้วก็เข้าไปพักผ่อนกันข้างในน่ะ…”

 

“เอ๋!? มีรถยนต์จอดอยู่ที่บ้านของพี่อารอนหรอ!? หนูขอไปดูได้มั้ยอ้ะ!?”

 

“อื้ม… แต่ถ้ายังไงเธอก็อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนพวกพี่ๆ คนขับเขาก็ละกันนะพรีมูล่า…”

 

อารอนพูดตอบพรีมูล่าที่กำลังแสดงท่าทีตื่นเต้นพร้อมกับพูดย้ำขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องของคนขับรถที่พักผ่อนอยู่ในคลินิกของเขาขึ้นมา ซึ่งท่าทีของทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าปกติแล้วการเดินทางในโลกใบนี้จะเน้นไปที่การเดินทางด้วยเท้าและรถม้าเป็นหลัก ในขณะที่รถยนต์นั้นจัดเป็นยานพาหนะที่หายากและมีราคาแพงมากจนคนทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่ขุนนางหรือพ่อค้าที่ร่ำรวยไม่สามารถหามาครอบครองหรือแม้แต่จะยืมมาใช้งานได้

 

ส่วนสาเหตุที่อารอนต้องพูดเตือนพรีมูล่าเกี่ยวกับเรื่องของคนขับรถขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะว่ายานพาหนะที่เรียกว่ารถยนต์ในโลกใบนี้เองก็ถูกออกแบบมาให้ใช้สิ่งที่เรียกว่าเครื่องยนต์พลังวิซในการขับเคลื่อน หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือว่าในการเดินทางด้วยรถยนต์แต่ละครั้งจะมีผู้โชคร้ายคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าคนขับรถที่จะต้องเผาผลาญวิซในร่างกายอยู่ตลอดการเดินทางเพื่อให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้จนแทบจะสลบเหมือดหลังการเดินทางอยู่แทบจะทุกครั้งไป

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอตัวไปที่บ้านของพี่อารอนก่อนละกันนะพี่นากา~”

 

“อื้ม แล้วก็อย่าลืมนะว่าอย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนพวกคนขับเขาน่ะพรีมูล่า!”

 

“ค่า~ รู้แล้วค่าาา~~”

 

พรีมูล่าพูดตอบนากากลับมาด้วยท่าทีเหมือนกับว่าไม่สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อยและรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อเดินทะลุไปทางฝั่งหน้าบ้านและตรงดิ่งไปทางคลินิกของอารอนที่ตั้งอยู่แถวๆ บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านในทันทีโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจกล่องของขวัญที่อารอนวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะรับแขกเลยแม้แต่น้อย

 

“ฮะฮะ… พรีมูล่านี่ก็ยังร่าเริงอยู่เหมือนเดิมเลยนะ…”

 

“เฮ้อ… ร่าเริงจนเกินไปซะด้วยซ้ำยัยนั่นน่ะ”

 

นากาถอนหายใจตอบอารอนที่กำลังยืนยิ้มมองไล่หลังน้องสาวของเขากลับไปก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อหยิบเอากล่องของขวัญที่อารอนวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะขึ้นมา

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอเอากล่องของขวัญนี่ไปเปิดที่คลินิกของนายพร้อมกับพรีมูล่าก็แล้วกันนะอารอน เพราะถ้าเกิดว่ายัยพรีมูล่าดันมานึกขึ้นได้ทีหลังแล้วเห็นว่าฉันเปิดของขวัญนี่ไปแล้วมีหวังยัยนั่นได้โวยวายจนบ้านแตกแหงๆ ล่ะ”

 

“ไม่ใช่ว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้างที่จะไปดูรถที่คลินิกของฉันหรอกหรอน่ะ…?”

 

“ม–ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย! เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

 

นากาที่ถูกอารอนพูดขึ้นมาเหมือนกับรู้ความตั้งใจจริงๆ ของเขานั้นได้รีบพูดแก้ตัวออกมาก่อนที่เขาจะรีบเดินนำอารอนไปยังด้านหน้าหมู่บ้านอันเป็นที่ตั้งของคลินิกของอีกฝ่ายในทันทีโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจอารอนที่กำลังแอบเผยรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ 1

Now you are reading Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ Chapter 1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่นากาาาา”

 

ในช่วงเวลาเช้าตรู่ที่หมู่บ้านเล็กๆ อันแสนสงบสุข อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องเรียกอันแสนสดใสของเด็กสาวที่ได้ดังลั่นออกมาจากบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมชายป่า ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงจนกระแทกเข้ากับผนังเสียงดังสนั่นดังตามขึ้นมา

 

ปั้ง!!!

 

เด็กสาวผมสีชมพูผู้เป็นเจ้าของเสียงอันแสนสดใสนั้นได้มองตรงไปยังเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งที่กำลังนอนกระสับกระส่ายและยื่นมือของเขาออกไปในอากาศเบื้องหน้าราวกับว่าเขากำลังพยายามที่จะยื่นมือออกไปไขว่คว้าอะไรบางอย่างที่เขาเห็นในความฝันอยู่ชั่วขณะก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปหยุดอยู่ที่ขอบเตียงของเด็กหนุ่มผมสีดำผู้ที่เป็นเจ้าของห้องและจ้องมองเขาอยู่เงียบๆ สักพักหนึ่ง

 

“งื้มมม~~~~”

 

เด็กสาวผมสีชมพูที่เห็นว่าเด็กหนุ่มผมดำไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยได้ส่งเสียงเบาๆ ออกมาเหมือนกับว่าเธอกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจคว้าไปที่ข้อเท้าของเด็กหนุ่มผมสีดำและออกแรงเหวี่ยงอย่างแรงจนทำให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นออกจากเตียงนอนและร่วงหล่นลงไปกระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นไม่แพ้เสียงเปิดประตูเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่น้อย

 

ตุ๊บ!!

 

“โอ๊ย!?”

 

“ตื่นได้แล้วพี่นากา~ หนูหิวข้าวแล้วอ่ะ!”

 

“…..”

 

เด็กหนุ่มผมสีดำผู้ที่ถูกเรียกว่า นากา ได้ใช้นัยน์ตาที่ข้างหนึ่งเป็นสีแดงและอีกข้างหนึ่งที่เป็นสีน้ำเงินของเขาจ้องมองเด็กสาวผมสีชมพูอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะคว้าเอาผ้าห่มของตนที่ร่วงหล่นลงมาข้างๆ กันขึ้นมาคลุมหัวตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะได้กลับไปนอนต่อ

 

ซึ่งการกระทำของเด็กหนุ่มตาสองสีที่ชื่อว่านากานั้นก็ได้ทำให้เด็กสาวผมสีชมพูยื่นมือออกไปกระชากผ้าห่มของเขาออกและจับแก้มของเขาเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงมันไปมาตามจังหวะคำพูดของเธอ

 

“พี่นากา~~ ตื่น~ได้~แล้ว~ ไม่งั้นเดี๋ยว~ จะไปโรงเรียนสาย~ เอานะ~~”

 

“โอ๊ยๆ ! ตื่นแล้วๆ … ไม่เห็นต้องรีบอะไรขนาดนั้นเลยไม่ใช่หรอไง ยังไงอาจารย์เขาก็ไม่เคยจะมาทันตอนเช้าอยู่แล้วแท้ๆ ไม่ใช่หรือไง!”

 

เด็กหนุ่มผมดำที่ถูกเด็กสาวผมสีชมพูก่อกวนจนคิดได้ว่าเขาคงจะไม่ได้กลับไปนอนต่ออย่างสงบแล้วแน่ๆ ได้ร้องโวยวายออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนและเดินไปเปิดหน้าต่างห้องนอนของตนเองออกเพื่อที่ได้จะรับแสงแดดและสายลมในยามเช้าพร้อมกับพูดบ่นเด็กสาวผมสีชมพูที่ดูเหมือนว่าจะเป็นน้องสาวของเขาเองไปด้วย

 

“เธอเนี่ยน๊า วันหน้าวันหลังถ้าจะปลุกก็ช่วยปลุกเบาๆ หน่อยไม่ได้หรื–”

 

เด็กหนุ่มผมดำที่กำลังพูดบ่นน้องสาวตัวแสบของเขาอยู่นั้นได้ชะงักนิ่งไปเมื่อสิ่งที่เขาพบเห็นอยู่ด้านนอกไม่ใช่บรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าแบบที่เขาคาดหวังเอาไว้ แต่กลับเป็นบรรยากาศมืดสนิทที่ท้องฟ้ายังคงประดับไปด้วยหมู่ดาวแพรวพราวซะแทน

 

“เดี๋ยวนะพรีมูล่า นี่มันกี่โมงเนี่ย…?”

 

“เอ๋~? ก็น่าจะราวๆ ตีห้าได้ละมั้งนะ~ ทำไมหรอพี่นากา?”

 

“ยังจะถามว่าทำไมอีกหร๊อ!!”

 

โป๊ก!

 

“แอ๊ก!?”

 

นากาตะโกนว่าน้องสาวตัวแสบของเขาที่มีชื่อว่า พรีมูล่า ออกมาเสียงดังพร้อมกับเอาสันมือของเขาสับลงไปที่กลางกบาลของอีกฝ่ายเข้าไปจังๆ จนทำให้เด็กสาวผมสีชมพูถึงกับต้องก้มลงไปกุมหัวของตัวเองและพูดร้องโวยวายออกมาในทันที

 

“เจ็บอ่าาาา คนเขาตั้งใจจะมาปลุกแท้ๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วยอ้ะ แถมไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้พี่นากาก็นอนไปตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรอ วันนี้นอนน้อยลงหน่อยนึงจะเป็นไรไปอ้ะ!”

 

“เฮ้อ… ให้ตายสิ เธอเนี่ยน๊า…”

 

คำพูดโวยวายของพรีมูล่าที่ฟังดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยแม้แต่น้อยนั้นได้แต่ทำให้นากาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ เพราะถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะเป็นน้องสาวของเขาก็ตามที แต่ว่าจริงๆ แล้วอายุของพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากขนาดนั้นจนทำให้บางทีนากาได้แต่รู้สึกสงสัยว่าในหัวของน้องสาวของตนมีอะไรผิดปกติหรือไม่เธอถึงได้ชอบพูดจาอะไรแปลกๆ แบบนี้ออกมาอยู่เสมอๆ

 

“เอาเถอะ… ยังไงซะวันนี้อาจารย์เขาก็นัดพวกเราไปปรึกษาเรื่องการเรียนต่อหรือเรื่องที่ว่าพวกเราคิดจะเอายังไงกันต่อหลังจากเรียนจบการศึกษาชั้นต้นกันตอนสายๆ อยู่แล้วล่ะนะ…”

 

ถึงแม้ว่านากาจะร้องโวยวายใส่น้องสาวของเขาไปไม่ใช่น้อย แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนักที่พรีมูล่ามาปลุกเขาตั้งแต่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นแบบนี้ และนั่นก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาเสื้อผ้าออกมาจากในตู้และเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ในขณะที่ทางด้านพรีมูล่าที่ล้มตัวลงไปนอนแผ่อยู่กับผ้าห่มของนากาก็ได้ใช้กำปั้นทุบไปที่ฝ่ามือของเธอและเอ่ยปากพูดขึ้นมาเสียงดัง

 

“อ้ะ ใช่แล้ว! ที่หนูรีบมาปลุกพี่นากาตั้งแต่เช้าแบบนี้ก็เพื่อให้พี่นากาได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนจะไปพบอาจารย์ไง! ไงล่ะ~ รู้สึกขอบคุณหนูขึ้นมาแล้วใช่มั้ยล่าา~~”

 

“ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะนึกออกตอนที่พี่พูดขึ้นมาเมื่อกี้นี้หรือไงหะ!?”

 

“โอ๊ยยย หนูขอโทษษษษ หนูแค่ล้อเล่นเฉยๆ เองอ๊าาาา”

 

พรีมูล่าที่เพิ่งจะพูดทวงบุญคุณด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ขึ้นมานั้นได้แต่ร้องโวยวายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อพี่ชายของเธอที่เพิ่งจะเดินหายออกไปจากห้องนอนได้โผล่กลับออกมาดึงแก้มของเธอจนยืดเพื่อเป็นการลงโทษที่พูดจากวนประสาทไม่รู้จักเวลา ซึ่งนากาก็ได้ดึงแก้มของพรีมูล่าเล่นอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาและเดินตรงหายเข้าไปในห้องอาบน้ำพร้อมกับเอ่ยปากพูดถามขึ้นมาด้วย

 

“เฮ้อ… แล้วข้าวเช้าจะเอาเป็นอะไรล่ะ เดี๋ยวเอาไว้พี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะไปทำให้”

 

“เอาไข่ดาววว~~”

 

“เฮ้อ… ให้ตายสิ เธอก็แค่ขี้เกียจคิดเองไม่ใช่หรือไงเนี่ย…”

 

“อ่ะอ้ะ พี่นากาถอนหายใจบ่อยๆ ไม่ดีต่อสุขภาพน๊า~”

 

“เฮ้อ… ช่างเถอะ”

 

 

ป๊องแป๊ง–ป๊องแป๊ง–

 

“หนูกินเสร็จแล้ว~”

 

“อื้ม เอาจานของเธอมานี่มา เดี๋ยวพี่เอาไปล้างให้เอง”

 

หลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักหนึ่ง พรีมูล่าที่จัดการข้าวไข่ดาวของเธอจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกับใช้ช้อนส้อมในมือเคาะไปที่โต๊ะอาหารเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายของเธอ

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาได้ยื่นมือไปหยิบจานอาหารที่ว่างเปล่าของตนกับน้องสาวขึ้นมาเพื่อนำมันไปจัดการล้างทำความสะอาด ในขณะที่ทางด้านพรีมูล่าที่ว่างงานเองก็ได้เดินไปหยิบเอากาต้มน้ำออกมาจากตู้เก็บเพื่อที่จะได้นำมันมารินน้ำใส่ลงไปในปลอกกระสุนที่ทำจากโลหะสีทองนับสิบอันที่เธอตั้งเรียงมันเอาไว้เป็นแถวบนโต๊ะอาหารจนทำให้นากาที่สังเกตเห็นสิ่งที่น้องสาวของเขากำลังทำอยู่อดไม่ได้ที่จะพูดเตือนขึ้นมา

 

“หืม? จะเตรียมกระสุนหรอพรีมูล่า ถ้ายังไงก็ตรวจดูให้ดีๆ อีกครั้งละกันว่าคริสตัลบนตัวกระสุนมันเป็นคริสตัลสำหรับฝึกน่ะ”

 

“ค่าๆ ถึงจะไม่รู้ว่าจะตรวจดูไปทำไมเพราะยังไงหนูก็มีแต่กระสุนฝึกอยู่แล้วแต่ก็ตรวจดูไปแล้วแหล่ะค่า~”

 

พรีมูล่าพูดตอบพี่ชายตัวเองกลับไปด้วยท่าทีหน่ายๆ เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้วล่ะก็ พี่ชายผมดำของเธอคนนี้นี่แหล่ะที่เป็นคนไม่ยอมให้เธอทดลองใช้คริสตัลอย่างอื่นนอกจากคริสตัลสำหรับฝึกเลยแม้แต่สักครั้งเดียว

 

แต่ถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะมีท่าทีเบื่อหน่ายกับคำพูดของนากาก็ตาม แต่ว่าเธอก็ยังคงยกปลอกกระสุนบรรจุน้ำพวกนั้นขึ้นมาส่องดูให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นมาโบกผ่านตัวปลอกกระสุนเปล่าๆ ที่ถูกรินน้ำเอาไว้ภายในเหล่านั้นไปเมื่อเธอยืนยันได้แล้วว่าคริสตัลเม็ดเล็กๆ ที่ติดอยู่ตรงปลอกกระสุนยังคงเป็นคริสตัลสำหรับฝึกที่เธอคุ้นเคยดีอยู่

 

แกร๊ก…

 

ซึ่งทันทีที่ฝ่ามือของพรีมูล่าเลื่อนผ่านปลอกกระสุนเหล่านั้นไป น้ำธรรมดาๆ ที่ถูกรินเอาไว้ด้านในปลอกกระสุนก็ได้แข็งตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็วจนทำให้นากาที่เดินมาดูหลังจากที่เขาล้างจานเสร็จแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดชมเด็กสาวผมสีชมพูขึ้นมา

 

“เดี๋ยวนี้เตรียมกระสุนได้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนี่นา พี่จำได้ว่าเมื่อก่อนกว่าเธอจะทำได้สักนัดนึงก็ใช้เวลาตั้งเป็นนาทีแถมบางทียังเทน้ำหกเลอะเทอะไปหมดอีกต่างหาก”

 

“เรื่องนั้นมันตั้งแต่สมัยไหนกันแล้วล่ะน่ะพี่นากา~ ตอนนั้นหนูยังเด็กอยู่ก็เลยควบคุมพลังกับกะปริมาณน้ำไม่ถูกตะหากล่ะ… อ่ะ–”

 

พรีมูล่าที่กำลังพองแก้มพูดตอบพี่ชายของเธอกลับไปได้หยุดชะงักไปกลางคัน เมื่อเธอเหลือบไปเห็นน้ำที่อยู่ด้านในของกระสุนนัดหนึ่งที่มันไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งไปเหมือนกับกระสุนนัดอื่นๆ ด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้พรีมูล่าได้แต่ต้องพูดถามพี่ชายของเธอขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“เอ๋? ทำไมอันนี้มันไม่ยอมกลายเป็นน้ำแข็งอะพี่นากา?”

 

“แล้วพี่จะไปรู้กับเธอด้วยมั้ยเนี่ย… ลองทำดูอีกทีนึงสิ”

 

“ค่าาา~~”

 

คำแนะนำของนากาได้ทำให้พรีมูล่าทดลองโบกมือของเธอผ่านปลอกกระสุนบรรจุน้ำนัดนั้นดูอีกสองสามที แต่ว่าน้ำที่ถูกบรรจุไว้ด้านในของมันก็ยังไม่ยอมกลายเป็นน้ำแข็งสักทีจนทำให้พรีมูล่าตัดสินใจที่จะหยิบมันขึ้นมาส่องดูแทน

 

“เอ… สงสัยตัวคริสตัลมันจะไปกระแทกโดนอะไรเข้าจนพังแล้วล่ะมั้งอ่ะ ในบ้านเรามีอันสำรองหรือเปล่าอ่ะพี่นากา?”

 

“พี่จำไม่ได้ว่ามีนะ… เดี๋ยวเอาไว้เธอลองไปขอมาเพิ่มจากที่โรงเรียนดูก็ได้ล่ะมั้ง”

 

นากาพูดตอบพรีมูล่ากลับไปโดยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อยกับการที่น้องสาวของเขาสามารถทำให้น้ำธรรมดาๆ กลายเป็นน้ำแข็งได้ในชั่วพริบตาแบบนั้น เพราะว่ามนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีพลังอย่างหนึ่งที่ถูกเรียกกันว่า วิซ ที่สามารถปลดปล่อยออกมาจากร่างกายจนทำให้เกิดปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆ ภายนอกร่างกายได้

 

ซึ่งโดยปกติแล้วพลังที่ถูกเรียกว่าวิซนั้นจะถูกส่งออกมาภายนอกเพื่อทำปฏิกิริยากับสิ่งที่ถูกเรียกว่า คริสตัลวิซ เพื่อกระตุ้นให้ตัวคริสตัลที่ได้รับพลังไปทำงานตามแบบที่มันถูกปรับแต่งเอาไว้ อย่างเช่นการจุดไฟ การรวบรวมความชื้นเพื่อสร้างน้ำขึ้นมาจากอากาศ การบังคับให้มวลอากาศเคลื่อนตัวจนเกิดเป็นสายลม การทำให้พื้นดินยุบตัวลงไปเป็นหลุม หรือว่าการเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งอย่างที่พรีมูล่าเพิ่งจะทำลงไป

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าวิซของแต่ละคนจะสามารถใช้กับคริสตัลชนิดไหนก็ได้ เพราะว่าหลักๆ แล้วคริสตัลวิซจะถูกแบ่งออกเป็นหกประเภทด้วยกันตามแบบที่ตัวคริสตัลจะแสดงผลออกมาเมื่อใส่วิซลงไป ได้แก่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุน้ำแข็ง และธาตุสายฟ้า

 

และโดยทั่วไปแล้วถึงแม้ว่ามนุษย์คนหนึ่งจะมีพลังวิซที่สามารถเข้ากันได้กับคริสตัลเพียงแค่หนึ่งหรือว่าสองธาตุก็ตาม แต่ว่าถ้าพวกเขาได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธีล่ะก็พวกเขาก็จะสามารถใช้คริสตัลวิซธาตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้ากับวิซของตนเองโดยกำเนิดได้ด้วยเช่นกัน

 

“เอาจริงๆ หายไปแค่นัดเดียวก็ไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเนอะพี่นากา… ว่าแต่ไหนๆ ก็จะต้องไปที่โรงเรียนกันอยู่แล้ววันนี้พี่นากาจะลองทดสอบวิซดูอีกครั้งหนึ่งมั้ยอ่ะ?”

 

“เฮ้อ… ลองไปก็เท่านั้นนั่นแหล่ะ สู้เอาเวลาไปฝึกดาบต่อยังจะดีกว่าซะอีก…”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดของพรีมูล่าได้พูดตอบเธอกลับไปเบาๆ ด้วยท่าทีเหมือนกับไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถปกปิดน้ำเสียงของตนที่ฟังดูท้อแท้นิดๆ นั้นได้หมด

 

เพราะถึงแม้ว่าพระเจ้าจะสร้างมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ขึ้นมาให้มีพลังพิเศษที่เรียกพลังวิซก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นพระเจ้าผู้สร้างก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทั้งหมดซะทีเดียว เนื่องจากว่าในโลกที่ทุกคนต่างก็มีพลังวิซที่แสนสะดวกสบายแบบนี้ก็ยังคงมีเด็กหนุ่มแบบเดียวกับนากา ผู้ที่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถสัมผัสหรือว่าปลดปล่อยพลังวิซที่ว่านั่นออกมาจากร่างกายได้เลยแม้แต่น้อยอยู่ด้วย

 

ซึ่งการที่โลกใบนี้มีพลังวิซที่สามารถใช้งานผ่านคริสตัลวิซที่แสนสะดวกสบายนั้นก็ทำให้พื้นฐานการดำรงชีวิตแทบจะทุกอย่างในโลกใบนี้วนเวียนอยู่กับการใช้พลังวิซผ่านตัวคริสตัลกันแทบจะทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นการจุดไฟขึ้นมาประกอบอาหาร การสร้างน้ำขึ้นมารดน้ำต้นไม้ การสร้างน้ำแข็งขึ้นมาให้ความเย็นสำหรับการถนอมอาหาร หรือแม้แต่กระทั่งการจุดตะเกียงเพื่อให้ความสว่างในยามค่ำคืนเองก็เช่นเดียวกัน

 

และถึงแม้ว่าในบางเรื่องนากาจะสามารถหาบางสิ่งมาใช้ทดแทนได้อย่างเช่นการจุดคบเพลิงแทนการใช้ตะเกียงวิซ การแบกถังไปตักน้ำแทนการรวบรวมความชื้นเพื่อสร้างน้ำขึ้นมาจากอากาศ หรือว่าการก่อกองไฟเพื่อตั้งเตาทำอาหาร แต่ว่ามันก็ค่อนข้างที่จะยุ่งยากและสิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับการใช้พลังวิซผ่านคริสตัลที่แสนจะสะดวกสบายแถมยังสามารถใช้งานซ้ำได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ไม่ได้เผลอทำตัวคริสตัลเสียหายไปก่อน จนทำให้ผู้คนส่วนมากที่รู้เรื่องที่ว่านากาไม่สามารถใช้วิซได้ต่างก็มองเขาไม่ต่างไปจากคนพิการสักเท่าไหร่นัก

 

“โถ่เอ๊ย~ พี่นากาเล่นพูดจาอ่อนแอแบบนี้นี่ถ้าเกิดว่าคุณแม่มาได้ยินเข้าเดี๋ยวก็ได้โดนโกรธเอาหรอก”

 

พรีมูล่าพูดบ่นพี่ชายของตัวเองขึ้นมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้คิดที่จะเซ้าซี้ให้เขาทดลองใช้พลังวิซออกมาเลยแม้แต่น้อยและคว้าเอาเหล่ากระสุนน้ำแข็งของเธอมายัดเข้าใส่ซองกระสุนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปทีละนัดจนครบแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหยิบปืนยาวกระบอกหนึ่งที่ถูกวางทิ้งไว้บนชั้นวางจนฝุ่นจับขึ้นมา

 

ซึ่งเมื่อนากาได้เห็นพรีมูล่ากำลังพยายามที่จะปัดฝุ่นที่จับอยู่บนปืนยาวของเธอออกไปอยู่นั้นเขาก็ได้ถือโอกาสพูดถามเธอขึ้นมาในทันที

 

“นี่เธอไม่ได้หยิบมันออกมาทำความสะอาดเลยตั้งแต่ที่ปิดภาคเรียนไปใช่มั้ยเนี่ย?”

 

“แหะๆ ก็ตั้งแต่ปิดเทอมมาหนูไม่ได้เอามันมาใช้เลยนี่นา~”

 

“หรือมันก็หมายความว่าเธอไม่ได้ซ้อมยิงปืนเลยใช่มั้ยเนี่ยหะ?”

 

นากาพูดขึ้นมาพลางมองดูพรีมูล่าที่กำลังใช้ไม้ด้ามยาวแทงเข้าไปด้านในปากกระบอกปืนเพื่อทำความสะอาดฝุ่นด้านในของมันอยู่สักพักหนึ่งจนกระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าพรีมูล่าจัดการทำความสะอาดปืนยาวของเธอเสร็จแล้ว นากาจึงได้ลุกขึ้นเพื่อเดินไปหยิบเอาดาบไม้ของตนที่วางพิงกำแพงเอาไว้ใกล้ๆ กันขึ้นมาพร้อมกับพูดสั่งเธอขึ้นมา

 

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มีเวลาอีกสักพักนึงก่อนจะต้องไปโรงเรียนกันอยู่แล้ว ไหนมาลองดูกันสักหน่อยสิว่าเธอยังเอาตัวรอดเป็นอยู่หรือเปล่านะ”

 

“เอ๋!? ตอนนี้เลยเนี่ยนะ? หนูขี้เกียจอ่าาาา”

 

พรีมูล่าร้องโวยวายออกมาเมื่อเธอได้พบว่าพี่ชายของตนได้ทำท่าเหมือนกับว่าเขาจะจับเธอไปฝึกซ้อมการต่อสู้ตั้งแต่เช้าตรู่อย่างนี้ แต่ถึงอย่างนั้นนากาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจพรีมูล่าที่กำลังร้องงอแงอยู่เลยแม้แต่น้อยและเปิดประตูเดินออกไปยังสวนหลังบ้านอีกทั้งยังพูดขู่พรีมูล่าทิ้งท้ายเอาไว้อีกด้วย

 

“ถ้าเธอไม่คิดจะออกมางั้นวันนี้เธอก็ทำข้าวเย็นกินเองก็แล้วกัน”

 

“ง่ะ—!?”

 

พรีมูล่าที่ได้ยินคำขู่ของนากาได้ชะงักไปในทันทีและกะพริบตามองไล่หลังของนากาไปอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าเมื่อพรีมูล่าไม่เห็นว่าพี่ชายของตนจะมีท่าทีเหมือนกับว่าจะยอมเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านเลยแม้แต่น้อยนั้นเธอก็ได้แต่จำใจต้องถือปืนยาวของตัวเองเดินตามเขาออกไปด้านนอกด้วยกันแต่โดยดี

 

ซึ่งพรีมูล่าก็ได้แต่ทำคอตกเดินไปยังจุดที่เธอยืนเป็นประจำเวลาถูกนากาลากมาฝึกซ้อมการต่อสู้และรอให้พี่ชายของตัวเองเดินออกห่างไปสักระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยตะโกนบอกเขาไป

 

“พี่นากา~ ระยะแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ~”

 

“แค่นี้พอแล้วหรอ ไม่ใช่ว่าปกติเธอรอให้พี่เดินไปถึงนู่นเลยไม่ใช่หรือไง… เอาเถอะ ถ้างั้นก็มาเริ่มกันเลย”

 

“ค่าาาา~~”

 

พรีมูล่าพูดตอบพี่ชายของตนกลับไปด้วยน้ำเสียงลากยาวก่อนที่เธอจะยกปืนยาวของตนเองขึ้นมาเล็งไปทางนากาด้วยท่าทีคล่องแคล่วในขณะที่ทางด้านนากาเองก็ได้ยกดาบไม้ของเขาขึ้นมาถือด้วยท่าทีรัดกุมเช่นเดียวกันและรอให้น้องสาวของเขาเป็นคนยิงเปิดฉากก่อน

 

แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งพรีมูล่าที่เล็งปืนยาวมาทางเขาก็ได้ลดปืนในมือของเธอลงพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกไปทางด้านหลังของเขาด้วยท่าทีร่าเริง

 

“อ่ะ— โมโกะจังนี่นา~! อรุณสวัสดิ์~~”

 

“อ้าว… ว่าไงโม—-”

 

นากาที่กำลังจะหันไปทักทายเพื่อนสนิทของเขากับน้องสาวที่มีชื่อว่าโมโกะนั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขานึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนคนที่ว่าไม่น่าจะเพิ่งเดินออกมาจากป่าหลังบ้านของเขาให้พรีมูล่าได้มีโอกาสร้องทักทายได้ในช่วงเวลาเช้าตรู่แบบนี้ ซึ่งในชั่วขณะที่นากากำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้นเองทางด้านพรีมูล่าก็ได้เผยรอยยิ้มซุกซนพร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ฮิ~”

 

ปั้ง!!

 

“—!?”

 

เสียงที่ดังลั่นออกมาจากปากกระบอกปืนยาวของน้องสาวตัวแสบนั้นได้ทำให้นากาได้แต่ต้องรีบหันกลับไปมองทางด้านพรีมูล่าในทันที ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้เขาได้พบว่าพรีมูล่าเพิ่งจะส่งกระสุนน้ำแข็งออกมาจากปากกระบอกปืนตรงมายังกลางอกของเขาเข้าซะแล้ว

 

ปึ๊ก!

 

แต่มันก็นับว่าเป็นโชคดีที่นากาได้ฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาตั้งแต่เมื่อตอนที่เขาได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถใช้วิซได้จนทำให้เขามีประสาทสัมผัสและความสามารถในการต่อสู้ที่มากกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยไล่เลี่ยกันในระดับหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่ได้นับว่าเก่งกาจหาตัวจับได้ยากถึงขั้นจะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านการต่อสู้ก็ตาม แต่ว่ามันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถใช้ดาบไม้ในมือเข้าปัดป้องกระสุนน้ำแข็งที่ถูกยิงเข้าใส่โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวได้ทัน

 

“นี่เธอ… เดี๋ยวนี้กล้าเล่นลูกไม้อะไรแบบนี้ด้วยหรอหะ!”

 

“ฮิฮิ~ หนูไม่ผิดซะหน่อย~ พี่นากาผิดเองที่หลงกลตะหาก~”

 

ครึ้ง…กริ๊ง~!

 

ถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะกำลังแลบลิ้นล้อเลียนพี่ชายของตัวเองอยู่อย่างอารมณ์ดีแต่ว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้ปล่อยให้จังหวะนี้เสียไปเปล่าๆ และขยับมือไปเลื่อนลูกเลื่อนที่ติดอยู่ด้านข้างตัวปืนอย่างคล่องแคล่วจนทำให้มันดีดเอาปลอกกระสุนที่ยังคงมีไอเย็นติดอยู่จางๆ ออกมาพร้อมกับก้าวเดินถอยหลังไปทางด้านหลังเพื่อทิ้งระยะห่างเพิ่มเติมจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นตัดสินใจที่จะพุ่งตัวตามไปในทันที

 

“ก็อยากจะชมว่าวิธีการต่อสู้เปลี่ยนไปอยู่หรอกนะ แต่ถ้าเกิดว่าเธอมีแผนแค่ยิงไปทิ้งระยะห่างไปล่ะก็ผลออกมามันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมหรอก!”

 

ครึ้ง กริ๊ง~ ครึ้ง กริ๊ง~ ครึ้ง กริ๊ง~

 

พรีมูล่าที่เห็นว่าพี่ชายของเธอกำลังพุ่งตัวย่นระยะเข้ามาด้วยความรวดเร็วนั้นได้ดึงลูกเลื่อนของปืนในมืออย่างต่อเนื่องจนทำให้มันดีดเอาตัวกระสุนที่ยังไม่ถูกใช้งานออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการกระทำของพรีมูล่าที่ดูเหมือนว่าจะกำลังลนลานจนทำตัวไม่ถูกนั้นก็ทำให้นากาได้แต่ต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“คิดจะทำอะไรของเธอน่ะพรีมูล่า ตกใจจนลนไปหมดแล้วหรือไ—-”

 

แกร็ก

 

“หือ!?”

 

นากาที่พุ่งตัวเข้าไปเพื่อหวังที่จะใช้ดาบไม้ในมือโจมตีพรีมูล่าได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความแปลกใจเพราะว่าในขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่ระยะที่สามารถใช้ดาบไม้โจมตีได้นั้น ขาของเขาก็กลับถูกอะไรบางอย่างกระชากเอาไว้จนทำให้เขาต้องหยุดฝีเท้าลงอย่างน่าเสียดายและได้แต่ก้มลงไปมองดูมันด้วยความสงสัย

 

“นี่มัน… กระสุนเมื่อกี้งั้นหรอ!?”

 

สิ่งที่นากาได้พบเมื่อเขาก้มลงไปมองดูที่เท้าของตัวเองนั้นก็คือแผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ยึดรองเท้าของเขาเอาไว้กับพื้นอย่างแน่นหนา ซึ่งที่มาของแผ่นน้ำแข็งนั้นก็น่าจะมาจากการที่น้ำแข็งในกระสุนที่พรีมูล่าดีดออกมาจากตัวปืนเล่นเมื่อสักครู่นี้ได้ละลายตัวลงจนเจิ่งนองไปทั่วก่อนที่มันจะถูกพรีมูล่าเปลี่ยนมันให้เป็นน้ำแข็งอีกครั้งในตอนที่นากาเหยียบเข้าใส่มันนั่นเอง

 

“แต่กระสุนน้ำแข็งนั่นมันก็ไม่น่าจะละลายจนกลายเป็นแอ่งน้ำได้เร็วขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง!?”

 

“ก็เพราะว่าเจ้าพวกนั้นมันเป็นกระสุนฝึกยังไงล่ะพี่นากา~ เพราะต่อให้กระสุนน้ำแข็งพวกนี้มันจะดูแข็งแรงขนาดไหนก็เถอะแต่ถ้าเกิดว่าหนูไม่ได้ส่งวิซเข้าไปเพื่อรักษาสภาพมันเอาไว้ตลอดเวลาล่ะก็แค่ไม่กี่วินาทีมันก็ละลายหมดแล้วล่ะ แล้วทีนี้หนูก็แค่รอให้พี่นากาวิ่งมาจนถึงจุดที่มันละลายแล้วก็แอบส่งวิซเข้าไปทำให้มันเป็นน้ำแข็งอีกรอบก็แค่นั้นเอง~ คราวนี้หนูชนะแล้วน้า~~”

 

แกร๊ก ปั้ง!!

 

“หึ้ย–!?”

 

เพล้ง!

 

นากาที่เห็นกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่ากำลังพุ่งตรงเข้ามาได้พยายามที่จะสะบัดขาของตัวเองอย่างแรงจนทำให้แผ่นน้ำแข็งบางๆ ที่ยึดขาของเขาเอาไว้กับพื้นแตกกระจายออก แต่ว่าเมื่อดูจากระยะห่างระหว่างตัวเขากับพรีมูล่าแล้วมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นากาจะสามารถหลบหลีกหรือว่าใช้ดาบไม้ในมือของเขาปัดป้องกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่าได้ทัน

 

ปึ้ก!

 

“อ่ะ— นี่มัน….”

 

นากาที่กัดฟันรอรับความเจ็บปวดจากการถูกกระสุนน้ำแข็งกระแทกเข้าใส่ได้หลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ เพราะถึงแม้ว่าจะมีเสียงที่ฟังดูเหมือนกระสุนน้ำแข็งกระทบเป้าหมายดังขึ้นมาแล้วแต่ว่าตัวนากาเองก็กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าที่อากาศเบื้องหน้าของเขาได้มีกำแพงอากาศใสๆ สีเขียวอ่อนช่วยปกป้องตัวเขาเอาไว้จากกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่านั่นเอง

 

“เอ๋— เอ๋ะ—!? พี่นากาใช้วิซได้แล้วหรอ!?”

 

พรีมูล่าที่เห็นกำแพงอากาศที่ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของนากาได้พูดถามขึ้นมาเสียงดังด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงสิ่งที่ดูเหมือนกับกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนอันนี้ก็น่าจะถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิซธาตุลมอย่างแน่นอน

 

“เปล่านะ… อันนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่สักหน่อย… แล้วเธอเองก็เคยเห็นเจ้ากำแพงอากาศนี่อยู่บ่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

 

นากาที่ถูกพรีมูล่าพูดถามขึ้นมาได้พูดตอบเด็กสาวกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนที่เขาจะหันไปทางประตูหลังบ้านที่ในขณะที่ได้มีชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งกำลังยืนชี้ร่มสีดำตรงมาทางเขาอยู่

 

ซึ่งชายหนุ่มร่างเล็กที่มีเส้นผมสีขาวยาวที่ถูกมัดเอาไว้ทางด้านหลังที่สังเกตเห็นว่านากากำลังมองมาทางเขาอยู่ก็ได้ลดร่มสีดำเก่าๆ ในมือของเขาที่กำลังชี้ตรงไปทางนากาอยู่ลงจนทำให้กำแพงอากาศสีเขียวอ่อนที่ก่อตัวขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้าของนากาค่อยๆ สลายหายไปแล้วจึงค่อยเอ่ยปากพูดขึ้นมา

 

“ก็ถ้าเกิดว่าคู่ต่อสู้ของเธอไม่ใช่นากาแล้วเธอมัวแต่พูดซะยืดยาวแบบนั้นใครๆ เขาก็หาวิธีป้องกันได้กันทั้งนั้นนั่นแหล่ะ… ว่าไงทั้งสองคน… ตื่นเช้ากันจังนะ…”

 

“โถ่พี่อารอนอ้ะ! รอบนี้หนูกำลังจะชนะพี่นากาเขาอยู่แล้วแท้ๆ เชียว!”

 

“โอ๊ยๆ …ฮะฮะ…มันเจ็บนะพรีมูล่า…”

 

ชายหนุ่มผมขาวที่ชื่อว่าอารอนได้หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่ถึงอย่างนั้นพรีมูล่าก็ไม่ได้ลดความงอแงลงเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาต้องเดินเข้าไปเอาสันมือสับกระบาลพรีมูล่าเป็นครั้งที่สองของวันเพื่อให้เธอหยุดรังแกคนอื่นสักที

 

โป๊ก!

 

“แอ๊ก!?”

 

“ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรถึงรีบกลับมาที่หมู่บ้านแบบนี้ล่ะอารอน ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนายเพิ่งจะมาบอกพวกฉันว่าจะกลับไปดูคนไข้ที่เมืองรีมินัสอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?”

 

นากาที่ลงไม้ลงมือใส่น้องสาวของตัวเองเสร็จแล้วได้หันกลับไปหาอารอนและพูดถามขึ้นมา ซึ่งอารอนก็ได้ยกมือของเขาขึ้นเพื่อชี้ไปยังกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะรับแขกของห้องนั่งเล่นในบ้านของนากาก่อนจะพูดตอบเด็กหนุ่มผมสีดำกลับไป

 

“อ่า… ก็พอดีว่ามีคนฝากของมาให้พวกนายน่ะ… ฉันวางเอาไว้ให้บนโต๊ะนู้นแล้ว…”

 

“ฝากของมาให้งั้นหรอ…?”

 

“อื้ม… เห็นบอกว่าเป็นของขวัญสำหรับการเรียนจบน่ะ… แต่ว่าพวกคนส่งของในเมืองเขาไม่ยอมเอามาส่งให้เพราะว่าหมู่บ้านนี้มันอยู่ไกลเกินไป… ฉันก็เลยโดนเขาใช้ข้ออ้างต่างๆ นาๆ หว่านล้อมจนได้แต่ต้องรีบเดินทางกลับมาแบบนี้เนี่ยแหล่ะ…”

 

“หา? นี่อย่าบอกนะว่านายเพิ่งจะเดินทางไปถึงรีมินัสแล้วก็ต้องรีบเดินทางกลับมาส่งของให้พวกฉันเลยน่ะ?”

 

นากาที่ได้ยินคำพูดอธิบายของอารอนได้หลุดปากพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะว่าระยะห่างจากหมู่บ้านของพวกเขาไปยังเมืองรีมินัสที่เป็นหนึ่งในเมืองหลวงนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลยซะด้วยซ้ำ

 

“จะบ้าหรอ… คนที่ฝากฉันมาส่งของให้นายเขาเตรียมรถมารับส่งฉันต่างหากล่ะ… ฉันหมายถึงรถยนต์ที่ไม่ใช่รถม้าด้วยน่ะนะ… ถ้านายสนใจจะลองไปดูก็ได้นะ… ก่อนหน้านี้พวกคนขับเขาจอดรถเอาไว้ที่หน้าคลินิกของฉันแล้วก็เข้าไปพักผ่อนกันข้างในน่ะ…”

 

“เอ๋!? มีรถยนต์จอดอยู่ที่บ้านของพี่อารอนหรอ!? หนูขอไปดูได้มั้ยอ้ะ!?”

 

“อื้ม… แต่ถ้ายังไงเธอก็อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนพวกพี่ๆ คนขับเขาก็ละกันนะพรีมูล่า…”

 

อารอนพูดตอบพรีมูล่าที่กำลังแสดงท่าทีตื่นเต้นพร้อมกับพูดย้ำขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องของคนขับรถที่พักผ่อนอยู่ในคลินิกของเขาขึ้นมา ซึ่งท่าทีของทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าปกติแล้วการเดินทางในโลกใบนี้จะเน้นไปที่การเดินทางด้วยเท้าและรถม้าเป็นหลัก ในขณะที่รถยนต์นั้นจัดเป็นยานพาหนะที่หายากและมีราคาแพงมากจนคนทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่ขุนนางหรือพ่อค้าที่ร่ำรวยไม่สามารถหามาครอบครองหรือแม้แต่จะยืมมาใช้งานได้

 

ส่วนสาเหตุที่อารอนต้องพูดเตือนพรีมูล่าเกี่ยวกับเรื่องของคนขับรถขึ้นมานั้นก็เป็นเพราะว่ายานพาหนะที่เรียกว่ารถยนต์ในโลกใบนี้เองก็ถูกออกแบบมาให้ใช้สิ่งที่เรียกว่าเครื่องยนต์พลังวิซในการขับเคลื่อน หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือว่าในการเดินทางด้วยรถยนต์แต่ละครั้งจะมีผู้โชคร้ายคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าคนขับรถที่จะต้องเผาผลาญวิซในร่างกายอยู่ตลอดการเดินทางเพื่อให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้จนแทบจะสลบเหมือดหลังการเดินทางอยู่แทบจะทุกครั้งไป

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอตัวไปที่บ้านของพี่อารอนก่อนละกันนะพี่นากา~”

 

“อื้ม แล้วก็อย่าลืมนะว่าอย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนพวกคนขับเขาน่ะพรีมูล่า!”

 

“ค่า~ รู้แล้วค่าาา~~”

 

พรีมูล่าพูดตอบนากากลับมาด้วยท่าทีเหมือนกับว่าไม่สนใจคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อยและรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อเดินทะลุไปทางฝั่งหน้าบ้านและตรงดิ่งไปทางคลินิกของอารอนที่ตั้งอยู่แถวๆ บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านในทันทีโดยไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจกล่องของขวัญที่อารอนวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะรับแขกเลยแม้แต่น้อย

 

“ฮะฮะ… พรีมูล่านี่ก็ยังร่าเริงอยู่เหมือนเดิมเลยนะ…”

 

“เฮ้อ… ร่าเริงจนเกินไปซะด้วยซ้ำยัยนั่นน่ะ”

 

นากาถอนหายใจตอบอารอนที่กำลังยืนยิ้มมองไล่หลังน้องสาวของเขากลับไปก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อหยิบเอากล่องของขวัญที่อารอนวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะขึ้นมา

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอเอากล่องของขวัญนี่ไปเปิดที่คลินิกของนายพร้อมกับพรีมูล่าก็แล้วกันนะอารอน เพราะถ้าเกิดว่ายัยพรีมูล่าดันมานึกขึ้นได้ทีหลังแล้วเห็นว่าฉันเปิดของขวัญนี่ไปแล้วมีหวังยัยนั่นได้โวยวายจนบ้านแตกแหงๆ ล่ะ”

 

“ไม่ใช่ว่านั่นมันก็แค่ข้ออ้างที่จะไปดูรถที่คลินิกของฉันหรอกหรอน่ะ…?”

 

“ม–ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย! เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

 

นากาที่ถูกอารอนพูดขึ้นมาเหมือนกับรู้ความตั้งใจจริงๆ ของเขานั้นได้รีบพูดแก้ตัวออกมาก่อนที่เขาจะรีบเดินนำอารอนไปยังด้านหน้าหมู่บ้านอันเป็นที่ตั้งของคลินิกของอีกฝ่ายในทันทีโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจอารอนที่กำลังแอบเผยรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+