I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)

 

ประมาณ 30 นาทีต่อมา อาซานางิก็เดินทางมาถึง ในตอนนี้เธออยู่ในชุดเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่ หมวกแก็ป กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับตอนที่เราออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นอาซานางิในสไตล์นี้ แต่ว่านะ…ผมคิดว่าไม่ว่าเธอจะใส่ชุดอะไร มันก็ดูดีไปทั้งหมดนั่นแหละ

 

“โย่”

 

“โย่ ยินดีต้อนรับ ผมสั่งพิซซ่าเพิ่มไปแล้วล่ะ แต่สั่งเหมือนเดิมนะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

“อืม แต๊งกิ้วนะ อ๊ะ ฉันพึ่งรับโทรศัพท์จากมาซากิซังมา เธอบอกว่าถ้าลูกชายของเธอทำอะไรแปลกๆล่ะก็…เธอจะไล่นายออกจากบ้านล่ะ”

 

“แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนน่ะ…เอาเถอะก็สมกับที่เป็นแม่ล่ะนะ”

 

คราวนี้ผมจะไม่ยอมพลาดแบบเดิมอีกแน่นอน ดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ผมบอกให้อาซานางิที่กำลังอ่อนเพลียมาที่นี่ ดังนั้นเธออาจจะเผลอหลับอีกก็เป็นได้…แต่ว่ารอบนี้เมื่อถึงเวลากลับบ้าน ผมจะปลุกเธออย่างแน่นอน

 

…และแน่นอนว่าผมไม่ได้มีแผนที่จะทำอะไรแปลก แล้วผมก็ไม่ได้อยากทำด้วย

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“หืม? อะไรเหรอ?”

 

“ป่าว~ แค่อยากเรียกเฉยๆน่ะ~”

 

“อะไรล่ะนั่น”

 

“ฟุฟุ”

 

ตั้งแต่ประตูหน้าบ้านเข้ามา อาซานางิก็มองมาที่ผมตลอดเวลาในขณะที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแกล้งผมอยู่ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ผมโทรไปหาเธอนั่นแหละนะ…

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น…ผมก็คงจะต้องโดนเธอแกล้งไปอีกสักพัก

 

บ้าเอ้ย ผมไม่น่าโทรไปหาเธอเลยจริงๆ

 

ผมรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนขึ้นนิดหน่อย…

 

“~♪”

 

ไม่รู้ว่าทำไม แต่อาซานางิกำลังอารมณ์ดี เธอกำลังฮัมเพลงไปพร้อมๆกับจัดเตรียมโต๊ะอาหารและแก้วของตัวเอง

 

ผมน่าจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนะ…ผมได้แต่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้อาซานางิอารมณ์ดีขนาดนั้น…

 

“ถ้างั้นนายอยากจะทำงานก่อนหรือป่าว?…นายจะแปลงรูปนั่นเป็นภาพโมเสกสินะ”

 

“อะ-อืม พึ่งจะแปลงไฟล์ไปน่ะ…ก็เลยยังไม่ได้ปรับพวกสีตรงส่วนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ”

 

ผมยกเก้าอี้มาจากห้องนั่งเล่น ก่อนที่พวกเราจะเริ่มทำงานเคียงข้างกัน

 

“มาเอะฮาระ ขยับนิดนึงสิ”

 

“หือ? อะ-โอ้…”

 

เนื่องจากพื้นที่ทำงานในห้องของผมมีขนาดเล็ก ผมกับอาซานางิเลยต้องนั่งชิดกัน ดังนั้นใบหน้าของอาซานางิจึงอาจจะเข้ามาใกล้กับผมอย่างช่วยไม่ได้…แต่คราวนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เพียงแค่นั้น…

 

“…นี่ อาซานางิ”

 

“หืม~?”

 

“ถึงมันจะช่วยไม่ได้เพราะโต๊ะมันอาจจะเล็กไปหน่อย…แต่ทำไมเธอต้องเอาแขนมาจับแขนของผมด้วยล่ะ?”

 

“เอ๋~ โกหกน่า…เรื่องแบบนั้นไม่ใช่ว่านายจินตนาการไปเองหรอกเหรอ?”

 

“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยอธิบายเกี่ยวกับการที่แขนของเธอกำลังคล้องแขนของผมอยู่ในตอนนี้ทีได้ไหม?”

 

“ก็ได้ๆ ทั้งๆที่ฉันกำลังเซอร์วิสอยู่แท้ๆ…มาเอะฮาระนี่ขี้อายจริงๆเลยน้า~”

 

“เซอร์วิสแบบนั้นในเวลาแบบนี้อะนะ”

 

“ก็ใช่นะสิ? ถ้างั้นขอเก็บค่าบริการสามพันเยนจากการกอดเมื่อกี้ด้วยได้ไหม?”

 

“นี่คือเมดคาเฟ่ที่กำลังขูดรีดลูกค้าใช่ไหม?”

 

ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ดูเหมือนว่าวันนี้อาซานางิจะจงใจแกล้งผมด้วยวิธีสกินชิพเยอะเกินไปแล้วนะ

 

อย่างไรก็ตาม ผมขอให้อาซานางิหยุดกอดแขนของผมก่อน…ผมพยายามตั้งสติเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถทำงานต่อไปได้

 

“มาเอะฮาระ ตรงนี้มีทั้งสีแดงกับสีดำเลย ทำยังไงดีล่ะ?”

 

“อืม~ ถ้าใช่สีแดงมันก็จะสว่างเกินไป แต่ถ้าใช้สีดำก็จะมืดไป ถ้างั้นใช้เป็นสีแดงเลือดหมูหรือไม่ก็สีม่วงน่าจะดูดีกว่านะ”

 

“กระป๋องที่มีสีแบบนี้เหรอ…กระป๋องของ Dr.Pepper ใช้ได้ไหมนะ? แต่ว่าร้านแถวๆนี้ก็ไม่มีขายด้วยสิ ถ้างั้นพวกเราสั่งออนไลน์แล้วเรียกเก็บเงินกับอาจารย์ยากิซาวะแล้วกะ…ไม่สิ ถามอาจารย์ก่อนน่าจะดีกว่า”

 

“ใช่ ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ”

 

“เฮ้ เฮ้ นายจะให้ฉันพูดกับอาจารย์แบบนี้จริงหรอ?”

 

“ล้อเล่นน่ะ แต่วิธีซื้อน้ำผลไม้เองเพื่อเอากระป๋องเปล่านี่เอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายเถอะนะ…แล้วอีกอย่าง…ฉันคิดวิธีไว้แล้วล่ะ”

 

“คิดไว้แล้ว? อย่าบอกนะว่าคนโดดเดี่ยวแบบมาเอะฮาระจะมีช่องทางการซื้อ…หรือว่า…ตลาดมืดงั้นเหรอ?”

 

“…นี่ตั้งใจหาเรื่องกันใช่มั้ย?”

 

คอนเน็คชั่นเดียวที่คนโดดเดี่ยวแบบผมมีอยู่

 

ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปิดเผยมันออกมาแล้วสินะ….

 

—-ปิ๊งป่อง!

 

“สวัสดีค่ะ พิซซ่าร็อคเก็ตค้า~”

 

“ขอบคุณครับ นี่ค่าพิซซ่าครับ”

 

“โอ้ ยินดีให้บริการค่ะ”

 

คนที่มาส่งพิซซ่าที่ผมสั่งไว้ก็คือพี่สาวที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้าน

 

ผมไม่รู้จักชื่อเธอ แต่เธอน่าจะเป็นคนที่คอยรับออเดอร์ทางโทรศัพท์

 

“เอ่อคือ ขอโทษที่รบกวนนะครับ แต่ผมมีอะไรจะสอบถามนิดหน่อยน่ะครับ”

 

“??”

 

หลังจากการเจรจากับพี่สาวที่มาส่งพิซซ่า เธอก็ตัดสินใจกลับไปนำกระป๋องเปล่าจากที่ร้านมาหลายสิบกระป๋องและส่งมาให้ผม

 

แม้ว่าร้านพิซซ่าที่นี่จะเป็นร้านแฟรนไชส์ แต่ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มและเมนูเครื่องเคียงมากกว่าร้านอื่นๆ ผมก็เลยคิดว่าที่ร้านนี้น่าจะมีกระป๋องเปล่าที่มีสีตามที่เราต้องการ และผมรู้สึกดีใจที่คิดไม่ผิด

 

“อามุ~…ถ้างั้น นี่แสดงว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องวัสดุได้แล้วใช่ไหมนะ…ไก่ชิ้นนี้ฉันขอนะ”

 

“อ๊ะ! นี่…เหลือแค่ซื้ออุปกรณ์อื่นๆที่ร้านโฮมมาร์ทอีกนิดหน่อยน่ะ…ขอมันฝรั่งบดมาแทนแล้วกัน”

 

“เฮ้…นี่นายไม่เคยจำเรื่องที่แม่นายสอนเลยรึไงว่าไม่ควรเอาของของคนอื่นไปน่ะ?”

 

“ผมแค่เอาของตัวเองคืน แล้วอีกอย่าง…เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ”

 

“? เอ๋? ฉันเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”

 

“ลืมสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไปเนี่ยนะ…ข้อแก้ตัวของเธอนี่แย่ยิ่งกว่าพวกนักการเมืองอีกนะ”

 

ผมกับอาซานางิกำลังกินของที่เราสั่งมาพร้อมๆกับแย่งชิงเมนูเครื่องเคียงของกันและกัน

 

แน่นอนว่าพวกเรารู้ดีว่าการทำแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่านิสัยไม่ดี…แต่พอพวกเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ

 

ผมรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันช่วยทำให้กินข้าวอร่อยขึ้นเยอะเลย

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ~ เอาล่ะตอนนี้ก็เติมพลังเรียบร้อยแล้ว”

 

“งั้นทำงานกันต่อเลยดีไหม?”

 

“เล่นเกมกันเถอะ”

 

“เอางั้นเหรอ?…จัดไปสิครับ”

 

ยังเหลืองานอีกนิดหน่อย แต่ทำคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร

 

อย่างไรก็ตามอาซานางิก็มา…ไม่สิ ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่ชวนเธอมาที่นี่…ถึงจะมีเรื่องโทรศัพท์ที่น่าอายนั่นเกิดขึ้นด้วยก็เถอะนะ

 

“…อ๊ะ มีช่องว่าง!”

 

“!? เสร็จกัน…”

 

ในขณะที่ผมกำลังจะวางกับดักให้อาซานางิเข้ามาติดกับเหมือนทุกที…รู้ตัวอีกที อาซานางิก็ชนะไปแล้ว

 

“เย้~! ทำได้แล้ว~! ในที่สุดฉันก็ชนะมาเอะฮาระในโหมดเอาจริงได้แล้ว~!”

 

“หึหึ…แค่เผลอหรอกนะ”

 

ในตอนที่ผมประมาทและไม่ทันระวังตัว ผมก็ติดกับดักของอาซานางิเข้าเต็มๆ ก่อนที่จะถูกทำให้กลายเป็นรังผึ้ง

 

“อาซานางิ มาเจอกันอีกที!”

 

“โอ้? ฟุฟุ นี่คือสารท้ารบสินะ…ก็ได้ มาเจอกันหน่อย”

 

“จะเอาจริงแล้ว…ครั้งต่อไปจะชนะให้ดู”

 

“อาฮะ มันจะเป็นชัยชนะครั้งที่สองของฉันต่างหาก”

 

แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมสามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้โดยไม่ปล่อยให้อาซานางิชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทักษะการเล่นของอาซานางินั้นสูงกว่าตอนที่เธอเล่นกับอามามิซังมาก

 

ผมคิดว่าอาซานางิคงจะฝึกมาอย่างหนักเลยทีเดียว

 

แม้ว่าอาซานางิจะไม่มีพรสวรรค์เหมือนกับอามามิซัง แต่เธอก็เลือกที่จะทำงานหนักเพื่อเพิ่มความสามารถในสิ่งที่เธอต้องการไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างมั่นคง

 

นั่นคือความสามารถของผู้หญิงที่ชื่ออาซานางิ อุมิ ใช้มาเสมอ…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องเกม หรือเรื่องอะไรก็ตาม

 

“ฟู่~ วันนี้ก็สนุกเหมือนเดิม…ดูเหมือนจะยังพอมีเวลาเหลือนะ เธออยากทำอะไรไหม? เล่นอีกเกมไหม หรือว่าอยากจะดูหนังสักเรื่องนึง?”

 

“อา~ อืม…นั่นสิน้า~…อือ~…”

 

“? อาซานางิ?”

 

ผมหันไปมองอาซานางิที่นั่งอยู่ข้าง ในขณะที่จอยคอนโทรลเลอร์ยังอยู่ในมือ อาซานางิก็เอียงตัวมาซบบนไหล่ของผม ใบหน้าของเธอดูง่วงมากจริงๆ

 

ในตาสุดท้ายที่เราเล่นกัน มีอยู่ช่วงนึงที่ตัวละครของอาซานางินิ่งไป ตอนแรกผมคิดว่าเธออาจจะเผลอเสียสมาธิ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นขีดจำกัดของเธอล่ะนะ

 

“อาซานางิ เธอง่วงนอนหรือป่าว?”

 

“อะ-อืม…เหมือนพลังงานจะหมดแล้วน่ะ…ฟุหวา~” (TL: เสียงหาวครับ)

 

“ถ้างั้นก็อย่าฝืน…เธอไปนอนพักที่โซฟาก่อนก็ได้ เดี๋ยววันนี้ผมจะเป็นคนไปปลุกเธอเองตอนถึงเวลากลับบ้าน”

 

“อือ ถ้างั้นขอยืมผ้าห่มของมาเอะฮาระหน่อยสิ”

 

“นี่กะนอนยาวเลยรึไง…เอาเถอะ ไม่เป็นไร…เดี๋ยวไปเอามาให้นะ”

 

ผมเดินไปหยิบผ้าห่มจากบนที่นอนมาห่มให้อาซานางิที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

“เฮะๆ…อืม อุ่นมากเลยล่ะ เหมาะกับคืนที่อากาศหนาวแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”

 

อาซานางิที่กำลังถูกห่อด้วยผ้าห่ม มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาจนดูเหมือนกับหนอนผีเสื้อ ผมไม่เคยเห็นผ้าห่มราคาถูกที่ไหนในโลกที่น่าดึงดูดใจขนาดนี้มาก่อน…อ่า…แค่เธอชอบมันก็ดีแล้วล่ะนะ

 

“ดีละถ้าอย่างนั้นผมจะมาปลุกในอีกสามสิบนาทีนะ ตอนนี้ผมว่าจะไปทำงานต่ออีกหน่อย–”

 

“มาเอะฮาระ เดี๋ยวสิ”

 

ในตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปทำงานต่อให้เสร็จในระหว่างที่อาซานางิกำลังนอนหลับ มือของอาซานางิก็ดึงชายเสื้อของผมไว้ก่อน

 

ทั้งๆเธอน่าจะง่วงนอนมากแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมือของเธอก็จับชายเสื้อของผมไว้ไม่ยอมปล่อย

 

 

“…ช่วยปล่อยหน่อยได้ไหม”

 

“ฉันอยากให้นายอยู่ตรงนี้นี่นา”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“ไม่ได้หรอ?”

 

“เอาแต่ใจจริงนะ…เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

หลังจากคิดสักพัก ผมก็นั่งลงบนโซฟาอีกครั้งข้างๆอาซานางิ

 

ดูเหมือนวันนี้อาซานางิจะค่อนข้างเอาแต่ใจกว่าปกติ แต่ในเมื่อผมเป็นคนขอให้เธอมาหา…ดังนั้นผมเลยคิดว่าถ้าตามใจเธอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร

 

“เอะเฮะๆ ขอบคุณนะมาเอะฮาระ…มาเอะฮาระใจดีจัง~”

 

“…อะไรล่ะนั่นน่ะ ต่อให้ชมขนาดไหนก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะ”

 

“ฉันไม่ต้องการมันสักหน่อย…ขอแค่นายอยู่ตรงนี้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะ”

 

“ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ…แต่ถ้าอาซานางิพอใจก็ดีแล้วล่ะ”

 

“อือ ดีแล้วล่ะ…อ๊ะ ขอจับมือด้วยได้มั้ย?”

 

“ค่าบริการสามพันเยนครับ”

 

“ขูดรีดไปแล้ว!”

 

“แค่เอาคืนน่ะ”

 

“นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นผู้ชายน่ะ”

 

ในขณะที่พูดแบบนั้น อาซานางิและผมก็จับมือกันด้วยท่าท่างเป็นธรรมชาติ

 

เพราะอยู่คนเดียวมานานก็เลยเหงา? หรือเพราะต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน? ทำไมผมถึงทำแบบนี้? ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

 

บางที…ผมไม่ควรทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง

 

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น…เมื่อผมมองไปที่อาซานางิ ผมก็รู้สึกอยากทำแบบนี้ไปโดยไม่รู้ตัว

 

ผมรู้สึกอบอุ่นตรงบริเวณหน้าอก ผมสงสัยว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร

 

—-ปิ๊งป่อง!

 

“มาเอะฮาระ มีแขกมาหรอ?”

 

“อะ-อืม ใครกันนะที่มาเวลานี้…หรือว่าพี่คนส่งพิซซ่าลืมอะไรไว้…ขอไปดูแปบนึงนะ”

 

ผมปล่อยมือที่จับกับอาซานางิก่อนที่จะเดินไปกดปุ่มบนเครื่องอินเตอร์คอม

 

หากคุณอาศัยอยู่ในคอนโด อาจจะมีคนกดหมายเลขห้องผิดบ้างเป็นบางครั้ง หรือบางทีก็เป็นใครก็ไม่รู้มากดเรียก…ดังนั้น ถ้าคุณเจอคนที่ไม่รู้จัก คุณควรจะทำเป็นไม่สนใจ และอย่าเปิดประตูเด็ดขาด

 

“–สวัสดิ์ดีตอนเย็นนะ มากิคุง ขอโทษนะมากวนตอนดึกนะ”

 

“อะ……”

 

รูปลักษณ์ของผู้มาเยือนที่สะท้อนผ่านกล้องบนหน้าจออินเตอร์คอมทำให้ภายในหัวของผมว่างเปล่าไปพักนึง

 

ทำไม…เธอถึง…มาที่บ้านของผมในเวลานี้กัน…

 

“ขอโทษนะมากิคุง…อุมิ…อยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ยังไม่ได้เช็คคำผิดครับ

ปล2. ข่าวดีคือเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่อยู่ครับ

ปล3. ขอให้โชคดีนะครับทุกท่าน

 

Durimtok Channel | Facebook

ขอบคุณที่ติดตามครับ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 40 -「+1」ในวันหยุดสุดสัปดาห์ (1)

 

ประมาณ 30 นาทีต่อมา อาซานางิก็เดินทางมาถึง ในตอนนี้เธออยู่ในชุดเสื้อฮู้ดขนาดใหญ่ หมวกแก็ป กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับตอนที่เราออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เห็นอาซานางิในสไตล์นี้ แต่ว่านะ…ผมคิดว่าไม่ว่าเธอจะใส่ชุดอะไร มันก็ดูดีไปทั้งหมดนั่นแหละ

 

“โย่”

 

“โย่ ยินดีต้อนรับ ผมสั่งพิซซ่าเพิ่มไปแล้วล่ะ แต่สั่งเหมือนเดิมนะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

 

“อืม แต๊งกิ้วนะ อ๊ะ ฉันพึ่งรับโทรศัพท์จากมาซากิซังมา เธอบอกว่าถ้าลูกชายของเธอทำอะไรแปลกๆล่ะก็…เธอจะไล่นายออกจากบ้านล่ะ”

 

“แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหนน่ะ…เอาเถอะก็สมกับที่เป็นแม่ล่ะนะ”

 

คราวนี้ผมจะไม่ยอมพลาดแบบเดิมอีกแน่นอน ดังนั้นมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

ผมบอกให้อาซานางิที่กำลังอ่อนเพลียมาที่นี่ ดังนั้นเธออาจจะเผลอหลับอีกก็เป็นได้…แต่ว่ารอบนี้เมื่อถึงเวลากลับบ้าน ผมจะปลุกเธออย่างแน่นอน

 

…และแน่นอนว่าผมไม่ได้มีแผนที่จะทำอะไรแปลก แล้วผมก็ไม่ได้อยากทำด้วย

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“หืม? อะไรเหรอ?”

 

“ป่าว~ แค่อยากเรียกเฉยๆน่ะ~”

 

“อะไรล่ะนั่น”

 

“ฟุฟุ”

 

ตั้งแต่ประตูหน้าบ้านเข้ามา อาซานางิก็มองมาที่ผมตลอดเวลาในขณะที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแกล้งผมอยู่ บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ผมโทรไปหาเธอนั่นแหละนะ…

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น…ผมก็คงจะต้องโดนเธอแกล้งไปอีกสักพัก

 

บ้าเอ้ย ผมไม่น่าโทรไปหาเธอเลยจริงๆ

 

ผมรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนขึ้นนิดหน่อย…

 

“~♪”

 

ไม่รู้ว่าทำไม แต่อาซานางิกำลังอารมณ์ดี เธอกำลังฮัมเพลงไปพร้อมๆกับจัดเตรียมโต๊ะอาหารและแก้วของตัวเอง

 

ผมน่าจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนะ…ผมได้แต่สงสัยว่าอะไรที่ทำให้อาซานางิอารมณ์ดีขนาดนั้น…

 

“ถ้างั้นนายอยากจะทำงานก่อนหรือป่าว?…นายจะแปลงรูปนั่นเป็นภาพโมเสกสินะ”

 

“อะ-อืม พึ่งจะแปลงไฟล์ไปน่ะ…ก็เลยยังไม่ได้ปรับพวกสีตรงส่วนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ”

 

ผมยกเก้าอี้มาจากห้องนั่งเล่น ก่อนที่พวกเราจะเริ่มทำงานเคียงข้างกัน

 

“มาเอะฮาระ ขยับนิดนึงสิ”

 

“หือ? อะ-โอ้…”

 

เนื่องจากพื้นที่ทำงานในห้องของผมมีขนาดเล็ก ผมกับอาซานางิเลยต้องนั่งชิดกัน ดังนั้นใบหน้าของอาซานางิจึงอาจจะเข้ามาใกล้กับผมอย่างช่วยไม่ได้…แต่คราวนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เพียงแค่นั้น…

 

“…นี่ อาซานางิ”

 

“หืม~?”

 

“ถึงมันจะช่วยไม่ได้เพราะโต๊ะมันอาจจะเล็กไปหน่อย…แต่ทำไมเธอต้องเอาแขนมาจับแขนของผมด้วยล่ะ?”

 

“เอ๋~ โกหกน่า…เรื่องแบบนั้นไม่ใช่ว่านายจินตนาการไปเองหรอกเหรอ?”

 

“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยอธิบายเกี่ยวกับการที่แขนของเธอกำลังคล้องแขนของผมอยู่ในตอนนี้ทีได้ไหม?”

 

“ก็ได้ๆ ทั้งๆที่ฉันกำลังเซอร์วิสอยู่แท้ๆ…มาเอะฮาระนี่ขี้อายจริงๆเลยน้า~”

 

“เซอร์วิสแบบนั้นในเวลาแบบนี้อะนะ”

 

“ก็ใช่นะสิ? ถ้างั้นขอเก็บค่าบริการสามพันเยนจากการกอดเมื่อกี้ด้วยได้ไหม?”

 

“นี่คือเมดคาเฟ่ที่กำลังขูดรีดลูกค้าใช่ไหม?”

 

ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ดูเหมือนว่าวันนี้อาซานางิจะจงใจแกล้งผมด้วยวิธีสกินชิพเยอะเกินไปแล้วนะ

 

อย่างไรก็ตาม ผมขอให้อาซานางิหยุดกอดแขนของผมก่อน…ผมพยายามตั้งสติเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถทำงานต่อไปได้

 

“มาเอะฮาระ ตรงนี้มีทั้งสีแดงกับสีดำเลย ทำยังไงดีล่ะ?”

 

“อืม~ ถ้าใช่สีแดงมันก็จะสว่างเกินไป แต่ถ้าใช้สีดำก็จะมืดไป ถ้างั้นใช้เป็นสีแดงเลือดหมูหรือไม่ก็สีม่วงน่าจะดูดีกว่านะ”

 

“กระป๋องที่มีสีแบบนี้เหรอ…กระป๋องของ Dr.Pepper ใช้ได้ไหมนะ? แต่ว่าร้านแถวๆนี้ก็ไม่มีขายด้วยสิ ถ้างั้นพวกเราสั่งออนไลน์แล้วเรียกเก็บเงินกับอาจารย์ยากิซาวะแล้วกะ…ไม่สิ ถามอาจารย์ก่อนน่าจะดีกว่า”

 

“ใช่ ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ”

 

“เฮ้ เฮ้ นายจะให้ฉันพูดกับอาจารย์แบบนี้จริงหรอ?”

 

“ล้อเล่นน่ะ แต่วิธีซื้อน้ำผลไม้เองเพื่อเอากระป๋องเปล่านี่เอาไว้เป็นวิธีสุดท้ายเถอะนะ…แล้วอีกอย่าง…ฉันคิดวิธีไว้แล้วล่ะ”

 

“คิดไว้แล้ว? อย่าบอกนะว่าคนโดดเดี่ยวแบบมาเอะฮาระจะมีช่องทางการซื้อ…หรือว่า…ตลาดมืดงั้นเหรอ?”

 

“…นี่ตั้งใจหาเรื่องกันใช่มั้ย?”

 

คอนเน็คชั่นเดียวที่คนโดดเดี่ยวแบบผมมีอยู่

 

ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปิดเผยมันออกมาแล้วสินะ….

 

—-ปิ๊งป่อง!

 

“สวัสดีค่ะ พิซซ่าร็อคเก็ตค้า~”

 

“ขอบคุณครับ นี่ค่าพิซซ่าครับ”

 

“โอ้ ยินดีให้บริการค่ะ”

 

คนที่มาส่งพิซซ่าที่ผมสั่งไว้ก็คือพี่สาวที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้าน

 

ผมไม่รู้จักชื่อเธอ แต่เธอน่าจะเป็นคนที่คอยรับออเดอร์ทางโทรศัพท์

 

“เอ่อคือ ขอโทษที่รบกวนนะครับ แต่ผมมีอะไรจะสอบถามนิดหน่อยน่ะครับ”

 

“??”

 

หลังจากการเจรจากับพี่สาวที่มาส่งพิซซ่า เธอก็ตัดสินใจกลับไปนำกระป๋องเปล่าจากที่ร้านมาหลายสิบกระป๋องและส่งมาให้ผม

 

แม้ว่าร้านพิซซ่าที่นี่จะเป็นร้านแฟรนไชส์ แต่ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มและเมนูเครื่องเคียงมากกว่าร้านอื่นๆ ผมก็เลยคิดว่าที่ร้านนี้น่าจะมีกระป๋องเปล่าที่มีสีตามที่เราต้องการ และผมรู้สึกดีใจที่คิดไม่ผิด

 

“อามุ~…ถ้างั้น นี่แสดงว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องวัสดุได้แล้วใช่ไหมนะ…ไก่ชิ้นนี้ฉันขอนะ”

 

“อ๊ะ! นี่…เหลือแค่ซื้ออุปกรณ์อื่นๆที่ร้านโฮมมาร์ทอีกนิดหน่อยน่ะ…ขอมันฝรั่งบดมาแทนแล้วกัน”

 

“เฮ้…นี่นายไม่เคยจำเรื่องที่แม่นายสอนเลยรึไงว่าไม่ควรเอาของของคนอื่นไปน่ะ?”

 

“ผมแค่เอาของตัวเองคืน แล้วอีกอย่าง…เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ”

 

“? เอ๋? ฉันเคยทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”

 

“ลืมสิ่งที่ตัวเองพึ่งจะทำลงไปเนี่ยนะ…ข้อแก้ตัวของเธอนี่แย่ยิ่งกว่าพวกนักการเมืองอีกนะ”

 

ผมกับอาซานางิกำลังกินของที่เราสั่งมาพร้อมๆกับแย่งชิงเมนูเครื่องเคียงของกันและกัน

 

แน่นอนว่าพวกเรารู้ดีว่าการทำแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่านิสัยไม่ดี…แต่พอพวกเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนมันก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ

 

ผมรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันช่วยทำให้กินข้าวอร่อยขึ้นเยอะเลย

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ~ เอาล่ะตอนนี้ก็เติมพลังเรียบร้อยแล้ว”

 

“งั้นทำงานกันต่อเลยดีไหม?”

 

“เล่นเกมกันเถอะ”

 

“เอางั้นเหรอ?…จัดไปสิครับ”

 

ยังเหลืองานอีกนิดหน่อย แต่ทำคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร

 

อย่างไรก็ตามอาซานางิก็มา…ไม่สิ ผมคิดว่าดีแล้วล่ะที่ชวนเธอมาที่นี่…ถึงจะมีเรื่องโทรศัพท์ที่น่าอายนั่นเกิดขึ้นด้วยก็เถอะนะ

 

“…อ๊ะ มีช่องว่าง!”

 

“!? เสร็จกัน…”

 

ในขณะที่ผมกำลังจะวางกับดักให้อาซานางิเข้ามาติดกับเหมือนทุกที…รู้ตัวอีกที อาซานางิก็ชนะไปแล้ว

 

“เย้~! ทำได้แล้ว~! ในที่สุดฉันก็ชนะมาเอะฮาระในโหมดเอาจริงได้แล้ว~!”

 

“หึหึ…แค่เผลอหรอกนะ”

 

ในตอนที่ผมประมาทและไม่ทันระวังตัว ผมก็ติดกับดักของอาซานางิเข้าเต็มๆ ก่อนที่จะถูกทำให้กลายเป็นรังผึ้ง

 

“อาซานางิ มาเจอกันอีกที!”

 

“โอ้? ฟุฟุ นี่คือสารท้ารบสินะ…ก็ได้ มาเจอกันหน่อย”

 

“จะเอาจริงแล้ว…ครั้งต่อไปจะชนะให้ดู”

 

“อาฮะ มันจะเป็นชัยชนะครั้งที่สองของฉันต่างหาก”

 

แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมสามารถรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้โดยไม่ปล่อยให้อาซานางิชนะเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทักษะการเล่นของอาซานางินั้นสูงกว่าตอนที่เธอเล่นกับอามามิซังมาก

 

ผมคิดว่าอาซานางิคงจะฝึกมาอย่างหนักเลยทีเดียว

 

แม้ว่าอาซานางิจะไม่มีพรสวรรค์เหมือนกับอามามิซัง แต่เธอก็เลือกที่จะทำงานหนักเพื่อเพิ่มความสามารถในสิ่งที่เธอต้องการไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างมั่นคง

 

นั่นคือความสามารถของผู้หญิงที่ชื่ออาซานางิ อุมิ ใช้มาเสมอ…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องเกม หรือเรื่องอะไรก็ตาม

 

“ฟู่~ วันนี้ก็สนุกเหมือนเดิม…ดูเหมือนจะยังพอมีเวลาเหลือนะ เธออยากทำอะไรไหม? เล่นอีกเกมไหม หรือว่าอยากจะดูหนังสักเรื่องนึง?”

 

“อา~ อืม…นั่นสิน้า~…อือ~…”

 

“? อาซานางิ?”

 

ผมหันไปมองอาซานางิที่นั่งอยู่ข้าง ในขณะที่จอยคอนโทรลเลอร์ยังอยู่ในมือ อาซานางิก็เอียงตัวมาซบบนไหล่ของผม ใบหน้าของเธอดูง่วงมากจริงๆ

 

ในตาสุดท้ายที่เราเล่นกัน มีอยู่ช่วงนึงที่ตัวละครของอาซานางินิ่งไป ตอนแรกผมคิดว่าเธออาจจะเผลอเสียสมาธิ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นขีดจำกัดของเธอล่ะนะ

 

“อาซานางิ เธอง่วงนอนหรือป่าว?”

 

“อะ-อืม…เหมือนพลังงานจะหมดแล้วน่ะ…ฟุหวา~” (TL: เสียงหาวครับ)

 

“ถ้างั้นก็อย่าฝืน…เธอไปนอนพักที่โซฟาก่อนก็ได้ เดี๋ยววันนี้ผมจะเป็นคนไปปลุกเธอเองตอนถึงเวลากลับบ้าน”

 

“อือ ถ้างั้นขอยืมผ้าห่มของมาเอะฮาระหน่อยสิ”

 

“นี่กะนอนยาวเลยรึไง…เอาเถอะ ไม่เป็นไร…เดี๋ยวไปเอามาให้นะ”

 

ผมเดินไปหยิบผ้าห่มจากบนที่นอนมาห่มให้อาซานางิที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

“เฮะๆ…อืม อุ่นมากเลยล่ะ เหมาะกับคืนที่อากาศหนาวแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”

 

อาซานางิที่กำลังถูกห่อด้วยผ้าห่ม มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาจนดูเหมือนกับหนอนผีเสื้อ ผมไม่เคยเห็นผ้าห่มราคาถูกที่ไหนในโลกที่น่าดึงดูดใจขนาดนี้มาก่อน…อ่า…แค่เธอชอบมันก็ดีแล้วล่ะนะ

 

“ดีละถ้าอย่างนั้นผมจะมาปลุกในอีกสามสิบนาทีนะ ตอนนี้ผมว่าจะไปทำงานต่ออีกหน่อย–”

 

“มาเอะฮาระ เดี๋ยวสิ”

 

ในตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปทำงานต่อให้เสร็จในระหว่างที่อาซานางิกำลังนอนหลับ มือของอาซานางิก็ดึงชายเสื้อของผมไว้ก่อน

 

ทั้งๆเธอน่าจะง่วงนอนมากแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมือของเธอก็จับชายเสื้อของผมไว้ไม่ยอมปล่อย

 

 

“…ช่วยปล่อยหน่อยได้ไหม”

 

“ฉันอยากให้นายอยู่ตรงนี้นี่นา”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“ไม่ได้หรอ?”

 

“เอาแต่ใจจริงนะ…เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

หลังจากคิดสักพัก ผมก็นั่งลงบนโซฟาอีกครั้งข้างๆอาซานางิ

 

ดูเหมือนวันนี้อาซานางิจะค่อนข้างเอาแต่ใจกว่าปกติ แต่ในเมื่อผมเป็นคนขอให้เธอมาหา…ดังนั้นผมเลยคิดว่าถ้าตามใจเธอสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร

 

“เอะเฮะๆ ขอบคุณนะมาเอะฮาระ…มาเอะฮาระใจดีจัง~”

 

“…อะไรล่ะนั่นน่ะ ต่อให้ชมขนาดไหนก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะ”

 

“ฉันไม่ต้องการมันสักหน่อย…ขอแค่นายอยู่ตรงนี้ ฉันก็พอใจแล้วล่ะ”

 

“ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ…แต่ถ้าอาซานางิพอใจก็ดีแล้วล่ะ”

 

“อือ ดีแล้วล่ะ…อ๊ะ ขอจับมือด้วยได้มั้ย?”

 

“ค่าบริการสามพันเยนครับ”

 

“ขูดรีดไปแล้ว!”

 

“แค่เอาคืนน่ะ”

 

“นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นผู้ชายน่ะ”

 

ในขณะที่พูดแบบนั้น อาซานางิและผมก็จับมือกันด้วยท่าท่างเป็นธรรมชาติ

 

เพราะอยู่คนเดียวมานานก็เลยเหงา? หรือเพราะต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน? ทำไมผมถึงทำแบบนี้? ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

 

บางที…ผมไม่ควรทำเรื่องแบบนี้กับเพื่อนของตัวเอง

 

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น…เมื่อผมมองไปที่อาซานางิ ผมก็รู้สึกอยากทำแบบนี้ไปโดยไม่รู้ตัว

 

ผมรู้สึกอบอุ่นตรงบริเวณหน้าอก ผมสงสัยว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร

 

—-ปิ๊งป่อง!

 

“มาเอะฮาระ มีแขกมาหรอ?”

 

“อะ-อืม ใครกันนะที่มาเวลานี้…หรือว่าพี่คนส่งพิซซ่าลืมอะไรไว้…ขอไปดูแปบนึงนะ”

 

ผมปล่อยมือที่จับกับอาซานางิก่อนที่จะเดินไปกดปุ่มบนเครื่องอินเตอร์คอม

 

หากคุณอาศัยอยู่ในคอนโด อาจจะมีคนกดหมายเลขห้องผิดบ้างเป็นบางครั้ง หรือบางทีก็เป็นใครก็ไม่รู้มากดเรียก…ดังนั้น ถ้าคุณเจอคนที่ไม่รู้จัก คุณควรจะทำเป็นไม่สนใจ และอย่าเปิดประตูเด็ดขาด

 

“–สวัสดิ์ดีตอนเย็นนะ มากิคุง ขอโทษนะมากวนตอนดึกนะ”

 

“อะ……”

 

รูปลักษณ์ของผู้มาเยือนที่สะท้อนผ่านกล้องบนหน้าจออินเตอร์คอมทำให้ภายในหัวของผมว่างเปล่าไปพักนึง

 

ทำไม…เธอถึง…มาที่บ้านของผมในเวลานี้กัน…

 

“ขอโทษนะมากิคุง…อุมิ…อยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม?”

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ยังไม่ได้เช็คคำผิดครับ

ปล2. ข่าวดีคือเสาร์อาทิตย์นี้ผมไม่อยู่ครับ

ปล3. ขอให้โชคดีนะครับทุกท่าน

 

Durimtok Channel | Facebook

ขอบคุณที่ติดตามครับ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+