I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 15 – ความบังเอิญ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 15 – ความบังเอิญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 15 – ความบังเอิญ

 

ผมสังหรใจไม่ดีตั้งแต่ที่เราเลือกเล่นเกมแข่งม้าเป็นเกมแรก แต่หลังจากที่ผ่านมันมาได้ พวกเราก็เลือกที่จะเล่นสนุกไปกับเกมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพนัน

 

“อาซานางิ จัดการซอมบี้ตัวนั้นด้วยนะ”

 

“เอ๋?! มาบอกกันตอนนี้เนี้ยนะ… หน่อย หมอนี้… โอรา! โอรา! โอรา!…!”

 

ตอนนี้ผมกำลังเล่นเกมยิงซอมบี้อยู่กับอาซานางิ มันค่อนข้างง่ายเพราะผมคุ้นเคยกับเกมประเภทนี้ดีอยู่แล้ว

 

เพราะการควบคุมมันแตกต่างจากคอนโทรลเลอร์ทั่วไป ตอนแรกผมยังเล่นได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากยังไม่ชินกับการบังคับตัวละคร แต่พอเริ่มชินกับมันแล้ว ผมก็สามารถจะจัดการกับศัตรูได้โดยที่พลังชีวิตไม่ลดเลยสักนิด

 

เล่นด้วยจอยปืนก็สนุกเกินคาดแฮะ

 

“อืม…ได้อันดับสองเหรอเนี่ย? น่าเสียดายจัง ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนแรกๆยังไม่ค่อยชิน เลยเล่นพลาดทำให้เสียคะแนนไปสินะ?”

 

“ไม่ ไม่ ไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นายเล่นไม่ใช่เหรอ? แค่เข้าไปอันดับได้นั่นก็สุดยอดแล้ว ปกติตอนที่เล่นกับคนอื่น ฉันตายก่อนที่จะเจอบอสด้วยซ้ำ”

 

“อาซานางิ…ขอเล่นอีกตานะ”

 

“อืม…ก็ได้ ตามใจนายแล้วกัน”

 

เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเล่นแค่รอบเดียว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเครื่องเริ่มจะร้อนแล้ว ผมเลยตัดสินใจว่าจะลองเล่นอีกรอบ

 

ถึงมันจะเป็นแค่เกม แต่ถ้าผมเลือกที่จะทำอะไรแล้วล่ะก็…ด้วยนิสัยของผม…ผมก็จะทำมันอย่างจริงจัง

 

“นี่…มาเอฮาระ”

 

“ว่าไง?”

 

“นายสนุกรึป่าว?”

 

“อืม ก็พอได้อยู่…แล้วอาซานางิล่ะ?”

 

“อืม ก็พอได้อยู่”

 

อาซานางิเลียนแบบน้ำเสียงของผม พร้อมกับมองมาที่ผม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

“ห้ามลอกเลียนแบบเฟ้ย!”

 

“ไม่ได้เลียนแบบซะหน่อย ฉันแค่พูดความจริงนะ เอ่าล่ะ ศัตรูมาแล้วนะ”

 

เธอพูดจบ ก็ยกจอยปืนขึ้นและเล็งไปที่หน้าจอ

 

“เฮ้อ…”

 

ตอนแรกผมก็แค่ทำตามสิ่งที่อาซานางิต้องการก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนว่า…ผมเป็นคนที่ลากอาซานางิไปรอบๆเสียเอง

 

ก่อนมาที่นี่ ผมเคยคิดเสมอว่าที่นี่เป็นเพียงแค่สถานที่งี่เง่าและเสียงดัง แต่พอได้มาลองเล่นเอง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังสนุกมากกว่าอาซานางิเสียอีก

 

บางที…เราก่อนจะตัดสินอะไร เราควรต้องมาลองสัมผัสมันด้วยตัวเองก่อน

 

“โอร่า~~!”

 

ปั๊ค!  

(TL: เสียงไม้ตีโดนบอล ไม่รู้จะออกเสียงยังไงเหมือนกันครับ)

 

หลังจากที่เราเล่นเกมยิงซอมบี้กันเสร็จแล้ว เราก็ไปต่อกันที่แบตติ้งเซ็นเตอร์ที่สามารถใช้โทเค็นมาแลกเล่นได้

(TL: バッティングセンター กรงซ้อมหวดเบสบอล)

 

โดยอาซานางิบอกว่าจะแสดงตัวอย่างให้ดูก่อน เธอตั้งความเร็วลูกเบสบอลไว้ที่ 120 กม./ชม. สำหรับความเร็ว 120 กม./ชม. มันควรจะค่อนข้างยากสำหรับเด็กผู้หญิง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอาซานางิ เธอสามารถหวดลูกได้อย่างแม่นยำ

 

“ที่เธอเคยบอกว่าเก่งเรื่องกิจกรรมกลางแจ้ง ดูท่าว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกสินะ”

 

“มันเป็นไปตามธรรมชาติน่ะ เพราะต้องออกไปเที่ยวกับยูตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถ้าฉันออกกำลังกายไม่พอ มันก็จะเดินเที่ยวไม่ไหวเอาน่ะสิ”

 

ที่หน้าผากของอาซานางิมีเหงื่อไหล่ออกมาเล็กน้อย เธอเดินออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ

 

ถึงเธอจะยังคงสวมเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่และกางเกงยีนส์ แต่ผมก็รู้ว่าเธอว่าเธอมีรูปร่างที่ดี

 

แม้ว่าเธอจะทำตัวเลอะเทอะบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็ยังออกกำลังกายจนสามารถรักษาหุ่นของเธอไว้ได้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถเทียบได้กับอามามิซังที่เป็นศูนย์กลางของห้อง

 

“ฉันตีโฮมรันได้ ก็เลยได้รอบโบนัสมา…ใช่แล้วมาเอะฮาระ นายไปลองตีดูสิ”

 

“เอ๊ะ? ผม?”

 

“แน่นอน มาเอะฮาระเองก็ต้องออกกำลังกายบ้างนะ”

 

แต่ว่านะ…ผมไม่เคยถือไม้เบสบอลมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

 

ผมเป็นคนเล่นกีฬาไม่เก่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองเล่นเบสบอล ดังนั้นแล้วผมน่าจะตีไม่โดนลูกเบสบอลด้วยซ้ำ

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องอายนะ ถึงนายจะตีไม่โดน…แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะนาย”

 

“รู้ตัวไหมว่าไอคำว่า『ฉันสัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะ』ของเธอมันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด”

 

“เอาล่ะ นายทำให้ดีที่สุดก็พอ ถ้านายตีโดน ฉันจะเลี้ยงน้ำผลไม้นาย ตกลงไหม?…อ๊ะ อย่าลืมตั้งท่าตีดีๆล่ะ เข้าใจไหม?”

 

“ชิ…”

 

เอาล่ะ จุดประสงค์หลักคือการได้ขยับร่างกาย…อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่รอบๆ ดังนั้นตอนนี้มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ผมรับไม้เบสบอลและหมวกแก๊ปจากอาซานางิ ก่อนจะก้าวเข้าไปที่ลานตี

 

ความเร็วของลูกถูกตั้งอยู่ที่ 120 กม./ชม. เท่ากับอาซานางิ

 

อาซานางิบอกผมว่าจะปรับความเร็วลงก็ได้นะ แต่ถ้าอาซานางิทำได้ด้วยความเร็วนี้ ผมก็ควรจะทำได้เหมือนกัน

 

ลูกแรกมาแล้ว!

 

บุ๊บ!

 

“โอ้…!?”

 

ผมจำได้ว่าตอนนั่งดูลูกบอลมันไม่ได้เร็วขนาดนี้ แต่ทำไมพอมาเป็นคนตีเอง ผมได้แต่ประหลาดใจกับความเร็วของลูก้บสบอล

 

120 กม./ชม. ไม่เร็วไปหน่อยเรอะ!?

 

“เฮ้ เฮ้ มาเอะฮาระ เจ้าเด็กน้อยขี้กลัว~~”

 

“ม-ไม่ได้กลัวสักหน่อย!”

 

ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับลูกที่สอง… ครั้งนี้ผมเหวี่ยงไม้ตี…แต่มันพลาด

 

ไม้เบสบอลหวดไม่โดนอะไรนอกจากอากาศ

 

“มาเอะฮาระ ดูตามลูกบอลให้ดีก่อน แล้วเล็งตีไปที่จุดที่คิดว่าลูกบอลจะมา อย่าพึ่งไปคิดเรื่องจะตีโฮมรันนะ”

 

“ระ…รู้แล้วน่า”

 

ผมเหวี่ยงไม้ตีครั้งที่สามและสี่ตามคำแนะนำของอาซานางิ แต่ก็ยังพลาด

 

ในขณะที่ทุกคนอื่นในลานตีอื่นๆต่างพากันหวดลูกเบสบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมทำได้แค่หวดลมไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

“ไม่เป็นไรนะ นายทำดีแล้ว ลูกบอลใกล้จะวิ่งเข้ามาโดนไม้แล้วล่ะ อีกนิดเดียวเอง”

 

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ แต่ช่วยหยุดล้อเลียนสักทีได้ไหม? นี่ไม่ใช่แค่เกมเหรอ?”

 

“อย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันเห็นมาเอะฮาระหวดลมบ่อยๆมันก็อดสงสารไม่ได้ ฉันเลยอยากจะให้กำลังใจนายบ้างน่ะ”

 

“ยัยกวนประสาท…”

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ พยายามเข้านะ! ยังมีโอกาสอีกสามครั้ง”

 

ขณะที่ได้รับกำลังใจจากอาซานางิ ผมก็เพ้งสมาธิไปที่การตีลูกบอลเท่านั้น

 

“ดูลูกบอลให้ดีๆ….แล้วก็หวดมันซะ”

 

แป๊ก! (TL: เสียงไม้หวดโดนลูกบอล)

 

“อ๊ะ โดนแล้ว…”

 

“โอ้! ถึงบอลจะไม่ได้พุ่งไปข้างหน้า แต่ก็ทำได้ดีมาก!”

 

ผมถูไม้ตี…แล้วตั้งท่าอีกครั้ง

 

เอาล่ะคราวนี้แหละ…

แป๊ก!

 

“อ๊ะ! พลาดไปหน่อย!”

 

ลูกบอลพุ่งลงไปที่พื้น น่าจะโดนบอลสูงไปหน่อย…แต่ก็ดีขึ้นกว่าคราวที่แล้ว

 

อืม ต้องหวดให้ต่ำกว่านี้หน่อยนึงสินะ…

 

“ลูกสุดท้ายแล้ว พยายามเข้ามาเอะฮาระ!”

 

ลูกสุดท้าย แค่ทำให้เหมือนรอบก่อนหน้า

 

“เล็งดีๆ …แล้วก็หวดซะ!”

 

ด้วยคำแนะนำและกำลังใจจากอาซานางิ ผมเหวี่ยงไม้ตีให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้—

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

“เหนื่อยหน่อยนะ—อะ รับไปสิ”

 

“…ขอบใจ”

 

หลังจากที่เราใช้โทเค็นหมดแล้ว ผมกับอาซานางิก็นั่งลงบนโซฟาในบริเวณจุดพักผ่อนและดื่มน้ำผลไม้ที่อาซานางิซื้อมา

 

ผลของการตีลูกสุดท้ายก็คือ…ลูกบอลนั้นพุ่งไปข้างหน้า แต่มันกลายเป็นว่าผมมีแรงไม่พอ…และผลก็คือลูกบอลตกพื้นก่อน และไม่สามารถแม้แต่จะไปถึงเครื่องยิงบอลได้ด้วยซ้ำ

(TL: ในต้นฉบับใช้คำว่า ボテボテのゴロ ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้ในการแข่งเบสบอล หมายความประมาณว่าเป็นบอลที่เบาเกินไปจนตกพื้นก่อน ผมเลยแปลงนิดหน่อยให้เข้าใจง่ายนะครับ)

 

“…อาซานางิ”

 

“หืม?”

 

“ครั้งต่อไป…ผมจะตีโฮมรันให้ได้”

 

“โอ้! มีแรงจูงใจแล้วสิ งั้น…คราวหน้ามาด้วยกันอีกนะ”

 

เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้เหนื่อยจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้ แต่น่าแปลกที่ผมกับรู้สึกสนุกไปกับมัน

 

เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าที่ผมรู้สึกสนุกขนาดนี้นั้นเป็นเพราะเกมหรือเป็นเพราะผมได้มาเที่ยวเล่นกับอาซานางิ…เพื่อนของผมกันแน่ แต่มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจนผมอยากจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

 

หรือว่ารอบหน้าจะมาคนเดียวดีนะ?…และแน่นอน ว่าต้องมาเมื่อตอนคนน้อยๆ

 

“เอาล่ะ น่าจะถึงเวลาแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”

 

“เห็นด้วย…อ๊ะ ฉันขอไปล้างมือก่อน…มาเอะฮาระช่วยถือนี่ไว้ให้หน่อยสิ เดี่ยวฉันมา รอแปบนึงนะ?”

 

เมื่อพูดจบ อาซานางิก็ทิ้งกระเป๋าผ้าไว้ที่ผม แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำที่หลังร้าน  

 

นี่มันของสำคัญไม่ใช่เหรอ แต่มาฝากไว้ที่ผมแบบนี้นี่ดีแล้วใช่ไหมนะ? ผมน่าจะได้รับความไว้วางใจจากอาซานางิมากกว่าที่คิด พูดแล้วก็รู้สึกดีใจ

 

“ไม่มีทางที่อาซานางิกับผมจะมีความรู้สึกเกินเลยไปมากกว่าเพื่อน…”

 

คู่รักงั้นเหรอ? ผมพึมพัมอยู่คนเดียวในขณะที่มองไปยังคู่ของชายหญิงที่กำลังเล่นเกมด้วยกันอยู่ด้วยสายตาคลุมเครือ

 

ผมผู้ไม่มีเพื่อนและ…อาซานางิที่เป็นศูนย์กลางของห้องเรียน

 

ถ้าผมใช้ชีวิตในโรงเรียนไปตามปกติ ความสัมพันธ์ของผมกับอาซานางิไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้เรากลับผูกพันกันด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

 

เป็นเวลาสองถึงสามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ผมแนะนำตัวเองในชั้นเรียน การแนะนำตัวที่ผมคิดว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นตอนนั้นเองที่「สาวน่ารักอันดับสองในชั้นเรียน」ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผม…ผู้ที่เตรียมตัวที่จะอยู่คนเดียวไปตลอด 3 ปีข้างหน้า

 

“กล้าๆหน่อยสิ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย”

 

พวกคนที่ไม่มีเพื่อนโดยพื้นฐานแล้วมักจะกังวลกับสายตาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ไม่อยากที่จะโดนหลอก ไม่อยากอับอาย ไม่อยากทำผิดพลาด พวกเขาคิดมากเกินไปและยังเต็มไปด้วยความลังเล และมักจะทำอะไรไม่ค่อยถูกหากเจอเหตุไม่คาดคิด

 

แม้จะมีคนที่อยากเป็นเพื่อนด้วย แม้ว่าจะมีคนที่ชอบ แต่ความกลัวที่จะล้มเหลวก็เป็นตัวฉุดรั้งพวกเขาไว้เสมอ…ดังนั้น…ผมจึงอยู่คนเดียวมาตลอด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความล้มเหลวในการแนะนำตัวของผม ตอนนี้ผมถึงสามารถกลายมาเป็น「เพื่อน」กับอาซานางิได้

 

ถึงแม้จะล้มเหลว มันก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือทางตัน จากจุดนั้นทางสายเดิมก็ยังคงทอดยาวต่อไป…ผมคิดว่าอาซานางิได้สอนเรื่องนี้ให้กับผม

 

“เอาล่ะ อาซานางิคงจะใกล้กลับมาแล้ว งั้นเก็บของเตรียมตัวรอ…”

 

ทันทีที่ผมลุกขึ้นจากม้านั่งพร้อมกับสะพายกระเป๋าผ้าของอาซานางิ

 

“เอ๊ะ? หรือว่านั่นจะเป็นมาเอะฮาระคุง?”

 

“…เอ๊ะ?”

 

“อ๊ะ มาเอะฮาระคุงจริงๆด้วย เฮ้~ มาเอะฮาระคุง~~!”

 

หญิงสาวคนหนึ่งเดินแยกออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังเล่นตู้คีบตุ๊กตา เธอโบกมือให้ผมอย่างร่าเริงก่อนที่จะเดินเข้ามาหา

ชุดนักเรียนม.ปลายของโรงเรียนเรา คนที่คุณแม้จะเห็นเพียงพริบตาเดียวคุณก็สามารถจำได้ทันทีว่าคือใคร และเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้

 

“…อามามิซัง”

 

“อืม อามามิซังที่อยู่ห้องเดียวกับนายยังไงล่ะ~~”

 

ความสวยราวกับนางฟ้า…อามามิซังกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้ม

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. แปลตอนนี้เหนื่อยจัดๆเลยครับ ดูซีรี่ไปด้วย แปลไปด้วยครับ(ฮา)

ปล2. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับบางสำนวน เดี่ยวรอบดึกมารีวิวอีกทีครับ

ปล3. อีกตอนมาดึกๆเหมือนเดิมนะครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 15 – ความบังเอิญ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 15 – ความบังเอิญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 15 – ความบังเอิญ

 

ผมสังหรใจไม่ดีตั้งแต่ที่เราเลือกเล่นเกมแข่งม้าเป็นเกมแรก แต่หลังจากที่ผ่านมันมาได้ พวกเราก็เลือกที่จะเล่นสนุกไปกับเกมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพนัน

 

“อาซานางิ จัดการซอมบี้ตัวนั้นด้วยนะ”

 

“เอ๋?! มาบอกกันตอนนี้เนี้ยนะ… หน่อย หมอนี้… โอรา! โอรา! โอรา!…!”

 

ตอนนี้ผมกำลังเล่นเกมยิงซอมบี้อยู่กับอาซานางิ มันค่อนข้างง่ายเพราะผมคุ้นเคยกับเกมประเภทนี้ดีอยู่แล้ว

 

เพราะการควบคุมมันแตกต่างจากคอนโทรลเลอร์ทั่วไป ตอนแรกผมยังเล่นได้ไม่ค่อยดีเนื่องจากยังไม่ชินกับการบังคับตัวละคร แต่พอเริ่มชินกับมันแล้ว ผมก็สามารถจะจัดการกับศัตรูได้โดยที่พลังชีวิตไม่ลดเลยสักนิด

 

เล่นด้วยจอยปืนก็สนุกเกินคาดแฮะ

 

“อืม…ได้อันดับสองเหรอเนี่ย? น่าเสียดายจัง ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตอนแรกๆยังไม่ค่อยชิน เลยเล่นพลาดทำให้เสียคะแนนไปสินะ?”

 

“ไม่ ไม่ ไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นายเล่นไม่ใช่เหรอ? แค่เข้าไปอันดับได้นั่นก็สุดยอดแล้ว ปกติตอนที่เล่นกับคนอื่น ฉันตายก่อนที่จะเจอบอสด้วยซ้ำ”

 

“อาซานางิ…ขอเล่นอีกตานะ”

 

“อืม…ก็ได้ ตามใจนายแล้วกัน”

 

เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเล่นแค่รอบเดียว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเครื่องเริ่มจะร้อนแล้ว ผมเลยตัดสินใจว่าจะลองเล่นอีกรอบ

 

ถึงมันจะเป็นแค่เกม แต่ถ้าผมเลือกที่จะทำอะไรแล้วล่ะก็…ด้วยนิสัยของผม…ผมก็จะทำมันอย่างจริงจัง

 

“นี่…มาเอฮาระ”

 

“ว่าไง?”

 

“นายสนุกรึป่าว?”

 

“อืม ก็พอได้อยู่…แล้วอาซานางิล่ะ?”

 

“อืม ก็พอได้อยู่”

 

อาซานางิเลียนแบบน้ำเสียงของผม พร้อมกับมองมาที่ผม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

“ห้ามลอกเลียนแบบเฟ้ย!”

 

“ไม่ได้เลียนแบบซะหน่อย ฉันแค่พูดความจริงนะ เอ่าล่ะ ศัตรูมาแล้วนะ”

 

เธอพูดจบ ก็ยกจอยปืนขึ้นและเล็งไปที่หน้าจอ

 

“เฮ้อ…”

 

ตอนแรกผมก็แค่ทำตามสิ่งที่อาซานางิต้องการก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนว่า…ผมเป็นคนที่ลากอาซานางิไปรอบๆเสียเอง

 

ก่อนมาที่นี่ ผมเคยคิดเสมอว่าที่นี่เป็นเพียงแค่สถานที่งี่เง่าและเสียงดัง แต่พอได้มาลองเล่นเอง ผมก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังสนุกมากกว่าอาซานางิเสียอีก

 

บางที…เราก่อนจะตัดสินอะไร เราควรต้องมาลองสัมผัสมันด้วยตัวเองก่อน

 

“โอร่า~~!”

 

ปั๊ค!  

(TL: เสียงไม้ตีโดนบอล ไม่รู้จะออกเสียงยังไงเหมือนกันครับ)

 

หลังจากที่เราเล่นเกมยิงซอมบี้กันเสร็จแล้ว เราก็ไปต่อกันที่แบตติ้งเซ็นเตอร์ที่สามารถใช้โทเค็นมาแลกเล่นได้

(TL: バッティングセンター กรงซ้อมหวดเบสบอล)

 

โดยอาซานางิบอกว่าจะแสดงตัวอย่างให้ดูก่อน เธอตั้งความเร็วลูกเบสบอลไว้ที่ 120 กม./ชม. สำหรับความเร็ว 120 กม./ชม. มันควรจะค่อนข้างยากสำหรับเด็กผู้หญิง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอาซานางิ เธอสามารถหวดลูกได้อย่างแม่นยำ

 

“ที่เธอเคยบอกว่าเก่งเรื่องกิจกรรมกลางแจ้ง ดูท่าว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกสินะ”

 

“มันเป็นไปตามธรรมชาติน่ะ เพราะต้องออกไปเที่ยวกับยูตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถ้าฉันออกกำลังกายไม่พอ มันก็จะเดินเที่ยวไม่ไหวเอาน่ะสิ”

 

ที่หน้าผากของอาซานางิมีเหงื่อไหล่ออกมาเล็กน้อย เธอเดินออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ

 

ถึงเธอจะยังคงสวมเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่และกางเกงยีนส์ แต่ผมก็รู้ว่าเธอว่าเธอมีรูปร่างที่ดี

 

แม้ว่าเธอจะทำตัวเลอะเทอะบ้างในบางครั้ง แต่เธอก็ยังออกกำลังกายจนสามารถรักษาหุ่นของเธอไว้ได้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอสามารถเทียบได้กับอามามิซังที่เป็นศูนย์กลางของห้อง

 

“ฉันตีโฮมรันได้ ก็เลยได้รอบโบนัสมา…ใช่แล้วมาเอะฮาระ นายไปลองตีดูสิ”

 

“เอ๊ะ? ผม?”

 

“แน่นอน มาเอะฮาระเองก็ต้องออกกำลังกายบ้างนะ”

 

แต่ว่านะ…ผมไม่เคยถือไม้เบสบอลมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

 

ผมเป็นคนเล่นกีฬาไม่เก่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองเล่นเบสบอล ดังนั้นแล้วผมน่าจะตีไม่โดนลูกเบสบอลด้วยซ้ำ

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องอายนะ ถึงนายจะตีไม่โดน…แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะนาย”

 

“รู้ตัวไหมว่าไอคำว่า『ฉันสัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะ』ของเธอมันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด”

 

“เอาล่ะ นายทำให้ดีที่สุดก็พอ ถ้านายตีโดน ฉันจะเลี้ยงน้ำผลไม้นาย ตกลงไหม?…อ๊ะ อย่าลืมตั้งท่าตีดีๆล่ะ เข้าใจไหม?”

 

“ชิ…”

 

เอาล่ะ จุดประสงค์หลักคือการได้ขยับร่างกาย…อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีคนอยู่รอบๆ ดังนั้นตอนนี้มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ผมรับไม้เบสบอลและหมวกแก๊ปจากอาซานางิ ก่อนจะก้าวเข้าไปที่ลานตี

 

ความเร็วของลูกถูกตั้งอยู่ที่ 120 กม./ชม. เท่ากับอาซานางิ

 

อาซานางิบอกผมว่าจะปรับความเร็วลงก็ได้นะ แต่ถ้าอาซานางิทำได้ด้วยความเร็วนี้ ผมก็ควรจะทำได้เหมือนกัน

 

ลูกแรกมาแล้ว!

 

บุ๊บ!

 

“โอ้…!?”

 

ผมจำได้ว่าตอนนั่งดูลูกบอลมันไม่ได้เร็วขนาดนี้ แต่ทำไมพอมาเป็นคนตีเอง ผมได้แต่ประหลาดใจกับความเร็วของลูก้บสบอล

 

120 กม./ชม. ไม่เร็วไปหน่อยเรอะ!?

 

“เฮ้ เฮ้ มาเอะฮาระ เจ้าเด็กน้อยขี้กลัว~~”

 

“ม-ไม่ได้กลัวสักหน่อย!”

 

ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับลูกที่สอง… ครั้งนี้ผมเหวี่ยงไม้ตี…แต่มันพลาด

 

ไม้เบสบอลหวดไม่โดนอะไรนอกจากอากาศ

 

“มาเอะฮาระ ดูตามลูกบอลให้ดีก่อน แล้วเล็งตีไปที่จุดที่คิดว่าลูกบอลจะมา อย่าพึ่งไปคิดเรื่องจะตีโฮมรันนะ”

 

“ระ…รู้แล้วน่า”

 

ผมเหวี่ยงไม้ตีครั้งที่สามและสี่ตามคำแนะนำของอาซานางิ แต่ก็ยังพลาด

 

ในขณะที่ทุกคนอื่นในลานตีอื่นๆต่างพากันหวดลูกเบสบอลกันอย่างสนุกสนาน ผมทำได้แค่หวดลมไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

“ไม่เป็นไรนะ นายทำดีแล้ว ลูกบอลใกล้จะวิ่งเข้ามาโดนไม้แล้วล่ะ อีกนิดเดียวเอง”

 

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ แต่ช่วยหยุดล้อเลียนสักทีได้ไหม? นี่ไม่ใช่แค่เกมเหรอ?”

 

“อย่างนั้นเหรอ? แต่ฉันเห็นมาเอะฮาระหวดลมบ่อยๆมันก็อดสงสารไม่ได้ ฉันเลยอยากจะให้กำลังใจนายบ้างน่ะ”

 

“ยัยกวนประสาท…”

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ พยายามเข้านะ! ยังมีโอกาสอีกสามครั้ง”

 

ขณะที่ได้รับกำลังใจจากอาซานางิ ผมก็เพ้งสมาธิไปที่การตีลูกบอลเท่านั้น

 

“ดูลูกบอลให้ดีๆ….แล้วก็หวดมันซะ”

 

แป๊ก! (TL: เสียงไม้หวดโดนลูกบอล)

 

“อ๊ะ โดนแล้ว…”

 

“โอ้! ถึงบอลจะไม่ได้พุ่งไปข้างหน้า แต่ก็ทำได้ดีมาก!”

 

ผมถูไม้ตี…แล้วตั้งท่าอีกครั้ง

 

เอาล่ะคราวนี้แหละ…

แป๊ก!

 

“อ๊ะ! พลาดไปหน่อย!”

 

ลูกบอลพุ่งลงไปที่พื้น น่าจะโดนบอลสูงไปหน่อย…แต่ก็ดีขึ้นกว่าคราวที่แล้ว

 

อืม ต้องหวดให้ต่ำกว่านี้หน่อยนึงสินะ…

 

“ลูกสุดท้ายแล้ว พยายามเข้ามาเอะฮาระ!”

 

ลูกสุดท้าย แค่ทำให้เหมือนรอบก่อนหน้า

 

“เล็งดีๆ …แล้วก็หวดซะ!”

 

ด้วยคำแนะนำและกำลังใจจากอาซานางิ ผมเหวี่ยงไม้ตีให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้—

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

“เหนื่อยหน่อยนะ—อะ รับไปสิ”

 

“…ขอบใจ”

 

หลังจากที่เราใช้โทเค็นหมดแล้ว ผมกับอาซานางิก็นั่งลงบนโซฟาในบริเวณจุดพักผ่อนและดื่มน้ำผลไม้ที่อาซานางิซื้อมา

 

ผลของการตีลูกสุดท้ายก็คือ…ลูกบอลนั้นพุ่งไปข้างหน้า แต่มันกลายเป็นว่าผมมีแรงไม่พอ…และผลก็คือลูกบอลตกพื้นก่อน และไม่สามารถแม้แต่จะไปถึงเครื่องยิงบอลได้ด้วยซ้ำ

(TL: ในต้นฉบับใช้คำว่า ボテボテのゴロ ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้ในการแข่งเบสบอล หมายความประมาณว่าเป็นบอลที่เบาเกินไปจนตกพื้นก่อน ผมเลยแปลงนิดหน่อยให้เข้าใจง่ายนะครับ)

 

“…อาซานางิ”

 

“หืม?”

 

“ครั้งต่อไป…ผมจะตีโฮมรันให้ได้”

 

“โอ้! มีแรงจูงใจแล้วสิ งั้น…คราวหน้ามาด้วยกันอีกนะ”

 

เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้เหนื่อยจนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้ แต่น่าแปลกที่ผมกับรู้สึกสนุกไปกับมัน

 

เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าที่ผมรู้สึกสนุกขนาดนี้นั้นเป็นเพราะเกมหรือเป็นเพราะผมได้มาเที่ยวเล่นกับอาซานางิ…เพื่อนของผมกันแน่ แต่มันก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีจนผมอยากจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

 

หรือว่ารอบหน้าจะมาคนเดียวดีนะ?…และแน่นอน ว่าต้องมาเมื่อตอนคนน้อยๆ

 

“เอาล่ะ น่าจะถึงเวลาแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”

 

“เห็นด้วย…อ๊ะ ฉันขอไปล้างมือก่อน…มาเอะฮาระช่วยถือนี่ไว้ให้หน่อยสิ เดี่ยวฉันมา รอแปบนึงนะ?”

 

เมื่อพูดจบ อาซานางิก็ทิ้งกระเป๋าผ้าไว้ที่ผม แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำที่หลังร้าน  

 

นี่มันของสำคัญไม่ใช่เหรอ แต่มาฝากไว้ที่ผมแบบนี้นี่ดีแล้วใช่ไหมนะ? ผมน่าจะได้รับความไว้วางใจจากอาซานางิมากกว่าที่คิด พูดแล้วก็รู้สึกดีใจ

 

“ไม่มีทางที่อาซานางิกับผมจะมีความรู้สึกเกินเลยไปมากกว่าเพื่อน…”

 

คู่รักงั้นเหรอ? ผมพึมพัมอยู่คนเดียวในขณะที่มองไปยังคู่ของชายหญิงที่กำลังเล่นเกมด้วยกันอยู่ด้วยสายตาคลุมเครือ

 

ผมผู้ไม่มีเพื่อนและ…อาซานางิที่เป็นศูนย์กลางของห้องเรียน

 

ถ้าผมใช้ชีวิตในโรงเรียนไปตามปกติ ความสัมพันธ์ของผมกับอาซานางิไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้เรากลับผูกพันกันด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

 

เป็นเวลาสองถึงสามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ผมแนะนำตัวเองในชั้นเรียน การแนะนำตัวที่ผมคิดว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นตอนนั้นเองที่「สาวน่ารักอันดับสองในชั้นเรียน」ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าผม…ผู้ที่เตรียมตัวที่จะอยู่คนเดียวไปตลอด 3 ปีข้างหน้า

 

“กล้าๆหน่อยสิ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย”

 

พวกคนที่ไม่มีเพื่อนโดยพื้นฐานแล้วมักจะกังวลกับสายตาของคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ไม่อยากที่จะโดนหลอก ไม่อยากอับอาย ไม่อยากทำผิดพลาด พวกเขาคิดมากเกินไปและยังเต็มไปด้วยความลังเล และมักจะทำอะไรไม่ค่อยถูกหากเจอเหตุไม่คาดคิด

 

แม้จะมีคนที่อยากเป็นเพื่อนด้วย แม้ว่าจะมีคนที่ชอบ แต่ความกลัวที่จะล้มเหลวก็เป็นตัวฉุดรั้งพวกเขาไว้เสมอ…ดังนั้น…ผมจึงอยู่คนเดียวมาตลอด

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความล้มเหลวในการแนะนำตัวของผม ตอนนี้ผมถึงสามารถกลายมาเป็น「เพื่อน」กับอาซานางิได้

 

ถึงแม้จะล้มเหลว มันก็ไม่ได้หมายความว่านั่นคือทางตัน จากจุดนั้นทางสายเดิมก็ยังคงทอดยาวต่อไป…ผมคิดว่าอาซานางิได้สอนเรื่องนี้ให้กับผม

 

“เอาล่ะ อาซานางิคงจะใกล้กลับมาแล้ว งั้นเก็บของเตรียมตัวรอ…”

 

ทันทีที่ผมลุกขึ้นจากม้านั่งพร้อมกับสะพายกระเป๋าผ้าของอาซานางิ

 

“เอ๊ะ? หรือว่านั่นจะเป็นมาเอะฮาระคุง?”

 

“…เอ๊ะ?”

 

“อ๊ะ มาเอะฮาระคุงจริงๆด้วย เฮ้~ มาเอะฮาระคุง~~!”

 

หญิงสาวคนหนึ่งเดินแยกออกมาจากกลุ่มคนที่กำลังเล่นตู้คีบตุ๊กตา เธอโบกมือให้ผมอย่างร่าเริงก่อนที่จะเดินเข้ามาหา

ชุดนักเรียนม.ปลายของโรงเรียนเรา คนที่คุณแม้จะเห็นเพียงพริบตาเดียวคุณก็สามารถจำได้ทันทีว่าคือใคร และเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้

 

“…อามามิซัง”

 

“อืม อามามิซังที่อยู่ห้องเดียวกับนายยังไงล่ะ~~”

 

ความสวยราวกับนางฟ้า…อามามิซังกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้ม

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. แปลตอนนี้เหนื่อยจัดๆเลยครับ ดูซีรี่ไปด้วย แปลไปด้วยครับ(ฮา)

ปล2. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับบางสำนวน เดี่ยวรอบดึกมารีวิวอีกทีครับ

ปล3. อีกตอนมาดึกๆเหมือนเดิมนะครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+