I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง

 

หลังจากออกจากเกมเซ็นเตอร์ ผมก็เดินทางมาถึงสถานีก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังประตูตรวจตั๋วทันที

 

เวลาตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่ในสถานีก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน…นั่นอาจจะเป็นเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ได้ทะยอยกลับบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

เมื่อผมซื้อตั๋วและผ่านประตูตรวจตั๋วเข้ามาด้านใน อาซานางิที่สังเกตเห็นผมก็เดินออกมาจากหลังเสาต้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังซ่อนตัวอยู่

 

“…ไง”

 

“ไง”

 

หลังจากยกมือทักทายกันแล้ว ผมและอาซานางิก็เดินไปที่ชานชาลาสถานีด้วยกัน

 

“ขอถามหน่อยสิ…เธอไม่อยากไปหาอามามิซังหรอ?”

 

“ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้อยู่กับมาเอะฮาระนะสิ”

 

“นั่นก็จริง”

 

“ใช่ไหมล่ะ~~”

 

ดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่พวกเราจะกลับด้วยรถไฟขบวนเดียวกัน

 

เราขึ้นรถไฟขบวนถัดไปที่พึ่งจะมาจอดเทียบชานชาลาได้ไม่นานหลังจากที่เราเดินไปถึง

 

นี่คือเวลาหลังเลิกงานในคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์ ภายในขบวนรถไฟจึงค่อนข้างแออัดไปด้วยพนักงานออฟฟิศ และนักศึกษามหาลัยที่พึ่งกลับมาจากงานสังสรรค์

 

“โอ๊ะ!”

 

หลังจากเข้าไปในขบวนรถ ในขณะที่รถไฟกำลังออกตัว…ตัวผมก็เซไปเล็กน้อย

 

อาจจะเป็นเพราะผมออกแรงในการหวดลูกเบสบอลมากเกินไป และยังบังเอิญไปเจอกับอามามิซังด้วย ผมจึงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในตอนแรกมันก็ไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติและความตึงเครียดหายไป ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาก็เข้าจู่โจมผมทันที

 

“มาเอะฮาระ นายโอเคไหม? ตรงนั้นมีที่นั่งว่างอยู่ นายควรไปนั่งพักสักหน่อยนะ”

 

“ผมไม่เป็นไร แค่เซนิดหน่อยน่ะ อาซานางิไปนั่งพักเถอะ…”

 

“ไม่เป็นไร…ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนนายนะ แต่นายไม่ต้องคิดมากหรอก…ยอมไปนั่งพักซะดีๆ”

 

“เดี๋ยวสิ…อา โอย…เข้าใจแล้วน่า หยุดผลักได้แล้ว!”

 

มีที่นั่งว่างเพียงแห่งเดียวอยู่ตรงกลางแถวที่นั่ง อาซานางิเดินตามผมมา ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของผม

 

สถานีที่ผมและอาซานางิจะลงใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ดังนั้นมันไม่น่ามีปัญหาอะไรหากปล่อยในอาซานางิยืน

 

“…มีอะไรหรือป่าว?”

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

ผมไม่สามารถตอบอะไรกลับไปให้อาซานางิได้เลยในขณะที่เธอกำลังก้มมองลงมาที่ผม สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน

 

ผมกับอาซานางิควรมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้คล้ายกับว่าผมกลายเป็นกบที่กำลังโดนงูจ้องอยู่ ทั้งๆที่ตอนที่เล่นเกมอยู่ในห้องของผม อาซานางิเป็นได้เพียงแค่เนื้อเป็ดพร้อมปรุงแท้ๆ  

 

“…ขอโทษนะ มาเอะฮาระ เป็นเพราะฉัน นายเลยต้องเจอปัญหา…”

 

ด้วยเสียงและการสั่นสะเทือนตามปกติของรถไฟ อาซานางิจับที่ห้อยด้วยมือทั้งสองข้าง ในขณะจ้องมาที่ผม ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

 

“เรื่องที่ผมคุยกับอามามิซังที่เกมเซ็นเตอร์ใช่ไหม?”

 

“อืม…เรื่องมันเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดมากเลยล่ะ”

 

ผมไม่ได้บอกเธอว่าผมคุยอะไรกับอามามิซังบ้าง แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของผมจะแสดงความสามารถได้เกินกว่าที่คาดไว้…ถึงมันจะเป็นรุ่นเก่า แต่มันก็ดูเหมือนจะมีฟังก์ชั่นพิเศษที่ไม่จำเป็นไว้อยู่ล่ะนะ

 

“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกอาซานางิ นอกจากอามามิซังแล้ว มันก็เป็นความจริงที่คนอื่นๆไม่ชอบที่ผมไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่น”

 

ผมบอกออกแบบนี้เพราะคิดถึงความรู้สึกของอาซานางิ แต่ถ้าให้พูดตามตรง…ผมก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่อามามิซังทำในตอนนั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง

 

ถ้าอาซานางิอยู่ที่นั่นด้วย เหตุการณ์ก็คงไม่ลงเอยแบบนี้

 

“แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นศัตรูกับพวกเขาซะหน่อย ถ้านายพูดแบบนั้น…สถานการณ์มันก็มีแต่จะแย่ลงไปอีก…นายรู้ใช่ไหม?”

 

“…ก็จริงของเธอ”

 

แน่นอน ผมรู้ดีว่าอามามิซังไม่ได้มีเจตนาร้าย ที่อามามิซังชวนผมก็เพราะเป็นห่วงผม ผู้ที่ปกติมักจะอยู่คนเดียวที่โรงเรียน เธอคงคิดว่ามันคงจะไม่ดีถ้าต้องแบ่งแยกผมจากคนอื่นในชั้นเรียน

 

อย่างไรก็ตาม…ผมเลือกที่จะปฏิเสธคำชวนของเธอ

 

สำหรับผม การได้กินข้าว ได้เล่นเกมที่เกมเซ็นเตอร์ การได้ออกแรงหวดไม้เบสบอลที่ไม่คุ้นเคย… กับ「เพื่อน」โดยที่ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ หรือกังวลอะไร…แค่ได้สนุกด้วยกันสองคนกับอาซานางิ ผมก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วสำหรับตัวผมเอง

 

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงกล้าใช้คำพูดแรงๆพวกนั้น…และอีกอย่าง มันก็สายเกินไปแล้วที่จะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

 

แต่สิ่งที่แย่ก็คือ…ตอนนี้นอกจากผมจะเป็นพวกไม่มีเพื่อนแล้ว…ยังถูกยกระดับมาเป็นพวกKYด้วย  

(TL: KY ย่อมาจาก 空気を読めない(Kuuki wo yomenai) = พวกไม่อ่านบรรยากาศ,ไม่รู้จักกาลเทศะ)

 

“เอาล่ะ เรื่องของยูให้ฉันจัดการเอง เด็กคนนั้นเป็นพวกขี้กังวลอยู่แล้ว อีกสักพักเธอก็คงจะติดต่อมาหาฉันเอ….อ๊ะ เธอส่งข้อความมาแล้วล่ะ”

 

“เร็วเกินไปแล้ว…แล้วอามามิซังว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“『อุมิ ทำยังไงดี ฉันอาจจะทำเรื่องเลวร้ายกับมาเอะฮาระคุงไปซะแล้วล่ะ』เธอว่างั้นน่ะ”

 

ดูเหมือนผมจะทำให้เธอเป็นห่วงซะแล้วสิ

 

ในตอนนั้น จริงๆผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ผมเอาแต่นึกถึงอาซานางิจนไม่สนใจเรื่องอื่นๆ

 

“ขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอลำบาก…”

 

“ไม่เป็นไรน่า ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเวลาที่มีปัญหา..นั่นคือ「เพื่อน」ไม่ใช่เหรอ?”

 

“เพื่อน…”

 

“อืม~”

 

เมื่อพูดจบ อาซานางิก็เอื้อมมาที่หัวของผมและเริ่มลูบมันเบาๆ

 

“…ทำอะไรน่ะ?”

 

“อืม…ไม่มีอะไรซะหน่อย~ แค่หัวของนายมันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะจะลูบพอดีน่ะ”

 

“…งั้นเหรอ”

 

“อืม…งั้นแหละ”

 

ผมรู้สึกเหมือนได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเด็ก แต่ผมเหนื่อยเกินไป และอีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่จะถูกอาซานางิสัมผัส ดังนั้นผมจึงปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ

 

รถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ บรรยากาศที่เย็นสบาย และฝ่ามืออันอบอุ่นของอาซานางิ…

 

ผมรู้สึกว่าเปลือกตาค่อยๆหนักขึ้นทีละน้อย

 

“…ถ้าง่วงก็นอนซะ เดี่ยวฉันจะปลุกนายเองตอนใกล้ถึง”

 

“…งั้น รบกวนด้วยนะ”

 

ผมไม่สามารถต้านทานความรู้สึกง่วงนอนได้ ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับสัมผัสอันอ่อนโยนของอาซานางิ

 

…ขอบคุณนะ…มากิ

 

ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูในขณะที่สติของผมค่อยๆหายไป  

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. เวลานางเอกก่อเรื่อง ปกติพระเอกก็ต้องคอยมาเครียให้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกซะหน่อย

 

ปล2. ตอนเย็นๆ – ดึกหน่อย น่าจะได้อีก 1-2 ตอนครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 17 – ระหว่างทางกลับบ้านยามค่ำคืนของทั้งสอง

 

หลังจากออกจากเกมเซ็นเตอร์ ผมก็เดินทางมาถึงสถานีก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังประตูตรวจตั๋วทันที

 

เวลาตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่ในสถานีก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน…นั่นอาจจะเป็นเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ได้ทะยอยกลับบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว

 

เมื่อผมซื้อตั๋วและผ่านประตูตรวจตั๋วเข้ามาด้านใน อาซานางิที่สังเกตเห็นผมก็เดินออกมาจากหลังเสาต้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังซ่อนตัวอยู่

 

“…ไง”

 

“ไง”

 

หลังจากยกมือทักทายกันแล้ว ผมและอาซานางิก็เดินไปที่ชานชาลาสถานีด้วยกัน

 

“ขอถามหน่อยสิ…เธอไม่อยากไปหาอามามิซังหรอ?”

 

“ถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้อยู่กับมาเอะฮาระนะสิ”

 

“นั่นก็จริง”

 

“ใช่ไหมล่ะ~~”

 

ดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่พวกเราจะกลับด้วยรถไฟขบวนเดียวกัน

 

เราขึ้นรถไฟขบวนถัดไปที่พึ่งจะมาจอดเทียบชานชาลาได้ไม่นานหลังจากที่เราเดินไปถึง

 

นี่คือเวลาหลังเลิกงานในคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์ ภายในขบวนรถไฟจึงค่อนข้างแออัดไปด้วยพนักงานออฟฟิศ และนักศึกษามหาลัยที่พึ่งกลับมาจากงานสังสรรค์

 

“โอ๊ะ!”

 

หลังจากเข้าไปในขบวนรถ ในขณะที่รถไฟกำลังออกตัว…ตัวผมก็เซไปเล็กน้อย

 

อาจจะเป็นเพราะผมออกแรงในการหวดลูกเบสบอลมากเกินไป และยังบังเอิญไปเจอกับอามามิซังด้วย ผมจึงรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในตอนแรกมันก็ไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติและความตึงเครียดหายไป ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาก็เข้าจู่โจมผมทันที

 

“มาเอะฮาระ นายโอเคไหม? ตรงนั้นมีที่นั่งว่างอยู่ นายควรไปนั่งพักสักหน่อยนะ”

 

“ผมไม่เป็นไร แค่เซนิดหน่อยน่ะ อาซานางิไปนั่งพักเถอะ…”

 

“ไม่เป็นไร…ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนนายนะ แต่นายไม่ต้องคิดมากหรอก…ยอมไปนั่งพักซะดีๆ”

 

“เดี๋ยวสิ…อา โอย…เข้าใจแล้วน่า หยุดผลักได้แล้ว!”

 

มีที่นั่งว่างเพียงแห่งเดียวอยู่ตรงกลางแถวที่นั่ง อาซานางิเดินตามผมมา ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าของผม

 

สถานีที่ผมและอาซานางิจะลงใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ดังนั้นมันไม่น่ามีปัญหาอะไรหากปล่อยในอาซานางิยืน

 

“…มีอะไรหรือป่าว?”

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

ผมไม่สามารถตอบอะไรกลับไปให้อาซานางิได้เลยในขณะที่เธอกำลังก้มมองลงมาที่ผม สุดท้ายผมตัดสินใจเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทน

 

ผมกับอาซานางิควรมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้คล้ายกับว่าผมกลายเป็นกบที่กำลังโดนงูจ้องอยู่ ทั้งๆที่ตอนที่เล่นเกมอยู่ในห้องของผม อาซานางิเป็นได้เพียงแค่เนื้อเป็ดพร้อมปรุงแท้ๆ  

 

“…ขอโทษนะ มาเอะฮาระ เป็นเพราะฉัน นายเลยต้องเจอปัญหา…”

 

ด้วยเสียงและการสั่นสะเทือนตามปกติของรถไฟ อาซานางิจับที่ห้อยด้วยมือทั้งสองข้าง ในขณะจ้องมาที่ผม ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

 

“เรื่องที่ผมคุยกับอามามิซังที่เกมเซ็นเตอร์ใช่ไหม?”

 

“อืม…เรื่องมันเลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดมากเลยล่ะ”

 

ผมไม่ได้บอกเธอว่าผมคุยอะไรกับอามามิซังบ้าง แต่ดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของผมจะแสดงความสามารถได้เกินกว่าที่คาดไว้…ถึงมันจะเป็นรุ่นเก่า แต่มันก็ดูเหมือนจะมีฟังก์ชั่นพิเศษที่ไม่จำเป็นไว้อยู่ล่ะนะ

 

“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกอาซานางิ นอกจากอามามิซังแล้ว มันก็เป็นความจริงที่คนอื่นๆไม่ชอบที่ผมไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่น”

 

ผมบอกออกแบบนี้เพราะคิดถึงความรู้สึกของอาซานางิ แต่ถ้าให้พูดตามตรง…ผมก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่อามามิซังทำในตอนนั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง

 

ถ้าอาซานางิอยู่ที่นั่นด้วย เหตุการณ์ก็คงไม่ลงเอยแบบนี้

 

“แต่นายก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นศัตรูกับพวกเขาซะหน่อย ถ้านายพูดแบบนั้น…สถานการณ์มันก็มีแต่จะแย่ลงไปอีก…นายรู้ใช่ไหม?”

 

“…ก็จริงของเธอ”

 

แน่นอน ผมรู้ดีว่าอามามิซังไม่ได้มีเจตนาร้าย ที่อามามิซังชวนผมก็เพราะเป็นห่วงผม ผู้ที่ปกติมักจะอยู่คนเดียวที่โรงเรียน เธอคงคิดว่ามันคงจะไม่ดีถ้าต้องแบ่งแยกผมจากคนอื่นในชั้นเรียน

 

อย่างไรก็ตาม…ผมเลือกที่จะปฏิเสธคำชวนของเธอ

 

สำหรับผม การได้กินข้าว ได้เล่นเกมที่เกมเซ็นเตอร์ การได้ออกแรงหวดไม้เบสบอลที่ไม่คุ้นเคย… กับ「เพื่อน」โดยที่ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ หรือกังวลอะไร…แค่ได้สนุกด้วยกันสองคนกับอาซานางิ ผมก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วสำหรับตัวผมเอง

 

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงกล้าใช้คำพูดแรงๆพวกนั้น…และอีกอย่าง มันก็สายเกินไปแล้วที่จะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

 

แต่สิ่งที่แย่ก็คือ…ตอนนี้นอกจากผมจะเป็นพวกไม่มีเพื่อนแล้ว…ยังถูกยกระดับมาเป็นพวกKYด้วย  

(TL: KY ย่อมาจาก 空気を読めない(Kuuki wo yomenai) = พวกไม่อ่านบรรยากาศ,ไม่รู้จักกาลเทศะ)

 

“เอาล่ะ เรื่องของยูให้ฉันจัดการเอง เด็กคนนั้นเป็นพวกขี้กังวลอยู่แล้ว อีกสักพักเธอก็คงจะติดต่อมาหาฉันเอ….อ๊ะ เธอส่งข้อความมาแล้วล่ะ”

 

“เร็วเกินไปแล้ว…แล้วอามามิซังว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“『อุมิ ทำยังไงดี ฉันอาจจะทำเรื่องเลวร้ายกับมาเอะฮาระคุงไปซะแล้วล่ะ』เธอว่างั้นน่ะ”

 

ดูเหมือนผมจะทำให้เธอเป็นห่วงซะแล้วสิ

 

ในตอนนั้น จริงๆผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ผมเอาแต่นึกถึงอาซานางิจนไม่สนใจเรื่องอื่นๆ

 

“ขอโทษ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอลำบาก…”

 

“ไม่เป็นไรน่า ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเวลาที่มีปัญหา..นั่นคือ「เพื่อน」ไม่ใช่เหรอ?”

 

“เพื่อน…”

 

“อืม~”

 

เมื่อพูดจบ อาซานางิก็เอื้อมมาที่หัวของผมและเริ่มลูบมันเบาๆ

 

“…ทำอะไรน่ะ?”

 

“อืม…ไม่มีอะไรซะหน่อย~ แค่หัวของนายมันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะจะลูบพอดีน่ะ”

 

“…งั้นเหรอ”

 

“อืม…งั้นแหละ”

 

ผมรู้สึกเหมือนได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเด็ก แต่ผมเหนื่อยเกินไป และอีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่จะถูกอาซานางิสัมผัส ดังนั้นผมจึงปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ

 

รถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ บรรยากาศที่เย็นสบาย และฝ่ามืออันอบอุ่นของอาซานางิ…

 

ผมรู้สึกว่าเปลือกตาค่อยๆหนักขึ้นทีละน้อย

 

“…ถ้าง่วงก็นอนซะ เดี่ยวฉันจะปลุกนายเองตอนใกล้ถึง”

 

“…งั้น รบกวนด้วยนะ”

 

ผมไม่สามารถต้านทานความรู้สึกง่วงนอนได้ ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมกับสัมผัสอันอ่อนโยนของอาซานางิ

 

…ขอบคุณนะ…มากิ

 

ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูในขณะที่สติของผมค่อยๆหายไป  

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. เวลานางเอกก่อเรื่อง ปกติพระเอกก็ต้องคอยมาเครียให้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกซะหน่อย

 

ปล2. ตอนเย็นๆ – ดึกหน่อย น่าจะได้อีก 1-2 ตอนครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+