Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ 154 : Reprobate

Now you are reading Chronology of Renewal | บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ Chapter 154 : Reprobate at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ม–มันก็ต้องไม่จริงอยู่แล้วสิคะ!! ใครเขาจะไปทำเรื่องอะไรแบบนั้นได้ลงกันล่ะคะนั่น!! น–นากาคุงกับโมโกะจังเชื่อฉันเถอะนะคะว่าฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นลงไปน่ะ!!”
 

รีซาน่าที่ได้ยินคำถามของเบรนสันนั้นถึงกับผุดลุกขึ้นและรีบพูดตอบกลับไปด้วยความลนลานก่อนที่เธอจะหันไปทางด้านนากาและโมโกะและพยายามพูดยืนยันขึ้นมาอีกทีหนึ่ง

 

ซึ่งถึงแม้ว่าท่าทีที่ดูรุนแรงของรีซาน่าจะทำให้เบรนสันสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รีบวิ่งหนีไปเหมือนเมื่อคราวที่แล้วจนทำให้นากาและโมโกะได้มีโอกาสพูดเกลี้ยกล่อมให้รีซาน่าใจเย็นลงก่อน

 

“เธอใจเย็นๆ ก่อนสิรีซาน่า เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นจริงไปได้ยังไงกันล่ะจริงมั้ย”

 

“ใช่แล้วล่ะ เพราะว่านอกจากที่เธอเคยเผลอเกือบจะเอาขวานเฉาะหัวฉันในป่าเพราะคิดว่าเป็นกระต่ายนั่นแล้วเธอก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงเลยใช่หรือเปล่าล่ะ..”

 

“มันก็ต้องแน่อยู่แล้วสิคะโมโกะจัง! ก็ฉันไม่ได้โดนคำสาปหรือว่าอะไรแบบนั้นที่ทุกคนเขาว่ากันสักหน่อยนี่คะ!!”

 

“อื้ม… อย่างงั้นเองสินะ…”

 

ในขณะที่ทางด้านรีซาน่ากำลังร้องโวยวายออกมาอยู่นั้นเอง ทางด้านเบรนสันก็ได้พยักหน้าเบาๆ เหมือนกับว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ซึ่งการแสดงออกของเบรนสันนั้นก็ได้ทำให้พวกเด็กๆ ชะงักไปก่อนที่นากาจะเป็นคนเอ่ยปากพูดถามขึ้นมา

 

“คุณเบรนสันเชื่อที่รีซาน่าเขาพูดงั้นหรอครับ?”

 

“มันก็ไม่เชิงว่าฉันเชื่อหรอก… แค่ว่าที่จริงแล้วไม่เคยมีใครรู้เรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น นอกจากท่านผู้ใหญ่บ้านที่ไปถึงที่นั่นก่อนใครน่ะ สิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็มีแค่กองเลือดที่เหลือทิ้งเอาไว้หลังจากที่เรื่องทุกอย่างมันจบลงไปแล้วเท่านั้นเอง”

 

เบรนสันพูดตอบนากากลับไปด้วยสีหน้าซีดเซียวเมื่อเขานึกกลับไปถึงฉากนองเลือดที่เขาและชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ไปเห็นมาก่อนที่เขาจะคว้าเอากิ่งไม้แถวๆ นั้นมาโยนใส่เข้าไปในกองไฟเพื่อพยายามดึงตนเองออกมาจากภาพในอดีต

 

ส่วนทางด้านรีซาน่าที่ได้ยินคำพูดอธิบายของเบรนสันก็ได้ขมวดคิ้วพึมพำออกมาเบาๆ

 

“คุณผู้ใหญ่บ้านงั้นหรอคะ…?”

 

“อื้ม ใช่แล้วล่ะ… แล้วถึงชาวบ้านส่วนใหญ่จะเชื่อว่ามันเป็นฝีมือของเธอตามที่ท่านผู้ใหญ่บ้านเขาพูดก็เถอะนะ แต่ถ้าจะให้ฉันพูดล่ะก็… ฉันว่าต่อให้เธอจะถูกคำสาปของท่านเทพมังกรจนคลุ้มคลั่งไปก็เถอะ แต่ว่าตัวเธอในตอนนั้นยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนนึงยังไงก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะคุณยักษ์ใจดีกับเดรคที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่หมู่บ้านนี้จะเคยมีมาได้หรอก…”

 

“ถ้างั้นก็หมายความว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นมันไม่ใช่ฝีมือของรีซาน่าจริงๆ สินะคะคุณเบรนสัน!?”

 

ทันทีที่โมโกะได้ยินคำพูดของเบรนสันเธอก็รีบพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่ถึงอย่างงั้นทางด้านเบรนสันก็กลับแสดงท่าทีลำบากใจออกมา เพราะเขารู้ดีว่าความกลัวที่ถูกฝังรากเอาไว้ลึกในหมู่บ้านนั้นไม่ใช่อะไรที่จะถูกชำระล้างออกไปได้ง่ายๆ

 

“แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้น แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรจะมายืนยันได้ว่ารีซาน่าไม่ได้เป็นคนทำอยู่ดี… เพราะเรื่องที่ว่าท่านผู้ใหญ่บ้านไปเจอรีซาน่านอนอยู่ท่ามกลางกองเลือดมันก็เป็นเรื่องจริงที่เธอเองก็ปฏิเสธมันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ…”

 

“ค…ค่ะ…”

 

“อื้ม… แล้วก็ถึงมันอาจจะมีชาวบ้านคนอื่นๆ ที่คิดเหมือนกับฉันอยู่บ้างก็จริง แต่ว่าพวกเขาก็กลัวกันว่าถ้าเกิดพูดอะไรออกไปมันอาจจะทำให้เทพมังกรโกรธเคืองจนทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมากับตัวเองบ้างก็ได้น่ะ”

 

“อย่างงั้นเองหรอคะ…”

 

รีซาน่าที่ได้ยินแบบนั้นได้ก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความเศร้าใจที่ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เธอเกิดมามีความคิดแบบนั้นกัน ซึ่งท่าทีของรีซาน่านั้นก็ได้ทำให้เบรนสันมีท่าทีที่ดูอ่อนโยนขึ้นมากก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 

“ฉันเองก็ต้องขอโทษที่วิ่งหนีเธอไปก่อนหน้านี้ด้วยเหมือนกัน… ว่าแต่สรุปแล้วว่าเธอมีธุระอะไรกับหมู่บ้านที่เคยรวมหัวกันขับไล่เธอออกไปอย่างที่นี่กันล่ะ?”

 

“….ตอนแรกฉันคิดว่าถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะมาลองปรับความเข้าใจกับทุกๆ คนดูสักครั้งนึงน่ะค่ะ แต่ถ้าดูจากท่าทีของทุกๆ คนเมื่อกี้นี้แล้ว ฉันว่าแค่ฉันอยากจะก้าวเท้าเข้าไปข้างในหมู่บ้านก็คงจะยังไม่ได้เลยสินะคะเนี่ย แหะๆ …”

 

“รีซาน่า…”

 

โมโกะที่ได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ของรีซาน่านั้นได้เอ่ยปากพูดชื่อเพื่อนของเธอขึ้นมาเบาๆ ในขณะที่ทางด้านนากานั้นก็ได้พยายามที่จะคิดหาวิธีช่วยเหลือรีซาน่าในเรื่องนี้ขึ้นมา

 

“อย่างเพิ่งยอมแพ้แบบนั้นสิรีซาน่า มันต้องมีวิธีอยู่บ้างสิ! ยังไงทางโรงเรียนก็ให้เสบียงมาเยอะขนาดนี้แล้วพวกเราน่าจะตั้งแค้มป์อยู่ที่นี่ได้สักพักอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ระหว่างนั้นพวกเราก็มาลองคิดหาวิธีกันดูก่อนก็แล้วกัน!”

 

“นากาคุง…”

 

คำพูดด้วยน้ำเสียงตั้งมั่นของนากานั้นได้ทำให้รีซาน่าต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านนากาก็กลับมัวแต่หาวิธีที่จะช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องคำสาปนี้อยู่จนไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีดีใจของรีซาน่าเลยแม้แต่น้อย

 

ส่วนทางด้านเบรนสันที่เห็นว่าเด็กน้อยรีซาน่าที่เคยถูกคนทั้งหมู่บ้านรวมถึงตัวเขาในตอนนั้นด้วยรวมตัวกันขับไล่ออกไปได้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้เป็นคนและมีเพื่อนดีๆ แบบนี้แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาโดยมีเสียงของนากาพยายามพูดคิดวิธีการขึ้นมาประกอบไปด้วย

 

“ในเมื่อตอนนี้เราไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างนึง ถ้างั้นอันดับแรกพวกเราก็ควรจะเข้าไปข้างในสถานที่เกิดเหตุอย่างบ้านของเธอก่อนเผื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเหลือทิ้งเอาไว้—”

 

“ถ้าเป็นบ้านของรีซาน่าเขาล่ะก็ พวกเธอคงจะเข้าไปไม่ได้หรอกนะ เพราะว่ามันก็อย่างที่ฉันบอกไปแล้วว่าในตอนนี้ตรงส่วนนั้นมันกลายเป็นเขตหวงห้ามไปแล้วน่ะ…”

 

เบรนสันที่ได้ยินคำพูดของนากานั้นได้รีบเอ่ยปากพูดขัดเด็กหนุ่มขึ้นมาจนทำให้นากาชะงักไป ซึ่งเบรนสันก็ได้เลือกที่จะหันกลับไปเติมเชื้อเพลิงให้กับกองไฟเบื้องหน้าก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาลอยๆ

 

“แต่เอาจริงๆ การตรวจตราในตอนกลางคืนของหมู่บ้านของพวกเรามันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรขนาดนั้นหรอก… เพราะว่าหลังจากวันที่เกิดเรื่องมันก็มีชาวบ้านบางคนแอบเข้าไปทำพิธีศพให้กับคุณแม่ของรีซาน่าเขาแล้วกลับออกมาได้โดยไม่โดนคำสาปอะไรอยู่บ้างเหมือนกันน่ะ…”

 

“เอ๋—?”

 

คำพูดลอยๆ ของเบรนสันนั้นถึงกับทำให้พวกเด็กๆ หันไปมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจจนทำให้เบรนสันต้องยักไหล่ด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

“จะมองฉันแบบนั้นทำไมกันล่ะ ฉันก็แค่คิดว่าการจะห้ามเด็กคนนึงไม่ให้เข้าไปเยี่ยมหลุมศพของแม่ตัวเองมันออกจะเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่เอาเป็นว่าถ้าพวกเธอคิดจะเข้าไปข้างในนั้นจริงๆ ก็อย่าให้ใครจับได้ก็แล้วกัน เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยพูดให้พวกเธอรอดไปได้หรือเปล่าน่ะ…”

 

“ข–ขอบคุณมากเลยนะคะคุณเบรนสัน!!”

 

รีซาน่าที่ได้ยินคำพูดชี้ช่องของเบรนสันได้ก้มหัวพูดขอบคุณเขากลับไปด้วยความดีใจ ในขณะที่ทางเบรนสันก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดถึงวิธีการลักลอบเข้าหมู่บ้านออกมาให้พวกเด็กๆ ฟัง

 

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกน่า เพราะดูแล้วพวกเธอก็มีความคิดจะแอบลอบเข้าไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงน่ะ ฮะฮะ… เอาเป็นว่าฉันขอพูดแค่ว่าตรงทางเดินชายป่าเลียบภูเขามันเป็นจุดที่มีการเฝ้าระวังน้อยที่สุดแล้ว เพราะว่าตรงนั้นมันอยู่ติดกับป่าต้องห้ามก็เลยไม่ค่อยจะมีคนกล้าเข้าไปใกล้สักเท่าไหร่น่ะ อ้อ… แต่ถ้าเกิดว่าฉันบังเอิญไปเจอใครแอบทำลับๆ ล่อๆ แถวๆ นั้นตอนที่กำลังเฝ้ายามอยู่ฉันก็ต้องแจ้งให้คนอื่นๆ รู้อยู่ดีนะ”

 

“เข้าใจแล้วล่ะครับ”

 

นากาพยักหน้าพูดตอบเบรนสันกลับไปด้วยความเข้าใจ เพราะถ้าจะให้พูดกันตามตรงการกระทำของเบรนสันที่ชี้ช่องทางให้พวกเขาลักลอบเข้าไปแบบนี้ก็นับว่าแหกกฎของหมู่บ้านไปแล้วมากมายแล้ว

 

“……..!”

 

ซึ่งในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ทางด้านอีฟที่เห็นว่ารีซาน่าและเบรนสันต่างพากันโยนกิ่งไม้แห้งเข้าไปในกองไฟเพิ่มอยู่เป็นพักๆ ก็ได้เริ่มที่จะเลียนแบบการกระทำของพวกเขาบ้าง เธอจึงได้คว้าเอากิ่งไม้ที่ตกอยู่ใกล้ๆ กันขึ้นมาโยนเข้าไปในกองไฟเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้วยอีกคนหนึ่ง

 

แต่ถึงอย่างงั้นกิ่งไม้ที่เด็กสาวเลือกมาก็กลับไม่ใช่กิ่งไม้แห้งอันเล็กอย่างที่ควรจะใช้ แต่ว่ากลับเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่ควรจะเรียกว่าท่อนไม้ซะมากกว่า อีกทั้งเด็กสาวยังโยนมันเข้าไปใส่กองไฟเต็มแรงจนทำให้เปลวไฟลุกพรึบขึ้นมาจนทุกๆ คนต้องร้องโวยวายออกมาด้วยความตกใจ

 

“เหวอ—”

 

“อย่าเพิ่งซนสิจ๊ะอีฟจัง—”

 

“เฮ้อ…. เล่นสั่งให้คนเจ็บพาเด็กเล็กมาเดินป่าแบบนี้พวกโรงเรียนในเมืองหลวงเขาคิดอะไรกันอยู่เนี่ย…”

 

หลังจากที่เบรนสันช่วยพวกเด็กๆ จัดการกองไฟที่ลุกไหม้กระจัดกระจายกันจนเสร็จแล้ว เขาก็ได้เดินทางกลับไปที่บ้านของเขาพร้อมกับพูดบ่นออกมาด้วย ซึ่งเขาก็ได้นั่งลงบนโต๊ะไม้หน้าบ้านอันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจส่วนตัวของเขาก่อนที่เขาจะพูดพึมพำออกมาเบาๆ

 

“แต่อย่างน้อยก็ดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายดีล่ะนะ…”

 

“ที่แกบอกว่าว่านอนสอนง่ายนี่หมายถึงใครกันล่ะเบรนสัน…?”

 

ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงพูดพึมพำของเบรนสัน อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงแหบๆ ของชายแก่ดังขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำให้เบรนสันต้องสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปพบกับชายแก่ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านและหญิงสาวที่มีตำแหน่งเดรคที่กำลังเดินตรงมาทางเขา

 

“ท่านผู้ใหญ่บ้าน…”

 

“ก็ฉันเองเนี่ยแหล่ะ… แล้วแกจะตอบคำถามมาได้หรือยังว่าที่ว่าว่านอนสอนง่ายนั่นหมายถึงใครกัน?”

 

ผู้ใหญ่บ้านที่ได้ยินคำพูดของเบรนสันได้แสดงท่าทีฮึดฮัดออกมาเล็กน้อยจนทำให้เบรนสันต้องรีบพูดตอบเขากลับไป

 

“ก–ก็ต้องหมายถึงพวกเด็กสองคนจากเมืองหลวงอยู่แล้วสิครับ!”

 

“อ่าหะ… ว่าแต่ไหนแกบอกว่าแค่ไปหยิบเอาของที่ลืมเอาไว้ไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงใช้เวลานานนักเล่า”

 

“ก็ไหนๆ ผมก็ไปถึงตรงนั้นแล้วก็เลยถือโอกาสลองถามพวกเด็กจากเมืองหลวงดูว่าถ้าเป็นพวกเขาจะมีวิธีอะไรในการเปิดทางที่หินถล่มลงมานั่นไปด้วยเลยน่ะครับ”

 

เบรนสันที่ถูกผู้ใหญ่บ้านพูดถามขึ้นมานั้นได้พูดข้ออ้างที่เขาคิดเอาไว้แล้วออกไปอย่างลื่นไหล ซึ่งคำตอบของเขานั้นก็ได้ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

 

“นี่สรุปว่าพวกแกคิดจะเปิดเส้นทางเลียบภูเขานั่นให้ได้จริงๆ งั้นสินะ…”

 

“ก็ถ้าเกิดว่าพวกเรายังตั้งใจจะค้าขายกับทางเมืองแพนเทร่าอยู่มันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องทำน่ะครับ เพราะว่าต่อให้พวกผมจะไม่ได้ทำมันในเร็วๆ นี้ แต่ว่าเดี๋ยวพอพวกเด็กๆ รุ่นใหม่มารับช่วงต่อจากพวกผม พวกเขาก็คงคิดจะทำมันอยู่ดี…”

 

“เฮ้อ… พวกเด็กๆ สมัยนี้นี่ก็นะ เกิดมาได้ไม่ทันไรก็คิดจะทำลายของขวัญที่ท่านเทพมังกรอุตส่าห์มอบให้พวกเราซะแล้ว ให้ตายสิ…”

 

ชายแก่หัวหน้าหมู่บ้านได้ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาแล้วจึงเดินกลับไปทางบ้านของเขาที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของหมู่บ้านที่อยู่ติดกับป่าต้องห้ามพร้อมกับหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคที่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมพูดยอมจา

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้แกไปหาฉันที่บ้านสักหน่อยก็แล้วกัน ฉันจะได้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับคนอื่นๆ ด้วยเลย”

 

“หมายความว่าท่านผู้ใหญ่บ้านจะยอมอนุมัติเรื่องเปิดทางเข้าหมู่บ้านแล้วงั้นหรอครับ!?”

 

“ก็แค่เรียกไปฟังข้อเสนอกับวิธีการของแกก่อนแค่นั้นแหล่ะ!”

 

“เข้าใจแล้วครับ! ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะไปพบกับท่านตอนตะวันตกดินก็แล้วกันนะครับ!”

 

เบรนสันพูดตอบผู้ใหญ่บ้านไปด้วยความดีใจ เพราะถึงแม้ว่าผู้ใหญ่บ้านจะยืนกรานว่าเป็นแค่การรับฟังแนวทางการจัดการของเขา แต่ว่ามันก็เป็นสัญญาณอันดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ทางฝั่งผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสเอาแต่ปฏิเสธและไม่รับฟังความคิดเห็นโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว

 

“ให้ตายสิ นี่เธอคิดอะไรอยู่ถึงโยนไม้เข้าไปในกองไฟแบบนั้นกันล่ะเนี่ยอีฟ…”

 

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ทางด้านนากาที่กำลังนั่งอบรมอีฟอยู่ก็ได้พูดบ่นการกระทำของเด็กสาวขึ้นมา เพราะว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นแทบจะทำให้กองไฟที่รีซาน่าก่อขึ้นมาประกอบอาหารมอดดับลงไปและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับคนรอบๆ อีกด้วย

 

แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านอีฟก็กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเพียงแค่ทำตามสิ่งที่เธอเห็นคนอื่นๆ ทำเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใด เธอจึงเอียงคอเงยหน้ามองนากาด้วยท่าทีใสซื่อเหมือนกับไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโดนดุอยู่แบบนี้

 

“………?”

 

“เฮ้อ… เอาเป็นว่าวันหน้าวันหลังก่อนที่เธอจะลองทำอะไรตามคนอื่นก็สะกิดถามพี่ไม่ก็พี่โมโกะก่อนก็แล้วกันนะ…”

 

“……!!”

 

อีฟที่ได้ยินคำพูดของนากาได้พยักหน้าถี่ๆ กลับไปให้เขาก่อนที่เธอจะละความสนใจไปจากเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเพื่อหันไปมองทางด้านโมโกะที่เพิ่งจะเปิดอาหารกระป๋องที่เป็นหนึ่งในเสบียงอาหารที่เอริกะเตรียมเอาไว้พวกเขาออกจนทำให้นากาต้องขอกระป๋องอาหารมาจากโมโกะเพื่อนำมันมาอุ่นกับกองไฟให้อีฟได้ทาน

 

ซึ่งทางด้านโมโกะที่ถูกแย่งหน้าที่ไปนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะหันไปพูดสอบถามรีซาน่าที่นั่งว่างอยู่ข้างๆ กันขึ้นมาแทน

 

“ว่าแต่เรื่องเมื่อวันนั้นมันเป็นมายังไงกันแน่ล่ะนั่นรีซาน่า เธอพอจะเล่าให้พวกฉันฟังได้หรือเปล่า?”

 

“เอ๋… คือว่าเรื่องนั้นมันก็…”

 

รีซ่าน่าที่ได้ยินคำถามของโมโกะได้ก้มหน้าลงไปเขี่ยกองไฟอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่เธอถูกไล่ออกมาจากหมู่บ้านขึ้นมา

 

“เอาจริงๆ ฉันเองก็ไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันน่ะค่ะ… เพราะถึงฉันจะมั่นใจว่าฉันไม่เคยทำอะไรแบบที่คุณผู้ใหญ่บ้านกล่าวหาเอาไว้ แต่ว่าเรื่องในวันนั้นมันก็วุ่นวายมากจนฉันไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ…”

 

“วุ่นวายงั้นหรอ? มันเกี่ยวข้องอะไรกับที่เขาบอกว่าเธอแอบเข้าไปในเขตหวงห้ามหรือเปล่า?”

 

“ก็อาจจะเกี่ยวล่ะมั้งคะ… เพราะว่าเมื่อวันนั้นฉันก็แอบเข้าไปในเขตหวงห้ามจริงๆ นั่นแหล่ะค่ะ คือว่าบ้านของฉันมันก็ตั้งอยู่ติดกับเขตหวงห้ามเลยใช่มั้ยล่ะคะ แล้วถึงทุกๆ คนจะบอกว่าห้ามเข้าไปข้างในแต่ก็ไม่เคยมีใครอธิบายเหตุผลอะไรเลย… ตัวฉันในตอนนั้นก็เลยทนความสงสัยเอาไว้ไม่ไหวจนลองแอบเข้าไปสำรวจดูข้างในนั้นน่ะค่ะ…”

 

“งั้นหรอ… แล้วเธอได้เจออะไรอยู่ข้างในนั้นบ้างหรือเปล่าล่ะ?”

 

โมโกะที่ได้ยินคำพูดของรีซาน่าได้เอ่ยปากพูดถามกลับไปด้วยความสงสัย ซึ่งนั่นก็ทำให้รีซาน่าต้องก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ

 

“ฉันจำได้แค่ว่าเจอถ้ำแห่งหนึ่งอยู่ข้างในป่าน่ะค่ะ… พอเข้าใกล้ๆ แล้วมันก็ดูมืดๆ น่ากลัวๆ เหมือนกับถ้ำทั่วๆ ไป แถมมันใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วด้วยฉันก็เลยต้องรีบกลับไปที่บ้านก่อน…”

 

รีซาน่าเอ่ยปากพูดขึ้นมาเพียงเท่านี้แล้วจึงเงียบเสียงลงไปอีกครั้งในขณะที่ทางด้านนากาที่กำลังป้อนอาหารกระป๋องให้กับอีฟอยู่ก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

 

“หมายความว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าข้างในเขตหวงห้ามนั่นมันมีอะไรอยู่กันแน่เหมือนกันงั้นสินะ?”

 

“ก็แบบที่นากาคุงว่ามานั่นแหล่ะค่ะ… แล้วหลังจากที่ฉันกลับไปถึงที่บ้านแล้วนอกจากที่ว่าฉันโดนคุณแม่ดุนิดหน่อยเพราะว่าแอบออกไปเล่นข้างนอกมาแล้วทุกอย่างมันก็ดูปกติดี… ฉันจำได้ว่าฉันเดินเข้าไปช่วยคุณแม่ทำอาหารในห้องครัวที่เป็นเนื้อหมูป่าที่คุณแม่ล่ามาได้… เสร็จแล้วก็นั่งทานอาหารกันในห้องนั่งเล่น… แล้วก็ไปต้มน้ำให้คุณแม่อาบตอนหัวค่ำ…”

 

รีซาน่าค่อยๆ พูดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นขึ้นมาเสียงเบาๆ ซึ่งท่าทีเศร้าๆ ของรีซาน่านั้นก็ได้ทำให้นากาและโมโกะต้องเหลือบไปมองหน้ากันเอง ในขณะที่ทางด้านอีฟนั้นก็ได้ยื่นมือเล็กๆ ของเธอไปแปะลงบนหัวของรีซาน่าแบบที่เธอชอบทำเวลาปลอบใจคนอื่นจนทำให้รีซาน่าหลุดรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา

 

“ฉันไม่เป็นไรหรอกจ้ะอีฟจัง… แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เหตุการณ์ในวันนั้นทุกอย่างมันก็ดูปกติดี… อย่างน้อยๆ ก็จนกระทั่งฉันเผลอหลับไปในห้องนั่งเล่นแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโวยวายของคุณผู้ใหญ่บ้านที่มีตำแหน่งเป็นแค่ผู้ช่วยของเดรคในตอนนั้น… ถ้าฉันจำไม่ผิดเขาก็เอาแต่โวยวายเรื่องคำสาปอะไรก็ไม่รู้เหมือนกับทุกทีนั่นแหล่ะค่ะ… ตอนนั้นฉันที่เพิ่งตื่นยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าชุดของตัวเองเปื้อนเลือดอยู่น่ะ…”

 

เมื่อรีซาน่าพูดมาถึงตรงนี้เธอก็ได้เหลือบมองไปทางด้านโมโกะที่นั่งอยู่ติดกับเธอเล็กน้อยก่อนจะกระเถิบตัวถอยห่างออกไปราวกับกำลังกลัวว่าถ้าเธอผล็อยหลับไปในตอนนี้เมื่อเธอตื่นมาอีกทีเพื่อนๆ ของเธอทั้งสองคนอาจจะกลายเป็นกองเลือดเหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาในอดีตก็ได้

 

“เรื่องของฉันมันก็มีอยู่แค่เท่านี้แหล่ะค่ะ ส่วนเรื่องธุระของฉันกับทางหมู่บ้านก็มีแค่เรื่องที่ฉันอยากจะลองเข้าไปพูดอธิบายให้พวกเขาฟังสักหน่อยที่ดูแล้วคงจะไปไม่รอด กับเรื่องที่ว่าฉันอยากจะไปเยี่ยมบ้านของตัวเองอีกสักครั้งนึงน่ะค่ะ… จะว่าไปแล้วนี่เรื่องสืบข้อมูลของอาจารย์อารอนเป็นยังไงบ้างน่ะคะ?”

 

“จะว่าไม่ได้เรื่องก็ได้ล่ะมั้ง… คือหมู่บ้านของเธอก็น่าจะเป็นหมู่บ้านที่อารอนเขาน่าจะให้ความสนใจจริงๆ นั่นแหล่ะ แต่ดูเหมือนว่าอารอนเขาจะไม่ได้แวะมาที่นี่น่ะ”

 

นากาที่ได้ยินคำถามของรีซาน่าได้พยักไหล่กลับไปให้เธอก่อนที่เขาจะหันกลับไปป้อนอาหารให้อีฟที่ดูเหมือนว่าจะมีกระเพาะอาหารใหญ่กว่าชาวบ้านชาวช่องต่อไป ส่วนทางด้านโมโกะนั้นก็ได้หันกลับไปพูดถามรีซาน่าขึ้นมาด้วยท่าทีทีเล่นทีจริง

 

“จะว่าไปที่หมู่บ้านของเธอมีแต่คนมีเขานี่มีสาเหตุอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าน่ะรีซาน่า? แบบว่ามีวิชาลับที่ให้คนอื่นๆ เห็นไม่ได้อย่างการยิงลำแสงวิซออกมาจากเขาอะไรแบบนี้หรือเปล่า?”

 

“ค—ใครมันจะไปทำอะไรอย่างงั้นได้กันล่ะคะ!? เอาจริงๆ เขาของพวกฉันก็แทบจะไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากเอาไว้ประดับเลยนะคะ แถมยังหนักหัวอีกต่างหาก… ว่าแต่โมโกะจังนี่ก็พูดเหมือนพวกคนยุคเก่าที่ยังคิดว่าคนประเภทอื่นแตกต่างจากตัวเองอยู่เลยนะคะ…”

 

รีซาน่าที่ได้ยินคำพูดหยอกล้อของโมโกะได้ส่งสายตาตำหนิกลับไปให้เพื่อนของเธอเพราะว่าในยุคสมัยนี้มันไม่ควรจะมีการแบ่งแยกอะไรแบบนั้นอีกต่อไปแล้วจนทำให้คำพูดหยอกล้อของโมโกะมันเป็นเรื่องที่ออกจะเสียมารยาทอยู่หน่อยๆ

 

ซึ่งนากาที่เห็นว่าโมโกะถูกตำหนิไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นปรึกษากับคนอื่นๆ ว่าจะเอายังไงกันต่อดี

 

“ว่าแต่ไหนๆ พวกเราคงจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอารอนแล้ว งั้นเดี๋ยวคืนนี้พวกเราจะลองแอบเข้าไปที่บ้านของเธอเลยดีมั้ยล่ะรีซาน่า?”

 

“นั่นสินะคะ…”

 

รีซาน่าที่ได้ยินคำถามของนากาได้ก้มหน้าลงเล็กน้อยและเหลือบไปมองเพื่อนๆ ของเธอทั้งสองคนด้วยท่าทีลังเล ซึ่งท่าทางของรีซาน่านั้นก็ได้ทำให้โมโกะต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

 

“นี่ทำท่าอย่างงี้อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะแอบลอบเข้าไปคนเดียวน่ะ?”

 

“แหะๆ ก็ถ้าเกิดว่านากาคุงกับโมโกะจังไม่อยากจะเข้าไป ฉันเองก็มีความคิดว่าจะแอบลอบเข้าไปคนเดียวอยู่เหมือนกันนะคะ…”

 

“จุ๊ๆ ถ้าเธอคิดอย่างงั้นล่ะก็อย่าได้หวังว่ามันจะสำเร็จเลย… เพราะว่าที่นี่มีคนที่ชอบกระโดดเข้าไปร่วมวงความลำบากกับคนอื่นๆ อย่างตานั่นอยู่ด้วยยังไงล่ะ”

 

“พูดแบบนั้นนี่หมายความว่ายังไงหะโมโกะ? พวกฉันก็แค่คิดว่าถึงคุณเบรนสันเขาเหมือนจะพูดความจริงออกมาแต่ว่าเขาก็แค่พูดเท่าที่เขารู้ใช่มั้ยล่ะ อย่างอารอนน่ะถ้าเขาจะสนใจอะไรในหมู่บ้านของเธอ เขาน่าจะสนใจในเรื่องเทพเจ้ามังกรจนน่าจะแอบลอบเข้าไปข้างในหมู่บ้านโดยไม่ให้ใครรู้มากกว่าเท่านั้นเอง”

 

“นากาคุง…”

 

คำพูดโมเมของนากานั้นได้แต่ทำให้รีซาน่ารู้สึกตื้นตันใจ เพราะไม่ว่าจะดูยังไงเขาก็แค่หาข้ออ้างขึ้นมามั่วๆ เพื่อที่จะได้แอบลอบเข้าไปในหมู่บ้านกับเธอเพราะเป็นห่วงไม่อยากจะให้เธอเข้าไปคนเดียวแน่ๆ และนั่นก็ทำให้รีซาน่าตัดสินใจที่พยักหน้าพูดตอบรับกลับไปด้วยความตั้งมั่น

 

“เข้าใจแล้วล่ะค่ะ! ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้พวกเรามาแอบลอบเข้าไปข้างในหมู่บ้านกันเถอะค่ะ!”

 

“อ่า! แล้วเดี๋ยวระหว่างนั้นฉันจะดูแลอีฟให้เองก็แล้วกัน เพราะถ้าเกิดว่าโดนจับได้ขึ้นมายูนิตของโมโกะน่าจะมีประโยชน์กว่าดาบกับถุงมือของฉันน่ะ”

 

ท่าทางของนากาที่ดูราวกับว่าเขาคิดจะออกไปลุยกับคนทั้งหมู่บ้านมากกว่าจะลอบเข้าไปนั้นได้ทำให้โมโกะต้องถอนหายใจออกมาก่อนที่เธอจะเริ่มตรวจสอบสภาพของปืนกลเบาทั้งสองกระบอกที่ติดอยู่กับแขนกลของยูนิตของเธอพลางเอ่ยปากพูดพึมพำออกมาไปด้วย

 

“เฮ้อ… ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีอะไรผิดแผนจนต้องหวังพึ่งดาบกับถุงมือของนายหรือว่ายูนิตของฉันก็แล้วกัน…”

 

“ถ้าตามที่คุณเบรนสันบอกเอาไว้ว่าพวกเราควรจะใช้เส้นทางเลียบป่าต้องห้ามล่ะก็แถวนั้นน่าจะไม่ค่อยมีคนเฝ้าสักเท่าไหร่หรอกค่ะ ยิ่งตอนนี้พวกเขาดูเหมือนจะกลัวเทพเจ้ามังกรจนหัวหดกันแบบนั้นด้วยแล้วน่ะ”

 

รีซาน่าพูดปลอบใจโมโกะขึ้นมาก่อนที่เธอจะคว้านหาขวานศึกของเธอขึ้นมาตรวจสอบสภาพด้วยเช่นเดียวกัน

 

ส่วนทางด้านอีฟที่ไม่ได้มีนากาป้อนอาหารให้แล้วก็ได้ละความสนใจไปจากกระป๋องอาหารที่ว่างเปล่าในมือของเธอและเงยหน้าขึ้นไปมองทางป่าต้องห้ามของหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นักด้วยท่าทีสนอกสนใจราวกับว่าเธอสามารถสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่น่าสนใจอยู่ข้างในนั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด