I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน

 

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันและเป็นเวลารับประทานอาหารกลางวัน เพื่อนร่วมชั้นที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 7:30 น. ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

บางคนไปโรงอาหารกับเพื่อน ในขณะอีกหลายๆคนรวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อกินข้าวกลางวันด้วยกัน ไม่รู้ทำไม…แต่ผมรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย

 

“เอ๊ะ มาเอะฮาระคุง วันนี้ไม่ได้เอาข้าวกล่องมาเหรอ?”

 

“อืม วันนี้แม่ให้มาแค่นี้”

 

ผมหยิบเอาเหรียญ 500 เยนที่กำลังส่องประกายให้โอยามะคุงดู

 

โดยปกติแม่ของผมจะตื่นแต่เช้าและทำข้าวกล่องไว้ให้ แต่ถ้าวันไหนเธอมีงานเยอะหรือเหนื่อยเกินไป แม่ของผมก็จะวางสิ่งนี้ไว้แทนกล่องข้าว

 

“เฮ้ โอยามะ ไปกินข้าวกันเถอะ”

 

“เอ่อ…งั้นฉันไปก่อนนะ เพื่อนมาตามแล้ว”

 

“อืม…ตามสบาย”

 

ดูเหมือนโอยามะคุงจะไม่ชวนผมนะ ถึงแม้จะคาดไว้อยู่แล้วก็เถอะ…หลังจากโอยามะคุงเดินออกจากห้องเรียนไป ผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเช่นกัน

 

“อุมิ~ กินข้าวกันเถอะ~”

 

“อ๊ะ ฉันไปด้วยสิ~”

 

อามามิซังและนิตตะซังรวมตัวกันที่โต๊ะของอาซานางิซัง ในช่วงเวลากลางวัน ทั้งสามคนมักจะรวมตัวกันแบบนี้อยู่เสมอ

 

“อ๊ะ โทษทีนะ พอดีฉันต้องออกไปซื้อของก่อนน่ะ พวกเธอกินกันก่อนเลยได้ไหม?”

 

หายากที่อาซานางิซังจะแยกตัวออกจากกลุ่มของเธอแบบนี้

 

“เอ๊ะ แต่ว่า…อุมิก็เอาข้าวกล่องมาไม่ใช่เหรอ? จะไปซื้อของอย่างอื่นเพิ่มอีกงั้นเหรอ?”

 

“ฉันคงไม่ซื้อขนมปังมาเพิ่มหรอก…คิดว่าจะไปซื้อน้ำหน่อยน่ะ”

 

“งั้นฉันปะ—”

 

“อ๊ะ ขอโทษน้ายู วันนี้ขอไปคนเดียวได้ไหม?”

 

นี่เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติอีกอย่างหนึ่ง โดยปกติอาซานางิซังมักจะพาอามามิซังไปด้วยทุกที่

 

และแน่นอนว่าเราไม่มีแผนที่จะไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน

 

“…ก็ได้ แต่รีบกลับมาไวๆล่ะ ไม่งั้นฉันจะไปกินข้าวกลางวันของอุมิให้หมดเลย!”

 

“ยูความแค้นเรื่องของกินเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะรู้ไหม แต่ว่า…ถ้าชิมนิดหน่อยฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ งั้น ฉันไปก่อนนะ”

 

หลังจากโบกมือให้ทุกคน อาซานางิซังก็รีบเดินเตรียมจะออกจากห้องเรียน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับผมพอดี

 

“…อืม…”

 

“ขอบใจ”

 

อาซานางิซังมองมาที่ผมเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินแซงผมแล้วออกจากห้องเรียนไป

 

ตั้งแต่ก่อนออกจากห้องเรียน หรือแม้กระทั้งตอนเดินแซงผมไปแล้ว ผมสังเกตว่าอาซานางิซังนั้นเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดนิดหน่อย ผมค่อนข้างเป็นกังวล แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่งมากเกินไป

 

แม้ว่าเมื่อครู่เราจะสบตากันไม่นาน แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดแปลกๆ

 

(…ผมก็ควรไปเหมือนกัน)

 

ผมตัดสินใจรีบเดินไปซื้ออาหารกลางวันโดยวางเรื่องของอาซานางิซังไว้ก่อน

 

การซื้อของจากโรงอาหารของโรงเรียนจำเป็นต้องใช้ตั๋วอาหาร ซึ่งตอนนี้มีนักเรียนต่อแถวรอแลกตั๋วจำนวนมาก รวมถึงแถวรอซื้อขนมปังด้วย

 

เป็นไปตามคาดเพราะผมมาถึงโรงอาหารช้าเกินไป ขนมปังยอดนิยมก็ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ขนมปังธรรมดากับขนมปังไส้หวาน และแม้ว่าผมจะอยากนั่งกินที่โรงอาหาร แต่ที่นั่งเกือบทั้งหมดถูกจองเต็มหมดแล้ว

 

ผมไม่มีทางเลือกมากนัก สุดท้ายก็เลยซื้อขนมปังไส้หวานกับนมมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบพวกมันเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเดินออกมาข้างนอก

 

“ตอนนี้…ก็หาที่นั่งกินเงียบๆสำหรับวันนี้ก่อนแล้วกัน”

 

ในตอนกลางวัน ผมมักจะมองหาสถานที่กินข้าวที่ไม่เป็นที่นิยมเสมอ ไม่ว่าผมจะนำข้าวกล่องมาเองหรือซื้อของจากโรงอาหาร

 

แน่นอนว่าคุณสามารถกลับไปนั่งกินที่ห้องเรียนได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อคุณกินข้าวคนเดียวคุณมักจะรู้สึกว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาเยาะเย้ยมาจากที่ไหนสักแห่งเสมอ

 

ถ้านี่เป็นร้านข้าวหน้าเนื้อหรือร้านราเม็ง จะไม่มีใครสนใจคุณแม้ว่าคุณจะกินคนเดียว แต่ถ้าเป็นที่ห้องเรียน ทำไมการกินข้าวคนเดียวถึงกลายเป็นสิ่งที่ผิดกัน?

 

คุณอาจจะบอกว่าผมคิดมากไปเอง แต่การที่ผมคิดมากเรื่องพวกนี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงเป็นคนขี้เหงา

 

“ที่สวน…วันนี้คนเยอะ…งั้นก็ไปที่นั่นก็แล้วกัน”

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะมีที่สำรองไว้อยู่เสมอ เช่น ม้านั่งในสวน…เด่นชะมัด ที่ร่มๆใต้ต้นไม้ข้างทาง บันใดตรงประตูดาดฟ้าอาคารเรียน ที่จอดรถสำหรับอาจารย์ หรือที่จอดรถจักรยานต์ เป็นต้น

 

วันนี้อากาศดีและผมรู้สึกอยากจะอยู่ข้างนอก ผมเลยเลือกไปที่จอดรถจักรยาน มันมีจุดร่มๆอยู่หลายจุด ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมจะสามารถใช้เวลานั่งกินที่นั่นได้โดยไม่มีใครมากวน

 

“…โปรด……ผม…!”

 

ผมได้ยินเสียงของนักเรียนชายที่ผมไม่รู้จักมาจากระยะไกล

 

ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่น่าจะเป็นการสารภาพรักแหละนะ อืม…ถ้าคุณอยู่ในสถานที่แบบนี้ คุณอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เดือนละครั้งหรือสองครั้งได้

 

“…พวกหนุ่มสาว”

 

ผมไม่สนหรอกว่าหมอนั้นจะสารภาพรักสำเร็จหรือไม่ แต่การเข้าไปใกล้พวกเขามากเกินไปก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดี ในขณะที่กำลังแอบฟัง ผมก็มุดเข้าไปหลบใต้เงาของรถจักรยาน พร้อมแกะห่อขนมปังไส้หวานของผม

 

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ ฉันยังไม่สนใจจะคบกับใครในตอนนี้ค่ะ”

 

เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของเด็กสาวที่ผมมักจะได้ยินบ่อยๆเมื่อไม่นานมานี้

 

ผมมีความรู้สึกว่าคนที่กำลังถูกสารภาพรักก็คือ…อาซานางิซัง

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ถ้ายังไหว วันนี้อาจมีอีกตอน (แต่ไม่ต้องรอก็ได้ครับ)

แล้วก็ขอฝากเพจ Durimtok Channel | Facebook ไว้ด้วยครับผม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 7 – สารภาพรักยามเที่ยงวัน

 

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันและเป็นเวลารับประทานอาหารกลางวัน เพื่อนร่วมชั้นที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 7:30 น. ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

บางคนไปโรงอาหารกับเพื่อน ในขณะอีกหลายๆคนรวมตัวกันที่โต๊ะเพื่อกินข้าวกลางวันด้วยกัน ไม่รู้ทำไม…แต่ผมรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย

 

“เอ๊ะ มาเอะฮาระคุง วันนี้ไม่ได้เอาข้าวกล่องมาเหรอ?”

 

“อืม วันนี้แม่ให้มาแค่นี้”

 

ผมหยิบเอาเหรียญ 500 เยนที่กำลังส่องประกายให้โอยามะคุงดู

 

โดยปกติแม่ของผมจะตื่นแต่เช้าและทำข้าวกล่องไว้ให้ แต่ถ้าวันไหนเธอมีงานเยอะหรือเหนื่อยเกินไป แม่ของผมก็จะวางสิ่งนี้ไว้แทนกล่องข้าว

 

“เฮ้ โอยามะ ไปกินข้าวกันเถอะ”

 

“เอ่อ…งั้นฉันไปก่อนนะ เพื่อนมาตามแล้ว”

 

“อืม…ตามสบาย”

 

ดูเหมือนโอยามะคุงจะไม่ชวนผมนะ ถึงแม้จะคาดไว้อยู่แล้วก็เถอะ…หลังจากโอยามะคุงเดินออกจากห้องเรียนไป ผมก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเช่นกัน

 

“อุมิ~ กินข้าวกันเถอะ~”

 

“อ๊ะ ฉันไปด้วยสิ~”

 

อามามิซังและนิตตะซังรวมตัวกันที่โต๊ะของอาซานางิซัง ในช่วงเวลากลางวัน ทั้งสามคนมักจะรวมตัวกันแบบนี้อยู่เสมอ

 

“อ๊ะ โทษทีนะ พอดีฉันต้องออกไปซื้อของก่อนน่ะ พวกเธอกินกันก่อนเลยได้ไหม?”

 

หายากที่อาซานางิซังจะแยกตัวออกจากกลุ่มของเธอแบบนี้

 

“เอ๊ะ แต่ว่า…อุมิก็เอาข้าวกล่องมาไม่ใช่เหรอ? จะไปซื้อของอย่างอื่นเพิ่มอีกงั้นเหรอ?”

 

“ฉันคงไม่ซื้อขนมปังมาเพิ่มหรอก…คิดว่าจะไปซื้อน้ำหน่อยน่ะ”

 

“งั้นฉันปะ—”

 

“อ๊ะ ขอโทษน้ายู วันนี้ขอไปคนเดียวได้ไหม?”

 

นี่เป็นเหตุการณ์ไม่ปกติอีกอย่างหนึ่ง โดยปกติอาซานางิซังมักจะพาอามามิซังไปด้วยทุกที่

 

และแน่นอนว่าเราไม่มีแผนที่จะไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน

 

“…ก็ได้ แต่รีบกลับมาไวๆล่ะ ไม่งั้นฉันจะไปกินข้าวกลางวันของอุมิให้หมดเลย!”

 

“ยูความแค้นเรื่องของกินเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะรู้ไหม แต่ว่า…ถ้าชิมนิดหน่อยฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ งั้น ฉันไปก่อนนะ”

 

หลังจากโบกมือให้ทุกคน อาซานางิซังก็รีบเดินเตรียมจะออกจากห้องเรียน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับผมพอดี

 

“…อืม…”

 

“ขอบใจ”

 

อาซานางิซังมองมาที่ผมเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินแซงผมแล้วออกจากห้องเรียนไป

 

ตั้งแต่ก่อนออกจากห้องเรียน หรือแม้กระทั้งตอนเดินแซงผมไปแล้ว ผมสังเกตว่าอาซานางิซังนั้นเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดนิดหน่อย ผมค่อนข้างเป็นกังวล แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่งมากเกินไป

 

แม้ว่าเมื่อครู่เราจะสบตากันไม่นาน แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดแปลกๆ

 

(…ผมก็ควรไปเหมือนกัน)

 

ผมตัดสินใจรีบเดินไปซื้ออาหารกลางวันโดยวางเรื่องของอาซานางิซังไว้ก่อน

 

การซื้อของจากโรงอาหารของโรงเรียนจำเป็นต้องใช้ตั๋วอาหาร ซึ่งตอนนี้มีนักเรียนต่อแถวรอแลกตั๋วจำนวนมาก รวมถึงแถวรอซื้อขนมปังด้วย

 

เป็นไปตามคาดเพราะผมมาถึงโรงอาหารช้าเกินไป ขนมปังยอดนิยมก็ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ขนมปังธรรมดากับขนมปังไส้หวาน และแม้ว่าผมจะอยากนั่งกินที่โรงอาหาร แต่ที่นั่งเกือบทั้งหมดถูกจองเต็มหมดแล้ว

 

ผมไม่มีทางเลือกมากนัก สุดท้ายก็เลยซื้อขนมปังไส้หวานกับนมมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบพวกมันเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเดินออกมาข้างนอก

 

“ตอนนี้…ก็หาที่นั่งกินเงียบๆสำหรับวันนี้ก่อนแล้วกัน”

 

ในตอนกลางวัน ผมมักจะมองหาสถานที่กินข้าวที่ไม่เป็นที่นิยมเสมอ ไม่ว่าผมจะนำข้าวกล่องมาเองหรือซื้อของจากโรงอาหาร

 

แน่นอนว่าคุณสามารถกลับไปนั่งกินที่ห้องเรียนได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อคุณกินข้าวคนเดียวคุณมักจะรู้สึกว่าถูกจ้องมองด้วยสายตาเยาะเย้ยมาจากที่ไหนสักแห่งเสมอ

 

ถ้านี่เป็นร้านข้าวหน้าเนื้อหรือร้านราเม็ง จะไม่มีใครสนใจคุณแม้ว่าคุณจะกินคนเดียว แต่ถ้าเป็นที่ห้องเรียน ทำไมการกินข้าวคนเดียวถึงกลายเป็นสิ่งที่ผิดกัน?

 

คุณอาจจะบอกว่าผมคิดมากไปเอง แต่การที่ผมคิดมากเรื่องพวกนี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงเป็นคนขี้เหงา

 

“ที่สวน…วันนี้คนเยอะ…งั้นก็ไปที่นั่นก็แล้วกัน”

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะมีที่สำรองไว้อยู่เสมอ เช่น ม้านั่งในสวน…เด่นชะมัด ที่ร่มๆใต้ต้นไม้ข้างทาง บันใดตรงประตูดาดฟ้าอาคารเรียน ที่จอดรถสำหรับอาจารย์ หรือที่จอดรถจักรยานต์ เป็นต้น

 

วันนี้อากาศดีและผมรู้สึกอยากจะอยู่ข้างนอก ผมเลยเลือกไปที่จอดรถจักรยาน มันมีจุดร่มๆอยู่หลายจุด ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมจะสามารถใช้เวลานั่งกินที่นั่นได้โดยไม่มีใครมากวน

 

“…โปรด……ผม…!”

 

ผมได้ยินเสียงของนักเรียนชายที่ผมไม่รู้จักมาจากระยะไกล

 

ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่น่าจะเป็นการสารภาพรักแหละนะ อืม…ถ้าคุณอยู่ในสถานที่แบบนี้ คุณอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เดือนละครั้งหรือสองครั้งได้

 

“…พวกหนุ่มสาว”

 

ผมไม่สนหรอกว่าหมอนั้นจะสารภาพรักสำเร็จหรือไม่ แต่การเข้าไปใกล้พวกเขามากเกินไปก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดี ในขณะที่กำลังแอบฟัง ผมก็มุดเข้าไปหลบใต้เงาของรถจักรยาน พร้อมแกะห่อขนมปังไส้หวานของผม

 

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ ฉันยังไม่สนใจจะคบกับใครในตอนนี้ค่ะ”

 

เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของเด็กสาวที่ผมมักจะได้ยินบ่อยๆเมื่อไม่นานมานี้

 

ผมมีความรู้สึกว่าคนที่กำลังถูกสารภาพรักก็คือ…อาซานางิซัง

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ถ้ายังไหว วันนี้อาจมีอีกตอน (แต่ไม่ต้องรอก็ได้ครับ)

แล้วก็ขอฝากเพจ Durimtok Channel | Facebook ไว้ด้วยครับผม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+